‘หลินอวี้เสวียน’ นางแบบสาวชื่อดังวัย 28 ผู้เย่อหยิ่ง ปากร้าย และไม่เคยสนใจใคร นอกจากตัวเองและแฟชั่นบนรันเวย์ วันหนึ่งหลังประสบอุบัติเหตุ เธอกลับลืมตาตื่นขึ้น...ในร่างของ “คุณหนูหลิน” แห่งเมืองชายแดน ผู้มีชื่อเสียงในด้านความงาม...และความร้ายกาจ!
ในโลกโบราณนี้ คุณหนูหลินเพิ่งแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนชื่อว่า ‘เซียวเฉิน’ โดยเป็นการแต่งตามคำสั่งของบิดา เซียวเฉินเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี สุขุม ขยันขันแข็ง แต่เย็นชาเพราะเคยโดนภรรยาปัจจุบันดูถูก ทุบตี และประจานต่อหน้าชาวบ้านจนกลายเป็นเรื่องเล่าในตลาดไปทั่ว
เสียงร้องไห้ เสียงกรีดร้องของหญิงสาวในชุดสีแดงเพลิง...น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของตนเองที่พูดกับชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาแต่สวมเสื้อผ้าหยาบ หน้าตาเย็นชาเฉยเมย นางตะคอกเขา...ผลักเขา...ปาข้าวของใส่เขา
"เจ้าเป็นแค่ชาวบ้าน! ข้าแต่งกับเจ้าเพราะบิดาข้าบังคับ เจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับข้า!"
เสียงของหญิงสาวในอดีตสะท้อนชัดในหัวอวี้เสวียน พร้อมกับภาพของชาวบ้านที่มองนางด้วยสายตารังเกียจ พึมพำด่าทอว่าคุณหนูหลินผู้งดงามนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าปีศาจ
“ไม่...ไม่นะ...”
อวี้เสวียนทรุดตัวลงกับพื้น หอบหายใจหนัก เหงื่อซึมตามไรผมและแผ่นหลัง ราวกับเพิ่งวิ่งหนีฝันร้าย
เธอ...ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวอีกคน? แล้วหญิงสาวผู้นี้...เป็นคนที่ทุกคนเกลียด?
‘คุณหนูหลิน’ สตรีที่ได้ชื่อว่างามหยดย้อยแห่งเมืองชายแดน แต่เลื่องลือด้วยความร้ายกาจ เย่อหยิ่ง พูดจาปากกล้า และชอบใช้กำลังกับสามีที่ตนไม่รัก
“โอ้พระเจ้า...ฉันมาอยู่ในร่างของนางจริง ๆ ด้วยเหรอเนี่ย?”
‘ถ้าฉันต้องอยู่ในร่างนี้ต่อไป...อย่างน้อย ฉันก็ต้องทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่แค่ของฉัน...แต่รวมถึงเขาด้วย’
จากหญิงสาวบนรันเวย์ที่มีคนคอยเอาอกเอาใจ สู่นางร้ายในบ้านหลังเก่า...เส้นทางชีวิตของหลินอวี้เสวียนได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางกลิ่นดินกลิ่นฝนในหมู่บ้านห่างไกล
เมื่ออวี้เสวียนตื่นขึ้นมาในร่างนี้ เธอพบกับสามีผู้เกลียดชังนางสุดหัวใจ หนี้สินล้นตัว และสายตารังเกียจของชาวบ้านที่ไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะ “เปลี่ยนได้”
(ถ้าชอบนิยายเรื่องนี้ ก็อย่าลืมกดหัวใจให้ด้วยนะคะ)
💓💓
หลินอวี้เสวียน
อวี้เสวียน
เซียวเฉิน
สองแฝด
จื่อหาน-เหมยลี่
ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้นจากรันเวย์สู่ร่างใหม่
