NovelToon NovelToon

เงาแห่งเวทมนตร์ (Shadowborn)

เงาเเห่งเวทมนตร์

*🔮🔮🔮🔮*บทนำ

พายุฟ้าคำรามในคืนฝนตกหนัก เสียงฟ้าร้องดังก้องทั่วท้องทุ่งเหนือหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อ อาเดรียน ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเงียบสงบของอาณาจักรออริวาเทียร์ — ดินแดนที่เวทมนตร์ยังมีอยู่จริง

ในบ้านไม้หลังเล็ก เด็กชายวัยสิบสี่ปีชื่อ อรัณย์ เวโรนีส นั่งกอดอกอยู่ข้างหน้าต่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและวิตก เสียงพ่อกับแม่ทะเลาะกันเบาๆ ดังก้องอยู่ในหัว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาต้องคอยหลบซ่อน ทำไมเขาถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไกลเกินทุ่งข้าว และทำไมพ่อถึงพก “ไม้เท้าเวทมนตร์” ติดตัวเสมอ

“ลูกต้องอยู่ในความเงียบ…อย่าให้พวกเขารู้ว่าเจ้ายังมีชีวิต” เป็นคำพูดสุดท้ายที่แม่เขากระซิบก่อนจะปิดประตู

และในคืนนั้น… ท้องฟ้าแหวกออก เงาร่างดำทะมึนราวฝันร้ายปรากฏขึ้นกลางอากาศ พริบตาเดียวบ้านทั้งหลังก็ถูกแสงเวทมนตร์สีม่วงเข้มทำลายจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน

อรัณย์ฟื้นขึ้นมากลางซากบ้าน — เพียงลำพัง

บทที่ 1: เด็กชายผู้เหลือรอด

ศพของพ่อแม่และน้องสาวไม่มีให้เห็น ไม่แม้แต่ร่างเถ้าถ่าน ราวกับพวกเขาถูกดูดหายไปจากโลก

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คำอธิบายเดียวจากทางการคือ “การโจมตีจากพวกนอกรีต” แต่ไม่มีใครเชื่อว่าครอบครัวเวโรนีสจะเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ต้องห้าม

หลังจากฝังศพเสมือนของครอบครัว เด็กชายผู้เงียบงันก็หายไปจากหมู่บ้าน

หนึ่งปีต่อมา ชายในชุดคลุมสีเงินปรากฏตัวพร้อมกับจดหมายประหลาด และนำตัวเขาเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ…

บทที่ 2: โรงเรียนวาเลธิราน

โรงเรียนเวทมนตร์วาเลธิราน ตั้งอยู่บนยอดเขาน้ำแข็งเหนือหุบเขาแคสซาเรีย เป็นโรงเรียนลับเฉพาะสำหรับผู้ที่ “ตื่นพลังเวท” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หายากที่จิตวิญญาณของผู้คนจะเชื่อมกับหนึ่งในห้าธาตุเวท: ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ, เงา

อรัณย์ไม่รู้เลยว่าตนเองมีเวทมนตร์จนกระทั่งวันทดสอบ

นักเรียนทุกคนถูกเรียกไปยัง “หอแห่งธาตุ” เพื่อให้คริสตัลเวทประจำธาตุตอบสนองต่อพลังในตัวพวกเขา

เมื่อถึงตาอรัณย์…

…คริสตัลทุกก้อน “แตกสลาย” ทันทีที่เขาแตะต้อง

เงียบงันทั้งหอ

“เป็นไปไม่ได้…” อาจารย์ผู้อาวุโสกระซิบ

“เขาไม่ใช่คนไร้พลัง — เขาคือ ผู้ไร้ธาตุ”

บทที่ 3: ศัตรูในเงา

อรัณย์กลายเป็นคนประหลาดในโรงเรียน ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ บ้างก็กลัว บ้างก็รังเกียจ เขาไม่มีครูที่เข้าใจ ไม่มีเพื่อนที่จะร่วมฝึกฝน

แต่ในค่ำคืนที่เขาถูกกลั่นแกล้งจนบาดเจ็บจนเกือบตาย เสียงหนึ่งในหัวของเขาดังขึ้น

“เจ้ามีพลังมากกว่าที่พวกเขาคิด… จงยอมรับเงาของตนเอง”

เขาสัมผัสถึงพลังมืดที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด เวทมนตร์ที่ไม่ต้องใช้ธาตุ ไม่ต้องร่ายเวท ไม่ต้องวัตถุดิบ มันคือเวทโบราณ… มันคือ “เวทแห่งเงา” ซึ่งเคยถูกแบนจากโลกมนุษย์

และอรัณย์… กลับควบคุมมันได้

บทที่ 4: ปริศนาภายในโลหิต

ในระหว่างเรียนปีสอง เขาเริ่มฝันถึงบรรพบุรุษในอดีต เห็นภาพของสงครามเวทมนตร์ที่แผดเผาโลก เห็นชายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีดำ ผู้สู้กับเหล่าจอมเวททั้งเจ็ดอย่างไม่เกรงกลัว และกล่าวว่า

“ข้าคือ เซริน เฟรอส จักรพรรดิแห่งเงา ผู้ผนึกเวทต้องห้ามไว้ในสายเลือดของข้า เพื่อป้องกันไม่ให้มันตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่คู่ควร”

อรัณย์เริ่มเข้าใจ — เขาคือผู้สืบทอดสายเลือดของชายคนนั้น

สายเลือดที่ทั้งโลกเวทมนตร์ต้องการทำลาย

และเขาคือกุญแจที่จะปลุกเวทมืดขึ้นมาอีกครั้ง…

บทที่ 5: สงครามเงา

โลกเวทมนตร์เริ่มปั่นป่วน เมื่อกลุ่มนักเวทนอกรีตนามว่า “เงาเทวทูต” เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาตามล่าผู้มีพลังพิเศษในโรงเรียนวาเลธิราน และพยายามปลุก “อสูรแห่งเงา” ขึ้นมาอีกครั้ง

อรัณย์เริ่มได้รับการยอมรับ เมื่อเขาช่วยเหลือเพื่อนๆ ในศึกแรก แต่ศัตรูก็เริ่มรู้ว่าเขาคือ บุตรแห่งเงา

