NovelToon NovelToon

The Bonds of Love (MPREG)

Episode 1

บทที่ 1

 

 

ร้านอาหารกลางเมืองที่เจ้านายเขาเป็นคนจองเอาไว้ให้ ในห้องจัดเลี้ยงโซนวีไอพี

งานใหญ่ขนาดที่ทำให้ทุกคนที่อยู่บริษัทได้โบนัสแน่ๆ สามเดือน+เงินพิเศษ เพิ่งจะจบลง

"ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยครับที่ทำให้งานนี้ผ่านพ้นได้ด้วยดี” บอสที่แสนอบอุ่นกล่าวขอบคุณลูกน้องสิบหกชีวิตในห้องนี้

“เพื่อเป็นการตอบแทน คืนนี้ขอให้กินดื่มกันให้เต็มที่ พรุ่งนี้อนุญาตให้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศครับ”

“เย้....” เสียงเฮลั่นห้อง

ทำเอาเซียวจ้านหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเหตุของพวกน้องๆ

“เต็มที่เลยนะ” บอสนั่งลงแล้วทุกคนก็เริ่มดื่มกันต่อ

“จ้าน” เซียวจ้านเดินไปข้างๆ บอส

“ครับ...”

“อันนี้บัตรเอาไว้เคลียร์ค่าใช้จ่ายนะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ นะครับ เก่งมาก” บอสตบบ่าเขา

เพราะบอสให้โอกาสเขา พี่อี้โจวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมาพยักหน้า

“ครับ” เซียวจ้านยิ้มกว้าง

รู้สึกเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จไปอีกขั้นนึงแล้ว

สักพักบอสกับพี่อี้โจวก็ขอตัวกลับ

“กลับดีๆ นะครับ” เซียวออกมาส่งที่หน้าร้าน

“เราด้วยนะ” พี่อี้โจวหันมาพยักหน้าให้

 

 

ถ้าทั้งออฟฟิศรู้จักเซียวจ้านมากพอเท่าที่อี้โจวรู้จักทุกคนอาจจะแปลกใจ

แต่ตอนนี้รุ่นน้องเขาเปลี่ยนไปมาก มากกว่าตอนที่เขาเจอ

“พี่จ้าน” จื่ออิงหันมาเห็นเขาที่เดินเข้ามาให้ห้องพอดี เดินมาลากเขาทั้งที่ตัวเองเริ่มเมามากแล้ว

“ดื่มครับ ดื่มให้หมดแก้วเลย” เซียวจ้านพอจะรู้ว่าน้องๆ เป็นพวกทโมน ชอบเล่นอะไรแผลงๆ

“วอดก้ากับเบียร์” อี้ป๋อบอกเขา แววตาเด็กๆ ที่มองจ้องมาอย่างลุ้นๆ ทำให้เขาตัดสินใจกระดกรวดเดียวหมด

“วู้.....พี่จ้าน” เสียงโห่ร้องรอบๆ ทำให้เซียวจ้านหัวเราะ

 

 

“....” เขาเป็นพี่จ้านที่สุภาพ ใจเย็นของน้องๆ เสมอ

“พี่ต้องดื่มเยอะๆ” จั่วเฉิงกำชับแล้วส่งแก้วให้เขาอีก

.

.

.

“ดื่มโหดเหมือนโกรธใคร” อี้ป๋อหันมาบอกกับเซียวจ้าน

เมื่อเจ้าพวกลิงเริ่มกรอกวอดก้าใส่ปากเพื่อนที่เล่นเกมแพ้ เสียงโห่ฮาตัวอยู่เป็นระยะๆ

“ไม่ไปเล่นกับเขาบ้างละ” อี้ป๋อส่ายหน้า

“ผมกินเบียร์ ไอ้พวกนั้นกินวอดก้า” เซียวจ้านพยักหน้า

“พี่ก็ดื่มเลยนะ เดี๋ยวผมไปส่งเอง” เซียวจ้านพยักหน้า ปกติเขาเองก็ติดรถอี้ป๋อกลับบ้านอยู่บ่อยๆ

“ดื่มมากไม่ค่อยได้แล้ว ไม่ค่อยได้ดื่มนานๆ พอดื่มหนักมันเมาง่าย” อี้ป๋อเอียงคอมองคนที่กินวอดก้าไปห้าช็อตติดๆ กันเมื่อครู่แล้วหัวเราะ

จริงอย่างที่พี่อี้โจวเคยแซว พี่จ้านไม่ธรรมดา

ก่อนจะกลับเซียวจ้านเคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จแล้วเจ้าของร้านที่รู้จักกันยังส่งไวน์มาให้กินอีกขวด

 

 

“ผมดื่มหลายอย่างแล้วนะครับ” แม้ว่าจะอย่างนั้นรอยยิ้มพิมพ์ใจก็ยังมีประดับอยู่บนใบหน้าหวานๆ

“อันนี้ผมได้มาจากเพื่อนเลยนะ ผมจะให้คุณลองหลายทีแล้ว” ถึงจะไม่อยากดื่มแล้วแต่ก็ยังรับมา

เอาวะ เมาสักวันคงไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็ไม่ได้เข้าออฟฟิศอยู่แล้ว

.

.

.

“กลับดีๆ น้า...” เสียงเซียวจ้านร้องบอกน้องๆ ที่ทยอยกลับกันไป บางคนขึ้นรถเพื่อน บางคนขึ้นแท็กซี่

“พี่น่ะ...ไหวมั๊ย” อี้ป๋อมองคนที่ยืนไม่มั่นคง แล้วส่ายหัวเบาๆ

“ไหวสิไหว” ปากบอกไหวแต่ยืนตรงๆ ยังยากเลย

“เสี่ยวป๋อพี่กลับแท็กซี่ก็ได้นะ” สภาพนี้ขึ้นแท็กซี่เขาก็อดระแวงคนขับแท็กซี่ไม่ได้

“ขึ้นรถครับ” พี่อายุมากกว่าพยักหน้าก่อนจะเดินปัดๆ ไปเปิดประตูขึ้นรถ แล้วเอนหัวซบกระจกหน้าต่าง

“....” อี้ป๋อโน้มตัวไปจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ เซียวจ้านก็ยกมือขึ้นมา

“พี่คาดเองครับ” เซียวจ้านรั้งสายเบลท์ออกมาแต่พอถึงตอนที่ต้องเสียบลงช่องก็ไม่สามารถเสียบได้สักที อี้ป๋ออยากจะแกล้งแต่ก็สงสาร เขาเลยจับมือขาวๆ นั้นกดเบลท์ลงช่องให้

“ขอบคุณครับ ขอบคุณ” คำพูดติดปากของฝ่ายประสานงานสินะ

ระยะประชิดเมื่อสักครู่ทำให้อี้ป๋อได้กลิ่นน้ำหอมของเซียวจ้านที่ผสมกับกลิ่นเหงื่อจางๆ

น่าแปลกที่เขาเป็นพวกจมูกดี บ่อยๆ ครั้งที่คนข้างๆ ใส่น้ำหอมกลิ่นโปรดของเขา แต่อี้ป๋อไม่เคยเอ่ยปากออกไป เพราะมันคงดูแปลกๆ ที่ชมผู้ชายด้วยกันว่าน้ำหอมหอมดี

“...” ใบหน้าขาวๆ เหมือนจะระเรื่อไปด้วยสีชมพูจางๆ ไปทั้งใบหน้าและลำคอ

 

 

พอเลี้ยวเข้ามาส่งลานจอดรถใต้ดินตรงหน้าลิฟต์ เขาก็หันไปมองเซียวจ้านที่ยังกอดกระเป๋าเป้อิงหัวกระจก

“พี่จ้านถึงแล้วครับ” เจ้าตัวปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะหันไปมองรอบๆ

“อ่า....แต๊งกิ้วนะเสี่ยวป๋อ” เสี่ยวป๋อมาหลายรอบแล้ว ปกติต่อหน้าคนอื่นๆ พี่จ้านไม่เรียกเขาแบบนี้

เพราะอี้ป๋อจะเป็นพวกหน้าเรียกแขกเสมอ แต่ฝีมือการทำงานของเขาที่เข้าตาบอสกับพี่อี้โจวมาๆ ถึงได้เป็นดรีมทีม

