NovelToon NovelToon

ผมถูกอัญเชิญมาต่างโลกกลับได้กลายเป็นลูกสาวของราชาปีศาจไปซะงั้น!?

อัญเชิญผู้กล้า

บทแห่งการสูญสิ้น — แผ่นดินต้องสาปของมนุษย์

นานนับแสนปีที่โลกแห่งนี้ตกอยู่ใต้เงาอำนาจของ ราชาปีศาจสิ่งมีชีวิตที่เกินกว่าคำว่า อสูร และห่างไกลจากคำว่า เทพเขาไม่ใช่แค่ศัตรูของมนุษย์... แต่คือปฏิปักษ์ของชีวิตทุกเผ่าพันธุ์

ทุกทวีป ทุกแผ่นดิน ถูกไฟสงครามแผดเผาทุกสายเลือดถูกทำให้ขาดสะบั้นโดยเล็บของปีศาจ

เสียงร่ำไห้ เสียงคำราม และเสียงภาวนา—ไม่มีสิ่งใดไปถึงทวยเทพอีกต่อไปแม้แต่ฟ้าก็หันหน้าหนีจากมนุษย์

 

“จงสู้ด้วยเอกราชของมวลมนุษย์ชัยชาติ”

 

เสียงนั้นดังขึ้นจากกองบัญชาการที่ย่อยยับ อัศวินจำนวนมากรวมตัวกันเป็นกองทัพสุดท้ายของมวลมนุษย์ดาบและโล่ของพวกเขาอาจจะบิ่น แต่จิตใจยังเปล่งแสงสุดท้าย

พวกเขาต่างรู้ดีว่า...นี่คือการเดิมพันครั้งสุดท้ายของเผ่าพันธุ์

และในที่สุด...พวกเขาก็ ล้มลง ทีละคน ทีละกลุ่ม ทีละเมือง

 

“น่าเบื่อซะจริง การที่ฆ่าพวกสวะมนุษย์”

 

ราชาปีศาจกล่าวเสียงแผ่ว แต่แฝงไว้ด้วยความดูแคลนลึกสุดใจเบื้องหลังเขา อุกกาบาตนับร้อยกำลังตกทะลวงฟากฟ้าลงมายังผืนดินเปลวเพลิงของดวงดาวระเบิดกลางอากาศ สะเก็ดไฟกระจายเป็นหมื่นล้านเสี้ยว

โลกทั้งใบสั่นสะเทือน

 

“นี่คือความน่ากลัวของข้า จงรับมันไว้ซะ...เจ้าพวกมนุษย์”

 

เสียงของเขาเหมือนคำสาปจากนรก ทำให้แม้แต่เทือกเขาสะดุ้งไหวพื้นดินระเบิดเป็นหลุมยักษ์ เปลวไฟลุกโหมจนแผ่นดินกลายเป็นทะเลเพลิง

อัศวินหลายคนโยนอาวุธลงกับพื้นไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี—มีแต่ความสิ้นหวัง

กลางสนามรบที่ถูกแผดเผา เสียงคำรามของดินฟ้าและเสียงกรีดร้องของผู้คนหลอมรวมเป็นเสียงเดียวกัน...เสียงของความพ่ายแพ้

 

แต่แล้ว ท่ามกลางซากศพที่ร้อนระอุในเงาแห่งเปลวเพลิงที่ยังไม่ดับร่างหนึ่งค่อย ๆ ยืนขึ้น

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง... และ ความแค้นครึ่งหนึ่งของเขา—ตายไปแล้วในสงครามครั้งนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือความเงียบงัน และความตั้งใจที่กลืนวิญญาณตนเอง

 

“ถ้าเทพไม่อยู่กับเรา... ก็จงเป็นปีศาจที่ต่อต้านปีศาจซะเอง”

 

เขาคือ คาร์เดน อัศวินดำผู้เคยสาบานต่อแสงแห่งพระเจ้าแต่วันนี้ เขาจะสาบานต่อเงาแห่งความตาย

เขาคุกเข่าลงหน้าก้อนหินเวทที่เปล่งแสงจากเศษอุกกาบาตสิ่งที่เทพห้าม สิ่งที่แม้แต่ปีศาจยังหลีกหนี

 

“มอบพลังแห่งความมืดให้ข้า...จิตวิญญาณข้าจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ขอเพียงข้าฆ่ามันได้—ข้ายอม!”

 

เสียงเวทของโลกใต้พิภพดังขึ้น เสียงร่ำไห้ของวิญญาณเริ่มกรีดร้องเนื้อหนังของคาร์เดนแตกออก กลายเป็นเกราะสีเทาดำ ดวงตาเรืองแสงแดงฉานร่างของเขากลายเป็นร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งอสูร — เครื่องสังเวยแห่งการล้างแค้น

เขาลุกขึ้นอีกครั้ง มือหนึ่งจับหอกเวทที่กลั่นจากแกนอุกกาบาตพลังเวทของเขาพลุ่งพล่านจนแม้แต่พื้นที่ตายก็สั่นสะท้าน

เบื้องหน้าเขา... ราชาปีศาจยืนอยู่—สูงส่ง เยือกเย็น ไม่มีแม้รอยถลอกจากการรบและแม้จะยืนท่ามกลางนรก ก็ยังเปื้อนรอยยิ้ม

 

“ข้านึกว่าจะได้สนุกหน่อย... แต่เจ้านี่มันก็แค่สวะที่เก่งขึ้นมานิดหน่อยเท่านั้น”

 

เสียงพูดผ่านหน้ากากโลหะที่ประทับแน่นบนใบหน้าดวงตาของเขาเปล่งแสงเย็นเฉียบ ราวกับแสงจันทร์ที่ฉีกผืนป่าให้แหลกเป็นเสี่ยง

เขาก้าวเพียงหนึ่งก้าว—พื้นแผ่นดินก็แยกออกจากกันเขากระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียว—เวทพันปีที่มนุษย์เคยใช้ทั้งเผ่าพันธุ์ในการจารึก ก็กลายเป็นผุยผง

 

“ทำไมยังไม่ตายอีกล่ะ? เจ้าน่าสมเพชเกินกว่าจะเรียกว่าศัตรูนะ”

 

แต่คาร์เดนยังคงคำรามด้วยแรงเฮือกสุดท้าย เขาพุ่งไปข้างหน้า หอกเวทในมือพุ่งเป็นแสงดาวตกหมายทะลวงร่างแห่งนรก

แต่ก่อนจะถึงตัว...

ราชาปีศาจพียง มอง กลับมา

 

“...ตาย”

 

คำพูดเพียงคำเดียว—ก็กลายเป็นบทลงโทษของจักรวาล

ร่างของคาร์เดนหยุดนิ่งและในเสี้ยววินาทีถัดมา—ร่างนั้น พองบวมแตกออกเป็นเศษเนื้อและโลหิตกลางอากาศ

หอกตกลงกระทบพื้นเหมือนเสียงสุดท้ายของผู้พ่ายแพ้สงครามจบลงโดยที่ไม่มีผู้ชนะ... มีเพียง เงาแห่งความพินาศ

 

และเมื่อกาลเวลาผ่านไป...สงครามยังคงดำเนินมนุษย์ยังคงต่อต้าน แม้ไร้หนทางจนกระทั่ง วันหนึ่ง...ไม่มีแม้กระทั่ง มนุษย์ ที่เหลือให้ต่อต้านอีกต่อไป

 

ตัดมาที่ต่างโลกที่ธรรมดาๆ

เสียงนาฬิกาปลุกแบบอิเล็กทรอนิกส์ดังลั่นไปทั่วห้องนอนขนาดกลาง เต็มไปด้วยโปสเตอร์อนิเมะ เกม และหนังสือเรียนที่กองอยู่รวมกันราวกับสนามรบแสงแดดยามเช้าส่องลอดผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท กระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับลึก... ลึกมาก จนแทบไม่รู้ว่าโลกหมุนไปแล้วกี่รอบ

 

ฮิโตริ (16) เด็กหนุ่มมัธยมปลาย ผู้เชี่ยวชาญในการกดเลื่อนนาฬิกาปลุกอย่างแม่นยำ เขายังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ทั้ง ๆ ที่นาฬิกาปลุกได้ดังเป็นรอบที่สามแล้ว

แต่แล้ว...

ติ๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ!!!

เสียงปลุกรอบสุดท้ายแหลมขึ้นกว่าเดิมจนไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป

“เฮือก—!!”

 

ฮิโตริลุกพรวดขึ้นมาทันที ผมยุ่งเหยิง ใบหน้าหลับครึ่งตื่น เหงื่อแตกเพราะรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง...เขาหันขวับไปมองนาฬิกา และนรกก็มาเยือนเขาอย่างเป็นทางการ

 

“8:23!!??”

 

ดวงตาของฮิโตริเบิกกว้างราวกับจะถลนออกจากเบ้าเขาตะโกนลั่นบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน รีบกระโดดลงจากเตียงแบบไม่สนว่าเท้าจะไปเหยียบโดนหนังสือเรียนหรือกล่องขนมเขาวิ่งไถลไปที่ตู้เสื้อผ้า สวมชุดนักเรียนแบบพุ่งทะลุเเบบไม่สนกฏของฟิสิกส์ แล้วขว้าเป้สะพายขึ้นหลังแทบจะในท่าโค้ง 90 องศา

 

“แย่แล้วๆ ดันมาสายเป็นบ้าเลย ครูหักคะแนนแน่เลย!!”

