..."โครม! เอี๊ยดดดด! ตูม!"...
...เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงแตรจากรถสิบล้อที่ดังลั่นประสาทหู ตามมาด้วยความรู้สึกเหมือนร่างกายถูกกระแทกจนลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ และภาพสุดท้ายที่เห็นคือท้องฟ้าสีเทาหม่นของกรุงเทพฯ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป......
...ผมชื่อ "กรณ์" ครับ เป็นโปรแกรมเมอร์หนุ่มวัย 25 ปี ใช้ชีวิตเรียบง่ายวนลูป ตื่นเช้า-ทำงาน-กลับห้อง-เล่นเกม-นอน วันเกิดเหตุผมแค่ข้ามทางม้าลายเพื่อไปซื้อข้าวมันไก่เจ้าโปรด ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมื้อสุดท้ายที่ไม่ได้กิน......
...ความรู้สึกค่อยๆ กลับคืนมาอย่างช้าๆ มันไม่ใช่ความเจ็บปวดแบบกระดูกหัก แต่เป็นความรู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วทั้งร่าง ผมพยายามลืมตาขึ้น แต่เปลือกตามันหนักอึ้งเหลือเกิน เสียงสะอื้นร้องไห้แผ่วๆ ดังอยู่ข้างหู...
..."คุณเพชร... คุณเพชรของบ่าว ฟื้นสิเจ้าคะ...ฮือๆ"...
...คุณเพชรหรอ ใครคือคุณเพชรกัน ผมพยายามเปล่งเสียงถามออกไป "ที่นี่...ที่ไหนกัน"...
...เสียงที่หลุดออกจากลำคอทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว! นี่ไม่ใช่เสียงทุ้มๆ ของผม แต่มันเป็นเสียงใสกังวานของหญิงสาว!...
...ผมฝืนความเจ็บปวดเบิกตาโพลง ภาพที่เห็นคือเพดานไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรตระการตาที่ไม่เคยเห็นในชีวิตจริง เคยเห็นก็แต่ในละครพีเรียดย้อนยุค...
..."คุณเพชร! คุณเพชรฟื้นแล้ว! ไปทูลองค์ราชาเร็ว!"...
...เสียงร้องดีใจดังขึ้นจากด้านข้าง ผมหันไปมองช้าๆ...
...หญิงสาวในชุดไทยโบราณ เกล้าผมเรียบร้อยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงที่ผมนอนอยู่ ดวงตาของเธอแดงก่ำ แต่ตอนนี้กลับเบิกกว้างด้วยความยินดี...
...ผมพยายามจะลุกขึ้นนั่ง และเมื่อยกมือขึ้นมาพยุงตัว ผมก็ต้องเบิกตากว้างจนแทบถลนออกมาจากเบ้า...
...นี่ไม่ใช่แขนของผม!...
...แขนของไอ้กรณ์ โปรแกรมเมอร์หุ่นหมี มันต้องมีขนแขนรำไรและมีกล้ามเนื้อจากการทำงานบ้างสิ แต่นี่มัน... แขนเรียวยาวขาวผ่อง นิ้วมือสวยงามราวกับลำเทียน! ผมรีบสำรวจร่างกายตัวเองต่อ... ผมยาวสลวย... หน้าอกที่นูนขึ้นมาภายใต้ผืนผ้า... ลำคอระหงที่ไม่มีลูกกระเดือก!...
...นี่มันร่างกายของผู้หญิงชัดๆ! แถมยังเป็นผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้วด้วย!...
..."นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!"...
... ผมตะโกนในใจ สติกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว...
..."หลีกทาง! องค์ราชาเสด็จ!"...
... เสียงตะโกนดังมาจากหน้าประตูห้อง...
...บ่าวรับใช้คนนั้นรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ผมพยายามพยุงตัวพิงหัวเตียง มองไปยังประตู ชายสูงวัยในชุดแพรพรรณสีทองอร่าม ใบหน้าเปี่ยมด้วยอำนาจและบารมี แต่แววตากลับฉายแววกังวลอย่างยิ่ง ก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ข้างหลังมีข้าราชบริพารติดตามมาเป็นพรวน...