 

 

“....” อี้ป๋อมองคนที่เดินลงจากรถไปกดลิฟต์แล้วอิงผนัง

พอประตูลิฟต์เปิดออกก็ยังยืนอยู่ที่เดิม อี้ป๋อเลยตัดสินใจจอดรถให้เรียบร้อยแล้วเดินมาจับต้นแขนเซียวจ้านให้ยืนดีๆ

“พี่เมามากเลยนะเนี่ย”

“เสี่ยวป๋อยังไม่กลับเหรอ” คนเมาก็เงยหน้าขึ้นมอง

“ชั้นไหนครับ” ถึงเขาจะมาส่งเซียวจ้านที่นี่บ่อยแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็มาส่งแค่ที่จอดรถเท่านั้น ไม่เคยรู้ว่าเจ้าตัวอยู่ชั้นไหน ห้องไหน เพราะเขาเองก็ค่อนข้างมีขอบเขตกับคนตรงหน้าประมาณหนึ่ง

“ชั้นเก้า” เซียวจ้านยิ้มกว้างก่อนหันไปจิ้มผนังลิฟต์เล่น

“ทางไหนครับ”

“ทางนั้น” เซียวจ้านชี้มือ

อี้ป๋อประคองร่างที่เป๋ไปมาให้เดินตรงๆ กว่าเก่า แล้วก็นึกในใจว่าเขาจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้แกล้งรุ่นพี่คนนี้ให้ได้เลย

“ทำไมมันไขไม่เข้า” แว่นตาใสๆ ตกมาอยู่ที่ปลายจมูก

“ผมช่วย” เขาคว้ากุญแจมาไขเอง พอเปิดประตูเข้าไป ไฟอัตโนมัติหน้าห้องก็เปิด

“นั่งนี่ก่อนครับ”

“โอ้...ขอบคุณนะ” เซียวจ้านคว้ารีโมตแอร์มาเปิดก่อนจะปาไปไว้ที่โซฟาอีกตัว

“น้ำครับ นี่ผ้าเย็น” อี้ป๋อเปิดตู้รินน้ำพร้อมกับหยิบผ้าเย็นมาส่งให้

แต่เหมือนคนเมาจะทิ้งกายลงแล้วหลับทันที

รองเท้าก็ไม่ถอด กระเป๋าเป้ก็ยังอยู่ที่ไหล่

อี้ป๋อไม่คิดว่าคนอย่างเซียวจ้านจะเป็นได้ถึงขนาดนี้

เมื่อตอนงานเอ้าติ้งที่ต่างจังหวัดครั้งก่อน

พวกเขาดื่มกันจนเมา เรียกว่าเมาเละเทะเลยก่อนที่สติจะดับไป

พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าทุกคนถูกพากลับห้องพักแล้วเรียบร้อย โดยฝีมือขอเซียวจ้านคนนี้เพียงคนเดียว

“ถอดรองเท้าก่อนครับ” พอสะกิดบอกเจ้าตัวก็ค่อยๆ ดันตัวขึ้นมานั่งแล้วช้อนตามองเขา

เอาจริงๆ เขาไม่เคยเห็นมุมนี้มาก่อน

ไอ้สายตาขี้อ้อนกับเสียงหวานๆ ที่พี่อี้โจวแน่ะว่าให้เอาไปใช้กับลูกค้ามันเป็นแบบนี้เองเหรอวะ

“....” พี่จ้านถอดรองเท้าออกแล้วดึงถุงเท้าออกเอง ก่อนจะยัดๆ มันลงในรองเท้าและดันมันหลบไปอีกทาง

“เสี่ยวป๋อ พี่โอเคครับ กลับได้แล้ว” เสียงที่อ่อนโยนบอกกับเขา แต่ดวงตาฉ่ำ ใบหน้าแดงๆ นั้นกำลังทำให้เขาใจอ่อนยวบยาบ

พอย่อตัวลงนั่งข้างแล้วเอาผ้าเช็ดไปตามใบหน้า ลำคอไปจนถึงแผงออก

คนที่นอนเฉยๆ ให้เช็ดก็ยิ้มให้

“ดีจังเลยนะ ใจดีจัง” ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...

หวังอี้ป๋อสะดุดกับรอยยิ้มแบบนี้ของพี่จ้านทุกทีเลย

คนเช็ดถึงหายใจเข้าลึกๆ กับรวบรวมสติที่ดูจะกระเจิดกระเจิงไปกับรอยยิ้ม

อี้ป๋อปลอบตัวเองว่าเขาน่าจะห่างจากเรื่องบนเตียงนานไปหน่อย

พอเห็นพี่จ้านเวอร์ชั่นนี้แล้วอดคิดลามกไม่ได้จริงๆ

ปกติพี่จ้านเป็นคนสดใส แถมพูดเก่ง ช่างเอาใจใส่คนอื่นๆ เขาเลยมองว่าพี่จ้านเป็นเหมือนพี่ที่น่ารักมาตลอด

จนตอนนี้

เขาค่อยๆ โน้มตัวไปแตะริมฝีปากเข้ากับปากบางสีชมพูอ่อนนั้นอย่างเผลอไผล

เซียวจ้านหลับตาลง อี้ป๋อที่คิดว่าถ้าแตะเบาๆ สัมผัสเพียงแผ่วเบาก็พอจะทำให้เขาหยุดความอยากรู้ว่าปากพี่จ้านจะนิ่งขนาดไหน

หากแค่เพียงแตะเบาๆ ร่างกายของเขาก็เริ่มกดเน้นให้อีกฝ่ายเปิดอ้ารับลิ้นเข้าไปสำรวจ

“....” ทำไมมันต่างจากจูบที่เคยเป็นมา

ยิ่งจูบคนข้างล่างเองก็โต้ตอบ

เซียวจ้านน่ะเมาแน่นอน เขารู้

แต่ตัวเขาเองละ...

อี้ป๋อลงความเห็นให้ว่าเขาเองก็เมาเหมือนกัน

ความยับยั้งชั่งใจถูกทำลายลงเมื่อมือของพี่จ้านยกขึ้นมาแตะที่อกของเขาก่อนจะโอบรอบคอ

มือของอี้ป๋อเองก็ทำหน้าที่ปลดกระดุมของคนข้างล่าง ทั้งยังลูบไล้ไปตามผิวเนียนๆ พาดผ่านยอดอกให้เซียวจ้านครางรับในลำคอ

“พี่จ้าน...” เขาเรียกชื่ออีกคนเมื่อเขาปลดปลดเข็มขัดรุ่นพี่ออกแล้วรั้งกางเกงลง

“...” เซียวจ้านไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เขาโอบกอดหวังอี้ป๋อเอาไว้ ตอบรับด้วยจูบที่มอมเมาให้ความต้องการทะยานสูงขึ้น

ไม่รู้ว่ากางเกงของอีกฝ่ายหลุดไปเมื่อไหร่ แต่เซียวจ้านก็ลูบไล้ลงไปถึงแก่งกายที่กำลังขยายตัวเต็มมือของเขา

“พี่มีถุงมั๊ย” อี้ป๋อไล้จมูกไปมากระซิบถาม

“ไม่มี” เซียวจ้านส่ายหน้า เพราะเขาไม่เคยพาใครมาที่นี่ และไม่ได้มีใครมาตั้งแต่ตอนนั้น

“งั้นผมไม่ใส่นะ” เซียวจ้านไม่รู้ตัวว่าตอบว่าอะไร แต่คนข้างบนก่อนขยับตัวลงไปจ่อที่ทางเข้า

 

 

หากแต่เมื่อเพียงส่วนปลายเข้าไป อี้ป๋อแทบจะปลดปล่อยออกมา

“พี่จ้านอย่าเกร็ง” เขาเสียวจนแทบสุด หากแต่พอกดเข้าไปจนสุดแล้วแช่ค้างเอาไว้ พี่จ้านก็คล้ายจะผ่อนคลายมากขึ้น เขาจึงรอดพ้นจากการล่มปากอ่าว