 

เสียงร้องของเขายิ่งกว่าคำสาป มันเป็นเสียงของนักเรียนผู้ไร้ทางรอดจากระบบการศึกษาญี่ปุ่นเขาพุ่งออกจากบ้านโดยไม่กล่าวคำอำลาให้กับแม้แต่หมาข้างทางที่นอนแทะรองเท้าอยู่รองเท้าผ้าใบที่ใส่ผิดข้าง? ช่างมันเถอะ! 

 

“ฮิโตริ! แกสายอีกแล้วเหรอวะ!?”

 

เสียงเรียว เพื่อนสนิทตัวโย่งของเขาดังขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาข้าง ๆ ทั้งที่ยังเคี้ยวขนมปังอยู่ในปาก

 

“ไม่ต้องมาถามเลยโว้ยยย!! เดี๋ยวครูหักคะแนนความประพฤติอีกแน่ๆ!!”

 

ทั้งคู่พุ่งทะยานราวกับแชมป์วิ่ง 100 เมตรระดับโอลิมปิกเสียงกริ่งสุดท้ายของโรงเรียนดังขึ้นพอดีกับที่สองร่างพุ่งทะลุประตูรั้วราวกับฉากแอ็กชันในภาพยนตร์

แต่... ก่อนที่ประตูห้องเรียนจะเปิด—ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

 

แสงสีทองจ้า!!สว่างเสียจนไม่มีสิ่งใดมองเห็นได้อีก แสงนั้นทะลวงเข้ามาทุกมิติ ราวกับโลกทั้งใบถูกกระชากไปอีกฝั่งของจักรวาล

ครืนนนน!!

พื้นห้องเรียนสั่นสะเทือนอย่างหนักเสียงหวีดร้องดังขึ้นจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งหมด 31 คน ทุกคนลอยคว้างอยู่กลางอากาศแบบไร้แรงโน้มถ่วงแม้แต่ คุณครูโฮโซกาวะ ที่กำลังสอนประโยคสมการอยู่ ก็ยังถือชอล์กค้างไว้ในมือ ดวงตาเบิกกว้าง ราวกับเวลาถูกหยุด

 

“เฮ้ยยย นี่มันบ้าอะไรวะ!! เรา... เราตายแล้วเหรอ?! หรือฝันอยู่?! อย่าบอกนะว่า... นี่คือเวทอัญเชิญแบบในเกม!!?”

 

เสียงโกลาหลปะปนกับความตื่นตระหนก กรีดร้อง ร้องไห้ และสบถทุกอย่างตีกันวุ่นวายเหมือนโลกถูกเขียนบทใหม่ด้วยมือของนักเขียนบ้าคลั่ง

และทันใดนั้น...

 

“โอ้ เหล่าผู้ถูกเลือกจากโลกอื่นเอ๋ย…”

 

เสียงทุ้มลึกดังก้องไปทั่วมิติก่อนที่แสงจะหายไปในชั่วพริบตา

ภาพที่ทุกคนเห็นคือ—

โถงบัลลังก์ขนาดยักษ์

 

เพดานสูงลิ่ว ประดับด้วยกระจกสี วิหารใหญ่ที่ราวกับอยู่เหนือเมฆตรงหน้าคือ ชายแก่ในชุดคลุมพิลึก เคราสีขาวยาวถึงพื้น หน้าตาเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และ...ง่วงนอนเล็กน้อยเขายืนพิงไม้เท้าเวทเก่า ๆ ตรงหน้าบัลลังก์ที่ประดับด้วยอัญมณีเรืองแสง

 

“ขอต้อนรับสู่ดินแดน... เวลซาเรีย ดินแดนที่กำลังล่มสลายจากราชาปีศาจ… พวกท่านคือผู้กล้าจากต่างโลก ที่เราต้องพึ่งพา!”

 

เสียงประกาศดังกังวานสะท้อนทั่วโถงบัลลังก์ราวกับระฆังศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ได้ดังแค่ในหู แต่สั่นสะเทือนลงไปถึงขั้วหัวใจทุกคนในชั่วขณะนั้น... เพื่อนทั้งห้องเหมือนตกอยู่ในฝันอันวิกลจริตที่ไม่มีใครเตรียมใจไว้ล่วงหน้า

 

“หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!???”

 

เสียงโวยวายระเบิดออกมาพร้อมกันอย่างไม่มีใครยั้งบางคนกุมหัว บางคนเริ่มร้องไห้ บางคนหัวเราะแห้ง ๆมีบางคนถึงขั้นลองตบหน้าตัวเองหลายทีเพื่อเช็กว่ายังอยู่ในโลกความจริงหรือเปล่า

แต่ท่ามกลางความวุ่นวายนี้...

ฮิโตริเด็กหนุ่มที่ควรจะเป็นแค่คนสายเรียนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆเหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามขมับ ดวงตาจับจ้องไปยังแสงสีทองที่ยังลอยค้างอยู่ในอากาศ พร้อมกับกล่องข้อความลอยออกมาจากตัวเพื่อน ๆ ทีละคน

 

“…เอาจริงดิ แค่สายไม่ถึง 10 นาที ดันมาต่างโลกเฉย…”

 

เขาพึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อมือยังจับเป้สะพายไว้แน่น เหมือนไอ้เจ้าเป้ใบนี้จะช่วยพาเขากลับไปโลกเดิมได้ยังไงยังงั้น

ทีละคน…กล่องข้อความโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศต่อหน้าผู้ถูกเลือก:

 

[ทาเคชิ - นักรบแห่งสายเลือดมังกร]กล้ามขึ้นแทบทะลุเสื้อยูนิฟอร์ม ใบหน้าอึ้ง แต่ก็เท่แบบพระเอกโชเน็น

[ซาโอริ - นักเวทเงาไร้เสียง]หญิงสาวผมดำยาว แววตานิ่งเฉียบ มือประสานนิ้วร่ายเวททดลองอยู่เงียบ ๆ

[เรียว - นักธนูสายลมผู้แม่นยำ]เพื่อนซี้ของฮิโตริ ยืนงงปนเท่ มือคว้าอากาศเหมือนคิดว่าโผล่ธนูออกมาจริง ๆ

แต่เมื่อถึงตาของฮิโตริ...

[ฮิโตริ - ??? (ข้อมูลถูกปิดกั้น)]

 

“…ห๊ะ?”

 

เสียงเขาดังขึ้นเบา ๆ แต่ดังก้องในใจตัวเองยิ่งกว่าระเบิดขณะที่เพื่อนคนอื่นเริ่มกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นกับอาชีพแสนเท่ของตัวเอง ราวกับเปิดกาชาเจอ 6 ดาวแบบไม่เติมเพชร...

ฮิโตริกลับได้กล่องข้อความที่ไร้คำตอบ

 

“แล้วทำไมของชั้นมันขึ้นแบบนี้อยู่คนเดียวล่ะ…”

 

ทุกสายตาเริ่มหันมามอง ฮิโตริรวมถึง ชายแก่เครายาวในชุดคลุมวิจิตร ผู้แนะนำตัวว่าเป็น มหาปรมาจารย์ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัดสายตาเบิกกว้างและริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจโบราณในตำนาน

 

“…เป็นไปไม่ได้… เจ้า... เจ้าคือผู้สืบทอดแห่งคาร์เดน…”

 

ทั้งห้องเงียบกริบทันทีเสียงฮือฮาในโถงหยุดลงราวกับมีคนกดปุ่ม muteมีเพียงเสียงลมหายใจตื่นของนักเรียนบางคนที่ยังไม่เข้าใจว่ามันสำคัญแค่ไหน

ฮิโตริยิ้มเหวอ ๆ

“…ขอโทษครับ ใครคือคาร์เดนอะ? ผมไม่รู้จักเลยซักกะนิด…”

 

เสียงอึ้งดังลั่นโถงบัลลังก์อีกระลอกเพื่อนบางคนเริ่มกดหน้าต่างสถานะตัวเองดูอย่างเมามัน

 

“โอ๊ยยย! ฉันเป็นนักเวทแสงระดับสูงล่ะ! ใครจะมาลองดีมั้ย?”

“ฮ่า ๆ ของฉันคือ นักดาบมังกรทอง ว่ะ เท่จัด!”

“พลังขโมยความสามารถของคนอื่นเหรอ?! นี่มันโกงเกินไปแล้ว!”

 

ขณะที่ทุกคนเริ่มกรี๊ดกร๊าดกับพลังเทพของตัวเองฮิโตริยังคงจ้องมองกล่องของตัวเองอย่างหงอย ๆ:

 

[ชื่อ: ฮิโตริ (Hitori)]ระดับ: 1สายอาชีพ: ??? (ข้อมูลถูกปิดผนึก)พลัง: ไม่สามารถระบุได้คำเตือน: ไม่ควรปลุกพลังนี้ก่อนเวลาอันควร

 

“…นี่คือบัคของระบบป่ะวะเนี่ย…”

 

ชายแก่เริ่มตัวสั่น มือกำคฑาแน่นราวกับพยายามระงับอะไรบางอย่างในใจดวงตาเขาสั่นระริก ริมฝีปากเอ่ยด้วยเสียงที่แทบไม่ออกจากลำคอ

 

“…ถ้าพลังของเจ้านั่นฟื้นขึ้นมา... โลกนี้อาจถูกกลืนไปทั้งมิติอีกครั้ง…”

 

“เฮ้ ๆ เดี๋ยวก่อนครับ! ฟังดูไม่เหมือนพระเอกเลยนะครับ! ถามจริงใครมันไปยอมควบคุมง่ายขนาดนั้น!!”