..."เพชรน้ำหนึ่ง! หลานปู่!"...
... ชายสูงวัยคนนั้นตรงเข้ามาที่เตียงทันที เขานั่งลงข้างๆ แล้วใช้มือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบผมอย่างแผ่วเบา น้ำตาคลอ ...
..."ในที่สุดเจ้าก็ฟื้น...ปู่เป็นห่วงแทบขาดใจ"...
...เพชรน้ำหนึ่งหรอ ชื่อของร่างนี้สินะ... ส่วนชายคนนี้คือ 'ปู่' และ 'องค์ราชา' ของที่นี่!...
...หมายความว่า... ผม... ไอ้กรณ์... ตอนนี้อยู่ในร่างของหญิงสาววัย 20 ที่เป็นหลานแท้ๆ ของราชาเนี่ยนะ!...
..."ใคร! ใครมันทำกับเจ้าได้ถึงเพียงนี้!" ...
...องค์ราชาตวาดเสียงดังลั่นห้อง ...
..."ข้าให้พวกเจ้าไปสืบหาแนวทางการรักษาองค์รัชทายาทที่บรรทมไม่ได้สติมาสองปีเต็ม แต่พวกเจ้ากลับปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของเขาถูกทำร้ายปางตาย! หากเพชรน้ำหนึ่งเป็นอะไรไปอีกคน พวกเจ้าทุกคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต!"...
...ผมที่นั่งฟังอยู่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ จับใจความได้ว่า พ่อของเพชรน้ำหนึ่งคือองค์รัชทายาทที่กำลังป่วยหนักนอนเป็นผักมาสองปี ส่วนตัวเธอเองก็เพิ่งโดนใครบางคนทำร้ายมาจนเกือบตาย...แล้วผมก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน...
...นี่มันชีวิตโหมดนรกแตกชัดๆ!...
...องค์ราชาหันกลับมามองผม แววตาที่ดุดันเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอีกครั้ง ...
..."เพชรน้ำหนึ่งหลานปู่ ไม่ต้องกลัวนะ ต่อจากนี้ไป ปู่จะดูแลเจ้าเอง จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีกแล้ว"...
...ท่านช่วยประคองผมให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ ร่างกายนี้ยังอ่อนแรงและโซซัดโซเซ ขณะที่เดินผ่านบานกระจกทองเหลืองบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง ผมเหลือบไปเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง...แล้วก็ต้องหยุดชะงัก...
...หญิงสาวในกระจกมีใบหน้างดงามหมดจด แม้จะซีดเซียวและมีรอยฟกช้ำจางๆ แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามล่มเมืองนั้นได้เลย ดวงตากลมโตคมขำ คิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่ม......
..."เชี่ย...นี่กูเหรอวะ?" ...
...ผมพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะรีบปิดปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่คือเสียงผู้หญิง...
...องค์ราชาได้ยินไม่ถนัดจึงหันมาถาม ...
..."ว่าอะไรหรือหลานปู่?"...
..."เปล่าเพคะ...แค่...เวียนหัวนิดหน่อย" ...
...ผมรีบแก้ตัวตะกุกตะกัก...
...ชีวิตเก่าของไอ้กรณ์คงจบสิ้นแล้วจริงๆ ต่อจากนี้ไป คือชีวิตใหม่ในฐานะ "เพชรน้ำหนึ่ง"... หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย...
...เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน! ในเมื่อสวรรค์ (หรือรถสิบล้อ) ส่งผมมาที่นี่แล้ว ผมก็จะลองใช้ชีวิตในฐานะนี้ดูสักตั้ง! แต่จะให้ผมเป็นกุลสตรีผู้อ่อนแอ เรียบร้อยพับเพียบรอวันถูกเชือดน่ะเหรอ...ฝันไปเถอะ! ยอดชายอย่างไอ้กรณ์ ต่อให้อยู่ในร่างหญิงงามอันดับหนึ่ง ก็จะเขย่าวังหลวงนี่ให้สะเทือนไปเลยคอยดู!...