เสียงดนตรีจังหวะเร่งเร้า บรรยากาศในฮอลล์หรูใจกลางเมืองเต็มไปด้วยเสียงแฟลชจากกล้องที่สาดส่องไม่ขาดสาย พรมแดงทอดยาวกลางรันเวย์ เฉดไฟหลากสีจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งกำลังก้าวย่างอย่างมั่นใจ
เรือนร่างสมส่วน ผิวขาวเนียนไร้ที่ติ ใบหน้างามเย้ายวนราวกับรูปสลัก เส้นผมดำขลับถูกรวบขึ้นอย่างมีสไตล์ เผยให้เห็นลำคอระหงและบ่าเปลือยอวดความสง่างามในชุดฟินาเล่จากแบรนด์ชั้นนำ
เธอคือ หลินอวี้เสวียน วัย 28 ปี นางแบบตัวแม่ของวงการแฟชั่น ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นใจ กล้าได้กล้าเสีย และความปากตรงใจกล้าที่ทำให้หลายคนรัก...แต่หลายคนก็กลัว
“พี่เสวียน! มองมาทางนี้หน่อยค่ะ!” เสียงตากล้องสาวเรียกจากข้างเวที
เธอปรายตามองเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อยกขึ้นยิ้มเหยียด กล้องทุกตัวแทบจะระเบิดจากความเย้ายวนในแววตานั้น
แสงไฟหลากสีสะท้อนประกายชุดผ้าซาตินระยิบระยับ เธอก้าวหมุนตัวอย่างแผ่วเบาแต่ทรงพลัง ท่วงท่าราวกับกำลังล่องลอย เฉิดฉายดั่งราชินีบนบัลลังก์
แต่แล้ว...
พรึบ!
ราวกับมีเงาดำตวัดผ่านความรู้สึก แสงในตาเริ่มพร่ามัว หัวใจเต้นถี่ ร่างกายเบาหวิวอย่างประหลาด
“อะ...อะไร...?” เธอพึมพำ เสียงในคอแหบพร่า ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับวูบลง ร่างของเธอทรุดฮวบลงจากเวที ผู้คนแตกตื่น เสียงกรีดร้องดังระงม
และในวินาทีนั้น...
ทุกอย่างก็ดับวูบลงอย่างสิ้นเชิง
เปาะ...เปาะ...เปาะ...
เสียงน้ำฝนหยดกระทบพื้นดินดังก้องสะท้อนในความเงียบ ดวงตากลมโตขยับเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงสลัวลอดผ่านหน้าต่างไม้แตกร้าวที่มีฝุ่นจับหนาแน่น แสงนั้นส่องเพดานไม้เก่าผุพัง เผยให้เห็นหยากไย่ที่ห้อยระย้าอย่างน่าเวทนา
กลิ่นอับของไม้เก่าและไอดินชื้นหลังฝนตกตีเข้าจมูก เธอขมวดคิ้วทันที
"แค่ก...แค่ก..." อวี้เสวียนไอแห้ง ๆ พลางยันกายลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ความปวดเมื่อยแล่นแทรกเข้าสู่ทุกข้อต่อราวกับผ่านการใช้งานหนักมาเป็นปี
“ที่นี่...มันคืออะไรกัน?”
ดวงตาค่อย ๆ ปรับรับแสง พลางกวาดตามองไปรอบตัว ภายในห้องเล็กทรุดโทรม ผนังไม้เก่า ๆ มีรอยปลวกขึ้นกระจาย บานหน้าต่างซ่อมแซมอย่างลวก ๆ ด้วยไม้ไม่เข้ารูป ฟูกที่เธอนอนอยู่ก็บางเฉียบจนแทบสัมผัสพื้น
มือเรียวลูบแก้มตนเอง ลำคอ หน้าอก ทุกส่วนราวกับจะยืนยันกับตัวเองว่า
“ฉันยังอยู่...ฉันยังมีชีวิตอยู่”
แต่เมื่อสายตาหันลงมองมือตัวเอง ใจเธอแทบหยุดเต้น
มือเรียวยาวนั้น...มีรอยถลอกเล็ก ๆ เต็มไปหมด ผิวหยาบคล้ำ ต่างจากมือของนางแบบที่บำรุงอย่างดีราวกับทองคำ
เธอขยับลุกขึ้น เดินไปที่โต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างฝา เห็นตะเกียงน้ำมันตั้งอยู่เงียบ ๆ หยิบขวดดินเผาขึ้นมาเติมน้ำมันแล้วจุดไฟแผ่วเบา
แสงสีนวลค่อย ๆ ลามไล้ สาดส่องไปยังบานกระจกเงาเก่าอันหนึ่ง...