ระหว่างที่พลังของเขาเติบโตขึ้น ความสงสัย ความกลัว และการทรยศก็ตามมา…

บทที่ 6: ตัวตนที่แท้จริง

ในตอนท้ายของปีที่สาม หลังจากสูญเสียอาจารย์ที่รัก ถูกหักหลังโดยคนที่ไว้ใจ และเผชิญหน้ากับหัวหน้ากลุ่มเงาเทวทูต — อรัณย์พบความจริงสุดท้าย

การตายของครอบครัวเขาในวัยเด็ก… ไม่ใช่อุบัติเหตุ

แต่เป็น “พิธีกรรม” เพื่อปิดผนึกพลังในตัวเขาไม่ให้ตื่น

…โดยพ่อของเขาเอง

“ข้าขอโทษ…ลูกไม่ควรจะต้องเป็นปีศาจเหมือนข้า…” เสียงของพ่อเขาดังขึ้นจากความทรงจำ

อรัณย์ยืนอยู่ ณ ทางแยก

หนึ่งคือการล้างแค้นเงาเทวทูต และโลกที่เหยียบย่ำเขา

อีกหนึ่งคือการใช้พลังเพื่อหยุดสงครามและปกป้องผู้บริสุทธิ์

และเขาเลือก…

(*รอภาคต่อ…💥)จบบทนำ*

...เงาแห่งเวทมนตร์...

*1️⃣🌪️*ตอนที่ 1: รอยแผลในคืนฝน

เสียงฟ้าคำรามสะท้อนก้องในท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านอาเดรียน สายฝนกระหน่ำลงมาราวกับจะชะล้างความลับทั้งปวงที่ซุกซ่อนในเงามืดของดินแดนแห่งนี้

เด็กชายวัยสิบสี่ปีนั่งอยู่ริมหน้าต่างในบ้านไม้หลังเก่า ไฟในเตาผิงลุกวูบวาบตามแรงลมที่ลอดเข้ามาทางประตูไม้ที่บิดเบี้ยวจากการใช้งานหลายปี

อรัณย์ เวโรนีส เอาคางพิงเข่าที่ชันขึ้นมารัดแขนแน่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบดินและรอยแผลเล็ก ๆ จากการฝึกซ้อมกับพ่อเมื่อช่วงเย็น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมครอบครัวของเขาต้องเคร่งครัดกับการฝึกมากขนาดนี้ ทั้งที่พวกเขาก็ใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ในหมู่บ้านธรรมดา

“เวทมนตร์ไม่ใช่ของเล่นอรัณย์” พ่อเคยพูด

“มันเป็นคำสาปที่แฝงมาในสายเลือดเรา… อย่าใช้มันถ้าไม่จำเป็น”

อรัณย์ไม่เคยเข้าใจว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร เพราะเท่าที่เขารู้ เขาไม่เคยใช้เวทมนตร์ได้เลย — ไม่เคยเรียกไฟ ไม่เคยร่ายมนตร์ และไม่เคยรู้สึกถึง “พลัง” อย่างที่พ่อพูดถึง

แต่ในคืนนั้น… เขาได้รู้คำตอบ

เสียงประตูหลังบ้านกระแทกดังปัง

แม่ของเขารีบวิ่งเข้ามาในห้อง ขณะที่พ่อดึงดาบสั้นเวทมนตร์จากผนังไม้ — ดาบที่อรัณย์ไม่เคยเห็นพ่อแตะต้องมาเป็นปี

“มันมาแล้ว…” แม่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“เจ้าต้องพาอรัณย์หนี เดี๋ยวนี้”

“ไม่ พวกมันมาหาเขา ข้าต้องปกป้อง—”

ไม่ทันจบประโยค ประตูหน้าก็ถูกแรงกระแทกจากเวทมนตร์กระชากหลุดออก เงาดำรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ไร้ใบหน้า ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน พวกมันสวมผ้าคลุมสีดำสนิท มีอักขระเรืองแสงสีม่วงล้อมรอบตัว

แสงวาบจ้าแผ่กระจายทั่วห้อง

อรัณย์รู้สึกเหมือนลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ความมืด

…รุ่งเช้า

เด็กชายลืมตาขึ้นท่ามกลางกองซากไม้ไหม้เกรียม เสียงร้องของชาวบ้านและกลิ่นไหม้ยังคงอบอวลรอบตัว แต่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อ แม่ และน้องสาว… หายไป

เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรเดินทางมาถึงวันถัดมา และประกาศว่าเหตุการณ์นี้คือ “อุบัติเหตุจากฟ้าผ่า” โดยไม่มีผู้รอดชีวิต — ยกเว้นตัวเขา

ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเห็น “เงา” ไม่มีใครพูดถึงเวทมนตร์ ไม่มีใครแม้แต่จะช่วยเขาเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หลายเดือนผ่านไป…

อรัณย์ใช้ชีวิตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของวัดแถบชายแดน เขากลายเป็นเด็กเงียบขรึม ไม่พูดกับใคร และไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขานัก เพราะเด็กคนอื่นลือว่า “เขาเป็นลูกของปีศาจเงา”

แต่ในคืนเดือนดับ — วันเกิดของเขา

มีนกฮูกสีดำบินเข้ามาที่หน้าต่าง ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้

ขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่

โลกเวทมนตร์รอเจ้าอยู่ ณ ยอดเขาเหนือหมอก

วาเลธิราน — โรงเรียนแห่งเงาและแสง

— อัครเวทย์แห่งจักรพรรดิ์

จดหมายนั้นเปลี่ยนชีวิตเขาอีกครั้ง…

*2️⃣🚪🪄*ตอนที่ 2: ประตูสู่เวทมนตร์

ฝนโปรยปรายเบา ๆ ในยามเช้าเหนือหุบเขาไกลโพ้น อรัณย์ยืนอยู่หน้าผาสูงริมชายป่า มือข้างหนึ่งถือจดหมายที่เปียกฝนบางส่วน อีกข้างถือเพียงห่อผ้าเล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้จำเป็นไม่กี่ชิ้น — นี่คือทุกสิ่งที่เหลือจากชีวิตที่ผ่านมา

“วาเลธิราน” ชื่อนั้นดังก้องอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาไม่รู้ว่ามันคือสถานที่แบบไหน แต่เสียงภายในจิตบอกให้เขาเดินต่อไป

บนเส้นทางสู่วาเลธิราน

ระหว่างการเดินทางผ่านหุบเขา อรัณย์ได้พบกับชายแก่หลังค่อมคนหนึ่งในชุดคลุมสีขาว เขายืนขวางเส้นทางไว้พร้อมรอยยิ้มลึกลับ

“เจ้ามาช้าไปหนึ่งวัน…” ชายชราเอ่ยเสียงเบา

“แต่โชคดีที่ประตูนี่ยังรอเจ้าอยู่”

เขายื่นไม้เท้าให้ และเดินนำไปสู่ “ประตูหิน” สูงสิบเมตรกลางป่า มีอักขระเรืองแสงเป็นรูปวงเวทซ้อนทับกัน

เมื่ออรัณย์สัมผัสมือกับประตู อักขระทั้งมวลสว่างจ้า และพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พรึ่บ!