“อื้อ....” พออี้ป๋อดันเข้าไปอีกครั้งเหมือนจะโดนจุดวาบหวามของเซียวจ้านเข้า เขาเลยเน้นลงไปอีกครั้งและอีกครั้ง

“อื้อ....อ่ะ” พอเห็นรุ่นพี่เริ่มตอบสนองต่อสัมผัส อี้ป๋อก็เริ่มขยับตามที่ร่างกายเรียกร้อง

ความรู้สึกที่ได้รับมันแปลกใหม่กว่าที่เคยพบเจอ

ภายในที่เต้นตุบตอดรัดเขา ทั้งร่างกายที่โอบกอดเขายามนี้ จูบที่เร่าร้อนและอ่อนโยนในคราเดียวกัน เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงใหลไปกับร่างกายของพี่จ้าน

“จะถึง” อี้ป๋อรั้งรูดส่วนหน้าจนน้ำกามสีขาวทะลักออกมา ก่อนจะเร่งเน้นกดแกนกลางเข้าไปอีกครั้ง

“อ่า....” เขาปลดปล่อยออกไปแล้ว ภายในยังอุ่นและตอดรับอยู่

อี้ป๋อกดจูบที่ข้างขมับรุ่นพี่

“...” เหมือนจะหลับไปแล้ว...เขามองใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าอายุ

เขาสองคนทำอะไรลงกัน...

 

 

หลังจากปลดปล่อยความใคร่ สติของอี้ป๋อก็กลับมา

ข้อหนึ่งเขายอมรับว่าเขาล่วงเกินเซียวจ้านที่เมา

ข้อสองเขาไม่แน่ใจว่าเซียวจ้านมีคนคุยอยู่มั๊ยในตอนนี้

ข้อสามถ้าสิ่งที่พี่อี้โจวเคยพูดเป็นจริง พี่จ้านเป็น (MPREG)

Episode 2 ไหนว่าเหมือนเดิม

บทที่ 2

เซียวจ้านขยับตัวเบาๆ

ค่อยๆ กระพริบตาปรับโฟกัสแล้วถึงได้เห็นเพดานห้องตัวเอง

“....” แม้จะรู้สึกปวดหัวจี้ๆ แต่ความเหนียวที่หว่างขาก็ทำให้เขาขมวดคิ้วแทบจะทันที

เซียวจ้านเรียงลำดับเหตุการณ์เมื่อคืนในหัวของตัวเองขณะที่ค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง

เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า บนตัวมีผ้าห่มของตัวเองห่มอยู่

พอมองไปข้างๆ โซฟามีร่างของใครสักคน

“หวังอี้ป๋อ” เซียวจ้านตะครุบปากตัวเองไม่ให้เสียงดัง

.

.

.

อี้ป๋อใส่กางเกงนอนถอดเสื้ออยู่ที่พรมหน้าโซฟา ที่ไหล่มีรอยเล็บประปราย

เซียวจ้านค่อยๆ ขยับตัวลุกออกไปจากตรงนั้นเงียบๆ เข้าไปในห้องนอนตัวเอง

เมื่อคืนกินเลี้ยง

เขากินวอดก้า กินเบียร์ ตบด้วยไวน์

แล้วเขาก็ไปส่งเด็กกลับบ้านที่ตรงหน้าร้าน

อี้ป๋อเป็นคนมาส่งเขา

เป็นกดลิฟต์แล้วก็ไขกุญแจห้อง

แล้ว....

หน้าที่ขาวซีดของคนเมาค้างเริ่มแดงเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะซีดลงในทันทีร่างกายมันฟ้องว่าเขาผ่านการมีเพศสัมพันธ์

“พี่มีถุงมั๊ย” ...

เหมือนภาพฉายซ้ำวนไปมาบนหัวเซียวจ้านอีกครั้ง

“พี่มีถุงมั๊ย”

“พี่มีถุงมั๊ย”

“พี่มีถุงมั๊ย”

“พี่มีถุงมั๊ย”

“พี่มีถุงมั๊ย”

.

.

.

.

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลาเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว

“...” พอเดินประตูออกมาพบคนนั่งหน้าตึงหนึ่งอัตรา

“ตื่นแล้วเหรอ” เซียวจ้านเดินไปเทน้ำกระดกเข้าปาก

แอลกฮอล์นี่ทำให้เขารู้สึกแห้งไปทั้งตัว คอแห้งไม่ว่า หน้าก็แห้งด้วย แม้แต่รอยยิ้มก็แห้งเต็มที

“เมื่อคืน...” อ้าปากปุ๊บเซียวจ้านก็ตาโตรีบยกมือห้าม เขาไม่พร้อมจะนึกถึงอีกครั้ง...

“อ่าๆ อี้ป๋อ เมื่อคืนคือเมื่อคืน มันผ่านไปแล้ว เราจะอย่าเอามาพูดถึงอีกเลยนะ”

“...” อี้ป๋อมองคนที่พูดประโยคยาวๆ นั่น ไม่สบตาเขา

“เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ อีกอย่างนึง เราก็โตๆ กันแล้ว” อยากจะบอกให้ปล่อยผ่าน แต่หน้าคนร่วมเหตุการณ์ดูจะเรียบเฉยจนเดาทางไม่ออก

“พี่เมา” ไมรู้ว่านี่คือประโยคคำถามหรือประโยคบอกเล่า

“ใช่เลย พี่เมา นายก็เมาดังนั้นก็ช่างมันเถอะ” เออ...บอกเล่าดีกว่าแหละ

“ผมไม่ได้เมามากขนาดนั้น” อี้ป๋อเดินเข้าไปประชิด

“คืองี้นะ ถ้านายจะพูดเรื่องนี้ มันก็จะทำให้เรามองหน้ากันไม่ติด” เขาไม่เคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบนี้กับคนสนิทใกล้ตัว

“พี่จะให้ผมลืมๆ มันไป” สายตาเรียก (ตีน) แขกในยามปกติดูจะกรุ่นๆ บอกไม่ถูก

“อ่อ...ก็แบบนั้นมันดีที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างตอนนี้พวกเราก็ทำงานกันเป็นทีม พี่เองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราด้วย” เซียวจ้านกลัวการเปลี่ยนแปลงที่สุดยิ่งเรื่องความสัมพันธืกับคนยิ่งแล้วเลย

“....” อีกคนเงียบ...และมองหน้าเขาไม่วางตา ซึ่งสถานการณ์นี้โคตรรับมือยาก

“อี้ป๋อ ทั้งนายแล้วก็พี่ไม่เคยคิดเกินเลยกันมาก่อน แล้วเมื่อคืนพี่เมามากก็จริง แต่ในฐานะของพี่ที่อายุมากกว่า ขอร้องนายเถอะนะ”

“....”

“ช่วยทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้มั๊ย”

แม้ว่าอี้ป๋อจะรู้สึกโล่งใจที่อีกฝ่ายดูไม่ได้เรียกร้องอะไร

แต่มันก็รู้สึกหงุดหงิดใจ

พี่จ้านนี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลยจริงๆ เหรอ

“คือ...ถ้าพี่อี้โจวรู้ว่าพี่กับนาย... พี่ตายแน่ๆ”

“....ทำไม” พี่อี้โจวมาเกี่ยวอะไรด้วย

“ก็....ตอนที่พี่ตัดสินใจมาทำงานที่นี่ พี่สัญญากับพี่อี้โจวว่า พี่จะไม่มีเรื่องรักๆ ใครๆ ในออฟฟิศเด็ดขาด” เซียวจ้านเองก็ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย เพราะเขาเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่าไม่มืออาชีพ

อี้ป๋อเองก็พอจะรู้เรื่องราวของเซียวจ้านมาบ้าง

ถ้าให้นับจริงๆ ทั้งบอส ทั้งพี่อี้โจว เซียวจ้าน และอี้ป๋อเองต่างก็ทำงานอยู่ที่บริษัท ใหญ่ที่เดียวกันมา

เพียงแต่ บอสกับพี่อี้โจวทำแผนกเดียวกัน ส่วนเซียวจ้านทำอีกแผนกแต่ก็สนิทกับพี่อี้โจว