และเมื่อภาพในกระจกสะท้อนกลับมา อวี้เสวียนก็แทบทรุดเข่าทันที
หญิงสาวในกระจก...ไม่ใช่เธอ
“อะ...อึก...ไม่จริง...นี่มันใคร?”
เสียงสั่นพร่าหลุดออกจากปาก ดวงตากลมเบิกโพลง
ใบหน้างามดูหมองคล้ำ แต่ยังคงเค้าโครงความงามที่ดูเรือนราง ผิวขาวอมคล้ำจากแดดและลม ผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้าหยาบ ๆ ห่างไกลจากชีวิตหรูหราในเมืองใหญ่
“ไม่ใช่ฉัน...นี่มัน...ร่างใคร?”
อวี้เสวียนยกมือแตะแก้ม แตะจมูก สัมผัสเรียวคิ้วกระดกนั้นซ้ำไปมา ทันใดนั้น...
ปึ่ก!
ภาพความทรงจำประหลาดพุ่งเข้ามาในหัว ราวกับเขื่อนแตก ทุกภาพและเสียงหลั่งไหลไม่หยุด
เสียงกรีดร้อง...เสียงสาปแช่ง...ภาพของหญิงสาวในชุดแดงตะโกนใส่ชายหนุ่มที่แต่งตัวอย่างชาวบ้านธรรมดา หล่อเหลา เย็นชา
> “เจ้าเป็นแค่ชาวบ้าน! ข้าแต่งกับเจ้าเพราะบิดาข้าบังคับ! เจ้าไม่มีสิทธิ์สั่งข้า!”
เธอผลักเขา...ปาข้าวของใส่เขา...จนเขาหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงัน
เสียงชาวบ้านด่าทอ ดังก้องซ้อนในหัว
“นางปีศาจ! ไร้เมตตา!”
“ไม่นะ...ฉันไม่ใช่นาง! ฉันไม่ใช่!” เธอกรีดร้องลั่น น้ำตาไหลอาบแก้ม
เธอ...ทะลุมิติ มาอยู่ในร่างของ “คุณหนูหลิน” หญิงสาวที่งามหยาดเยิ้มแต่ร้ายลึกจนชาวบ้านหวาดกลัว
“เมื่อกี้...ฉันยังอยู่บนรันเวย์อยู่เลย...แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้?”
เธอทรุดลงกับพื้น มือกุมขมับ หายใจแรงราวกับจะขาดใจ
แล้วจู่ ๆ ...ภาพใบหน้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว
ชายผู้มีนามว่า ‘เซียวเฉิน’ชายผู้เป็น “สามีตามกฎหมาย” ของร่างนี้
เขาคือผู้ชายที่ยอมทนถูกด่าว่าหยามเหยียด ยอมตากฝนไปหาข้าวหาน้ำ ยอมทำงานทุกอย่างเพื่อเธอ แต่กลับได้เพียงคำพูดเจ็บแสบจากหญิงสาวผู้แสนเย่อหยิ่ง
เธอ...เกลียดตัวเองแทบขาดใจ
“ถ้าฉันต้องอยู่ในร่างนี้ต่อไป...ฉันจะไม่ยอมเป็นนางปีศาจคนนั้นอีก”
เธอสูดหายใจลึก กวาดตามองไปรอบบ้านอีกครั้ง พื้นผุ พัดลมไม่มี หน้าต่างเก่า เสื้อผ้าเก่า ไม่มีอะไรหรูหราแม้แต่น้อย แต่ในใจของหลินอวี้เสวียน...กลับเริ่มมีประกายหนึ่งเกิดขึ้น
> “ฉันจะเริ่มต้นใหม่...ฉันจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่า แม้มันจะไม่ใช่ชีวิตของฉันก็ตาม
> จากนี้ไป “คุณหนูหลิน” จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...