เขาถูกดูดเข้าไปในความมืด

วาเลธิราน – โรงเรียนเวทมนตร์ลับแล

แสงตะวันอ่อน ๆ กระทบยอดหอคอยสีเงินที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขา นักเรียนมากมายเดินสวนกันไปมาในชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปักสัญลักษณ์ธาตุเฉพาะตัว

อรัณย์มองภาพเบื้องหน้าด้วยความตะลึง

โรงเรียนวาเลธิรานถูกสร้างขึ้นกลางหุบเขาลับแล ถูกปกป้องด้วยม่านเวทขนาดมหึมา ไม่มีผู้ใดเห็นจากภายนอก เว้นแต่ผู้ถูกเลือก

ทันทีที่เขาเดินเข้าสู่ลานกลาง เขาถูกจับจ้องจากนักเรียนคนอื่นทันที

เด็กบางคนกระซิบ

บางคนแอบหัวเราะ

บางคนมองอย่างเย็นชา

“นั่นเด็กกำพร้าที่คริสตัลธาตุแตกหมดนั่น…”

“ว่าไง ‘ผู้ไร้ธาตุ’ ฮ่ะ!”

อรัณย์ได้ยินทุกคำชัดเจน แต่ไม่พูดอะไร เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ

*ต่อตอนต่อไป**🗝️🔑*

เงาเเห่งเวทมนตร์

*3️⃣🤍🤍🤍*ตอนที่ 3: พันธสัญญาเงา

กลางค่ำคืนอันเงียบงัน ณ โรงเรียนวาเลธิราน เมฆสีดำลอยปกคลุมยอดเขา หอคอยเวทที่สูงที่สุดยังคงมีแสงวิบวับจากคบเพลิงเวทมนตร์สีน้ำเงินเยือกเย็น

อรัณย์นั่งอยู่คนเดียวในห้องฝึกเวทลับใต้ดิน ห้องที่ครูใหญ่จัดไว้ให้โดยเฉพาะ ไม่มีหน้าต่าง มีเพียงผนังหินเย็นเฉียบ และวงเวทที่วาดด้วยโลหิตของอสูรที่กลายเป็นหิน

เขาเพ่งมองมือของตนเอง — เมื่อวาน เขาสามารถระเบิดคริสตัลธาตุทั้งห้าได้

แต่มันไม่ใช่ “พลัง” ในความหมายที่ใคร ๆ เข้าใจ

มันคือ “การลบล้าง”

คือพลังที่ปฏิเสธธรรมชาติของเวทมนตร์

“ข้าคือคนผิดพลาด… หรือเป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรก?”

เขาพึมพำกับตนเอง

ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากเงามืด

“ยังไม่หลับอีกหรือ?”

เสียงนั้นคุ้นเคย — อีเรน ซาลเวียร์

เธอเดินเข้ามาพร้อมตะเกียงเวทมนตร์เล็ก ๆ ส่องสว่างใบหน้าเรียบเฉยของเธอ

“เจ้ากลัวงั้นหรือ?”

“ไม่…” อรัณย์ตอบเบา ๆ “…ข้ากลัวว่า ข้าจะไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ”

“งั้นก็ดี เพราะคนธรรมดาไม่มีใครลบล้างเวทได้หรอก”

ปริศนาในความฝัน

คืนนั้น หลังจากอีเรนจากไป อรัณย์ก็เผลอหลับไปในห้องนั้น

ในความฝัน เขายืนอยู่กลางหอคอยเวทมนตร์ที่พังทลาย

เศษหินลอยอยู่กลางอากาศ เสียงกระซิบดังรอบตัว

“จงเลือก… จงยอมรับ…

พลังของเงาคือความว่างเปล่า

ผู้ถือครองมัน ต้องแลกบางสิ่ง”

เงาดำรูปร่างเหมือนเขาเองก้าวออกมาจากด้านหลัง

“ข้าคือเจ้า — ในวันที่ไร้ความลังเล”

“หากเจ้าไม่ยอมรับเวทเงา… เจ้าไม่มีสิทธิ์ควบคุมมัน”

ทันใดนั้น เงานั้นยื่นมือมาแตะอกของเขา

อรัณย์รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบพุ่งผ่านกระดูกสันหลัง

เวทเงาไหลเข้าสู่ร่างเขา — เป็นครั้งแรกที่เขา “รู้สึก” ถึงพลังจริง ๆ

เช้าวันถัดมา – พิธีพันธสัญญา

ณ โถงพิธีแห่งธาตุ ครูใหญ่เรียกนักเรียนปีหนึ่งทุกคนให้มารวมตัว

วันนี้คือ “วันสาบานธาตุ”

คือวันที่นักเรียนจะทำพันธสัญญากับธาตุที่ตนผูกพัน เพื่อได้รับเวทพื้นฐานประจำตัว

ทุกคนเข้าคิวเพื่อแตะมือกับ “เสาหินธาตุ” ซึ่งมีธาตุเวทสถิตอยู่ในนั้น

ธาตุดิน: สัญญาแห่งพละกำลัง

ธาตุน้ำ: สัญญาแห่งสัญชาตญาณ

ธาตุไฟ: สัญญาแห่งความมุ่งมั่น

ธาตุลม: สัญญาแห่งเสรีภาพ

ธาตุเงา: สัญญาแห่งความลับและการแลกเปลี่ยน

อรัณย์รู้ว่าเขาไม่มีธาตุ เขาไม่ควรจะมา

แต่เมื่อเขาก้าวขึ้นสู่เวที…

…เสาที่หก ปรากฏขึ้นจากพื้นอย่างไม่มีใครคาดคิด

เสาหินสีดำสนิทที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน

รอบมันมีตัวอักษรโบราณส่องแสง และผู้คนรอบตัวต่างสั่นสะท้านโดยไร้เหตุผล

“เสาแห่งไร้ธาตุ… มันไม่เคยโผล่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3…”