 

แต่ก่อนคำแก้ตัวจะทันจบ…

มีบางสิ่งในตัวฮิโตริเริ่ม... ตื่นขึ้น

เสียงกระซิบแผ่วเบา ดังแทรกเข้ามาในหัวเขาราวกับหลุดจากฝันร้ายที่ถูกลืมไปนานแล้วเสียงนั้นไม่ใช่ของเขา แต่กลับฟังดูคุ้นเคยอย่างน่ากลัว

 

ภาพฉากหนึ่งแวบขึ้นในหัวของเขา

เลือด… สงคราม… ดินแดนที่ไหม้เกรียม…

ร่างปีศาจในชุดเกราะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ดาบสีดำปักลงบนพื้นเสียงคำรามของใครบางคนกึกก้องในความมืด

“ราชาปีศาจ… เจ้าจะชดใช้ด้วยชีวิต…”

 

ฮิโตริกุมขมับ ตัวเริ่มสั่นดวงตาเบิกกว้าง เหงื่อผุดทั่วร่าง ขาเริ่มอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว

เขายังไม่รู้เลยว่า…ชีวิตธรรมดาของเขาได้จบลงตั้งแต่ก่อนก้าวขาออกจากบ้านแล้ว

 

“คาร์เดน… ฆ่ามันให้หมด... เพื่อมนุษย์... หรือเพื่อสิ่งที่ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว...”

 

เสียงนั้นก้องกังวานในหัวของฮิโตริ ราวกับคำสาปเก่าแก่ที่ฝังแน่นในเลือดร่างของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย ใบหน้าเจ็บปวดกับเสียงที่ไม่ใช่ของตัวเอง

ดวงตาข้างขวาของเขา...เปล่งแสงสีแดงจาง ๆ ดั่งเปลวเพลิงจากนรกราวกับใครบางคนภายในกำลัง ลืมตาตื่นขึ้น ทีละน้อย

 

“อะไร… มันคืออะไรในหัวชั้น… ออกไปซะ…”

 

พลังบางอย่างที่ไม่มีใครรู้จักเริ่ม ปะทุขึ้นรอบตัวเขาแรงกดดันแปลกประหลาดกระแทกใส่ผนังโถงบัลลังก์เหล่าอัศวินที่เคยยืนล้อมรอบเพื่อป้องกันสถานการณ์ไม่คาดคิดถอยหลังกรูอย่างไม่ได้นัดหมาย ราวกับสัญชาตญาณกำลังกรีดร้องให้หนี

พื้นหินแกร่งใต้เท้าของฮิโตริ

แตกร้าวเป็นรัศมีวงกว้าง ราวกับไม่มีสิ่งใดรองรับพลังนั้นไหวละอองพลังสีดำปนแดงไหลวนรอบร่างเขาอย่างอันตราย

เรียว... เพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ประถมมองฮิโตริด้วยดวงตาสั่นไหว พึมพำเบา ๆ แต่แฝงด้วยความจริงจัง

 

“เฮ้… ฮิโตริ... แกแน่ใจนะว่า... ไม่ใช่ตัวร้ายของเรื่องนี้น่ะ…”

 

“ชั้นเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่ะ…”

ฮิโตริตอบด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ใบหน้าเหงื่อไหลราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้าย

 

หนึ่งสัปดาห์ถัดมา…อาณาจักรเวลซาเรียเริ่มขยับเตรียมรับศึกนักเรียนทั้งห้อง—อดีตเด็กมัธยมปลายจากที่ไหนไม่รู้ตอนนี้แต่ละคนกลายเป็นผู้ฝึกฝนเวท ผู้ถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์มีอาจารย์ประจำตัว มีค่ายฝึกเฉพาะกลุ่มเสียงฝึกดาบ ฝึกเวท สะท้อนทั่วลานกว้างของอาณาจักร

 

แต่… ไม่ใช่สำหรับฮิโตริ

เด็กหนุ่มผู้ไม่มีสายอาชีพพลังถูกปิดผนึกจนไม่มีใครกล้ารับผิดชอบฝึกให้เขาเดินไปขอหัวหน้าอัศวินหญิงประจำสนามฝึก เสียงเรียบเย็นของนางตอบโดยไม่แม้แต่หันหน้ามามอง

 

“เจ้ามีพลังปิดผนึก พวกเราไม่สามารถประเมินได้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่ หากมีการฝึกกับคนอื่น… เราจึงต้องแยกเจ้าออก”

 

ฮิโตริมองรอบ ๆเพื่อนทุกคนจับกลุ่ม ได้รับโค้ชเท่ ๆ และอาวุธเทพหรูหรา

เรียว และยูกิ อยู่กลุ่ม A ฝึกกับหัวหน้ากิลด์ผู้เก่งกาจฮานะ สาวร่าเริง เรียนเวทกับเอลฟ์ผู้ใช้แสงแต่ฮิโตริ…

 

เขาถูกโยนไปยังห้องฝึกใต้ดิน...

มันไม่ใช่ห้องธรรมดาแต่มากกว่าห้องขังของพลังลึกลับผนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์เวทโบราณมีเพียงไอเทมเดียวที่วางไว้กลางห้องแส้หนามสนิมเขรอะ พร้อมโน้ตเขียนด้วยหมึกเลือดว่า:

 

“ระวังอย่าให้มันกัดกลับ”

 

“...นี่มันอะไรวะเนี่ย!”

ฮิโตริโวยวาย แต่ก็ต้องฝึกต่อไปเพราะไม่มีตัวเลือกอื่น

เขาลองฝึกดาบ—ดาบหักลองร่ายเวท—วงเวทไม่ตอบสนองวิ่งฝึกต่อเนื่อง—สนามเหมือนจะกลืนเขาลงไปเอง

ทุกอย่างดูไร้ความหมาย...

จนกระทั่งเขา หลุดมือ

ไปแตะเข้ากับบางสิ่ง…

หินเวทสีดำมืด ที่ซุกอยู่ในมุมห้องราวกับเฝ้ารอการสัมผัสนั้นมานานแสนนาน

 

[ระบบปิดผนึกบางส่วนถูกคลาย]

 

ในชั่วพริบตา...เงาสีดำทะลักออกมาจากหินนั้นซึมเข้าสู่ร่างกายของฮิโตริดวงตาข้างขวาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงสนิท

 

และเบื้องหลังเขา...ร่างเงาของใครบางคนค่อย ๆ ปรากฏสูงใหญ่ในชุดเกราะดำสนิทดวงตาใต้หมวกเหล็กเปล่งแสงสีเศร้าดาบสีเลือดปักแน่นในดินเงา

 

คาร์เดน...อัศวินดำในตำนานผู้เคยเป็นผู้กล้าคนแรกของดินแดนแต่บัดนี้คือ เงา แห่งความทรงจำที่ถูกลืม

 

“เจ้าจะเดินในทางเดียวกับข้า… หรือทำลายโชคชะตานี้เสีย?”

 

เสียงนั้นแผ่วเบาแต่ทรงอำนาจในหัวของฮิโตริ ภาพของสงครามนรกแวบผ่านอีกครั้งไฟนรก, ปีศาจ, เมืองที่ถูกเผา, และเสียงกรีดร้องของผู้คน

ความร้อนผ่าวแผ่ไปทั่วร่าง

 

แต่แล้ว...

ท่ามกลางภาพนิมิตที่น่าสยดสยองนั้นฮิโตริกลับกัดฟันแน่น ดึงสติกลับมาด้วยแรงใจอันแน่วแน่

 

“ออกไปซะ... อย่ามายุ่งกับร่างกายของตูนะเว้ย!!”

 

เสียงตะโกนของเขาดังกึกก้องพลังสีดำที่วนรอบเริ่มแตกกระจายแสงแดงในดวงตาค่อย ๆ จางลงเงาของคาร์เดนค่อย ๆ จางหายไป…ก่อนจากไป เขาหันหลังกลับไปมองฮิโตริอีกครั้งด้วยสายตาที่เหมือนจะยิ้มเศร้า

 

ราวกับกำลัง ฝากอนาคต ไว้ที่เขา

พลังยังไม่ตื่นเต็มที่แต่หัวใจของเขา… ไม่ได้ถูกกลืน

 

ตัดกลับมายังปราสาทหลวงแห่งเวลซาเรียในห้องโถงลับใต้หอคอยราชวัง—ประตูเวทขนาดใหญ่เปิดออกอย่างเชื่องช้าราชาแห่งเวลซาเรียก้าวออกมาช้า ๆใบหน้าของเขาเคร่งเครียด สายตาหนักอึ้งเหมือนแบกชะตาของโลกทั้งใบไว้

 

“เด็กหนุ่มนั่น... มีจิตวิญญาณของ อัศวินสาป คาร์เดน อยู่ในตัว...”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลลึก

 

“หากพลังทั้งหมดของเขาตื่นขึ้น—อาจจะไม่ใช่ปีศาจที่ฆ่าโลก... แต่เป็นมนุษย์ต่างหาก...”

 

เหล่าขุนนางเวทและหัวหน้ากิลด์ที่ยืนล้อม ต่างเงียบงันไม่มีใครกล้าออกความเห็น

แต่สิ่งที่พวกเขา ไม่รู้เลยแม้แต่น้อย...ก็คือ... ฮิโตริได้แอบฟังทุกอย่างอยู่จากเงาด้านบนเสาหิน ด้วยเวทพรางตาที่เขาเพิ่งลองใช้

 

'แบบนี้เองสินะ... เข้าใจแล้ว'

ฮิโตริกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะดีดตัวหายวับไปจากที่ซ่อน ราวกับเงาจาง

ไม่นานหลังจากนั้น...