ในเย็นวันนั้นอวี้เสวียนหลับไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล่า รอยบอบช้ำตามร่างกาย ได้มาจากการที่เจ้าของร่างเดิม ไปหาเรื่องกับชาวบ้านมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
ตอนที่ 2 – คำพูดเย็นชาราวคมมีด
เสียงไก่ขันยามเช้าแว่วมาแผ่วเบาจากทิศไกล แทรกผ่านเสียงสายลมและกลิ่นอับของห้องไม้เก่า หลินอวี้เสวียนลืมตาขึ้นช้าๆ แสงอาทิตย์บางเบาทะลุผ่านรอยร้าวของบานหน้าต่าง ทำให้ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศดูราวหมอกจาง ๆ
เธอหอบหายใจเบา ๆ ขณะที่หัวใจยังเต้นแรงจากฝันร้ายที่คล้ายภาพจำของอีกคน ความเจ็บปวดที่ไม่ใช่ของเธอ กลับฝังแน่นราวกับถูกสลักไว้ด้วยเหล็กร้อน ความรู้สึกหนักอึ้งในอกยังคงตามหลอกหลอนแม้เธอจะลืมตาตื่นแล้วก็ตาม
เธอขยับกายลุกขึ้นจากเสื่อผืนบางที่ปูบนพื้นไม้แข็ง ท่วงท่าของเธอเชื่องช้า เต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างกายนี้ไม่ใช่ร่างกายที่เธอคุ้นเคย มันแปลกแยกและเปราะบางอย่างประหลาด
"ไม่ใช่ความฝัน..."
เธอกระซิบกับตัวเอง ริมฝีปากซีดจางขยับเบา ๆ ขณะไล้ปลายนิ้วตามกรอบหน้าอย่างระมัดระวัง
และในเสี้ยวนาทีนั้นเอง
ปึง!
เสียงฝีเท้าหนักแน่นเหยียบย่ำเข้ามาทางหน้าห้อง ก่อนที่ประตูไม้จะถูกผลักเปิดออกอย่างแรงโดยไม่มีแม้แต่เสียงเคาะเตือน
แสงแดดสาดเข้ามาจากด้านหลังร่างสูงของชายหนุ่มที่ยืนเด่นอยู่กลางกรอบประตู ราวกับพระอาทิตย์ที่อยู่เบื้องหลังเขาถูกกลืนหายไป
“ตื่นแล้วรึ” เสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้นเป็นคำแรก
อวี้เสวียนเงยหน้ามองไปยังต้นเสียง ดวงตากลมสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหยุดลงที่ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอจำได้ขึ้นใจจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม
เซียวเฉิน ชายหนุ่มร่างสูงสง่า แววตาแข็งกร้าวและไร้แววอบอุ่น ทั้งที่ใบหน้าหล่อคมราวแกะสลัก หากแต่แววตานั้นกลับเย็นเยียบราวน้ำแข็งในฤดูหนาว
เขายืนอยู่ตรงนั้น ร่างแน่นด้วยกล้ามเนื้อจากการใช้แรงงานสม่ำเสมอ เสื้อผ้าผ้าฝ้ายธรรมดา แต่ความแข็งแรงและสง่าของเขากลับเด่นชัดจนมองข้ามไม่ได้
“ทำไมเจ้ายังไม่ตายอีก?”
คำพูดที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย ราวกับถูกตบหน้าด้วยฝ่ามือไร้ความเมตตา
อวี้เสวียนชะงักราวถูกตบจริง ๆ ดวงตาเบิกกว้าง แผ่นอกขยับขึ้นลงถี่เร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ถ้าเจ้าจะล้มลงแล้วตายไปเสีย ข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันเสียที”
น้ำเสียงของเขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความห่วงใย เหมือนเขาไม่ได้พูดกับ ‘ภรรยา’ แต่เป็นเพียงศัตรูคนหนึ่งที่เขาไม่อาจทนมองหน้าต่อไปได้
ดวงตาของเธอที่เคยแวววาว สั่นไหวอย่างชัดเจน เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น เพื่อไม่ให้คำพูดใดหลุดรอดออกมา...เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะแม้เธอจะไม่ใช่หลินอวี้เสวียนคนเก่า แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความผิดที่ร่างนี้ได้ก่อไว้
“...ข้า...” เธอขยับปาก พยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับกลืนคำพูดลงคอในวินาทีสุดท้าย
เธอหลุบตาลงอย่างเงียบงัน มือกำชายเสื้อจนแน่นเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ
เซียวเฉินเลิกคิ้วมองอย่างประหลาดใจ ท่าทีเงียบสงบนี้...ไม่ใช่นิสัยของสตรีที่เขารู้จัก
“หืม? เจ้าจะไม่กรีดร้อง ไม่ด่าทอ หรือไม่ปาข้าวของใส่ข้าเหมือนเคยแล้วหรือ?”