ครูใหญ่พึมพำด้วยเสียงเคร่งเครียด

“ถ้าเขาแตะมัน… เขาจะต้องเลือกทางที่ไม่มีวันหวนกลับ”

อรัณย์เงยหน้ามองเสา แล้วพูดเบา ๆ

“ถ้ามันพาข้าไปสู่ความจริง… ข้ายอมแลกทุกอย่าง”

เขาเอื้อมมือแตะเสาแห่งไร้ธาตุ

เงาแผ่กระจายครอบคลุมทั้งห้อง

เด็กชายคนหนึ่งทำพันธสัญญากับเวทมนตร์ที่โลกทั้งใบหวาดกลัว

*4️⃣🪬🧿*ตอนที่ 4: เสียงกระซิบจากอดีต

หลังจากทำพันธสัญญากับ “เสาแห่งไร้ธาตุ” พลังบางอย่างในตัวอรัณย์ก็ตื่นขึ้นจริง ๆ เป็นครั้งแรก

เขาเริ่มได้ยินเสียงกระซิบจากเงา

เสียงที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากเขา

เสียงที่เอ่ยชื่อของเขาเหมือนรู้จักกันมานานแสนนาน…

“เจ้าคือบุตรแห่งเงา…

ผู้สืบสายโลหิตจักรพรรดิ

เจ้า…จำข้าไม่ได้งั้นหรือ?”

คืนฝึกเวทครั้งแรก

ในห้องฝึกใต้ดิน อรัณย์และอีเรนซ่อนตัวฝึกเวทเงาอย่างลับ ๆ

โดยใช้อักขระโบราณที่เขาจดจากภาพในฝัน

เมื่อเขาเพ่งจิต อักษรเหล่านั้นสว่างขึ้นด้วยแสงสีม่วงอมเทา และวงเวทก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนพื้น

อีเรนเฝ้าดูเงียบ ๆ ก่อนจะพูดว่า

“ข้าเคยได้ยินตำนานของ ‘เวทไร้ธาตุ’ ที่สามารถ แยก เวทมนตร์ของผู้อื่นออกเป็นชิ้น ๆ ได้…”

“เจ้า…อาจจะเป็นคนเดียวในยุคนี้ที่ทำได้”

“แยกเวท?” อรัณย์เลิกคิ้ว “ข้าทำอะไรแบบนั้นได้จริงหรือ?”

เพื่อทดลอง เขาหยิบผลึกเวทสายไฟ แล้ววางไว้กลางวงเวท

เขาหลับตา ใช้สองมือวางลงเหนือผลึก พร้อมเปล่งคำเรียกภายในใจ

“จงเผยแก่นแท้ของเจ้า…”

ผลึกไฟเริ่มสั่น และแสงสีแดงแตกกระจายออกเป็นสาย — ไหลไปตามเส้นวงเวทอย่างมีชีวิต

ไม่ใช่แค่เรียกเวท… อรัณย์สามารถ “แกะโครงสร้าง” ของเวทมนตร์ได้

“ข้า…เห็นมัน…”

“เวทแต่ละธาตุ…มันมีโครงสร้างเหมือนเส้นใย… ข้าแยกมันออกได้!”

เหตุการณ์ประหลาดในหอสมุดกลาง

ในคืนหนึ่ง อรัณย์เข้าไปยังหอสมุดลับของวาเลธิราน ตามคำแนะนำของเสียงในหัว

ที่มุมหนึ่งของชั้นหนังสือเวทเก่าแก่ เขาพบตำราเก่าปกสีดำสนิท ไม่มีชื่อ ไม่มีผู้แต่ง

เมื่อเปิดดู หน้าแรกไม่มีอักษร

แต่เมื่อเขาแตะลงไป — อักษรโบราณก็ลอยขึ้นทีละบรรทัด พร้อมเสียงกระซิบดังก้องในหัว

“โอ…โลหิตที่ยังเหลือ

ลูกหลานแห่งเฟรอส

เจ้ายังจำข้าไม่ได้หรือ?”

ทันใดนั้นภาพหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า

ภาพของพ่อเขา — ยืนอยู่หน้าเด็กชายตัวเล็กที่กำลังร้องไห้

“ให้อภัยพ่อนะอรัณย์…”

“พ่อจำเป็นต้องปิดผนึกมันไว้… ก่อนที่มันจะกลืนกินเจ้า…”

ภาพนั้นทำให้อรัณย์ทรุดลง

“ความทรงจำของข้า…ถูกลบไป?”

“ข้าถูกผนึก…ตั้งแต่ยังเด็ก?”

เสียงในหนังสือเอ่ยอีกครั้ง

“หากเจ้าต้องการความจริง จงตามหาสิ่งที่พ่อเจ้าทิ้งไว้ใน ‘ห้องใต้หอเงา’…”

“ที่นั่น…คือจุดเริ่มต้นของคำสาปทุกอย่าง”

เงาเทวทูตเคลื่อนไหว

ในขณะเดียวกัน ณ หอพักอาจารย์วาเลธิราน — ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้ากระจก มือข้างหนึ่งกำลังลูบแหวนสีดำบนมือ

“เขาเริ่มตื่นพลังแล้วสินะ…”

“ลูกชายของเซริน เฟรอส…”

เขายิ้มเยือกเย็น ก่อนหันไปยังผู้ติดตามชุดดำข้างหลัง

“ส่งคำสั่ง… เริ่ม ‘การทดสอบแรก’”

“ปล่อย อัลกอซ แห่งเงาทมิฬ ลงในอาณาเขตโรงเรียน”

*5️⃣🧌👺👹👿*ตอนที่ 5: อสูรแห่งเงาทมิฬ

ค่ำคืนเงียบงันในวาเลธิราน กลับเต็มไปด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้

เสียงลมที่ควรจะเย็นเฉียบในยามค่ำกลับถูกแทนด้วยไอเย็นจาก บางสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติ

อรัณย์สะดุ้งตื่นจากฝัน ท่ามกลางความมืด เสียงหนึ่งดังกระซิบอยู่ในหัว

“มัน…มาแล้ว…”

“อัลกอซ…ผู้กลืนกินเงา”

