ยูเซริ ก็จะประมาณนี้
❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️
"แม่คะ ลูกสอบทุนได้ ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นค่ะ" แววดาวสาวบ้านนอกไปทำงานที่เมืองหลวงหลังเลิกงานเธอมีเรียนภาคค่ำด้วยได้กล่าวกับคุณแม่ของเธอ
"แวว ใช้เงินเยอะไหมลูก แม่ไม่มีเงินให้นะ ลูกจะไปเรอ คิดดีๆก่อนนะ มันไกลนะลูก"แม่อ้อย แม่ของแววดาวกล่าวด้วยความเป็นห่วง
"ฟรีทุกอย่างเลยคะแม่ ที่เหลือลูกกะว่าจะหางานทำไปด้วย มันดีกว่าเรียนที่นี่นะคะ จบนอกหางานง่ายกว่าเวลากลับมาอ่ะค่ะ"
วันเดินทาง "เตรียมของครบไหม เอาอะไรเพิ่มไหม อย่าลืมโทรมาด้วยนะถ้าถึงแล้ว เข้าใจไหม"
"คร่าาาาาา แม่บอกแววเป็นรอบที่ร้อยแล้วนะ" "โอ้ย!!! เจ็บนะแม่"
แม่อ้อยยกมือตีลูกสาวเบาๆ แล้วกล่าวว่า"ก็มันน่าไหมละ แม่เป็นห่วง นิ ยังจะมาพูดอีก" สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง
ณ หอพักนักศึกษาใน มหาลัยK แววดาวติดต่อเรื่องที่พักและยื่นเรื่องเรียนเสร็จ ทางอาจารย์ก็กล่าวคราวๆแล้วให้กลับไปพักผ่อน ให้มาเข้าเรียนในอีกสามวัน หลังจากกลับถึงห้องแววดาวก็โทรเฟสหาแม่อ้อย"ทำอะไรแม่ ถึงแล้วนะ คุยทุกอย่างเสร็จแล้ว พรุ้งนี้ว่าจะไปหางานสักหน่อย ดีนะที่เรียนเอกภาษา ใช่ไหมแม่"
"เออ เก่งงงงง เหนื่อยไหมเดินทาง กินอะไรรึยัง หือ"
"จร้าาาา งั้นเดี๋ยวไปหาอะไรกิน แล้วก็จะนอนนะ พรุ้งนี้ตอนเย็นค่อยโทรนะแม่ บายค่ะ "
หลังจากวางสายแม่ แววดาวก็เดินออกไปร้านสะดวกซื้อ จู่ๆก็มีคนวิ่งมาชน แล้วก็มืดไปหมด
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹
พอรู้สึกตัวอีกที แววดาวมองรอบๆห้องก็สงสัย"ที่นี่ที่ไหน เราเป็นอะไร ทำไมอยู่ที่นี่ได้" แล้วแววดาวก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาหลายๆคน คุยกันเสียงดัง จึงแกล้งหลับเพื่อฟังสถานะการณ์
"คุณหมอ หลานสาวฉันเป็นไงบ้าง ต้องทำยังไง "เสียงผู้หญิงวัยกลางคนกล่าว
"ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แต่แปลกมากๆเลยครับ พอหัวใจกลับมาเต้นปกติ ก็ไม่พบอาการป่วยเหมือนไม่เคยป่วยเลยนะครับ"เสียงผู้ชาย คาดว่าน่าจะเป็นหมอ
แววดาวแปลกใจ หลานสาวอะไร? หมายถึงใคร? แล้วเข้ามาในห้องเราทำไม?ได้แต่คิดในใจ สุดท้ายด้วยความอยากรู้จึงลืมตาขึ้น
"ฟื้นแล้วคะ คุณหนูยูเซริ ฟื้นแล้วคะ คุณท่าน"เสียงหญิงวัยกลางคนกล่าว ทำให้ทุกคนที่นั่งและยืนฟังหมอรีบมาที่ขอบเตียงแล้วกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า"เป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนไหม"
แววดาวนอนนิ่ง ทำหน้างง อะไร? ใครคือยูเซริ? ฉันเรอ? เมื่อยังงงอยู่จึงถามขึ้นมาว่า"พวกคุณเป็นใครคะ? แล้วฉันอยู่ที่ไหน?"