น้ำเสียงของเขายังเย็นชาดังเดิม แต่แฝงไว้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตากลมนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดที่ล้นทะลักออกมาโดยไม่ต้องใช้คำพูดใด
เขาชะงักไปชั่ววินาที ก่อนจะหรี่ตาลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่แฝงด้วยความดูแคลน
“อย่าคิดว่าท่าทางอ่อนแอนั่นจะหลอกข้าได้ ข้าเคยเห็นเจ้าทำตัวเรียบร้อยแค่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมาแล้ว อย่าคิดว่าเจ้าจะใช้มันกับข้าอีก”
เสียงนั้นราบเรียบ ทว่าเหมือนมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงเข้าที่หัวใจ
“วันนี้ข้าจะออกไปตัดฟืนบนเขา ข้าจะไม่อยู่ทั้งวัน หากเจ้าคิดจะก่อเรื่อง...อย่าหวังว่าข้าจะกลับมาช่วยเจ้าอีก”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
ปัง!
เสียงประตูปิดกระแทกอย่างแรงก้องในหูเธอ ราวกับเสียงย้ำเตือนว่าในสายตาของเขา...เธอไม่เหลือแม้แต่คุณค่าของมนุษย์
อวี้เสวียนนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ราวกับร่างกายหมดเรี่ยวแรง ดวงตาเหม่อลอยมองผ่านหน้าต่างเล็กที่แสงอาทิตย์ลอดผ่าน
เธอไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาไม่ไหลแม้แต่น้อย แต่ภายในใจกลับปวดหนึบ
> “การเริ่มต้นชีวิตใหม่…คงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด”
เธอพึมพำในใจ สูดลมหายใจลึกเพื่อข่มอารมณ์ก่อนจะขยับตัวอีกครั้ง
ในเมื่อฟ้าส่งเธอมาอยู่ในร่างนี้ เธอก็ต้องทำให้ดีที่สุด...ต่อให้ไม่มีใครเชื่อใจ ต่อให้ต้องถูกเกลียดทั้งหมู่บ้าน...เธอก็จะไม่ยอมแพ้
ภายในเวลาไม่นาน ห้องไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่นเกาะก็เริ่มสะอาดขึ้นจากความพยายามทีละน้อยของเธอ
มือเรียวปัดฝุ่น กวาดพื้น จัดของอย่างเงียบงัน แม้แต่เสื้อผ้าที่เคยพับกองทิ้งไว้บนพื้นก็ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบ
เธอไม่ได้ทำเพียงเพราะอยากให้ห้องสะอาด...แต่เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา
แม้ต้องอยู่ในร่างของคนที่ใคร ๆ รังเกียจ เธอก็จะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นคนที่ไร้ค่า
บ่ายวันเดียวกัน
กลิ่นข้าวต้มธรรมดา ๆ ลอยคลุ้งไปทั่วห้องไม้ อวี้เสวียนนั่งซุกอยู่ข้างเตาไฟ มองหม้อที่ตั้งอยู่บนกองฟืนพลางกอดเข่าช้า ๆ
เธอซดข้าวร้อน ๆ คำเล็ก ๆ ลงคออย่างระวัง มันไม่อร่อยเลย แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้
> “ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองหิวอีก ถ้าไม่มีใครทำให้ฉันมีความสุข...ฉันจะทำมันด้วยตัวเอง”
เมื่อดวงตะวันคล้อยต่ำ เธอเดินไปริมรั้วหลังบ้าน สายลมเย็นพัดมาแตะใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
เธอมองออกไปยังแนวป่าไกล ๆ แล้วหลับตาลงเงียบ ๆ
> “ชีวิตใหม่นี้...ข้าจะไม่เป็นปีศาจอีก ข้าจะเป็นคนที่ดีกว่าที่เจ้าของร่างเคยเป็น”
ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายอ่อนโยน แม้โดดเดี่ยว แต่กลับไม่สั่นคลอน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!