หัวหน้ากิลด์รีบลงมาที่ห้องฝึกใต้ดิน เพื่อตรวจสอบพลังของฮิโตริแต่สิ่งที่เขาพบ...

ความว่างเปล่าไม่มีร่องรอยเวท ไม่มีกลิ่นพลัง ไม่มีแม้แต่เงาของการมีอยู่เหมือนห้องทั้งห้องไม่เคยถูกใครเหยียบมาก่อน

 

แต่ทันใดนั้น...

“สวัสดีค้าบบบบ~ ไม่ได้เจอกันแป๊บเดียวเลยนะท่านอลัน~”

 

เสียงทักทายสุดกวนลอยมาจากด้านหลังอลันถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง

ฮิโตริยืนอยู่ตรงนั้น... ด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น...คลื่นพลังรอบตัวเขานิ่งสนิท แต่แฝงความลึกเร้นจนน่าหวั่น

 

“ตกใจเลยแฮะ... ที่นายพัฒนาได้เร็วขนาดนี้”

อลันพูดเสียงเบา ขณะกุมคางพินิจดูเขาอย่างจริงจัง

 

“ก็ธรรมดาอยู่แล้วอะค้าบ~” ฮิโตริยิ้มกวน“ก็ผมเป็น ตัวเอก ของเรื่องนี่นา~”

 

เขายกมือขึ้นช้า ๆ เหมือนจะหยิบอะไรบางอย่าง

มุมกล้องค่อย ๆ เลื่อนมาโฟกัสที่หน้าของฮิโตริอย่างเท่จัด

 

“เฮ้... คนอ่านนี่ยังอ่านอยู่รึเปล่า~? อยากจะบอกว่า... ผมเนี้ยมันโคตรเท่เลยอะครับน้อน ๆ”

เขายักคิ้วสองข้างพร้อมส่งจูบปลอม ๆ ให้กล้องในอากาศ

 

“จะว่าไปแล้ว... คุยกับใคร?”

เขาหันไปพูดกับตัวเองแบบแซว ๆ

 

“ไม่บอกให้รู้หรอก~”

 

“แล้ววันนี้จะได้ออกไปเจอมอนสเตอร์จริง ๆ ไหมเนี่ย?”

 

อลันยกมือกุมหัวทันที ราวกับโดนปวดจี๊ดเข้าไปในสมอง

 

“ยะวู้วววววววววววววววววว!!! ไปกันเลย!! อยากจะซัดหน้าพวกมันเต็มทีแล้ว!!!”

ฮิโตริตะโกนก่อนจะพุ่งวิ่งขึ้นบันไดอย่างบ้าพลัง

 

“เดี๋ยว!! นายจะต้องไปกลุ่มกับพวกนั้นก่อน! เดี๋ยว! ฮิโตริ! ได้ยินไหมเนี้ย!?”

อลันตะโกนตามหลังสุดเสียง แต่เสียงฝีเท้าก็เงียบหายไปแล้ว...

เขาถอนหายใจหนัก ๆ พร้อมส่ายหัว

แต่ทันใดนั้น...

ฮิโตริโผล่มาห้อยหัวลงมาจากเพดานเหนือหัวอลัน

 

“งั้นตกลง! ไปรวมตัวกันเถอะ!”

 

อลันสะดุ้งโวยวาย “โอ๊ย!! แกจะโผล่มายังไงก็ไม่รู้จักให้สัญญาณก่อนบ้างเรอะ!!”

 

ที่นี่มีกลุ่มดิสคอร์ดเเล้วนะ อย่าลืมเข้ามากันนะ

https://discord.gg/WHDXjnG7cq

รหัสคำเชิญ WHDXjnG7cq

เอลฟิราน่า

บ่อน้ำร้อนฝ่ายเวทหญิงเงียบสงบ มีเพียงเสียงหยดน้ำกระทบผิวน้ำเบา ๆ และไอน้ำที่ลอยอ้อยอิ่งอย่างเกียจคร้านคล้ายม่านหมอกบาง ๆ ปกคลุมรอบบ่อ แสงจันทร์ส่องทะลุช่องไม้ไผ่ด้านบนตกกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับเอลฟิราน่า แช่น้ำอยู่คนเดียว ท่ามกลางบรรยากาศสงบ เธอเอนศีรษะพิงโขดหิน หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ฮัมเพลงทำนองโบราณจากอาณาจักรจันทราเบา ๆ ราวกับลืมโลกทั้งใบไว้เบื้องหลัง

 

แต่แล้ว…

ฟิ้วววว...

เสียงแหวกอากาศแปลกปลอดดังขึ้นกะทันหัน ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะพุ่งลงมาจากยอดไม้สูงเหนือบ่อน้ำ เขาหมุนตัวกลางอากาศด้วยท่วงท่าประหนึ่งนักแสดงกายกรรม ก่อนจะลงจอดบนโขดหินอย่างไร้เสียงแม้แต่นิดเดียว

 

ฮิโตริ—สายลับหนุ่มผู้มากเล่ห์ เงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ ดวงตาวาววับเหมือนเด็กชายแอบเข้าเมืองต้องห้าม

 

“โอ้โห... บ่อน้ำลับของเวทหญิงจริง ๆ ด้วยแฮะ… หรูหราซะไม่มี~” เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา แววตาพราวระยับด้วยความซุกซน เขาหมุนตัวช้า ๆ ก่อนจะหันไปเห็น...

 

เอลฟิราน่า—มหาจอมเวทย์ในตำนาน ผู้มีนามสะท้านใต้หล้า

และเธอกำลังจะหันมาทางเขา

 

ชิ้งง!!เวทพรางตัวถูกเรียกใช้งานอย่างฉับไว แสงเรืองสีฟ้าครามเคลือบตัวเขาในพริบตา ฮิโตริ รีบย่องนั่งหลังโขดหิน หัวโผล่ขึ้นนิดเดียว

 

'มหาจอมเวทย์... หืม~ ตัวจริงก็น่ารักดีนะ~' เขาคิดในใจ ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

 

ทว่า...

“จะมองอีกนานมั้ย?”

 

เสียงเย็น ๆ ดังขึ้นตรงหน้าโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

ฮิโตริ สะดุ้ง—แต่รอยยิ้มกวนยังไม่หายไป เขาลุกขึ้นช้า ๆ ยกมือสองข้างเหมือนยอมจำนน

 

“โอ๊ย ๆ ๆ ขอโทษ ๆ! ไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ! แค่... แค่ผ่านมาเฉย ๆ!”

 

เอลฟิราน่า ลืมตาขึ้น ดวงตาสีเงินประกายเย็นเฉียบจ้องตรงมา สีหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ ราวกับรูปสลักน้ำแข็ง

 

“…ผ่านมาทางยอดไม้? แล้วแอบอยู่หลังโขดหิน? คิดหรอว่าเวทพรางตัวเจ้าจะลวงข้าได้?”

 

ฮิโตริ ยักไหล่ ยิ้มแบบไม่ได้เดือดร้อน

 

“อ้าว~ สายลับระดับสูงก็ต้องมีสกิลปีนต้นไม้อยู่แล้วสิ~”

 

จากนั้นเขาก้มลงมองต่ำอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะแกล้งเบิกตากว้าง

 

“อุ๊ย... ระวังผ้าเช็ดตัวหลุดนะครับ~!!”

 

“หา—!?”

 

เอลฟิราน่า หน้าเปลี่ยนสีทันที เธอรีบยกแขนขึ้นกอดอกแล้วก้มมองตัวเองอย่างตกใจ ก่อนจะพบว่า... ทุกอย่างยังอยู่ดี

เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ

 

“หลอกเล่นน่ะ~ คุณนี่มันหลอกง่ายดีนะ”

ฮิโตริ หัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน

 

“ย-หยุดพูดแบบนั้นเดี๋ยวนี้!!”

เอลฟิราน่า พูดเสียงสั่น หน้าแดงจัดจนแทบกลายเป็นสีเดียวกับแก้มลูกพลับ ริมฝีปากขบแน่น

 

ฮิโตริ แสร้งทำตาโต พูดล้ออีกครั้ง

 

“เหหห~ แดงทั้งหน้าแบบนี้… หรือว่าเขินจริง ๆ ล่ะ~?”

 

“ขะ-ข้าจะเผาเจ้าให้เป็นถ่านเดี๋ยวนี้แหละ!!!”

 

เวทเพลิงระดับสูงปะทุขึ้นรอบกายเธอ ไอร้อนพวยพุ่งขึ้นจากผิวน้ำ จนม่านหมอกกระพือกระจาย

แต่ก่อนที่ไฟจะระเบิดออก...