...หลังจากที่องค์ราชาประคองผมกลับมาส่งถึงห้อ...
...พักใหม่ ซึ่งไม่ใช่ห้องเดิมที่ดูซอมซ่อ แต่เป็นตำหนักเล็กๆ ที่หรูหราและมีการคุ้มกันแน่นหนาที่สุดแห่งหนึ่งในวังหลวงแล้ว ท่านก็กำชับกำชาบ่าวไพร่และทหารยามด้วยตัวเองว่าห้ามให้ใครเข้าใกล้ตำหนักนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นอันขาด...
..."พักผ่อนเถอะนะหลานปู่"...
...องค์ราชาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน...
..."เรื่องที่เกิดขึ้น ปู่จะหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้"...
...ผมทำได้เพียงพยักหน้ารับและกล่าวขอบคุณด้วยเสียงแผ่วเบาตามมารยาท...
..."ขอบพระทัยเพคะ...เสด็จปู่"...
...คำว่า "เพคะ" หลุดออกจากปากไปได้อย่างน่าประหลาด อาจเป็นเพราะความทรงจำของร่างนี้ยังหลงเหลืออยู่ แต่ในใจของไอ้กรณ์คนนี้น่ะเหรอ...มันจั๊กจี้ชะมัด!...
...เมื่อองค์ราชาเสด็จกลับไปแล้ว ในห้องก็เหลือเพียงผมกับ "นวล" บ่าวรับใช้คนสนิทที่ตามมาด้วย ผมทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอย่างหมดแรง นี่มันเรื่องจริงสินะ......
..."คุณเพชร...ให้บ่าวเช็ดตัวให้ดีหรือไม่เจ้าคะ จะได้สบายตัวขึ้น"...
...นวลถามด้วยความเป็นห่วง...
...นี่แหละโอกาส! ผมตัดสินใจใช้มุกคลาสสิกที่สุดในนิยายทะลุมิติ...
..."นวล...ข้า...ข้ารู้สึกมึนหัวไปหมดเลย"...
...ผมแกล้งยกมือกุมขมับ...
..."เรื่องก่อนหน้านี้...ข้าจำอะไรแทบไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกับข้ากันแน่"...
...นวลเบิกตากว้าง น้ำตาที่เพิ่งแห้งไปกลับรื้นขึ้นมาอีกครั้ง...
..."โถ...คุณเพชรของบ่าว"...
...เธอทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดด้วยเสียงสั่นเครือ...
..."มีคนไปพบคุณเพชรนอนหมดสติอยู่ที่ชายป่าริมลำธารท้ายวังเจ้าค่ะ พวกเขาทูลองค์ราชาว่าเป็นอุบัติเหตุพลัดตกจากเนินเขา แต่บ่าวไม่เชื่อ! ตามร่างกายของคุณเพชรมีแต่รอยฟกช้ำราวกับถูกทุบตี! มันต้องมีคนปองร้ายคุณเพชรแน่ๆ เจ้าค่ะ!"...
...ผมขมวดคิ้ว...
..."แล้ว...ใครกันที่จะมาปองร้ายข้า?"...
...นวลมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เธอโน้มตัวเข้ามากระซิบ...
..."คุณเพชรก็รู้ว่า...ในวังนี้...ผู้ที่มีอำนาจรองจากองค์ราชาก็คือพระสนมจันทรา ท่านต้องการให้องค์ชายจันทรเทพ โอรสของท่านได้ขึ้นเป็นรัชทายาทแทนองค์ชายใหญ่...พระบิดาของคุณเพชรที่บรรทมไม่ได้สติอยู่"...
...อ้อ...ตัวร้ายโผล่มาแล้วสินะ พระสนมจันทรากับลูกชาย ผมพยักหน้าช้าๆ ทำทีเป็นรับรู้...
..."แล้ว...แล้วมารดาของข้าเล่า?"...
...นวลหน้าสลดลงทันที...
..."พระชายา...ท่านหายสาบสูญไประหว่างเดินทางไปเก็บสมุนไพรบนภูเขาเมื่อสองปีก่อน...พร้อมๆ กับที่องค์รัชทายาทล้มป่วยนั่นแหละเจ้าค่ะ"...