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ลาออก เลยเหลือแต่เขากับบอสที่นั่น จนวันนี้ที่บอสมาเปิดบริษัท เลยได้กลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งว่าไปเขากับพี่อี้โจวและเซียวจ้านเรียกได้ว่ามารู้จักกันที่นี่

“เพราะเรื่องนั้น...” เขาเคยได้ยินมา เซียวจ้านเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของผู้จัดการคนนึง

“ก็ด้วย...” แต่เรื่องมันผ่านมาตั้งหกปีแล้ว แต่ดูคนตรงหน้าจะยังไม่ลืมผลกระทบจากครั้งนั้น

“พี่ไม่อยากให้พี่อี้โจวผิดหวังในตัวพี่อีกแล้ว” เซียวจ้านทั้งรักและเคารพพี่อี้โจว ขนาดที่พอถูกชวนมาทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ก็ไม่รีรอสักนิด

“นายสัญญาได้มั๊ยว่า เราจะไม่พูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก” หวังอี้ป๋อมองหน้าคนที่ช้อนตาขึ้นมองเขาในระยะประชิดแล้วอดถอนใจไม่ได้

“พี่ตอบคำถามผมได้มั๊ย..” เซียวจ้านพยักหน้า อี้ป๋อถอนใจก่อนจะเอ่ยถาม

“พี่เป็น MPREG ใช่มั๊ย” เซียวจ้านหน้าซีดเมื่อได้ยินคำถาม

ก็เขาตั้งใจจะปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับ แล้วหวังอี้ป๋อรู้ได้ยังไง

“ผมเห็นเอกสารตรวจสุขภาพบนโต๊ะทำงานพี่” เขายอมรับว่าเปิดดู

“อ่า...ใช่ แต่ถ้านายกังวลเรื่องท้องสบายใจได้เลย” พี่ฝังยาคุมกำเนิด ไม่ต้องกังวลเรื่องเด็ก

เซียวจ้านชี้ที่ท้องแขนข้างซ้าย

 

 

“พี่จ้านครับบบบบบบบบบบ” จั่วเฉิงวิ่งเข้าไปกอดแขนคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาจากไปประชุมข้างนอก

“ว่าไง”

“พรุ่งนี้พี่ถิงเยี่ยกับพี่เต๋อจะเข้ามาช่วงบ่าย แต่คุณเหวินจูจะเข้ามา พี่ช่วย....เลื่อนนัดเป็นช่วงเช้าได้มั้ยครับ”

“แล้วถ้าไม่ได้ละ” จัวเฉิงเบะปากน้ำตาคลอ

“ผมอาจจะตายก็ได้นะครับ” ถึงแม้ว่าจะโตแล้วแต่ก็คงจะโตแต่ตัว ไอ้นิสัยขี้อ้อนที่ฝ่ายประสานงานน่าจะเป็นเหมือนกันหมด

“ตายเลยเหรอ...55” แม้ว่าจะทำท่าแบบนั้นแต่เซียวจ้านก็พยักหน้ารับ

ถ้าคุยกับเหวินจูก็ไม่ได้ยากอะไร อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คนไกลสำหรับเซียวจ้านอยู่แล้ว

เพียงแต่เขารักษาระยะห่างเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็พอ

“พี่เหวินจู ผมเซียวจ้านเองครับ”

-ว่าไงไอ้ตัวแสบ-

“เช้าพี่ว่างมั๊ยครับ พอดีจัวเฉิงอยากรีบพรีเซนงานให้พี่ก่อนที่จะส่งครับ”

-ว่างนะ สิบโมง-

“บ่ายไปทานกาแฟกันนะครับ” เซียวจ้านเองก็เป็นพวกรู้จักกันในวงกว้างยิ่งทำงานวงการเฉพาะ ยิ่งเป็นที่รู้จัก วงการไม่ได้กว้างแล้วเขาก็เป็นที่เอ็นดูของพี่ๆ เสมอ

-ได้สิ พี่จะได้กินกาแฟกับเราสักที แล้วอี้โจวจะมามั๊ย-

“ไม่ครับ ผมคนเดียวครับพี่” แม้ว่าจะปลายสายจะบ่นเสียดายแต่ก็รับปากว่าจะไปทานกาแฟ

 

 

พอวางสายก็ยกหูสายในไปบอกจัวเฉิง

“เรียบร้อย”

-ขอบคุณครับ พี่จ้าน พรุ่งนี้ผมซื้อหมูปิ้งมาฝากนะครับ- เสียงดีอกดีใจขนาดนั้น ไม่วายติดสินบนเขาเหมือนเคย

 

 

“จ้านจ้าน เข้ามาพี่หน่อย” พี่อี้โจวร้องบอกเขาก่อนจะเดินนำอี้ป๋อเข้าไปในห้อง

“ครับ” วางไอแพดเตรียมจะบันทึก

“ใกล้ส่งงานแล้วพอดีพี่มีเรื่องจะไหว้วานเรากับอี้ป๋อ” พี่อี้โจวเป็นพวกวางแผนจ่ายงานแล้วก็สั่งการเก่ง แต่ถ้าเรื่องมองคนขาดก็อันดับหนึ่ง ไม่แปลกที่องค์เล็กๆ แต่ยอดกำไรจะพุ่งทะยานขนาดนี้

สำหรับอี้ป๋อที่แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์มาได้เกือบเดือนแล้วแต่อี้ป๋อบอกตามตรงว่าเขารู้สึกว่ารุ่นพี่ได้เหมือนเดิมสักเท่าไหร่

“ไปดูสถานที่ให้พี่ที่ไต้หวันแล้วเอาข้อมูลมาสรุป แต่รอบนี้มันไกลก็ค้างคืนกันนะ” รุ่นพี่พ่วงตำแหน่งหัวหน้าสั่งเขา เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงเขาให้เบิกอยู๋แล้ว

“อ่า ได้ครับ” เซียวจ้านจดข้อมูลที่พี่อี้โจวบอกลงไอแพด

“แล้วมีใครไปอีกมั๊ยครับ”

“ไม่อ่ะ...ก็ไปกันแค่เราสองคน” พี่อี้โจวบอก

อี้ป๋อแอบหน้าหวานค้างไปสามวิ

ไหนพี่บอกว่าทุกอย่างเหมือนเดิมไง

นี่ไง ไม่เหมือนเดิมเห็นๆ

“อ้ากกกกก” เซียวจ้านนั่งโวยวายกับตัวเองให้ห้องน้ำ

เกือบเดือนแล้วเขาบอกกับตัวเองว่าทุกอย่างเหมือนเดิม แต่พอเจอหน้าหวังอี้ป๋อไม่กล้าสบตาตรงๆ เลย

ปกติเขาจะติดรถหวังอี้ป๋อกลับบ้านถ้ากลับจังหวะเดียวกัน

ตอนนี้เซียวจ้านตัดใจนั่งเคลียร์เอกสารที่ออฟฟิศจนมืดทุกวัน

แต่มันมีวันนึงที่ดันนั่งประชุมกันจนดึก แล้วเขาต้องติดรถอี้ป๋อกลับหอ

แม้ว่าการพูดคุยกันมันจะคล้ายกับปกติ

เซียวจ้านเองก็บอกตัวเองว่าทำได้ดีแล้ว

ใครจะปกติร้อยเปอร์เซนละวะ

ทำได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว

วันนั้นเขาไถทวิตเตอร์ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่วันนั้นแฮชแท็กเรื่องทำแท้งถูกกฎหมายติดอันดับหนึ่งพวกเขาเลยคุยๆ กัน เกี่ยวกับเรื่องนี้

"ถ้าถามพี่เรื่องทำแท้ง มันควรจะถูกกฎหมายอ่ะ เพราะถ้าเหตุการณ์ผิดพลาดมันส่งผลให้เกิดชีวิตหนึ่งขึ้นมา มันมีอะไรที่จะบอกได้ว่าเราจะดูแลเลี้ยงดูให้เขาเป็นมนุษย์ที่ดี ถ้าเราดันทุรังฝืนจะเอาไว้แล้ว สร้างสิ่งมีชีวิตที่บิดเบี้ยว มันทรมานทั้งเขาแล้วก็เราด้วย สู้เอาออกไปตั้งแต่ยังเป็นแค่ก้อนเนื้อมันดีกว่าไม่ใช่เหรอ" ก็เขาไม่ได้เกิดมาในบ้านที่อบอุ่นอย่างที่ใครๆ คิด