 

วูบ!ฮิโตริ หายวับไปในพริบตา ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะในอากาศที่ค่อย ๆ เลือนหายไป

 

“แล้วเจอกันใหม่นะ มหาจอมเวทย์ผู้แสนซึนนนนนน~”

 

บรรยากาศเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง มีเพียงเสียงฟองอุ่น ๆ ของบ่อน้ำและไอน้ำที่ยังคงลอยอ้อยอิ่ง

เอลฟิราน่า ยืนหน้าแดงฉ่า กำหมัดแน่นพึมพำเบา ๆ

 

“…ข้าจะจับเจ้า... มาทรมานให้หัวเราะไม่ออกเลยคอยดู…”

 

แต่นัยน์ตาของเธอกลับเหม่อมองไปยังจุดที่เขาหายตัวไป

และในความเงียบของคืนจันทร์—หัวใจของใครบางคน ก็กำลังสั่นสะเทือนอย่างไม่รู้ตัว

 

ตัดฉากมาที่ลานฝึกกลางป่าซึ่งล้อมรอบด้วยแมกไม้เขียวครึ้ม เสียงนกป่าร้องประสานกับเสียงฝีเท้าของเหล่าผู้ฝึกตนดังก้อง ลานฝึกขนาดใหญ่ถูกแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ สำหรับเวทหลากรูปแบบท่ามกลางกลุ่มผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่กำลังรวมตัวกัน ฮิโตริยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมรุ่นอีก 12-15 คน—แต่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายขั้นสุด จิตใจลอยล่องไปคนละทิศละทาง สายตาเหม่อมองฟ้าเหมือนกำลังคิดถึงเรื่องอื่นที่ไกลแสนไกล

 

เสียงของ ทาเคชิ หัวหน้ากลุ่มดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับแผนภาพเวทขนาดใหญ่ที่ฉายลอยกลางอากาศ สีแสงเวทหมุนวนประกอบกับคำอธิบายเชิงเทคนิคจนน่าปวดหัว

 

“วันนี้ฉันถูกตั้งให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม! ทุกคนฟังแผนการให้ดี! อสูรตนนี้มีเกราะเวทขั้นสูงรอบตัว การโจมตีธรรมดาไม่มีทางทะลุเข้าไปได้ ถ้าจะเล่นงานมัน ต้องเจาะจุดอ่อนใต้ซี่โครงด้านขวา โดยใช้เวททะลวงร่วมกับเวทตัดขอบของฮานะ จากนั้นให้นักธนูเวทยิงเสริมเข้าไปในจังหวะเดียวกัน!”

 

เพื่อนร่วมทีมต่างพยักหน้าด้วยความตั้งใจ บางคนจด บางคนวิเคราะห์เส้นเวทด้วยความขึงขัง

...เว้นเสียแต่คนเดียว

 

ฮิโตริเขาหาววอด ๆ อย่างไร้ยางอาย

 

'หืมมมม... แผนอะไรสักอย่างละมั้ง? ช่างมันเถอะ~ ขอแค่ได้โชว์เท่ก็พอแล้วป่ะ~'

ชายหนุ่มคิดในใจด้วยรอยยิ้มเกียจคร้านที่ประจำบนใบหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นลูบท้องทำทีเป็นมีเหตุจำเป็น

 

“แป๊บนะ จะไปหาห้องน้ำแป๊บ”

 

ทาเคชิ รีบหันขวับมาอย่างหัวเสีย

 

“เฮ้ย! เดี๋ยว! นายยังไม่ได้ฟังแผนช่วงท้ายเลยนะเว้ย!”

 

แต่...สายเกินไปแล้วฮิโตริโบกมือลาแบบขอไปที และเดินจากไปหน้าตาเฉย ทิ้งแผนเวทระดับสูงไว้เบื้องหลัง

 

กลางป่าหลังลานฝึก

แสงแดดรำไรลอดผ่านใบไม้ใหญ่เป็นลำแสงทอดลงมายังพื้นป่าชุ่มชื้น เสียงลมพัดเบา ๆ สร้างบรรยากาศเย็นสบายจนเหมาะกับการงีบหลับมากกว่าสู้ศึก

ฮิโตริ ทิ้งตัวนอนเอกเขนกใต้ต้นไม้ใหญ่ มือรองศีรษะ สายตาหลับพริ้มอย่างสบายใจ

 

“ชิวจังเลย~ สู้กับอสูรใหญ่เหรอ... ไม่ว่ายังไงก็ให้พวกนั้นจัดการไปเถอะ ยังไงพวกนั้นก็เป็นที่จับตามองของเหล่าคนแก่ในนั้นอยู่แล้ว~”

 

เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเฉื่อยชา ราวกับศึกระดับชาติเป็นแค่ละครเช้าของเขา

แต่ก่อนที่เขาจะได้เข้าสู่ฝันกลางวัน เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงพูดที่คุ้นเคย ดังขึ้นข้างตัว

 

“นี่นายแอบหนีมาจากการวางแผนจากกลุ่มผู้กล้า แล้วยังมาแอบงีบอีก... น่าหงุดหงิดมากเลยนะ”

 

ฮิโตริกระพริบตา ก่อนจะหันขวับไปตามเสียง

เธอยืนอยู่ตรงนั้น...เอลฟิราน่าจอมเวทจันทราในชุดฝึกประจำสนามเวท ทรงผมหางม้ามัดตึงเผยลำคอเรียวยาว ดูกระฉับกระเฉงและสง่างามในเวลาเดียวกัน

 

“หา!? คนอย่างเธอก็ควรจะไปอยู่ที่กลุ่มพวกนั้นไม่ใช่รึไง แล้วทำไมต้องตามมาหาชั้นกันเล่า?”

ฮิโตริพูดพร้อมย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

เอลฟิราน่าถอนหายใจยาวเหมือนอดทนสุดชีวิต

“ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนั้นซะหน่อย... และอีกอย่างนะ—ข้ายังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ่อน้ำหรอกนะ ถ้านายพูดมันอีกล่ะก็ ข้าจะเผาเจ้าทิ้งให้สิ้นซากแน่”

 

ฮิโตริลุกขึ้นนั่งแล้วชี้หน้าเธอแบบกวน ๆ

 

“พูดช้าทำไมเนี่ย ล้าสมัยน่าดู พูดว่า ฉันสิ! ฉันอ่ะ เข้าใจป่ะ? ใช้ภาษาที่เข้ากับสมัยของชั้นหน่อยดิ~”

 

เอลฟิราน่าหน้าตึง คิ้วกระตุก ริมฝีปากเม้มแน่น สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอดกลั้นที่กำลังจะแตกในอีกไม่กี่วินาที

 

“ไปตายซะ!! ฉันจะทรมานนายให้ตายเลย!!”

 

เปลวไฟพุ่งออกจากปลายนิ้วของเธอทันที เผาใบไม้รอบ ๆ จนไหม้เป็นเส้นดำ

ฮิโตริ หัวเราะแห้ง ๆ แต่ยังคงหลบได้อย่างเฉียดฉิว

 

“ฮ่า ๆ แต่ก็ยอมใช้คำว่า ฉัน ตามที่ชั้นบอกดีนะ~ เธอนี่มันใช้ได้จริง ๆ”

เขาพูดพร้อมยักคิ้วอย่างยียวน

เอลฟิราน่าหน้าแดงกว่าเดิมจนเกือบกลายเป็นลูกมะเขือเทศสุก

 

“ฉะ-ฉันจะเผานายอีกรอบจริง ๆ แล้วนะ!!!”

 

เธอเรียกเวทเพลิงอีกครั้ง แต่ก่อนจะปล่อยออกไป...

ฮิโตริ พุ่งหลบอย่างชิว ๆ พร้อมหัวเราะเสียงดัง

 

“โอ๋ ๆ ใจเย็นน้า~ แบบนี้เดี๋ยวชั้นจะส่องใต้กระโปรงให้เป็นการตอบแทนให้ก็แล้วกัน~”

 

“ตาบ้าาาาาาาาาาา!!!”

 

เสียงตะโกนลั่นป่า พร้อมเปลวไฟระเบิดตูมตามเหล่าสัตว์ป่าบินหนีกระเจิงในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ยังคงหัวเราะลั่น พลางวิ่งหนีไปตามทางดินที่คดเคี้ยวเหลือเพียงหญิงสาวหน้าแดงจัด ผู้กำหมัดแน่นยิ่งกว่าคาถาระเบิด

และ...แม้เธอจะโมโหเพียงใด แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่ยอมสงบลงเลยสักที

 

ตัดฉากมาที่ในป่าลึก—แสงแดดลอดผ่านแนวใบไม้เป็นเส้นสายระยิบระยับ กลิ่นดินชื้นผสมกลิ่นไม้เก่าทำให้บรรยากาศเย็นเงียบอย่างผิดปกติ

กลางลานเล็ก ๆ ท่ามกลางแนวต้นไม้สูงเอลฟิราน่า ยืนประจันหน้ากับ ฮิโตริ อย่างแน่วแน่ มือของเธอกำคฑาเวทที่ปลายเรืองแสงสีฟ้าอ่อน ลำแสงนั้นสั่นไหวเบา ๆ คล้ายจะตอบสนองต่ออารมณ์ของเจ้าของ

 

สายตาเธอไม่ได้แค่หงุดหงิดจากการถูกแหย่เมื่อครู่ แต่ลึก ๆ มันเต็มไปด้วยความตั้งใจจริงจัง เธอไม่ได้มาแค่ โกรธ แต่เธอ ต้องการ แสดงพลังให้เขาเห็น

เอลฟิราน่าขมวดคิ้วอย่างดุดัน ก่อนจะพูดเสียงเข้ม

 

“วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนนายให้ได้”

 

ฮิโตริหรี่ตามองพร้อมยิ้มมุมปาก ท่าทีของเขายังคงกวนโอ๊ยแบบไม่มีแผ่ว

 

“อ๋อเหรอ นี่คิดว่าจะสั่งสอนชั้นได้อย่างงั้นหรอ?”

 

น้ำเสียงเขาชัดเจน—ไม่ใช่หยิ่งยโส... แต่มันคือความสนุกแบบเด็กที่กำลังเล่นซนในสนามรบ

เอลฟิราน่าไม่เสียเวลาเถียง เธอชี้คฑามาทางเขาทันที

 

“พูดออกมาเดี๋ยวนี้... จะสู้หรือไม่สู้?”