เงาทมิฬปรากฏ

เสียงกรีดร้องดังมาจากลานฝึกเวทด้านล่าง

แสงเวทพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และตามมาด้วยแรงระเบิดขนาดย่อม

อรัณย์วิ่งออกไปพร้อมอีเรน

ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนต้องหยุดหายใจ

สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมารูปร่างเหมือนหมาป่าผสานเงาควันสีดำยืนอยู่กลางลาน

มี 6 ตาเปล่งแสงสีแดง มองทะลุความมืด — อัลกอซ แห่งเงาทมิฬ

มันเป็นสัตว์เวทโบราณที่เคยถูกจารึกว่า “สูญพันธุ์”

แต่ตอนนี้ มันกลับอยู่ตรงหน้า… และมันกำลังล่า

เวททั่วไปใช้ไม่ได้ผล

นักเรียนปีสูงพยายามใช้เวทใส่มัน

เวทไฟ, น้ำแข็ง, ลม ไม่มีผลใด ๆ — ทุกอย่างถูกมัน “กลืน” เข้าไปในเงาของตัวเอง

มันไม่ใช่เพียงแค่อสูร… แต่มันคือ “รูหนอนเวทมนตร์” ที่กลืนกินเวททุกชนิด

“ขนาดเวทผสมของรุ่นพี่คลาส A ยังไม่ได้ผล…”

อีเรนกัดฟัน

“อรัณย์ เจ้าต้องใช้เวทของเจ้าแล้ว!”

เงาเริ่มเต้นรำ

อรัณย์ยืนกลางลานฝึก ท่ามกลางนักเรียนที่แตกตื่น

เขาหลับตา สูดลมหายใจ และยกมือขึ้นช้า ๆ

เงาของเขา…เคลื่อนไหว ช้ากว่าเขา

ไม่ใช่แค่เงา แต่เหมือน “เงาอีกตัว” ที่คอยสะท้อนตัวตนเขาอย่างล่าช้า

มันเริ่มสั่นไหว ราวกับกำลังจะ ปลดปล่อยตัวเองออกมา

“จงตอบรับเสียงของข้า…

เงาที่ไร้รูปร่าง

พลังแห่งสิ่งที่ไม่มีใครยอมรับ…”

“จงปรากฏ… วงเวทแห่งว่างเปล่า!”

วงเวทขนาดใหญ่ปรากฏใต้เท้าเขา — วงเวทไร้แสง แต่เปล่งพลังคลื่นมหาศาล

ทันใดนั้น เงาที่อยู่ใต้เท้าเขาก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ

กลายเป็นสายเงาทั้งสิบเส้น พุ่งเข้าโจมตีอัลกอซในทุกทิศทาง

เงาไม่ใช่แค่การโจมตี — แต่มัน เจาะเข้าไปในเวทป้องกันของอัลกอซ และ “แยก” โครงสร้างพลังมันออกทีละเส้น

อัลกอซคำราม มันรู้สึกได้…ว่าครั้งนี้มัน อาจตายได้จริง

เวทต้องห้าม: “ทัณฑ์แห่งไร้ธาตุ”

อรัณย์หลับตาอีกครั้ง พึมพำบทเวทที่เขาเห็นในหนังสือลับจากหอสมุด

“ผู้ไร้สี…ผู้ไร้แสง…

จงทำลายความเชื่อมั่นแห่งโลก

ทัณฑ์แห่งไร้ธาตุ จงปลิดชีพทุกสิ่งที่มีโครงสร้าง!”

วงเวทสุดท้ายสว่างวาบ

และร่างอัลกอซ…เริ่ม แตกออกเป็นเศษเวทมนตร์

ราวกับมันไม่เคยมีอยู่

เหลือเพียงควันเงาที่สลายไปในลม

หลังการต่อสู้

นักเรียนทุกคนเงียบงัน

ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ตนเห็น

แม้แต่ครูผู้คุมเวทระดับสูง ก็ยืนอึ้ง

“เขา…ฆ่าอัลกอซได้ โดยไม่ใช้อาวุธ หรือธาตุใดเลย…”

แต่แล้ว อรัณย์ทรุดลง

เวทเงานั้นกินพลังชีวิตจากเขาไปมากกว่าที่เขาคิด

อีเรนเข้ามารับร่างเขาไว้ทัน ก่อนที่เขาจะหมดสติไปในอ้อมแขนของเธอ

“เจ้าโง่…เจ้าบ้าชะมัด…”

เสียงเธอสั่น…

“…แต่เจ้าคือคนเดียวที่ทำได้”

*6️⃣⛓️‍💥🩸🩸*ตอนที่ 6: สายเลือดเฟรอส

อรัณย์ตื่นขึ้นในห้องพยาบาลของวาเลธิราน

เขาจำได้ลาง ๆ ว่าตนใช้เวทเงาสังหารอัลกอซ… แล้วทุกอย่างก็มืดดับไป

สิ่งแรกที่เขาเห็นเมื่อรู้สึกตัว คือใบหน้าอีเรนที่หลับคาแขนเตียงเขา

มือเธอยังกุมมือเขาไว้แน่น

นานแค่ไหนแล้วที่มีใครจับมือเขาด้วยความห่วงใยแบบนี้…

เสียงแห่งอดีต

ในความฝัน อรัณย์ถูกพาเข้าสู่เงาอีกครั้ง

เงานั้นไม่ใช่ของตัวเขา — แต่เป็นความทรงจำของใครบางคน

“พ่อหรือ…”

เขาพึมพำขณะเงารอบตัวเปลี่ยนรูปร่างเป็นโถงศิลาสีดำ

ในกลางห้อง มีชายคนหนึ่งยืนอยู่

ชุดคลุมสีดำสนิท มีสัญลักษณ์เดียวกันกับบนหน้าอกของอรัณย์ — ตราเงาคู่

ชายคนนั้นหันมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

“อรัณย์…ถ้าเจ้ามาเห็นภาพนี้ แสดงว่าข้าตายไปแล้ว”

“พ่อชื่อ เซริน เฟรอส”

“อดีตหัวหน้าตระกูลแห่งเงา

ผู้ทรยศจักรวรรดิเวทมนตร์… เพื่อปกป้องบางสิ่ง”

ความลับของตระกูล “เฟรอส”

“เฟรอส ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา”

“พวกเราเคยเป็น ‘ราชวงศ์เงา’