ทุกคนหันหน้าไปมองหมอ หมอจึงกล่าวว่า"มันมีเคสที่พอฟื้นจากอาการโคม่าแล้วลืมอดีตนะครับ ผมว่าคุณหนูยูเซริน่าจะอยู่ในเคสนั้นครับ" ทุกคนจึงหันกลับมามองแววดาว แล้วกล่าวว่า"หนู คือ หลานสาวป้าไงจ๊ะ ชื่อ ยูเซริ ส่วน ป้า คือ ป้ายูริ นั้นคือ พี่ทาเคชิ พี่ยูสิเกะ จ๊ะ ส่วนคนนี้ คือแม่บ้านใหญ่ที่ค่อยดูแลหนูน่ะ"ป้ายูริกล่าว
ได้ยินดังนั้นแววดาวก็ตกใจ พอตั้งสติได้จึงบอกว่าอยากพักผ่อน ทุกคนจึงออกไป พอทุกคนพ้นประตู แววดาวก็รีบเดินไปส่องกระจก ก็ยิ่งตกใจ นี่ฉันเรอสวยจังยังกะนางแบบ นี่ตกลงฉันตายแล้วมาสิงคนนี้เรอ เคยอ่านแต่ในนิยาย นี่เป็นจริงๆเรอ สักพักหลังจากตั้งสติได้ก็เริ่มทำความเข้าใจและใช้ชีวิตแบบยูเซริ คือ การเรียนศิลปะการป้องกันตัว ยิ่งปืน เทวันโด ยูโด ปืนเขา การฝึกแบบทหาร เพราะเนื่องจากมารู้ทีหลังว่าครอบครัวใหม่นี้เป็นมาดฟีย และชืวิตต้องเจอศัตรูมากมายต้องเรียนรู้ในการเอาตัวรอด แววดาวใช้ชีวิตแบบยูเซริ แต่ก็ไม่ลืมแม่ ได้ส่งเงินไปให้ในนามผู้หวังดีตลอด 3 ปี จาก หญิงสาวบ้านนอกอายุ 28 ไม่มีความรู้อะไรมากนอกจากทำงานและเรียน มาเป็นเด็กสาว 19 ปี เก่งด้านการต่อสู้ทุกรูปแบบ อยู่มาวันหนึ่ง "คุณหนูคะ รีบเถอะคะ ทุกคนบอกให้คุณหนูเดินทางไปที่จีน เพราะมีบ้านพัก ที่นั้นคุณหนูจะปลอดภัย รีบไปเถอะค่ะ"
แววดาวตกใจ ถามขึ้นว่า"มีเรื่องอะไรคะป้า แล้วทุกคนอยู่ไหน"
"แล้วจะมีคนบอกระหว่างทางนะคะ"
"แล้วป้าล่ะ ไม่ไปเรอ ไปด้วยกันนะคะ"
"คุณหนูไปเถอะคะ แค่คุณหนูปลอดภัยป้าก็ตายตาหลับแล้วคะ รีบไปนะคะ"
พอแววดาวขึ้นรถก็มาต่อเครื่องบินส่วนตัวถึงปักกิ่งโดยปลอดภัย และก็รู้ว่าป้ายูริโดนลูกน้องคนสนิทหักหลังไปอเมริกาพร้อมลูกชายทั้งสอง แต่เพื่อความแน่ใจจึงไม่ให้เธอไปด้วย ให้แยกกัน พอลงเครื่องก็มีคนมารับระหว่างเดินทางไปบ้านพักก็ถูกตามเจอช่วงที่กำลังจะหนีพ้นรถโดนยิงระเบิด ในตอนที่สติจะมืดไปแววดาวคิดว่า นี่คงตายจริงๆแล้วสินะ