 

ฮิโตริ (ยิ้มเท่ ๆ พร้อมปัดฝุ่นไหล่เบา ๆ):

“แน่นอน~ แต่อย่าร้องไห้ทีหลังล่ะ~”

“ฝันไปเถอะ!!”

 

ทันใดนั้น เวทน้ำแข็งพุ่งตรงมาทางฮิโตริด้วยความเร็วสูง ทะลวงอากาศเป็นเส้นแหลมคม เขากระโดดหลบแบบไม่สะทกสะท้าน หมุนตัวกลางอากาศก่อนจะทิ้งเท้าลงพื้นอย่างนุ่มนวลราวกับการเต้นรำ

 

ฮิโตรินั้นก็หัวเราะแผ่วๆ“ว้าว~ มุมยิงนี่อย่างเป๊ะเลยนะ เธอเป็นสาวนักเต้นบัลเล่ต์ในน้ำแข็งรึไงกันเนี่ย?”

 

เอลฟิราน่า หน้าแดงเล็กน้อยแต่ไม่หลุดโฟกัสเธอดีดเวทอีกชุดทันที คราวนี้เป็นเวทล่อแสงที่ส่องแสงสว่างแสบตา ก่อนจะตามด้วยเวทระเบิดพลังรุนแรง

 

ฮิโตรินั้นก็พุ่งหลบออกไปในทันที“เฮ้ เดี๋ยว ๆ! นี่กะจะย่างกันสด ๆ เลยเหรอ!?”

 

เขาเบี่ยงตัวหลบเวทระเบิดทุกลูกราวกับกำลังเต้นลื่นไถลไปกับลม ก่อนจะอาศัยจังหวะนั้นกระโดดเข้าใกล้เธอแล้ว...

 

แปะ!เขาดีดนิ้วแตะหน้าผากเธอเบา ๆ แบบกวนประสาท

“แปะ~ โทษที~ ได้แต้ม!”

 

เอลฟิราน่าชะงัก ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าแดงจัดทั้งโกรธทั้งเขินในคราวเดียว

“น-นายนี่มัน!!”

 

เธอกัดฟันแน่น ปล่อยเวทพลังลมหมุนออกมาราวกับพายุ เงาใบไม้รอบข้างปลิวกระเจิงด้วยแรงเวท แต่ฮิโตริก็ถอยหลังด้วยจังหวะเป๊ะเหมือนรู้ล่วงหน้า แล้วหันมาตั้งท่าบ้าง

เขายกมือแตะพื้นเบา ๆเงาใต้เท้าค่อย ๆ ขยายตัวและเริ่มบิดเบี้ยวอย่างผิดธรรมชาติก่อนที่...

 

“ดาบเงา” ดาบเงาบางเฉียบจะพุ่งขึ้นจากเงาและหมุนวนรอบตัวเขาเหมือนดาวเทียมสีดำ คมดาบแผ่รังสีเวทจาง ๆ ท่ามกลางแสงสลัวของป่า

 

เอลฟิราน่าเบิกตากว้าง“เวทเงา...? ตะ-ตั้งแต่เมื่อไหร่—!?”

“ก็... หลังจากที่แอบฟังบทสนทนาลับใต้ปราสาทเมื่อกี้แหละ~ มีเวลาลองใช้พอดี~”

 

จากนั้น เขาโยนดาบเงาขึ้นกลางอากาศอย่างง่ายดายและ...

วูบ!เขาหายตัวไปจากจุดเดิมทันที ราวกับถูกกลืนเข้าไปในเงาแล้วปรากฏตัวอีกที—ที่ด้านหลังของเธอ

 

เอลฟิราน่า ชะงักไปครู่หนึ่งแต่แล้วก็พลิกตัวกลับในเสี้ยววินาที พร้อมปล่อยคลื่นพลังลมกระแทกใส่เขาเต็มแรง!

 

ตู้ม!!!

ฮิโตริกระเด็นพุ่งทะลุพุ่มไม้ เสียงดัง ตึง! เมื่อตัวเขากระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่จนใบไม้ปลิวว่อน

 

ฮิโตรินั้นนอนคว่ำหน้ากับพื้น“โอ๊ย~ แพ้ทางสาวแรงเยอะไปซะได้เเบบนี้ ฮ่าๆ”

 

เอลฟิราน่ายืนกอดอก ยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

 

“สมน้ำหน้า โดนคนอย่างฉันเอาคืน”

 

ฮิโตริพลิกตัวขึ้นช้า ๆ ปัดใบไม้ออกจากหัว แล้วพูดเสียงเบาแต่ยังไม่ยอมแพ้

 

“ชิ... รอบหน้าฉันจะไม่เป็นแบบนี้แน่”

อสูรเงากิงรัน

ตัดฉากมาที่ลานฝึกกลางป่า – แสงแดดช่วงบ่ายลอดผ่านเรือนยอดไม้ แสงสลัวพาดผ่านใบไม้ราวกับม่านเงาธรรมชาติ รอบลานเต็มไปด้วยนักเวทและนักรบฝึกหัดนับสิบคนที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ พื้นหญ้าถูกเหยียบย่ำจนเป็นทางแข็งจากการฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อลัน หัวหน้ากิลด์ผู้มากประสบการณ์ ยืนกอดอกอยู่หน้ากลุ่มด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาคมกริบกวาดมองทุกคนอย่างรอบคอบเสียงของเขาหนักแน่น ดังชัดเหนือเสียงจ้อกแจ้กของพวกนักฝึก

 

“เอาล่ะ! เป้าหมายของวันนี้คือ อสูรเงากิงรัน ขนาดกลาง ระดับ B+ ที่อยู่ในเขตภูเขาใกล้รอยแยกเวท”

 

ทันใดนั้น เสียงบ่นจากกลุ่มผู้กล้าก็ดังขึ้นทันที เป็นเสียงเซ็ง ๆ ที่อดไม่ได้

 

“เฮ้อ... ระดับ B+ อีกแล้วเหรอ...”

“คราวก่อนก็กระอักเลือดไปสามวันนะ...”

“แต่นี่เป็นการทดสอบพัฒนาขั้นพิเศษนี่นา~”

 

อลันไม่สนเสียงบ่น เขาเดินวนไปหน้ากลุ่ม แล้วพูดเสียงเรียบแต่เด็ดขาด

 

“ทีมหลักจะเป็นกลุ่มปิดล้อม รับหน้าที่จัดการโดยตรง ส่วนทีมรองจะเป็น ตัวล่อ ทำให้มันเผยจุดอ่อน”

 

กลุ่มคนเริ่มเงียบลง สีหน้าเคร่งเครียดปะปนกับความวิตกท่ามกลางนั้น ฮิโตริ ยืนพิงต้นไม้หาวหวอด ๆ ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย

 

“ใครโชคร้ายโดนจับไปล่ออสูรเนี่ย... ขอแสดงความเสียใจด้วยล่วงหน้า”

 

ทันใดนั้น อลันหันขวับมาทางเขา นิ้วเรียวยกชี้อย่างแม่นยำ

 

“ฮิโตริ กับ เอลฟิราน่า!”

 

ฮิโตริสะดุ้งสุดตัว สีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกแทบทันที

 

“ห๊าาา!? เดี๋ยว!? ผมเนี่ยนะ!?”

 

ทางด้าน เอลฟิราน่า ที่ยืนพิงต้นไม้อีกฝั่ง หันหน้าหนีทันทีด้วยความไม่พอใจแบบชัดเจน

 

“ทำไมฉันต้องมาจับคู่กับนายด้วย ไม่ยุติธรรมเลย...”

 

อลันยิ้มเหี้ยม ๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเหมือนเจอเหยื่อสนุก ๆ

 

“เพราะเห็นว่าพวกเธอประสานงานกันได้ดีมาก... โดยเฉพาะตอนทะเลาะ”

 

เสียงกระซิบดังแว่วจากกลุ่มข้างหลัง

 

“เฮ้ๆ ชั้นไม่รู้มาก่อนเลยว่าฮิโตริมันไปสนิทกับท่านจอมเวทนั้นตอนไหน”

“แต่ชั้นก็ว่าเคมีของสองคนนี่มันเข้ากันมากยังไงก็ไม่รู้ว่ะ”

 

ทาเคชิ ที่ยืนกอดอกข้างหลังยกนิ้วโป้งให้แบบสะใจสุด ๆ เขายิ้มแสบ ๆ

 

“ทำได้ดีมากเพื่อน คนอย่างเอ็งเนี้ยแหละ เหมาะสมกับการเป็นตัวล่อ”

 

ฮิโตริถอนหายใจเฮือกใหญ่ แสดงสีหน้าราวกับหมดแรงจะด่า

 

“ชิ... ก็ได้ ๆ ฉันจะเป็นตัวล่อให้”

 

ตัดฉากสู่ป่าเงามืดหมอกจาง ๆ ปกคลุมแนวต้นไม้สูง บรรยากาศเงียบจนได้ยินเสียงแมลงกลางคืน เสียงคำรามลึก ๆ ของบางสิ่งจากในรอยแยกเวทเริ่มดังขึ้นทีละนิด ราวกับเตือนว่าความตายกำลังเคลื่อนตัวออกมา

ฮิโตริ วิ่งกระโดดจากกิ่งไม้หนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว เงาไม้พาดผ่านตัวเขาไปเรื่อย ๆ แสงจันทร์ข้างแรมทอดเงาจางเหนือศีรษะ

 

“เอาล่ะ จะวางแผนล่ออสูรให้มันอ่อนแรงยังไงละเนี่ย... ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับโลกนี้เลยนะเฟ้ย”

น้ำเสียงเขาดูขำขัน แต่สายตากลับมองไปรอบ ๆ อย่างจริงจัง

เอลฟิราน่า ที่วิ่งตามหลังมา หยุดยืนบนกิ่งไม้ข้างกัน ผมที่มัดหางม้าสะบัดเบา ๆ กับสายลม เธอพูดเสียงเรียบแต่แฝงความหงุดหงิด

 

“หึ ครั้งนี้ฉันจะยอมเป็นคนวางแผนให้... น่าหงุดหงิดจริง ๆ”

 

ฮิโตริมองเธอพร้อมยิ้มบาง

 

“โอ้... โหมดจริงจังแล้วเหรอ~ เท่จังเลย~”

 

เอลฟิราน่าหรี่ตามองเขานิด ๆ

 

“...ปากดีแบบนี้ ระวังโดนตบกลางอากาศนะ”

 

ทั้งสองยืนเคียงกันใต้เงาจันทร์...หนึ่งคนขี้เล่น อีกคนจริงจังแต่คืนนี้ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันเผชิญหน้ากับอสูรร้าย—แม้จะยังทะเลาะกันทุกครั้งที่สบตาก็ตาม.