...สรุปคือ พ่อเป็นผัก แม่สาบสูญ ตัวเองก็เพิ่งรอดตายจากการโดนลอบฆ่า... ชีวิตของเพชรน้ำหนึ่งนี่มันคอมโบชุดใหญ่ไฟกระพริบจริงๆ!...
...ขณะที่ผมกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ทหารยามหน้าตำหนักก็เข้ามาทูลว่านางกำนัลจากตำหนักของพระสนมจันทราขอเข้าพบ...
..."ให้นางเข้ามา"...
...ผมตอบกลับไป นวลมีสีหน้ากังวลแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน...
...ไม่นานนัก หญิงสาวนางหนึ่งในชุดไทยงดงามก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดไม้แกะสลักที่คลุมผ้าไหมไว้อย่างดี เธอยอบกายลงอย่างสวยงาม แต่แววตากลับแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง...
..."พระสนมจันทราทรงทราบข่าวว่าคุณเพชรฟื้นแล้ว จึงมีพระเมตตาให้หม่อมฉันนำ 'ขนมเสวย' มาเยี่ยมไข้เพคะ"...
...ผมมองถาดขนมนั้นนิ่งๆ ในใจของไอ้กรณ์กำลังร้องเตือนภัยดังลั่น นี่มันยิ่งกว่าเดจาวูในละครหลังข่าวเสียอีก! เยี่ยมไข้พร้อมของกำนัลเนี่ยนะ? มันต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน...
..."ขอบน้ำใจพระสนมยิ่งนัก"...
...ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดในชีวิต...
..."แต่พอดีหมอหลวงเพิ่งกำชับข้าว่าช่วงนี้ให้กินได้เพียงข้าวต้มเปล่าๆ เท่านั้น เพื่อปรับธาตุในร่างกาย"...
...ผมแกล้งทำหน้าเสียดาย...
..."น่าเสียดายจริงๆ ขนมดูน่าอร่อยยิ่งนัก ฝากกลับไปทูลขอบคุณพระสนมด้วยนะ"...
...นางกำนัลคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มของเธอดูเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด...
..."เช่นนั้นหรือเพคะ...น่าเสียดายจริงๆ งั้นหม่อมฉันไม่รบกวนคุณเพชรพักผ่อนแล้วเพคะ"...
...เธอกล่าวจบก็รีบหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว...
...เมื่อนางลับสายตาไป นวลก็หันมามองผมด้วยแววตาทึ่งๆ...
..."คุณเพชร...ทำไมถึง..."...
..."ไม่มีอะไรหรอกนวล ข้าแค่ยังไม่หิว"...
...ผมตัดบทก่อนจะหันไปมองถาดขนมที่ถูกวางทิ้งไว้...
..."เอาขนมนั่น...ไปให้ปลากินทีสิ"...
...นวลแม้จะสงสัยแต่ก็พยักหน้ารับคำแล้วยกถาดขนมออกไป...
...ผมถอนหายใจยาวเหยียด นี่เป็นเพียงบทเรียนแรกเท่านั้นสินะ การใช้ชีวิตในวังหลวงมันไม่ง่ายเลยสักนิด ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตราย ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอีกครั้ง ใบหน้างดงามของเพชรน้ำหนึ่งตอนนี้ไม่ได้มีความตื่นตระหนกเหมือนตอนแรกอีกต่อไปแล้ว แต่กลับฉายแววของความเด็ดเดี่ยวและท้าทาย...
...ไอ้กรณ์ในร่างเก่าอาจจะเป็นแค่โปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ แต่กรณ์ในร่างเพชรน้ำหนึ่งคนนี้...จะไม่ยอมเป็นเบี้ยให้ใครเดินเล่นแน่!...
..."เอาสิ...อยากจะเล่นเกมชิงบัลลังก์กันนักใช่ไหม?"...
...ผมแสยะยิ้มที่มุมปาก...
..."งั้นก็เข้ามาเลย...พวกเจ้ายังไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร!"...
...หลายวันผ่านไป......