ฟางเหมยอิง ประมาณนี้นะคะ
❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️
เมื่อแววดาวลืมตาขึ้นมาคราวนี้ ปรากฎว่า รอบๆกายมีแต่ต้นไม้ จึงเอ่ยเบาๆว่า"อะไรอีกล่ะเนี่ย อยู่ไหนอีกคราวนี้ เวรกำอะไรกันหว้าาาาา" เมื่อตั้งสติได้จึงสำรวจตัวเองว่ามีตรงไหนบุบสลายหรือไม่ ตามร่างกายมีบาดแผลเล็กน้อย ส่วนมากเกิดจากการลื่นไถล แววดาวคิดว่าหญิงคนนี้น่าจะตกเขาลงมาข้างล่าง การแต่งกายก็ออกแนวงิ้ว นี่เราคงไม่ได้มากับรถงิ้วแล้วตกเขานะ มองดูท้องฟ้าใกล้จะค่ำแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปเรื้อยๆโดยไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าตัวเองมาที่จีนการแต่งกายแบบจีนก็เป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อเดินมาได้สักพักก็พบคนตัดฟืน จึงรีบปรี่เข้าไปหา พอเข้าใกล้ก็เอะใจการแต่งกายแบบหนังจีนกำลังภายในเลย ในใจแอบหวั่นวิตกนิดๆ จึงถามไปว่า "ท่านลุง ที่นี่ที่ไหน? ปีอะไร? อีกไกลไหมกว่าจะถึงหมู่บ้าน"
ลุงตัดฟืนอายุประมาณ 40 ต้นๆ กล่าวว่า นี่คือเขาซานเว่ย เป็นที่ที่คนไม่ค่อยเข้ามาเพราะสัตว์ป่าดุร้ายมาก ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งอันตรายมาก แล้วถามกลับมาว่า"แม่หนูเข้ามาทำอะไรที่นี่รึ" แววดาวกำลังจะเอ่ยตอบก็รู้สึกว่าโลกหมุนเคว้ง แล้วก็ล้มลง ลุงตัดฟืนทำอะไรไม่ถูกจึงวางไม้ฟืนลงแล้วรีบแบกแววดาวกลับลงเขาไป
ผ่านไป 2 วันแววดาวลืมตาขึ้นมาปารกฎว่าอยู่ในห้องเล็กๆหลังคามุงฟาง จึงนึกขึ้นได้กำลังจะลุกขึ้นก็เห็นผู้หญิงวัย 40 ต้น เดินเข้ามาห้ามไว้ "อย่าเพิ่งลุกเลยแม่หนู เป็นอย่างไรบ้างรึ รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนรึไม่"
แววดาวตอบไปว่า"หนูไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ?"