 

ตัดฉากมาที่ชายขอบป่าลึก — ลมเย็นพัดผ่านแนวไม้สูง เงาไม้พลิ้วไหวราวกับลมหายใจของบางสิ่งกำลังตื่นขึ้น เสียงฝีเท้าของกลุ่มผู้กล้าดังก้องเหนือผืนดินที่เปียกชื้น ทุกคนยืนอยู่หน้าพื้นที่ต้องห้าม…เขตของ อสูรเงากิงรัน

ทาเคชิ ยืนอยู่หน้าสุด พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังดังก้องเหนือความเงียบสงัด

 

“เอาล่ะพวก เรามาถึงเขตของอสูรเงากิงรันแล้ว ครั้งนี้เราจะไม่พลาดเหมือนคราวก่อน ทุกคนต้องทำตามแผนให้เป๊ะ จำไว้ให้ขึ้นใจ—การทำงานเป็นทีม สำคัญที่สุด”

 

แต่ในขณะที่คำพูดปลุกใจยังคงดำเนินอยู่ เสียงหาวเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังฮิโตริ เริ่มเดินออกมาช้า ๆ อย่างไม่แคร์ แววตาเบื่อหน่ายชัดเจน

 

“เอ้อออ พูดเรื่องเดิมอีกละ เหนื่อยจะฟังแล้วเนี่ย”

 

ทันใดนั้น เอลฟิราน่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ คว้าคอเสื้อเขากลับมาอย่างแรง

 

“คิดจะไปไหนหะ”

 

จังหวะเดียวกัน เรียว นักรบอีกคนที่ยืนใกล้ ๆ เหลือบตามาเห็นฮิโตริเขาก็ไม่รอช้า พูดออกมาเสียงดังแบบไม่มีเยื่อใย

 

“ไหน ๆ เอ็งก็ไม่อยากฟังแผนแล้ว งั้นเอ็งก็ไปล่อมันมาเลยละกัน... เดี๋ยวนี้ ไป๊!”

 

ฮิโตริ เบิกตากว้าง สีหน้าตกใจแทบสุดขีด

 

“หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!?”

 

ตัดฉากมาที่ — รังของอสูรเงาในม่านหมอกต้นไม้สูงเสียดฟ้ารอบตัวถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ กลิ่นอับชื้นของความตายลอยอบอวล บรรยากาศเงียบจนน่าขนลุก

ฮิโตริ ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมแผดเสียงลั่น

 

“ยะฮู้ววววว~ ดูนี่ ๆ! เห็นไหม? เห็นไหม๊~ อสูรงับ ๆ มาหาหน่อยเร็ววว~”

 

ด้านข้าง เอลฟิราน่า ยืนกอดอก มองเขาด้วยสีหน้าทนไม่ไหว

 

“ฉันไม่อยากจะจับคู่กับนายจริง ๆ ... หน้านายก็ไม่น่าคบอยู่แล้วด้วยซ้ำ”

 

ฮิโตริหันมายักคิ้วขำ ๆ

“แหม~ ถ้าพูดจากใจจริงก็รับนี่ไปหน่อยสิ”

ว่าแล้วเขาก็โยน ไส้เดือนดินตัวโต ใส่มือเธอทันที

เอลฟิราน่า หน้าเปลี่ยนจากขาวเป็นซีด ทันทีที่สัมผัสสิ่งนั้น

 

“กรี๊ดดดดดด!!! เอาออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ขยะแขยงงงงง!!”

 

ฮิโตริหัวเราะแทบทรุดกับพื้น

 

“ฮ่าๆๆๆๆ นี่แหละผลตอบแทนของการกัดฉันเมื่อกี้~”

 

แต่ในจังหวะนั้นเอง —เสียงคำรามต่ำลึกสะเทือนป่า ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนเบา ๆเงาดำขนาดมหึมาโผล่ขึ้นจากหมอก เสียงหายใจหนัก ๆ ดังก้องรอบตัว

 

“อสูรกิงรัน...”

มันใหญ่กว่าที่ใครคาดไว้ — หนังมันสีดำเหมือนยางมันวาว ตาแดงเรืองแสงราวกับเปลวไฟในเงามืด

ฮิโตริ เบิกตากว้างสุดชีวิต

 

“ชิบ—ชิบหายแล้ว! หนีกันเถอะ!!”

 

อสูรพุ่งเข้าใส่ทั้งคู่ด้วยความเร็วแบบสัตว์นักล่า

ทันใดนั้น เอลฟิราน่า ก้าวเข้าขวางไว้ ดวงตาเปล่งแสงเวท

 

“ฉันจะลงมือจัดการเจ้านี่เอง!”

 

แต่ก่อนที่เธอจะเรียกเวทได้เต็มที่ ฮิโตริคว้ามือเธอแน่นแล้วตะโกน

 

“ไม่ไหวหรอก! วิ่งไปล่อมันให้ถึงกลุ่มหลักก่อนเถอะ!”

 

เขาพาวิ่งออกจากรังทันทีโดยไม่รอคำตอบเอลฟิราน่า เบิกตากว้าง ใบหน้าแดงด้วยความตกใจและหงุดหงิด

 

“อย่ามาจับมือฉันตามใจชอบนะ! ตาบ้า!!”

 

ทั้งคู่วิ่งลัดเลาะผ่านพุ่มไม้และหุบเขา ก่อนจะพุ่งไปทางที่กลุ่มของ ทาเคชิ รออยู่

ทาเคชิ เหลือบมาเห็นอสูรไล่หลังมา

 

“ทุกคน ฮิโตริล่อมันมาทางนี้แล้ว!! เตรียมพร้อมเข้าสู้ได้เลย!! ครั้งนี้เราต้องไม่พลาด!”

 

กลุ่มผู้กล้าเรียกอาวุธออกมาในทันที เสียงเวทมนตร์เริ่มร่ายวน สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยสมาธิแผนการต่อสู้อันซับซ้อนเริ่มต้นขึ้นทีละขั้น

แต่อยู่ดี ๆ — ฮิโตริไม่หยุด เขายังวิ่งต่อไป ลึกเข้าไปในเขตอันตรายทาเคชิ ชะงัก

 

“เดี๋ยว! ฮิโตริ นายจะไปทางไหนวะเนี่ย!?”

 

เอลฟิราน่า หันไปมองทาเคชิ ดวงตาเต็มไปด้วยความต้องการความช่วยเหลือ

 

“ช่วยฉันด้วยยยย ท่านผู้กล้า!!!”

 

ฮิโตริ พาเธอพุ่งเข้าไปในถ้ำลึกที่อยู่ใกล้กับเขตภูเขา

 

“เรารอดมาแล้วนะ... เฮ้อ...”

เขาทิ้งตัวหอบเหนื่อยลงกับพื้น

เอลฟิราน่า ยืนหอบไม่ต่างกัน ก่อนจะหันมามองฮิโตริด้วยแววตาดุดันเธอคว้าหน้าเขาด้วยสองมือ — แล้วดึงแก้มทั้งสองข้างเต็มแรง

 

“จะบ้าเหรอ ใครให้ลากมาหนีแบบนี้กัน หาาาาาา!?”

 

ฮิโตริ หน้าเบี้ยว พูดเสียงยานคาง

 

“ก็ถูกแล้วไง~ ถ้าอยู่ต่อพวกเราก็โดนมันเขมือบแล้วนะ~”

 

เสียงทะเลาะดังก้องอยู่ในถ้ำ...ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดภายนอก ทั้งคู่กลับยังไม่วายปะทะฝีปากกันเหมือนเดิม.

แต่แล้ว...

 

ตึง... ตึง... ตึง...เสียงฝีเท้าหนักแน่นและถี่รัวดังมาจากด้านข้าง เสียงสะเทือนสะท้อนจากผนังถ้ำจนดินแทบสะเทือน

เงาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นจากด้านหลังม่านหมอกอีกครั้ง — ร่างของ อสูรเงากิงรันระดับอาวุโสขนาดของมันใหญ่กว่าอสูรกิงรันตัวก่อนหลายเท่า ดวงตาเรืองแสงสีแดงฉานจ้องตรงมาที่พวกเขาอย่างกระหาย

 

เอลฟิราน่า ไม่รอช้า เธอก้าวไปข้างหน้า คทาในมือส่องแสงสีฟ้าเจิดจ้า เธอร่ายเวทอย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยสมาธิ

“Thunder Cross!!”