...แผลฟกช้ำตามร่างกายของเพชรน้ำหนึ่งเริ่มจางลง แต่ความปวดร้าวในใจของไอ้กรณ์คนนี้ยังคงอยู่...โดยเฉพาะความปวดร้าวจากการต้องหัดเดินใหม่!...
..."มิใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ คุณเพชรต้องก้าวเท้าให้สั้นลงอีกนิดเจ้าค่ะ แล้วยืดตัวให้ตรงสง่างาม" นวลพยายามสอนผมอย่างใจเย็น ขณะที่ผมเกือบจะสะดุดชายผ้าซิ่นของตัวเองล้มหน้าคะมำเป็นครั้งที่ร้อย...
..."นี่มันทรมานกว่าวิ่งมาราธอนเสียอีกนะ!" ผมบ่นในใจ "แค่เดินเนี่ยนะ ต้องมีพิธีรีตองขนาดนี้เลยเหรอ? สมัยกูใส่แค่กางเกงยีนส์กับรองเท้าแตะ เดินยังไงก็ได้!"...
...หลังจากฝึกฝนอยู่ครึ่งค่อนวัน ผมก็ตระหนักได้อย่างหนึ่ง ร่างกายของเพชรน้ำหนึ่งนี้งดงามก็จริง แต่บอบบางราวกับกระดาษ ไม่มีพละกำลังใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกครั้ง ผมคงไม่สามารถใช้กำลังต่อสู้ได้แน่ อาวุธเดียวที่ผมมีคือสมอง...และสมองอย่างเดียวอาจไม่พอ ผมต้องการพันธมิตร...
..."นวล" ผมเอ่ยขึ้นขณะนั่งพักเหนื่อย "ในวังนี้นอกจากเสด็จปู่แล้ว...ข้ายังมีญาติคนอื่นอีกหรือไม่?"...
...นวลทำท่านึก "ก็มีองค์ชายจันทรเทพ โอรสของพระสนมจันทรา...แล้วก็...องค์ชายสี่เพคะ"...
..."องค์ชายสี่?" ชื่อนี้ทำให้ผมสนใจ "อาของข้างั้นรึ? เขาเป็นคนอย่างไร?"...
...นวลมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย "องค์ชายสี่...ท่านเป็นอนุชาต่างมารดาขององค์รัชทายาทน่ะเจ้าค่ะ แต่หลายปีก่อนท่านประสบอุบัติเหตุตกม้า ทำให้พระเพลา (ขา) พิการ เดินไม่ได้เหมือนเก่า ตั้งแต่นั้นมาท่านก็เก็บตัวเงียบอยู่ในตำหนักท้ายวัง ไม่สุงสิงกับผู้ใดเลยเพคะ"...
...สมบูรณ์แบบ! คนที่ถูกมองข้าม คนที่ไม่มีใครสนใจ คนที่น่าจะเกลียดพระสนมจันทราเข้ากระดูกดำ...นี่แหละพันธมิตรที่ผมต้องการ!...
..."ข้าจะไปเยี่ยมท่านอา" ผมตัดสินใจทันที...
..."แต่ว่า...คุณเพชรเจ้าคะ" นวลพยายามทักท้วง "ไม่เคยมีใครไปเยี่ยมท่านเลยนะเจ้าคะ..."...
..."งั้นข้าก็จะเป็นคนแรก" ผมยืนขึ้น ยืดตัวตรง พยายามทำท่วงท่าให้สง่างามที่สุดเท่าที่ผู้ชายในร่างผู้หญิงจะทำได้ "นำทางข้าไปที"...
...ตำหนักขององค์ชายสี่เงียบเชียบและดูอ้างว้างสมคำร่ำลือ เมื่อผมก้าวเข้าไป ก็พบกับชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ข้างหน้าต่าง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคาย แต่แววตากลับดูเฉยชาและขมขื่น ขาข้างหนึ่งของเขาวางเหยียดยาวอย่างผิดรูป...
..."ท่านอาเพคะ" ผมยอบกายลงทำความเคารพตามที่นวลเคยพร่ำสอน...