หญิงกลางคนตอบกลับมาว่า นี่คือหมู่บ้านในหุบเขาซานเว่ย เป็นหมู่บ้านเล็กๆห่างไกลจากเมืองใหญ่ นางชื่อ ฟางเหม่ยเอิน สามีนางลุงคนตัดฟืนชื่อ ฟางหลิวจง คนส่วนใหญ่เข้าป่าหาฟืนและอาหาร นานๆจะเข้าเมืองสักที นางถามกลับมาว่าแววดาวเป็นใคร ทำไมถึงไปอยู่ที่นั้น
แววดาว ตอบไปว่า ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไปทำอะไรที่นั้น ไม่มีความทรงจำใดๆเลย
ฟางเหม่ยเอินจึงคิดว่านางความจำเสื่อมสาเหตุน่าจะมาจากตกเขาลงมา ตกเย็นวันนั้นสองสามีภรรยาจึงตกลงกันว่าจะรับนางเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากตนไม่มีบุตร และตั้งชื่อให้แววดาวว่า "ฟางเหม่ยอิง"เพราะพอนางอาบน้ำล้างตัวแล้ว งดงามมาก แต่แววดาวหารู้ไม่เพราะในบ้านไม่มีกระจกส่อง แต่นางก็ชอบชื่อนี้และไม่ได้สนใจอะไรมากนักในระหว่างพักฟื้นร่างกายก็คิดว่าจะหาเงินยังไงแบบไหน จนเมื่อหายดีแล้วก็คิดว่าปรับสมดุลของร่างกายก่อนค่อยว่าอีกที บ้านของครอบครัวฟางนั้นห่างจากหมู่บ้านพอสมควรแต่ฟางเหม่ยอิงก็ไม่ได้ถามอะไร
สักพักนางเดินไปถามฟางเหม่ยเอินว่า "ท่านแม่ข้าอยากลองเข้าเมืองดูสักครา ได้รึไม่ ไปพร้อมท่านพ่อตอนท่านเอาของไปขาย นะท่านแม่ นะ" เมื่อฟางเหม่ยเอินเจอลูกอ้อนก็ไม่อยากขัดใจเนื่องด้วยเห็นว่า ฟางเหม่ยอิง อายุน่าจะ 13 ขวบปีได้ยังเด็กนักน่าจะอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดานะ เลยอนุญาต
เมื่ถึงวันเดินทาง "ใช้เวลานานไหมกว่าจะถึงท่านพ่อ" ฟางเหม่ยอิงถามฟางหลิวจง
*" 2 ชั่วยามก็ถึงแล้วล่ะเหม่ยอิง"ฟางหลิวจงบอกเสียงอ่อนโยน
เมื่อถึงตัวอำเภอ หลิวจงก็พาเหม่ยอิงเอาของไปส่ง แล้วถามเหม่ยอิงว่า"หิวไหมเหม่ยอิง พ่อพาซื้อขนมอร่อยๆกินดีไหม"
เหม่ยอิง "ลูกยังไม่หิว ลูกขอไปเดินชมที่ต่างๆรอท่านพ่อได้ไหม เจ้าคะ กว่าท่านพ่อจะเสร็จคงจะนาน"
หลิวจง "ลูกไม่เคยมาจะหลงทางรึไม่ รอไปพร้อมพ่อดึกว่านะ พ่อเป็นห่วง"
"โถ่ ท่านพ่อลูกจำร้านนี้ได้ และลูกไปไม่ไกลหรอกเจ้าคะ นะท่านพ่อ นะนะ"
หลิวจงถอนหายใจ "เฮ้อ! อย่าไปไกลนะลูก" พูดจบทางเถ้าแก่ร้านก็เรียกพอดี
เหม่ยอิงยิ้ม แล้วจึงเดินไปเรื่อยๆชมร้านรวงมากมาย ระรานตา ในใจก็คิดว่าจะหาเงินโดยวิธีใด สุดท้านก็คิดไม่ออก จึงเดินวนกลับหาหลิวจง ระหว่างนั้น ก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจากข้างหลัง "หลบๆ หลีกทางหน่อย เกะกะจริงๆ"แล้วรถม้าก็วิ่งผ่านไป
เหม่ยอิงมองดูแล้วบ่นอุบในใจว่า "ใหญ่คับถนนจริงๆเลยนะ แหม น่า....... จริงๆ"
จังหวะนั้นคนในรถม้านั่งคุยกันว่า "จัดการเรียบร้อยใช่ไหม มันไม่กลับมาได้อีกใช่ไหม ท่านแม่"