 

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นทั่วทั้งถ้ำ — เส้นสายฟ้าสีฟ้าขาวฟาดลงจากเพดานถ้ำเหมือนกงจักรตัดผ่านร่างอสูรแรงระเบิดผลักร่างมันกระเด็นไปด้านข้าง เป๊ะ! เข้าสู่ เขตกับดักเวท ที่พวกเขาเตรียมเอาไว้พอดี

 

ฮิโตริเห็นจังหวะ รีบยกมือขึ้นเรียกพลังมืดออกมา

“ความมืดกลืนกิน!!”

 

จากมือของเขา พลังมืดสีดำไหลออกมาราวกับหมอกที่มีชีวิต มันพุ่งตรงเข้าใส่อสูรด้วยความเร็วและแรงมหาศาลแต่เมื่อกระทบกับร่างอสูร พลังนั้นกลับกลืนกินได้เพียงบางส่วน — แทบไม่ระคายผิวของมันเลย

ฮิโตริ ชะงัก รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ประโยชน์ไปชั่วขณะ

 

“เวรล่ะ...โจมตีไม่เข้าเลย?”

 

ในขณะที่เอลฟิราน่ายังคงร่ายเวทต่อเนื่อง และการโจมตีของเธอกลับสร้างบาดแผลให้กับอสูรได้จริง

เธอหันมาจะรุกต่อ — แต่ไม่ทันได้ก้าว ฮิโตริก็วิ่งมาคว้ามือเธออีกครั้ง แล้วพูดเสียงจริงจัง

 

“อสูรตัวนี้มันเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ รีบหนีก่อน!!”

 

ตัดฉาก – ด้านในของถ้ำลึกแสงจากเปลวไฟเวทมนตร์ที่ลอยอยู่บนผนังให้แสงสลัว ๆ เงาของสองคนทอดยาวไปตามพื้นหิน

ฮิโตริ นั่งเอนหลังกับโขดหิน กำลังยืดตัวแบบสบาย ๆ ด้วยสีหน้าที่โล่งอกเหมือนได้หลุดพ้นจากความตาย

 

“ฟู่... รอดไปที”

 

ข้าง ๆ เขา เอลฟิราน่า นั่งลงอย่างหงุดหงิด เธอหยิบคทาขึ้นมาทำความสะอาดด้วยความโมโหที่ระบายไม่ออกปากเธอบ่นเบา ๆ พร้อมใบหน้าบูดบึ้ง

 

“งือออออ~ ใจร้ายที่สุดเลย ไม่ปล่อยให้ฉันได้แสดงฝีมือเลยด้วยซ้ำ...”

 

ฮิโตริหัวเราะเบา ๆ แต่แล้วก็ค่อย ๆ หันไปมองเธออย่างจริงจัง

น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นสงบและเต็มไปด้วยความสงสัย

 

“ว่าแต่... เอลฟิราน่า เธอมาจากโลกไหนเหรอ?”

 

เธอชะงักไปเล็กน้อย

 

“...หมายถึงเหมือนนายกับพวกเพื่อนของนายน่ะเหรอ?”

 

ฮิโตริพยักหน้า

 

“ใช่... พวกเราทั้งห้องถูกอัญเชิญมาจากโลกอื่น โผล่มาที่นี่โดยไม่รู้ตัวเลย แต่เธอ... เธอดูไม่ตกใจเลยสักนิด”

 

เอลฟิราน่า วางคทาลงบนตักอย่างแผ่วเบา แววตาเธอเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยนิด ๆเสียงเธออ่อนลงกว่าทุกครั้ง

 

“...ฉันไม่ได้มาจากโลกอื่นหรอก ฮิโตริคุง ฉันเกิดที่นี่ โตที่นี่ อยู่ในโลกนี้มาตลอด”

 

ฮิโตริ เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเขาเริ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

“หา...? งั้นที่เธอใช้เวทระดับนั้นได้ตั้งแต่แรก...”

 

เธอยิ้มบาง ๆ แต่ไม่มีความภาคภูมิใจในรอยยิ้มนั้นเลย

 

“เพราะฉัน... ถูกฝึกให้เป็นนักล่าเวท ตั้งแต่ยังเด็ก”

 

เสียงเธอเย็นขึ้น

 

“ฉันไม่มีพรจากพระเจ้า ไม่มีพลังอัญเชิญ ไม่มีระบบเลเวล ฉันมีแค่ฝีมือ... ที่ได้มาจากเลือด เหงื่อ และความตายจริง ๆ”

 

ฮิโตริเงียบลงไปอย่างลึกซึ้ง คำพูดนั้นมันจุกอยู่ในอก

...แล้วเขาก็ยิ้มออกมาเบา ๆ

 

“แบบนี้... เธอเท่กว่าอีกว่ะ”

 

เอลฟิราน่า หน้าแดงขึ้นมาทันที หันหน้าหนีเล็กน้อย

 

“มะ... ไม่จำเป็นต้องชมแบบนั้นก็ได้!”

 

ฮิโตริ ยิ้มกวน ๆ ดึงใบไม้แห้งมาโยนเล่น

 

“ไม่ได้ชมเฉย ๆ นะ... ฉันอิจฉาเธอด้วยซ้ำ”

 

“พวกเราถูกส่งมาแบบงง ๆ มีพลังเทพเว่อ ๆ แต่ไม่มีใครเข้าใจโลกนี้จริง ๆเลย...”

 

เขาหันไปมองเธออีกครั้งอย่างจริงใจ

 

“แต่เธอคือ คนของที่นี่ จริง ๆ... และนั่นคือสิ่งที่พวกเราจะไม่มีวันเป็นได้”

 

เสียงลมหายใจของทั้งสองผสานกับเสียงหยดน้ำในถ้ำ ความเงียบห่อหุ้มไว้ด้วยคำพูดที่ยังค้างคาใจทั้งคู่...แววตาทั้งสองสบกันอยู่ครู่หนึ่ง — เงียบงัน แต่รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป

เอลฟิราน่าเงียบไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่พื้นหินตรงหน้า คำพูดของฮิโตริเมื่อครู่ยังคงดังก้องในใจเธอแล้วเธอก็เอ่ยถามออกมาเสียงแผ่ว...

 

“...แล้วทำไมถึงไม่หาทางกลับล่ะ?”

 

ฮิโตริ หันมามองเธอทันที แววตาเขาเปลี่ยนเป็นสงบและลึกซึ้งขึ้นเขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงทุ้มนุ่ม

 

“กลับงั้นเหรอ... อืม ยังไม่รู้สิ”

 

เขายิ้มบาง ๆ ไม่ได้ยิ้มล้อเลียนหรือเย้าหยอกเหมือนเคย แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจสายตาเขาเงยขึ้นมองเพดานถ้ำเบื้องบนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ตามหินย้อย สะท้อนแสงเวทจาง ๆ เป็นประกายราวดวงดาว

 

“เพราะตอนนี้ ฉันเริ่มรู้สึกว่า... โลกนี้น่าสนใจกว่าโลกเดิมเยอะเลย”

 

เขาหันกลับมายิ้มให้เธอ ไม่พูดอะไรต่อ... แต่แววตานั้นสื่อความหมายมากเกินพอ

เอลฟิราน่า สะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนแก้มเป็นสีชมพูจัดเธอรีบหันหน้าหนีไปอีกทางเหมือนจะกลบความเขินด้วยท่าทีหงุดหงิด

แต่สุดท้าย... เธอก็ยังพูดเสียงเบา ปลายเสียงสั่นเล็กน้อยราวกับใจเต้นแรง

 

“...ปากดีแบบนี้ ระวังฉันจะเริ่มชินกับมันนะ”

 

บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองเงียบลงไปอีกครั้งแสงไฟเวทสลัว ๆ รอบถ้ำพลิ้วไหวอย่างสงบ... จนกระทั่ง...

 

“เอาล่ะ... แล้วจะจัดการกับสิ่งที่อยู่ข้างหลังเธอยังไงดีล่ะ?”

 

เสียงของ ฮิโตริ เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ดวงตาเขาจ้องมองบางอย่างที่อยู่ข้างหลังของเอลฟิราน่า

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปตามสายตาของเขา

และทันใดนั้น...

 

“โครม!!”

เสียงลมหายใจร้อนผ่าวพุ่งกระทบพื้นถ้ำ เกิดเป็นไอน้ำระอุรอบตัว

เงาสีดำยักษ์ปรากฏขึ้นจากความมืด ร่างของ มังกรสีดำขนาดมหึมา ยืนเด่นตระหง่านเกล็ดของมันดำสนิทและมันวาวราวกับโลหะ ดวงตาสีทองเรืองแสงจ้องมองทั้งสองราวกับนักล่าที่กำลังประเมินเหยื่อเพียงแค่แรงลมหายใจของมัน ก็ทำให้พื้นถ้ำสั่นสะเทือน

บนหน้าผากของมันมีอักขระเวทลึกลับเรืองแสงสีแดง สัญลักษณ์ของ “มังกรระดับ SS+” ผู้ครองถ้ำลึกนี้

เอลฟิราน่า ถอยหลังโดยอัตโนมัติ ความตกใจฉายชัดบนใบหน้า

 

“...มะ... มะ มังกรระดับ A++?”

 

ฮิโตริก้าวมาข้างหน้า ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังเต็มที่รอยยิ้มล้อเลียนก่อนหน้านี้หายไปสิ้น เหลือไว้เพียงสีหน้าของนักรบที่พร้อมจะเผชิญหน้าความตาย

 

“ชิบหายละครั้งนี้... หนีไม่ได้แน่ ๆ”

 

เปลวเวทสีดำเริ่มก่อตัวขึ้นในมือของเขาช้า ๆ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!