...องค์ชายสี่หันมามองผมด้วยแววตาประหลาดใจ "เพชรน้ำหนึ่ง? เจ้ามาที่นี่ทำไม?" น้ำเสียงของเขาเย็นชาและห่างเหิน...
..."ข้าได้ยินว่าท่านอาไม่สบาย...จึงมาเยี่ยมเพคะ"...
..."งั้นรึ?" เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะเยาะหยัน "ตอนนี้เจ้าคงเห็นแล้วว่าข้าสบายดี เชิญกลับไปได้"...
...ดูท่าจะเข้าหาไม่ง่ายแฮะ แต่ผมไม่ใช่เพชรน้ำหนึ่งคนเดิมนี่ "ข้าเห็นว่าท่านอานั่งขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา คงจะเจ็บปวดที่ขามากสินะเพคะ"...
...องค์ชายสี่ชะงักไปเล็กน้อย แววตาที่เย็นชาก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจอย่างชัดเจน "เจ้ารู้ได้อย่างไร?"...
..."ข้าเดาเอา" ผมตอบหน้าตาย "แต่ความเจ็บปวดแบบเรื้อรัง การกินยาแก้ปวดอย่างเดียวคงไม่ช่วยอะไรมากนักหรอกเพคะ" ผมเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด "บางที...ความเจ็บปวดมันอาจจะไม่ได้มาจากกระดูกโดยตรง แต่อาจจะมาจากกล้ามเนื้อรอบๆ ที่มันตึงเกร็งจนเกินไป"...
...คำพูดของผมที่ถอดมาจากสารคดีสุขภาพที่เคยดูผ่านๆ ทำให้องค์ชายสี่นิ่งอึ้งไปอย่างสิ้นเชิง เขาจ้องหน้าผมเหมือนเห็นตัวประหลาด...
..."เคยมีใคร...ลองใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบ เพื่อคลายกล้ามเนื้อให้ท่านอาบ้างหรือไม่เพคะ?" ผมพูดต่อ "บางที...การทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย อาจจะช่วยลดความเจ็บปวดที่กดทับเส้นประสาทได้บ้าง"...
...ผมไม่ได้รอให้เขาตอบ แต่หันไปสั่งนวลที่ยืนอึ้งอยู่ไม่แพ้กัน "นวล ไปขอน้ำอุ่นกับผ้าสะอาดมาให้ข้าที"...
...นวลรีบวิ่งออกไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย องค์ชายสี่มองผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา "เจ้า...ทำอะไรของเจ้า?"...
..."แค่ลองดูเพคะ" ผมยิ้มให้ "หากไม่ได้ผล ก็ไม่เสียหายอะไรนี่เพคะ จริงไหม?"...
...เมื่อนวลนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาให้ ผมค่อยๆ วางมันลงบนบริเวณน่องขององค์ชายสี่อย่างแผ่วเบา โดยไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือสงสารเลยแม้แต่น้อย ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา...
...องค์ชายสี่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับความอุ่น แต่เขาก็ไม่ได้ปัดป้อง เขานั่งนิ่งปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ สายตาที่เคยมองผมอย่างเย็นชา บัดนี้กลับเต็มไปด้วยคำถามและความสับสนวุ่นวาย...
...ผมทิ้งผ้าไว้สักพักแล้วจึงขอตัวกลับ "ข้าไม่รบกวนท่านอาพักผ่อนแล้วเพคะ ไว้ว่างๆ ข้าจะมาเยี่ยมใหม่"...
...ผมยอบกายแล้วเดินจากมา ทิ้งให้องค์ชายสี่นั่งนิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาก้มลงมองผ้าอุ่นๆ บนขา แล้วเงยหน้ามองตามหลังหลานสาวที่เพิ่งจากไป...หลานสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนหลังจากรอดชีวิตกลับมา...
...ขณะเดินกลับตำหนัก ผมยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจ...
...หมากตัวแรก...ถูกวางลงบนกระดานแล้ว...
...เอาล่ะ...พระสนมจันทรา...ตาต่อไปจะเป็นของท่านแล้วนะ...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!