คนที่ถูกเรียก ตอบกลับมาว่า "ตกเขาขนาดนั้นมันกลับมาไม่ได้หรอก อีกอย่างเรากำลังจะกลับเมืองหลวงกันแล้ว ส่วนแกก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก ฝังมันไว้ที่นี่แหละ
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
* 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
มือใหม่หัดเขียนฝากด้วยนะคะ จะพยายาม มาทุกวันคะ
เมื่อกลับถึงบ้านเหม่ยอิงก็คุยกะครอบครัวฟางว่า"ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกหายดีแล้วแต่ร่างกายของลูกเหมือนกับว่าขาดอะไรบางอย่าง ลูกขอไปที่ป่าบนเขาได้ไหมเจ้าคะ ลูกรับรองจะไม่ทำให้เป็นห่วง นะเจ้าคะ"
เมื่อตกลงกันได้แล้วก็เข้านอน เหม่ยอิงตื่นแต่เช้ามืดออกกำลังกายแบบอนที่เป็นยูเซริ แต่เริ่มจากเบาๆก่อนในระยะแรก หลังจากพร้อมแล้วก็ฝึกหนักเป็นเพราะเหม่ยอิงตระหนักว่าคนแข็งแกร่งถึงจะอยู่รอด โดยได้หารู้ว่ามีคนสังเกตดูอยู่ห่างๆ
บนเขาที่มีหน้าผาสูงมีชายชราคนหนึ่งมองดูการฝึกของเหม่ยอิงทุกวัน มีความพอใจและสนใจในสายตาที่มอง
จนวันที่เหม่ยอิงฝึกจนเข้าทีเข้าทาง ขณะที่เหม่ยอิงกำลังจะกลับบ้าน เกิดฝนตกหนัก นางจึงวิ่งไปที่ใต้หน้าผาหาที่หลบฝน จึงได้พบกับชายชรา นางก็ไม่พยายามทำเสียงดังกลัวว่าจะรบกวนผู้อาวุโส จนฝนเริ่มซานางจึงหันกลับไปมอง และเตรียมจะเดินจากไปแต่กลับได้ยินชายชรากล่าวขึ้นว่า "สนใจอยู่กับข้าหรือไม่"
เหม่ยอิง "...."
"กลับไปคิดแล้วกลับมาในอีก 2 วัน"ชายชราเอ่ยอีกครั้งก่อนจะหายไปจากตรงนั้น
เมื่อเหม่ยอิงกลับมาถึงบ้าน กินข้าว อาบน้ำ ก่อนที่เตรียมตัวจะเข้านอน จึงเดินไปคุยกะ ฟางหลิวจง และ ฟางเหม่ยเอิน เรื่องที่ชายชราได้กล่าวไว้
"พ่อกับแม่ ไม่ว่าอะไร พวกเราเคารพการตัดสินใจของลูกนะเหม่ยอิง"
เหม่ยอิงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เตรียมตัวโดยมีสองสามีภรรยาฟางเดินมาส่งหน้าบ้าน เมื่อเดินมาถึงหน้าผาตรงปากถ้ำ เหม่ยอิงก็มองเข้าไป กลับไม่ปรากฎชายชรา นางจึงไม่เข้าแต่เลือกที่จะวางสัมภาระแล้วออกกำลังกายแทนสักพัก ก็มีนกตัวใหญ่บินลงมาตรงหน้า โดยมีชายชราอยู่บนหลัง
"ขึ้นมาสิเราจะได้เดินทาง ต้องใช้เวลาเดินทางครู่ใหญ่" ชายชรากล่าว
เหม่ยอิง "......" เดินไปหยิบสัมภาระแล้วขึ้นไปบนหลังนกตัวใหญ่โดยนกตัวนั้นโน้มกายลงเพื่อให้เหม่ยอิงขึ้นไปได้ พอเดินทางได้สักพัก ชายชราเหลือบมองเหม่ยอิง นึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นนางไม่มีอาการใดๆเลย นิ่งเฉย ออกไปทางชื่นชอบซะอีก เมื่อมองเห็นเขาลูกหนึ่งชายชราก็กล่าวว่า "ถึงแล้ว"
พอลงจากหลังนกชายชราก็เอ่ยขึ้นว่า"ฟางเหม่ยอิง คือชื่อของเจ้าใช่หรือไม่"
"เจ้าคะ ที่นี่คือที่ไหนเจ้าคะ "เหม่ยอิงถาม