บ้านมันไม่ใช่เซฟโซนของเซียวจ้าน

"ผมว่าทุกคนก็มีเหตุผล ผมเข้าใจแต่การที่มีคนคนนึงมาเกิดน่ะ มันเหมือนพรมากกว่าคำสาป ถ้ามันเกิดขึ้นกับผมในวันนี้ วันที่ผมอายุเท่านี้มีงานทำ ผมว่าผมคงให้เอาไว้" อี้ป๋อเป็นพวกอ่อนไหวกับเรื่องครอบครัว

สองคนถูกเลี้ยงมาโดยคุณยายเหมือนกันจึงไม่แปลกที่เวลาพูดคุยกันจะเป็นช่วงเวลาที่อยู่กับคุณยาย

แต่พอมาคุยเรื่องครอบครัวที่หมายถึงพ่อแม่ลูก ความหมายของทั้งคู่อาจจะไม่เหมือนกัน แต่บทสนทนาก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน

อี้ป๋อสัมผัสได้ว่าเซียวจ้านรักครอบครัวมาก แต่เพราะกำแพงบางอย่างที่ทำให้เซียวจ้านตัดสินใจแยกตัวออกมา

สำหรับอี้ป๋อครอบครัวอบอุ่นแล้วก็เขาเองก็ชอบที่อยู่กับครอบครัวใหญ่

“เด็กๆ ต้องการเวลามากกว่าผู้ใหญ่คิด ในขณะที่เรามีเหตุผลมากมายในการใช้ชีวิต เด็กๆ ก็แค่อยากจะมีความสุขกับพ่อแม่เท่านั้นเอง”

“พี่มีความสุขมั๊ยตอนที่อยู่กับที่บ้าน” เซียวจ้านยิ้มให้ตัวเองเมื่อได้ยินคำถาม

“ก็มี แต่มันจางมาก แทบจะจำไม่ได้เลย พี่รู้แต่พ่อกับแม่ทำงาน” แล้วตัวเขาเองก็ไม่ได้เป็นลูกที่พ่อแม่อยากจะมีตั้งแต่แรก

เซียวจ้านเคยอยากมีลูก ตอนนั้นเขาอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่กับคนที่รัก

แต่เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีกแม้แต่คนในครอบครัว

“ถ้าผมมีลูกคงดีใจมาก”

“ถ้านายมีกับคนที่นายรัก แล้วเขาก้รักนายน่ะนะ”

“....”

“เพราะถ้าเด็กเกิดจากความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนัง เด็กก็เหมือนเชือกที่ล่ามอีกคนเอาไว้”

อี้ป๋อมองคนที่ภายนอกสดใสแต่ข้างในคล้ายกับมีเงาดำบางอย่างปกคลุมอยู่

“พอเด็กเกิดมา พอถูกใช้เป็นเครื่องมือ เขาจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นวัตถุ” แววตาที่สบกลับมาทำให้อี้ป๋อรู้ว่าคนพูดว่างเปล่า

อยากจับมือ...

อยากจับมือที่กำอยู่บนกระเป๋าเป้นั้น...

กำแน่นเสียจนขึ้นข้อขาว

“ผมมีความรัก ผมจะให้เขาจนกว่าจะเพียงพอให้เขารู้สึกว่าความรักของผมที่มีให้เขา ไม่มีวันหมด”

“อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในท้อง ก็มีความรักของแม่ในช่วงเวลาที่เขาเติบโตขึ้นมา เขาก็มีความหวังความรักจากคนรอบข้าง”

Episode 3 เอากาแฟมาให้ครับ

บทที่ 3

 

 

วันนี้เขาต้องไปไต้หวันกับเซียวจ้าน

ร่างโปร่งเดินลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กตรงมาหาเขา

“นายมานานแล้วเหรอ” เซียวจ้านในชุดพร้อมพบลูกค้า เสื้อเชิ้ตสีครีม กางเกงแสล็คกับสูทสีน้ำตาลดูยังไงก็สุภาพยิ่งนัก

“ครับ พอดีน้องสาวมาส่ง” หวังอี้ป๋อไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าหวานที่วันนี้ปราศจากแว่นตา

“พี่ไม่ใส่แว่น...”

เซียวจ้านเกาแก้มตัวเอง ก่อนจะตอบเขินๆ ว่า

“พี่ทำแว่นแตกเมื่อเช้า เลยใส่คอนแทคเลนส์มาก่อน เดี๋ยวค่อยไปหาตัดใหม่เอา”

หวังอี้ป๋อ ไม่อยากยอมรับว่าตลอดเวลาที่พี่จ้านใส่แว่นว่าดูดีแล้วพอเอาแว่นออกแบบนี้หน้าโคตรอ่อน ใครจะไปเชื่อว่าสามสิบแล้ว

เขาคุยเรื่องตารางงานครั้งนี้คร่าวๆ

วันนี้ช่วงบ่ายเขาจะเข้าไปบริษัท คู่ค้าก่อนจะทานอาหารเย็นร่วมกับผู้จัดการโครงการ ก่อนจะเข้าพักโรงแรม แล้ววันพรุ่งนี้เขาจะได้เข้าไปเก็บข้อมูลที่สถานที่ แล้วก็เดินทางกลับในช่วงเย็น

“สวัสดีครับคุณเซียวจ้าน” เจียงฮุ่ยหลันเป็นคนมารับเขาที่สนามบิน

“นี่ หวังอี้ป๋อครับ เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคครับ เขาจะเป็นคนเก็บข้อมูลสำหรับโครงการนี้ครับ” ฮุ่ยหลันยิ้มหวานมองคนหล่อตาไม่กะพริบ เซียวจ้านอมยิ้มเมื่อการทำงานในครั้งนี้มีคนคอยประสานงานกับอี้ป๋อแล้ว

อย่างน้อยถ้าฮุ่ยหลันสานสัมพันธ์กับรุ่นน้องเขาได้ เขาก็จะได้รู้สึกกระอักกระอ่วนน้อยลง

“อันนี้ห้องพักคุณจ้านกับคุณอี้ป๋อนะคะ”

“พอดีว่าร้านอาหารที่เราจ้องไว้อยู่ชั้น 28 ของโรงแรมนี้ ถ้ายังไงคุณสองคนสามารถเข้าห้องไปพักผ่อนได้ค่ะ”

เซียวจ้านยิ้มรับ ก่อนจะเดินนำเข้าลิฟต์ไป

ในระหว่างที่เดินไปที่ห้องพักเสียงโทรศัพท์ของเซียวจ้านก็ดังขึ้น

“ครับ พี่อี้โจว เรียบร้อยครับ กำลังจะเข้าห้องพักครับ....” อี้ป๋อมองคนที่ปิดประตูเข้าห้องไปแล้ว

“ครับได้ครับ เดี๋ยวผมส่งคอนแทคให้นะครับ”

ห้องพักเป็นเตียงคู่ เซียวจ้านวางกระเป๋าไว้ที่เตียงก่อนจะเดินไปหยิบคอมออกมาเปิด

“มีอะไรให้ช่วยมั๊ยครับ” หวังอี้ป๋อถาม

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ส่งข้อมูลไปให้พี่อี้โจวในอีเมล นายจะนอนพักก่อนก็ได้ อีกตั้งสามชม.กว่าจะถึงเวลานัด”

หวังอี้ป๋อไม่ได้นอน แต่เลือกจะนั่งเล่นเกมในมือถือไปเรื่อยๆ

ส่วนเซียวจ้านก็นั่งอ่านหนังสือที่ติดมือมาด้วย

ปกติพวกเขาจะนอนห้องเดียวกันเสมอเมื่อเวลาไปออกทริป หรือเวลาไปสำรวจหน้างาน

หากแต่นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น

เซียวจ้านเองก็ดูจะเกร็งนิดหน่อยแต่ว่าไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา

ส่วนหวังอี้ป๋อที่แอบสังเกตท่าทางเซียวจ้าน

ดูผ่อนคลายมากขึ้นเพราะเขาเองก็ไม่พูดถึงเรื่องคืนนั้นอีกเลย

เงยหน้าขึ้นมาอีกที อี้ป๋อก็พบว่าเซียวจ้านหลับไปแล้ว

นาฬิกาบอกเวลาว่าเขามีเวลาให้พักอีกชั่วโมงกว่าๆ เลยปล่อยให้คนง่วงได้หลับพักสายตา

“ไหนบอกให้ผมหลับได้ไงละ..” หวังอี้ป๋อยิ้มเมื่อคนที่หลับขยับตัวให้อยู่ในท่าที่นอนสบายขึ้น

.