ผู้สร้างสมดุลให้กับพลังธาตุทั้งหมด”

“ในอดีต มี 5 ตระกูลใหญ่ — ธาตุไฟ น้ำ ลม ดิน และเงา”

“แต่พลังของตระกูลเงานั้นเป็นสิ่งที่เหลือล้ำเกินไป…”

“จึงถูกกลัว ถูกล่า และถูกลบออกจากบันทึกประวัติศาสตร์”

“ข้าคือคนสุดท้ายที่เหลือ…ก่อนจะมีเจ้า”

“และเจ้า…คือคนเดียวที่อาจฟื้นฟูมันได้”

ภาพในฝันจางลง — อรัณย์สะดุ้งตื่น

หัวใจเขาเต้นแรง

พลังที่เขาคิดว่าเป็นคำสาป… แท้จริงคือ สายเลือดราชาแห่งเงา

เบื้องหลังของวาเลธิราน

ในอีกด้านหนึ่ง — อาจารย์ใหญ่ของวาเลธิราน กำลังสนทนากับบุรุษในชุดคลุมม่วง

ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้ฮู้ด แต่เสียงของเขาเยือกเย็นราวความตาย

“เขาเริ่มรู้แล้วว่าเป็นใคร…”

“แผนที่สองจึงต้องเริ่มก่อนกำหนด”

ชายในฮู้ดส่งม้วนคัมภีร์ให้

“หอเงาใต้ดินต้องถูกเปิด…

หากเขาผนึกตนเองกับ ‘เสาหลักเงา’ ได้สำเร็จ พวกเราจะควบคุมเขาไม่ได้อีก”

อีเรนกับความลับของเธอ

อีเรนนั่งเงียบข้างเตียงอรัณย์ ก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ ขณะเขาลืมตา

“เจ้ารู้ไหม… ทำไมข้าถึงอยู่ข้างเจ้าเสมอ?”

เธอไม่รอคำตอบ

“เพราะข้าคือ ‘ผู้พิทักษ์แห่งสายเงา’

คนสุดท้ายที่เหลือจากตระกูลเรธีน่า…

ตระกูลที่ปกป้องราชวงศ์เฟรอสมาตลอดพันปี”

“ข้าเกิดมา…เพื่อปกป้องเจ้า แม้ต้องตายก็ตาม”

อรัณย์ตกตะลึง…

ทั้งชีวิตเขาไม่เคยรู้ว่ามีใครที่ “เกิดมาเพื่อปกป้องเขา”

“แต่นั่น…มันไม่แฟร์เลยนะอีเรน”

“ข้าก็อยากมีสิทธิ์ปกป้องเจ้ากลับเหมือนกัน…”

สุดท้ายของบทนี้

ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนหอพัก

เงาบางอย่างเคลื่อนไหวในซอกตึก

มันไม่ได้มีรูปร่างชัดเจน… แต่มันกำลัง “จ้อง” อรัณย์

“องค์ชาย…ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว”

“พวกเรารอเจ้า…มา 17 ปีแล้ว”

*ต่อ**👀🔮👺*

เงาเเห่งเวทมนตร์

*7️⃣🗡️*ตอนที่ 7: เสาหลักแห่งเงา

แม้ร่างกายยังอ่อนแรงจากการใช้เวทเงา แต่ภายในใจของอรัณย์กลับแข็งแกร่งกว่าครั้งไหน ๆ

เขารู้แล้วว่าเขาเป็นใคร

รู้ว่า สายเลือดเฟรอส ในตัวเขาไม่ใช่คำสาป

แต่มันคือ กุญแจสำคัญแห่งการชี้ชะตาโลกเวทมนตร์

การเดินทางเริ่มต้น

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

อาจารย์ใหญ่อนุญาตให้เขาออกเดินทางชั่วคราว พร้อมมอบ “คำสั่งลับ” ให้ผู้ติดตามสองคนร่วมทาง

อีเรน – เด็กสาวผู้เป็นผู้พิทักษ์สายเลือดแห่งเงา

ซินด์ เอลทาร์ – นักเรียนปีสาม สายเวทสายลม ผู้เงียบขรึม และเป็นมือสังหารของสภานักเรียน

“หอเงาใต้ดิน… อยู่ใต้หุบเขาเมรานที่ปิดตายมา 300 ปี” – ซินด์เอ่ย

“มีเพียงเลือดแท้แห่งเฟรอสเท่านั้นที่เปิดทางเข้าได้”

อรัณย์ไม่ตอบ เขาแค่จ้องเส้นทางข้างหน้าในความเงียบ

เขารู้ดีว่า ทุกย่างก้าวจากนี้ จะไม่มีวันย้อนกลับได้อีก

บททดสอบของเงา

เมื่อทั้งสามเดินทางถึงหุบเขาเมราน

ม่านหมอกหนาทึบปกคลุมเต็มปากถ้ำ

เสียงกระซิบจากเงามืดดังก้องในหัวอรัณย์ทันทีที่เขาเข้าใกล้

“จงแสดงเจตจำนงแห่งตน”

“ผู้ใดไร้เงาในใจ… จักไม่ผ่านไป”

เขายกมือขึ้น แตะที่แผ่นศิลา

เลือดจากปลายนิ้วซึมเข้าไปในวงเวทย์ แล้ว “ประตูเงา” ก็ปรากฏขึ้น

ภายในคือทางเดินมืดสนิท

ไม่มีแสง ไม่มีเสียง มีเพียงเวทมนตร์แห่งความว่างเปล่าห่อหุ้ม

เงาที่สะท้อนตนเอง

ทันทีที่เขาก้าวเข้าไป อรัณย์พบกับตัวเอง

เงาของเขา ปรากฏตรงหน้า

มีดวงตาเยียบเย็น รอยยิ้มเย้ยหยัน และเสียงหัวเราะที่เจ็บปวด

“เจ้ายังกลัวอยู่ใช่ไหม…”

“กลัวจะกลายเป็นปีศาจเหมือนที่คนอื่นมอง”

“เจ้าพยายามเป็นคนดี ทั้งที่ในใจอยากทำลายทุกสิ่ง”

“เจ้าคือข้า… ส่วนที่เจ้าปฏิเสธจะยอมรับ”

อรัณย์ก้าวไปข้างหน้า ไม่หลบตาเงาตัวเองอีกต่อไป

“ใช่ ข้ากลัว”

“แต่ข้าจะไม่หนีอีกแล้ว…”