"นี่คือหุบเขาปีศาจ ไม่มีใครเข้ามาถึงที่นี่ได้ ถ้าข้าไม่ได้พาเข้ามา" "เจ้าเอาของไปเก็บที่เรือนฝั่งขวามือ แล้วข้าจะตอบเจ้าทุกอย่าง"
เหม่ยอิง"เจ้าคะ"ตอบกลับพร้อมกรอกตามองบน อย่างหมั่นใส้ แล้วเดินไปตามทางเดินถึงเรือนนอนขนาดกลางกำลังพอดีอยู่อาศัย เมื่อเก็บสัมภาระเสร็จ จึงไปชำระร่างกายเรียบร้อย จึงเดินกลับห้องโถงใหญ่ที่มีชายชรานั่งรออยู่แล้ว
"นั่งสิ เจ้ามีอะไรจะถามข้าหรือไม่ ถ้ามีก็ถามมา หลังจากนี้ห้ามมาถามอีก"
"ท่านคือใคร? ท่านรู้จักข้าได้อย่างไร? ท่านจะสอนอะไรข้า? นานหรือไม่? ที่นี่ไม่มีคนอื่นๆอยู่ที่นี่รึ?"
"อืม เอาล่ะข้าจะตอบเจ้า ที่นี่ไม่มีคนอยู่นอกจากข้าซึ่งระหว่างทางที่ไปทำธุระ ข้าได้พบเจ้าฝึกร่างกายอยู่ ข้าสนใจในความพยายามของเจ้าเลยคิดว่าเจ้าเหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบทอดของข้า ข้ามีนามว่า ซีซวน คนส่วนใหญ่เรียกข้าว่า เฒ่าปีศาจ เพราะข้าอาศัยในหุบปีศาจ ส่วนชื่อเจ้าไม่ใช่เรื่องอันใด ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่างใช้เวลาสาวนใหญ่ในหุบเขาเท่านั้น "
"เจ้าคะ"
"เจ้าได้ฝึกร่างกายไปแล้ว ที่เหลือก็ง่ายขึ้น แต่ผลเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ตัวเจ้าแล้วนะ"
🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸🔸
"นี่ก็ปีกว่าแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องออกเดินทางเพื่อฝึกฝนและช่วยเหลือผู้คนบ้างแล้วนะ ข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้าแล้ว เมื่อเจ้ากลับมาข้าคงไม่อยู่แล้ว"
"ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ ท่านตา แล้วหุบเขานี่เล่าทำเยี่ยงไร"
เฒ่าปีศาจล่วงเข้าไปในแขนเสื้อ หยิกหยกที่ไม่มีลวดลายอะไร ลักษณะเหมือนก้อนกวาดเนื้อหยาบๆออกมาแล้วส่งให้เหม่ยอิง"มันคือสิ่งแทนตัวข้า เมื่อจำเป็นเจ้าสามารถนำออกมาใช้ได้ อย่ามองว่ามันไม่สวย เมื่อมีเวลาก็ศึกษามันดู มันอยู่คู่หุบเขาปีศาจมานานแล้ว"
เหม่ยอิงรับเอาก้อนหยกมายัดไว้ในกระเป๋าผ้าข้างเอว นางนึกในใจว่า "อยู่กะตาเฒ่ามานานย่อมรู้ว่าของทุกอย่างของตาเฒ่านั้นสำคัญยิ่งนัก"เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้วจึงหยิบผ้าขาวบางมาปิดหน้าแล้วกล่าวลาตาเฒ่าปีศาจขึ้นนกตัวใหญ่บินออกจากหุบเขาไป
ส่วนตาเฒ่าปีศาจถอนหายใจออกมา ก่อยจะเอ่ยหลังจากเหม่ยอิงออกเดินทางไปแล้วว่า "ขอให้โชคดี ตาของเจ้าคงช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้ หลานสาวของข้า"จากนั้นร่างของชายชราก็หายวับไปทันที
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!