 

 

.

 

 

.

 

 

ถ้าบอกว่าทุกอย่างกำลังกลับสู่สภาวะปกติก็ไม่ผิดนัก

อี้ป๋อเดินเข้าในออฟฟิศตอนเช้าตรู่แล้วพบว่าใครบางคนที่ดูท่าจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเปิดประตูเข้าออฟฟิศมาจนจะถึงตัวอยู่แล้ว

พอเดินออมโต๊ะมามองเขาพบว่าคนที่ปกติจะมาเช้าแล้วนั่งพิมพ์งานตอบอีเมลไปจิบกาแฟไปวันนี้กำลังนอนหลับอยู่บนโต๊ะทำงาน

“พี่จ้าน” ในระยะห่างที่เอี้ป๋อเว้นไว้ ในหนึ่งช่วงแขนที่แค่เอื้อมมือไปเขาก็สามารถแตะไหล่คนที่ยิ้มเก่ง

ช่วงนี้พวกเขาคุยกันปกติแล้ว

ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนแต่อย่างใด

เหมือนเรื่องหลังงานเลี้ยงคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น

แต่มันมีบางอย่างที่เหมือนจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งตอนนี้มันไม่สามารถย้อนกลับไปก่อนหน้าคืนงานเลี้ยงได้เลย

 

 

เซียวจ้านดูเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม เขาไม่ได้ทำท่าเหินห่าง

หรือระมัดระวังกริยาเหมือนช่วงนั้น

ตอนที่ไปทำงานที่ไต้หวัน คืนที่เขาสองคนนอนอยู่ในห้องเดียวกันแต่คนละเตียง

ต่างคนต่างครุ่นคิดในเรื่องที่ผ่านมา

เซียวจ้านเองก็ไม่อยากเสียน้องที่เขารู้สึกดีด้วย

“เสี่ยวป๋อ....หลับรึยัง” เสียงนุ่มๆ ของรุ่นพี่ทำให้เขาหันมอง

“ยัง...”

“พี่แค่อยากจะบอกนายว่า พี่กำลังคุยกับคุณเฉินหยูเลยอยากบอกนายเอาไว้ พี่ไม่อยากให้นายคิดว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันทำให้พี่เดินต่อไปไม่ได้”

“....” คนที่ไม่ค่อยแสดงความเห็นเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างเขาทำได้แต่เงียบฟัง

“พี่โอเค ผมก็โอเค เรื่องที่พี่ผ่านมา พี่ทำดีที่สุดแล้วครับ”

“ถ้าเรื่องนั้น มันก็แค่ช่วงชีวิตนึง ไม่มีผลอะไรกับพี่ในตอนนี้แล้ว” เซียวจ้านเป็นคนที่ยึดติดมาก หวังอี้ป๋อรู้ เขาพอจะเดาออกจากการที่อีกฝ่ายไปเฉียดไปที่บริษัท ใหญ่เลย แม้ว่าจะมีการดีลงานกันบ้าง แต่เซียวจ้านทำเหมือนว่าจะไม่มีวันเขาไปแตะงานพวกนั้น

“ผมเอาใจช่วยนะ พี่ก็ไม่ต้องเอารถมาขับเพราะผมหรอก ผมเหงาหูมากเวลาที่กลับบ้านคนเดียว” หวังอี้ป๋อพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ

หากแต่จริงๆ เขาเองก็ไม่ชินกับทางกลับบ้านที่ไม่มีเซียวจ้านเท่าไหร่

“นายกวนตีน” เซียวจ้านหัวเราะ

“ผมชอบคุยกับพี่นะ พี่ทำให้ผมเห็นมุมมองที่แตกต่างดี” เซ๊ยวจ้านเป็นคนไม่ว่าร้ายใคร เวลาเหนื่อยก็บอกว่าเหนื่อย หากแต่เมื่อในเวลาทำงานก็ตั้งอกตั้งใจ

หวังอี้ป๋อรู้สึกอุ่นใจ สบายใจยามเมื่อได้คุย

“....อื้อ...วันไหนพี่จะหาจังหวะนั่งรถนายกลับบ้านด้วยแล้วกัน” หัวใจของหวังอี้ป๋อฟูขึ้นอีกครั้ง

“ผมเจอร้านกาแฟใหม่ เอาไว้ไปชิมด้วยกัน” ร้านกาแฟอร่อยๆ ระหว่างทางกลับบ้าน ก็เป็นช่วงเวลาบดีของเขาสองคน

คนหนึงชอบการแฟดำ อีกคนชอบกาแฟนม สองคนชอบลองวื้อเมล็ดกาแฟไปลองชงที่บ้านแล้วเอามาคุยกัน

“อื้อดีเลย” แค่เสียงนุ่มๆ ของเซียวรับคำสั้นๆ หวังอี๋ป๋อก็ใจเต้นแรงกว่าเดิม

“ผมดีใจที่พี่เป็นพี่” เหมือนบอกกับตัวเองมากกว่าคนที่นอนเตียงข้างๆ

เขาดีใจที่วันนั้นเขาได้ไปส่ง แล้วก็...เป็นพี่จ้าน

“พี่ก็ดีใจ” ความมืดมันดีเหลือเกิน ขอบคุณที่เขาเลือกจะปิดไฟคุยกันแบบนี้ หวังอี้ป๋อมองแผ่นหลังของเซียวจ้าน

เขาไม่เหมือนเดิมหรอก ถึงอีกฝ่ายจะบอกให้เหมือนเดิม แต่เขารู้ว่าต่างออกไปจากเดิมแล้ว

ความรู้สึกของเขามันไม่มีวันเหมือนเดิม

 

 

“อื้อ...” อี้ป๋อหน้าเห่อร้อนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาจ้องหน้าเซียวจ้านนานเกินไปแล้ว

อี้ป๋อสรุปกับตัวเองได้ว่าเขาไม่ได้ชอบเซียวจ้านมากขนาดที่จะขอคบหา หรือว่าเขากลัวว่าเขาจะเสียเซียวจ้านไปกันแน่

ตอนนั้นเขายอมรับว่ารู้สึกผิด แต่พอช่วงเวลาหลังจากนั้น มันก็ทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้น

เพียงแต่ตอนนี้ “พี่จ้าน” กำลังไปเริ่มต้นใหม่แล้ว

เขาเองก็คิดว่าจะยังใช้ชีวิตสนุกไปกับความโสดเหมือนเดิม

 

 

“งานนี้เซียวจ้านรับหน้าให้ทีนะ พี่ว่าเขาอาจจะอยากให้เราคอยอัปเดตเขาทุกสัปดาห์”

“ได้ครับ ยังไงรบกวนน้องๆ ส่งรายงานให้ด้วยนะครับ” พี่จ้านหันไปยิ้มให้คนอื่นๆ

“แล้วอี้ป๋อเตรียมไปประชุมกับจ้านจ้านด้วยนะ” พี่อี้โจวหันมาสั่งหวังอี้ป๋อ

“บอสแจ้งว่าสิ้นเดือนนี้จะมีโปรเจ็คใหม่ ขอให้ทุกคนเร่งเคลียร์งานนะ สู้ๆ” พี่อี้โจวแจ้งแล้วปิดประชุม

“จ้านจ้าน” ร่างสูงๆ ของพี่อี้โจวเดินมาโออบไหล่รุ่นน้อง

“เฉินหยูเป็นยังไง” อี้ป๋อได้ยินคำถามแต่เขาเลือกจะเดินตามทุกคนออกไป

“ก็...ดีครับ” เซียวจ้านตอบไปเท่านั้น อี้ป๋อรู้สึกแปลกๆ กับน้ำเสียงนั้น แต่ก็จำใจปิดประตูลง