ทันใดนั้น แสงจากดวงตาของเขาสว่างวาบ

เวทเงาที่เคยควบคุมไม่ได้ ค่อย ๆ ม้วนตัวกลับเข้าหาเขา

กลายเป็น ตราเฟรอสสมบูรณ์แบบ ที่ส่องสว่างกลางอก

เสาหลักแห่งเงา

เมื่ออรัณย์ผ่านบททดสอบ เงารอบตัวเขาถอยห่าง

เปิดเผย ห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน ที่มีเสาหินมหึมาหลายต้นล้อมรอบจุดศูนย์กลาง

กลางห้อง คือ “เสาหลักแห่งเงา”

เสาที่สลักด้วยภาษาโบราณ และหมุนวนด้วยพลังเวทลี้ลับ

อรัณย์เดินเข้าไปแตะมัน

ทันใดนั้น ภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง

คำทำนายจากอดีต

เสียงของบรรพชนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ผู้ถือสายเลือดแห่งเงา จักเผชิญหน้ากับสองทางเลือก”

“หนึ่ง… ใช้พลังเพื่อสยบความขัดแย้ง ฟื้นฟูสมดุลของโลกเวท”

“สอง… ปลดปล่อยเงาสนิท สู่หายนะที่โลกจะไม่มีวันฟื้น”

“ทุกสิ่งอยู่ในมือเจ้า…อรัณย์ เฟรอส”

หายนะกำลังมา

ขณะอรัณย์ยืนอยู่ที่เสาหลัก

เบื้องบน… ณ วาเลธิราน

รอยแยกกลางท้องฟ้าเปิดออก

มวลพลังสีดำสนิทกำลังแทรกเข้ามาในมิติของโลกเวทมนตร์

เหล่าอาจารย์ต่างรีบร่ายคาถาป้องกัน

“มันเริ่มแล้ว…”

อาจารย์ใหญ่พึมพำขณะจ้องไปที่รอยแยก

“ผู้ปลุกคำสาป… ได้เริ่มการคืนชีพ”

*8️⃣⚜️🔆🔆❤️‍🩹*ตอนที่ 8: คืนชีพแห่งคำสาป

ลมพายุเริ่มก่อตัวเหนือโรงเรียนเวทมนตร์วาเลธิราน

เมฆดำกลืนกินท้องฟ้า พลังเวทมืดจากรอยแยกเริ่มไหลทะลักเข้ามาในมิติแห่งเวท

เสียงไซเรนเวทมนตร์ที่ไม่เคยถูกใช้นานนับศตวรรษ… ดังก้องไปทั่วอาณาเขตโรงเรียน

“นักเรียนทุกคน! รีบหลบไปยังห้องใต้ดินป้องกันทันที!”

เสียงอาจารย์ใหญ่ผ่านเวทขยายเสียงดังเข้าทุกหอพัก

แต่ที่หุบเขาเมราน… อรัณย์กลับไม่ได้ยินเสียงใดเลย

เขายังยืนอยู่หน้าศิลาแห่งเงา

ภาพนิมิตของอดีตและอนาคตยังไหลวนอยู่ในจิต

คำทำนายอีกครึ่งหนึ่ง

เมื่อเงาสลายไปจากใจ เขาได้ยินเสียงใหม่ที่ต่างจากก่อนหน้า

มันฟังดูอ่อนโยน แต่แฝงความเศร้า

“เจ้าคือเสี้ยวแห่งแสงในความมืด… และเป็นเงาในแสงที่เจิดจ้า”

“เจ้าจะต้องเผชิญศัตรูที่ไม่มีรูปร่าง… เพราะมันคือเงาในใจของทุกคน”

ทันใดนั้น ศิลาแห่งเงาแตกร้าว

จากรอยร้าวนั้น หมอกสีดำ เริ่มไหลออกมาอย่างช้า ๆ

กำเนิดคำสาป

“มันตื่นแล้ว…” ซินด์เอ่ยเสียงต่ำ มือแตะดาบเวทที่หลัง

“คำสาปอาราคเธียร์… มันยังไม่ตาย”

จากหมอกสีดำ ก่อร่างเป็นเงารูปร่างมนุษย์

ไม่มีใบหน้า ไม่มีเสียง ไม่มีหัวใจ

แต่มันสะท้อนอารมณ์และจิตใจด้านมืดของทุกคนที่มองมัน

อีเรนก้าวมาข้างหน้า ยกไม้เท้าเวทขึ้น

“อย่ามองตาเงานั่น! มันจะสะท้อนความกลัวของเจ้าออกมา!”

แต่สายเกินไป…

เสียงหัวเราะของเงาดังก้องทั่วถ้ำ

“ข้าคือผลพวงจากความกลัวของเจ้า…”

“ผู้สืบสายเฟรอส… ข้าคืออีกครึ่งที่เจ้าทิ้งไว้”

การต่อสู้ครั้งแรก

อรัณย์ยืนนิ่ง ไม่ขยับ

แต่แววตาของเขาไม่หวั่นไหวอีกต่อไป

“ข้าไม่หนีแล้ว”

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอดีต ความกลัว หรือความแค้น… ข้าจะยอมรับเจ้า”

แสงจากตราเฟรอสบนอกเขาสว่างขึ้นอีกครั้ง

เวทเงาที่เคยควบคุมไม่ได้… ตอนนี้หมุนรอบร่างเขาราวกับเปลวไฟสีดำและม่วง

“จงรวมเป็นหนึ่ง…”

อรัณย์ยื่นมือออกไป เงารูปมนุษย์พุ่งใส่เขา

แต่แทนที่จะโจมตี เขาเปิดแขนรับมัน

เสียงกรีดร้องดังลั่น… แต่เพียงไม่กี่วินาที

หมอกคำสาปสลายไป กลายเป็นประกายแสงกระจายทั่วห้อง

เขาทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ —

ยอมรับเงาของตนเอง

พันธะใหม่

ซินด์และอีเรนมองเขาด้วยความตกตะลึง

แทนที่เงาคำสาปจะกลืนกินเขา มันกลับกลายเป็นพลังใหม่ที่หลอมรวมเข้ากับเวทเงา

“ตอนนี้เจ้า…” อีเรนพูดเบา ๆ

“เจ้าเป็น เฟรอสผู้สมดุล คนแรกในรอบพันปี”