“ดีแล้ว....มันไม่ได้เร่งรัดอะไรเราใช่มั๊ย” พี่อี้โจวสวมบทคุณพี่ (กึ่งพ่อ) ขี้หวง

“ก็...นิดหน่อยครับ” เซียวจ้านอมยิ้มเมื่อคนถามดูห่วงใยเกินเหตุขนาดนี้

“ยังไง” เซียวจ้านไม่สามารถบอกพี่อี้โจวได้ว่า เฉินหยูจูบเขาในรถโดยเขาจะไม่ได้ยินยอม

ถึงการกระทำนั้นจะไม่ได้ทำไปด้วยความรุนแรงแต่เซียวจ้านก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากดูช้าๆ แต่ถ้าพี่เฉินหยูเขารีบ เขาสามารถไปลองคบกับคนอื่นได้ครับ”

“อ่า...แสดงว่าไม่โดนใจจ้านๆ สินะ” พี่อี้โจวอุตส่าห์แนะนำรุ่นน้องโปรไฟล์ดีให้แท้ๆ

“ขอโทษนะครับ” เซ๊ยวจ้านหนอเซียวจ้าน...

“ขอโทษทำไม พี่แค่แนะนำ ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากให้ลองดูก่อน”

“ขอบคุณนะครับ”

“จ้านจ้าน....พี่ติดค้างเราอยู่” เวลาเห็นหน้าน้องยิ่งทำให้ใจนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน...

“ไม่ครับ เกอไม่ได้ติดค้างอะไรผมแม้แต่นิดเดียว” เซียวจ้านจับมือรุ่นพี่ขึ้นมาบีบ

เพราะไม่ว่าตัวเองจะล้มเหลวกี่ครั้ง เจ็บปวดกี่หน ก็มีพี่อี้โจวกับซ้อคอยซัพพอร์ตเสมอ

อะไรที่ผ่านแล้วก็ให้ผ่านไป เขาไม่เคยคิดว่าพี่อี้โจวติดค้าง

ไม่แม้แต่นิดเดียวจริงๆ

“เกอกับซ้ออยู่ข้างจ้านจ้านเสมอนะ” เซียวจ้านมองรูปถ่ายพี่อี้โจวกับซ้อแล้วยิ้มรับ

“ครับ”

 

 

“วันนี้ทำไมกลับเร็วครับ?” อี้ป๋อที่กำลังจะเดินมาชวนเซียวจ้านไปซื้อเมล็ดกาแฟตอนกลับบ้าน เห็นเขากำลังสะพายเป้ขึ้นไหล่

“วันนี้พี่มีนัดกับคุณเฉินหยูน่ะ ยังไงพี่กลับก่อนนะ” เซียวจ้านเดินกึ่งวิ่งออกจากออฟฟิศไป

“พอมีแฟนแล้วรุ่นน้องอย่างป๋อถึงกับตกกระป๋อง” จั่วเฉิงแกล้งแหย่

“....” อี้ป๋อยักไหล่เพราะเป็นเรื่องปกติของพวกนะ ถ้าวันไหนที่เขามีนัดไปทำกิจกรรม เขาก็เทเซียวจ้านเหมือนกัน

“งู้ย....ไม่แยแสด้วย” จั่วเฉิงหัวเราะเพื่อนร่วมงานที่ทำท่าไม่แคร์

แล้วเดินไปกลับโต๊ะไป

 

 

ในร้านอาหารที่ช่วงเย็นคนจะแน่นเพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า

“เพราะเรื่องบนรถรึเปล่าครับ” เฉินหยูกุมมือของเซียวจ้านเอาไว้ด้วยความรู้สึกผิด

“ผม...ไม่ได้โกรธครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับคุณเฉินหยูเลย” เซียวจ้านค่อยๆ พูดให้อีกคนฟังอย่างใจเย็น

เขาเองเป็นพวกไม่ชอบทำร้ายจิตใจใครนัก อีกอย่างเฉินหยูไม่ใช่คนเลวร้าย ออกจะสุภาพพอควร แต่เรื่องที่จูบบนรถมันอาจจะเป็นช่วงจังหวะเผลอไผล

“...งั้นเหรอครับ” คนฟังยังหน้าหมองอยู่ แต่ก็รับคำ

“ครับ” เซียวจ้านลูบมือเขาปลอบใจ

เซียวจ้านไม่ชอบการหักหาญน้ำใจใครแต่เขาก็ไม่ชอบเรื่องการถนอมน้ำใจไปเรื่อยๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่อาจตอบรับความรู้สึกต่อไป เขาไม่ชอบเลยที่จะใจดีตอนนี้แล้วไปทำร้ายกันตอนหลัง

“แต่ผมชอบคุณจ้านมากจริงๆ นะครับ”

“ผมขอโทษนะครับ” เซียวจ้านเห็นคนที่มองเขาด้วยแววตาลึกซึ้งแล้วรู้สึกผิดแปลกๆ

“ครับ ผมเข้าใจ” แม้จะรู้สึกเสียใจที่วันนี้เซียวจ้านนัดมาบอกเลิกเขา

แต่พอคิดดูแล้วการที่เซียวจ้านพูดยุติความสัมพันธ์กับเขาออกมาก็ถือว่าเป็นคนที่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองและเคารพความรู้สึกของเขาด้วย

“ช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีมากเลยครับ” เชียวจ้านเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้าม

“ผมชอบคุณเซียวจ้านจริงๆ และก็ดีใจมากๆ ที่คุณเลือกจะบอกผมตรงๆ แบบนี้”

“...”

“ถ้ายังไงช่วยเป็นเพื่อนกับผมต่อไปด้วยนะครับ ถึงจะมีแต่ผมที่คิดเกินเพื่อน แต่ก็อย่าตัดขาดความสัมพันธ์กับผมเลยครับ”

เซียวจ้านยิ้มให้เฉินหยู

“ครับ วันไหนเหงาก็โทรมาหาผมได้ครับ” เท่านั้นที่เขาทำได้ ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ได้อยู่แล้ว

 

 

 

 

“ทำไมวันนี้มาคนเดียว” เซียวจ้านฉีกยิ้มให้บาร์เทนเดอร์กิตติมศักดิ์ของร้านเหล้าประจำของเขา

“ก็...โสด” เซียวจ้านหัวเราะแฟนของเพื่อนที่ยื่นวิสกี้ให้

“ว่าจะกินแค่เบียร์” ถึงจะอย่างนั้นแต่ก็ยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่ม

“วันนี้เลี้ยง ซินจื่อมาดึกๆ”

“อ่าห่ะ” เซียวจ้านยกเครื่องดื่มกระดก

“เอารถมามั๊ย”

“ไม่อ่ะวันนี้เรานั่งแท็กซี่มา”

“อย่าดื่มเยอะนัก เดี๋ยวซินจื่อมาบีบคอผม” ถึงจะเป็นคนที่ห้วนๆ แต่แฟนของเพื่อนเขาก็เป็นที่ระมัดระวังเรื่องการวางตัวพอควร

“แต่งงานแล้วก็หัดตามเมียบ้าง ไม่ใช่เขาบอกว่าจะไปไหนก็ปล่อยเขาไป”

“เดี๋ยวเขาอึดอัด”

“ซินจื่ออ่ะ ชอบให้นายอ้อน เชื่อพี่” เซียวจ้านเป็นพวกหยอกเก่ง แถมเวลาพูดคุยก็เป็นกันเอง เคมีสาธารณะขนาดที่เขาเคยเอ่ยปากเตือนภรรยาว่าเขาหึง

“แล้วที่บอกว่าโสดนี่คือเพิ่มเทเขามาหรือว่าเขาเทพี่”

“ก็น่าจะพี่เท” โหวตงหัวเราะ ก็คนตรงหน้าเป็นเสียแบบนี้

“ตลอดเลยพี่น่ะ” เซียวจ้านมาที่นี่กับคนหลายคน และมาคนเดียวเมื่อยุติความสัมพันธ์

ทุกๆ ครั้ง...เขาจะดื่มคนเดียวแล้วก็กลับคนเดียว

หกปีแล้วที่โหวตงเห็นเซียวจ้านใช้ชีวิตแบบนี้

“พี่ไม่หาใครสักคน แล้วก็ไม่ต้องลอยไปลอยมา”

“นายว่าทุกคนจะโชคดีเหมือนนายรึไง ที่เจอคนที่นายรักแล้วเขาก็รักนาย” เซียวจ้านยิ้ม

ช่างเป็นรอยยิ้มที่ขื่นขมในสายตาโหวตง

“....”