แต่ไม่มีเวลายินดี

ทันทีที่ศิลาเงาถูกดูดพลัง

พื้นถ้ำเริ่มสั่น เสาหินรอบตัวถล่มลงมา

“หนีไป!” ซินด์ตะโกน

ทั้งสามรีบวิ่งออกจากห้องศักดิ์สิทธิ์

ก่อนที่มันจะพังลงทั้งห้อง

กลับสู่วาเลธิราน

เมื่อพวกเขากลับถึงโรงเรียน

อาณาเขตเวทมนตร์โดยรอบสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“พลังคำสาปเริ่มแทรกเข้าทั่วมิติแล้ว”

“แม้เจ้าใช้พลังควบคุมเงาได้… แต่นั่นแค่จุดเริ่มต้น”

อาจารย์ใหญ่รออยู่ตรงประตู

เบื้องหลังเขา… มี สภาเวททั้ง 5 ยืนอยู่

หนึ่งในนั้นคือชายชราผมขาวในชุดคลุมทอง

เขาคือ องค์เวทาธรแห่งลำดับแรก

ผู้ที่รู้เรื่องตำนานเฟรอสดีที่สุด

“เด็กน้อย…”

“เจ้าต้องเข้าสู่พิธีประทับตราแห่งจิตภายใน 3 วัน”

“ก่อนที่คำสาปจะค้นหาเจ้าพบอีกครั้ง”

*9️⃣♨️⛓️‍💥💡🌚🌚*ตอนที่ 9: พิธีประทับตรา

เสียงระฆังเวทมนตร์ก้องสะท้อนไปทั่วหอคอยกลางของวาเลธิราน

ท้องฟ้ายังคงปกคลุมด้วยเงาหมอกแห่งคำสาป

พลังเวทที่ไม่คุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่รอบ ๆ โรงเรียน

แม้จะสงบภายนอก… แต่ทุกคนในโรงเรียนต่างสัมผัสได้ถึง บางสิ่งที่เปลี่ยนไป

และศูนย์กลางของความเปลี่ยนนั้น… ก็คือ อรัณย์

พิธีที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ในห้องโถงสีขาวของสภาเวท อรัณย์ยืนอยู่กลางวงแหวนเวทรูนโบราณ

รอบตัวเขาคือสมาชิกของ สภาเวททั้ง 5 —

เหล่าจอมเวทผู้สูงศักดิ์ที่ดูแลสมดุลของโลกเวทมนตร์มาเป็นพันปี

“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าพร้อมจะรับพิธีนี้?”

องค์เวทาธรกล่าว พลางจับจ้องอรัณย์ด้วยสายตาแหลมคม

“มันไม่ใช่แค่การทดสอบพลัง… แต่มันคือการขุดลึกเข้าไปในจิตใจของเจ้าเอง”

อรัณย์พยักหน้าช้า ๆ

“ผมพร้อม… ถ้าสิ่งนี้จะช่วยให้ผมเข้าใจว่า ผมคือใครจริง ๆ”

เข้าสู่จิตวิญญาณ

เมื่อคำกล่าวเริ่มต้นจบลง

ร่างของอรัณย์ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเข้มและทอง

ราวกับถูกดูดเข้าสู่มิติลี้ลับที่มีแต่เขาเท่านั้นที่สัมผัสได้

โลกที่เขาเปิดตาขึ้น… ไม่ใช่วาเลธิรานอีกต่อไป

มันคือ ภายในจิตใจของเขาเอง

ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัด

มีเพียงเสียงลมหายใจตัวเอง กับภาพเงาที่สะท้อนอยู่รอบตัว

เงาแห่งตน

จากหมอกเบื้องหน้า ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่ง

มีรูปร่างเหมือนอรัณย์ทุกประการ

แต่ดวงตาของเขาไร้แวว… เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว

“เจ้าคือข้า… แต่ข้าคือสิ่งที่เจ้าไม่ยอมรับ”

“ความโกรธที่เสียครอบครัว ความเกลียดชัง ความกลัว… เจ้าเก็บข้าไว้ในเงา แล้วคิดว่าตัวเองจะพ้นจากมัน?”

อรัณย์กำหมัดแน่น

ทุกคำพูดของเงาสะท้อนความจริงที่เขาไม่กล้ามองมาตลอด

“ข้าทนมานานพอแล้ว…” เงาในจิตพูด

“มาสิ… สู้กับข้า หากเจ้ากล้าพอที่จะยอมรับทุกด้านของตนเอง”

การต่อสู้ในจิตวิญญาณ

ทั้งสองพุ่งเข้าใส่กันโดยไร้คำพูด

การต่อสู้ไม่ใช่แค่การใช้เวทมนตร์ — มันคือการปะทะของอารมณ์ ความทรงจำ และอดีต

เวทเงาสะท้อนความรู้สึกสูญเสียของอรัณย์

แต่แสงจากตราเฟรอสกลับกลายเป็นแสงแห่งความหวัง

ความหวังที่เขาจะไม่หนีอดีตอีกต่อไป

สุดท้าย เมื่อเงาของเขาทรุดลง

อรัณย์กลับไม่ลงมือซ้ำ

เขายื่นมือไปหาตัวตนเงานั้น… ไม่ใช่เพื่อทำลาย แต่เพื่อ ยอมรับ

“ถ้าข้าไม่มองเจ้าเป็นศัตรู… เจ้าก็จะเป็นพลังของข้าได้”

เงานั้นเริ่มยิ้ม… ก่อนจะสลายเข้าร่างเขา

เวทเงาและแสงรวมเป็นหนึ่งเดียว

กลายเป็นอักขระเวทสีดำทองที่สลักลงบนแขนขวาเขา

พิธีเสร็จสมบูรณ์

เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งในโลกแห่งความจริง

อักขระเวทเรืองแสงบนแขนเขายังส่องประกายอยู่

สภาเวทมองเขาด้วยสายตาเคร่งขรึมปนความตื่นตระหนก

“เด็กคนนี้… ควบคุมเวทเงาและแสงได้พร้อมกัน…”

“ตำนานไม่ได้พูดถึงแค่ว่าจะมีผู้สืบสายเฟรอส… แต่พูดถึง ผู้ที่จะเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนโลกเวท”

อรัณย์ยังไม่เข้าใจทั้งหมด

แต่ลึกลงไป เขารู้ว่าเขาเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับ

*ต่อ**🌱🌱🌱🌱*

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!