“หมดแล้ว....เอามาอีกแก้ว” เซียวจ้านที่ไม่ค่อยดื่มหนักๆ สองปีมานี่แวะมากินเบียร์ขวดสองขวดเม้าท์กับซินจื่อแล้วก็กลับ

ไหนว่าไม่ดื่มหนักๆ

ผ่านไปสี่แก้ว ซินจื่อก็เดินเข้ามาในร้าน

“เพื่อน....” เซียวจ้านโบกมือให้

“จ้านจ้าน ....” ซินจื่อสบตาสามี เพราะปกติเพื่อนไม่ดื่มเหล้า ปกติมาก็สั่งแต่เบียร์

สามียกมือส่งสัญญาณ ว่านี่แก้วที่สี่แล้ว

อ่า....

เมื่อซินจื่อมาโหวตงเลยเดินเข้าไปที่หลังเคานเตอร์เพื่อทำงานต่อ

จนสุดท้ายเซียวจ้านไม่รู้ตัวว่าดื่มไปหกแก้วแล้ว...

“อ่า....จะห้าทุ่มแล้วเรากลับก่อนนะ” เพราะรู้สึกว่าดื่มเยอะเกินไปแล้วต่างหาก

“ให้โหวตงไปส่ง” ซินจื่อจับไหล่เพื่อนที่หยิบกระเป๋าเตรียมกลับ

“โน....เราจะนั่งรถกลับเอง อย่าดื้อ” เซียวจ้านจิ้มจมูกเพื่อนสนิทที่อ้าปากจะว่าเขา

“นายสิดื้อ” ย่นจมูกใส่

จนแล้วจนรอดซินจื่อก็ทำได้แค่เรียกแท็กซี่ให้

แล้วรอจนคนยิ้มเก่งขึ้นรถไป

“ถึงแล้วบอกด้วยนะ” แน่นอนว่าซินจื่อหันไปกำชับคนขับว่าที่หมายคือที่ไหน

“บายนะ”

 

 

วันนี้หวังอี้ป๋อแวะซื้อเมล็ดกาแฟที่ร้านประจำแทนร้านใหม่อย่างที่ตั้งใจ

เขาซื้อเมล็ดกาแฟสองถุง ปกติเขาชอบกินกาแฟที่มีกินเบอรี่ ติดเปรี้ยวที่ปลายลิ้น แน่นอนว่าเขาสั่งมาสำหรับตัวเองหนึ่งถุง

ส่วนอีกถุงที่ติดจะมีกลิ่นออกช็อกโกแล็ตกว่า เขาสั่งเผื่อเซียวจ้าน

แม้ว่าจะงงนิดหน่อยแต่เพราะเขาสองคนมักจะหาเมล็ดกาแฟมาลองกันเป็นประจำอยู่แล้วอี้ป๋อเลยให้คำตอบกับตัวเองว่าเขาซื้อมาเพราะเขาอยากตอบแทนที่เซียวจ้านเคยสั่งเมล็ดกาแฟมาเผื่อเขา

พอคิดได้แบบนั้นเขาเลยส่งข้อความไปหา

 

 

หวังอี้ป๋อ : พี่จ้านผมซื้อเมล็ดกาแฟมาเผื่อพี่ถุงนึง

เซียวจ้าน : โอ้ะ แต้งกิ้ว

หวังอี้ป๋อ : พี่ถึงห้องยัง

พอกดส่งไปแล้วหวังอี้ป๋อขมวดคิ้วให้ตัวเองจะกดยกเลิกการส่งก็ขึ้นอ่านแล้ว ช่างมันเหอะ

เซียวจ้าน : ยัง พี่อยู่บนแท็กซี่

หวังอี้ป๋อ : เหรอ สนุกมั๊ย

เซียวจ้าน : ก็ดี

หวังอี้ป๋อ : เอ...แบบนี้เหมือนไม่ดี 55555

เซียวจ้าน : ดีสิ...ดีจะตายไป

หวังอี้ป๋อ : พี่

เซียวจ้าน : ว่า

หวังอี้ป๋อชะงักมือ....เขากำลังจะพิมพ์อะไรกันแน่...

หรือมันเป็นความง่วงงุนที่เกิดจากการขับรถฝ่ารถติดมาคนเดียวกันแน่

เซียวจ้าน : เงียบเฉยเลย

หวังอี้ป๋อ : ไม่มีไรครับ

เซียวจ้าน : โอเคพักผ่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้

.

.

.

เซียวจ้านยืนรอลิฟต์เงียบๆ วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยกว่าทุกวัน พอดื่มเข้าไปก็เหมือนจะมึนหัวนิดหน่อย

“พี่จ้าน” เซียวจ้านหันไปตามเสียงเรียก เห็นคนที่เพิ่งแชทคุยกับเขาเมื่อครู่มายืนอยู่ตรงหน้า

“อ้าว...” เซียวจ้านตกใจ แน่หล่ะ ใครจะไม่ตกใจละ นี่มันจะห้าทุ่มแล้ว หวังอี้ป๋อมาทำอะไรที่นี่

“เอ่อ...ผมผ่านแถวนี้เลยแวะเอากาแฟมาให้” เซียวจ้านสบตารุ่นน้องที่ดูมีแววตาสับสน

“นายมีอะไรรึเปล่า” เซียวจ้านมองใบหน้าที่ติดจะนิ่งเฉยๆ เสมอนั้นมีริ้วชมพูจางๆ

“วันนี้พี่ไปเดทมา?” หวังอี้ป๋อถามออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

โคตรผิดปกติ

“อ่า...ใช่มั้ง” เซียวจ้านยิ้มมุมปาก

“นายไปดื่มมารึเปล่า หน้านายแดง” หวังอี้ป๋อเบือนหน้าไปอีกทางก่อนจะตั้งสติ แล้วยื่นถุงกาแฟให้

“ผมไปซื้อกาแฟคนเดียว แล้วเจ้าของร้านถามถึงพี่”

“แล้ว...” เซียวจ้านยังไม่ยื่นมือออกไปรับถุงกาแฟ

“ผมขอขึ้นไปกินกาแฟที่ห้องพี่ได้มั๊ย”

.

.

.

“ผมขอขึ้นไปกินกาแฟที่ห้องพี่ได้มั๊ย” เซียวจ้านช้อนตามองคนที่ถามเหมือนตะโกนใส่เขา

แล้วกินกาแฟตอนห้าทุ่มนี่คือ...

หวังอี้ป๋อวันนี้ดูไม่ปกติ

ไม่ปกติที่สุดเลย

“นายควรกลับบ้านไปพักผ่อน”

“ผม....คิดว่าผมอยากลองคุยกับพี่” เซียวจ้านหันไปสบตาหวังอี้ป๋อที่ดูจะไม่ยอมปล่อยให้เขาขึ้นห้องพักโดยง่าย

“....พี่คิดว่า” คิดว่านายกำลังสับสนแล้วหล่ะเสี่ยวป๋อ

“ผมบอกพี่อี้โจวไปแล้วว่าผมจะของลองคบกับพี่”

.

.

.

“พี่อี้โจวครับ” หวังอี้ป๋อที่เดินเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานเขาตอนเลิกงานนี่มันผิดวิสัยสุดๆ

“เอ้า...เสี่ยวป๋อ”

“ผมมีเรื่องจะบอกพี่”

“ว่ามาเลย”

“ผมอยากลองคบกับพี่จ้าน”

“เอาสิ...ห๊ะ!!!!!!” แม้ว่าพี่อี้โจวจะทำแฟ้มหลุดมือก็ตาม หวังอี้ป๋อยังสบตากับเขาไม่ลดละ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!