ใต้เงาบัว ข้าขอไม่สบตาเจ้า
กลับสู่เมืองหลวง
เมืองหลวงแคว้นต้าเหิงในฤดูปลายใบไม้ผลิ — ดอกเหมยโรยเกลื่อนทางเดิน ศาลาไม้ไผ่ยังคงตั้งตระหง่านดั่งเดิม
เสียงล้อเกวียนเคลื่อนไปอย่างมั่นคง ท่ามกลางการต้อนรับของขุนนางฝ่ายใน
บนเกวียนคันหน้า ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรสีหม่นหันหน้ามองออกไปยังประตูเมืองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
เหวินลี่อัน
เมืองหลวงยังเหมือนเดิม แต่คนคงไม่เหมือนเดิมแล้วกระมัง •มอง
เจิ้นซู่หยาง
ข้าไม่ต้องการองครักษ์!!
จิ่นอี้เซวียน
แต่วังสั่งให้ข้ามาดูแลเจ้า
เจิ้นซู่หยาง
ข้าไม่ใช่คุณหนูไร้พลัง จะให้แม่ทัพมาตามประกบเดินตลาดด้วยเรอะ?
เจิ้นซู่หยางเบ้ปากอย่างไม่พอใจ ขณะยืนจ้องแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าในลานจวน
จิ่นอี้เซวียน
หน้าที่ข้าไม่ใช่ทำให้เจ้าพอใจ แต่ทำให้เจ้าปลอดภัย
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าควรดีใจที่ข้ายังยอมทนดูแลเจ้า ไม่ใช่เปิดประตูให้เจ้าออกไปรับลมจนตายคาเมือง!
ย้อนกลับไปที่จิ่นอี้เซวียนโดนสั่งให้ดูแลเจิ่นซู่หยาง
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าคือเจิ้นซู่หยาง?
เจิ้นซู่หยาง
แล้วท่านเป็นใคร ถึงได้เดินเข้ามาในเรือนข้าเช่นนี้?
จิ่นอี้เซวียน
ข้าไม่ได้อยากมา แต่ข้าถูกสั่งให้มาเฝ้าเด็กไม่เอาถ่าน… ที่เอาแต่หายใจทิ้งไปวัน ๆ อย่างเจ้า
เจิ้นซู่หยาง
ถ้าเช่นนั้น กลับไปเสียเถอะ ท่านแม่ทัพ ข้าไม่ต้องการพี่เลี้ยง
นับแต่นั้นมา บ้านเจิ้นก็ร้อนยิ่งกว่าสนามรบ การทะเลาะกระทบกระทั่งเกิดขึ้นทุกวัน ซู่หยางไม่ยอมให้จิ่นอี้เซวียนควบคุมชีวิต ส่วนจิ่นอี้เซวียนก็ไม่อาจเข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนหวานผู้นี้ ถึงกล้าขัดใจเขาทุกครั้งที่สบโอกาส
แต่งเรื่องแรกเลย เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ☘️
เจ้าคือเด็กมีปัญหา หรือข้าแค่ไม่เข้าใจเจ้า?
ภายในเรือนรองของจวนอัครเสนาบดี ช่วงเช้าอันสงบ… มีเพียงเสียงนกและเสียงเหยียบพื้นไม้ดังแผ่วเบา
จิ่นอี้เซวียน เดินเข้ามาอย่างไม่เกรงใจใคร ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มกวาดมองไปทั่ว ก่อนหยุดที่บุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งดีดผีผาใต้ต้นเหมย
จิ่นอี้เซวียน
หืม… ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตื่นเช้าถึงเพียงนี้
เจิ้นซู่หยาง
เพราะข้าไม่หลับเหมือนคนไร้มารยาทที่บุกรุกเรือนคนอื่นยามเช้า
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าหมายถึงข้า?
เจิ้นซู่หยาง
•ละมือจากเครื่องดนตรี, ลุกขึ้น
เจิ้นซู่หยาง
หากมีแม่ทัพท่านใดเดินดุ่มเข้ามาโดยมิได้ขออนุญาตผู้อยู่อาศัย ข้าก็หมายถึงท่านนั้นแหละ
จิ่นอี้เซวียน
ปากกล้าไม่ต่างจากข่าวลือ… ดี ข้าชอบคนที่ไม่ซ่อนเขี้ยวให้เหนื่อย
เจิ้นซู่หยาง
แต่ข้าไม่ชอบคนที่ยืนกรานว่าตนเองมีสิทธิ์ในชีวิตของผู้อื่น
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าลืมหรือว่าข้าถูกแต่งตั้งให้มาคุมเจ้าตามคำสั่งเสนาบดีผู้เป็นบิดาเจ้าเอง•เดินเข้ามาใกล้, สบตา
จิ่นอี้เซวียน
และท่านก็ลืมหรือไม่ว่า ข้าไม่เคยยินยอม
จิ่นอี้เซวียน
หากเจ้าเชื่อว่าเสรีภาพคือการใช้ชีวิตเละเทะ ช่วยเหลือชาวบ้านแต่ปล่อยให้ศัตรูแทรกซึมถึงหน้าประตู ข้าก็สมควรมา ‘คุม’ เจ้า•เดินเข้ามาใกล้, สบตา
เจิ้นซู่หยาง
อย่าเอาความเข้มงวดของสนามรบมาบังคับใช้ในที่ซึ่งมีแต่บทเพลงและหมึกดำ ท่านแม่ทัพ
จิ่นอี้เซวียน
และอย่าเอาเสียงพิณกลบเสียงหอก เพราะโลกภายนอกไม่ได้อ่อนโยนเช่นใจเจ้า•จ้องแน่น
เจิ้นซู่หยาง
ท่านไม่รู้จักข้า แล้วเหตุใดจึงตัดสิน…•ถอนหายใจ
จิ่นอี้เซวียน
ข้าไม่ต้องรู้จัก ก็เห็นเจ้าอยู่แต่ในร่มเงา ไม่กล้าแม้แต่จะรับผิดชอบตัวเอง
เจิ้นซู่หยาง
หึ… เช่นนั้นท่านควรลองเฝ้ามองให้ดีเสียก่อน ว่าใครกันแน่… ที่ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามปกป้อง
จิ่นอี้เซวียน
ข้าจะจับตาดู… ว่าเจ้ามีค่าพอให้ข้าเสียเวลาหรือไม่•ชะงักเล็กน้อย, ก่อนหันหลัง
เสียงฝีเท้าหนักแน่นค่อย ๆ ห่างไป เหลือเพียงสายลมที่พัดใบเหมยร่วงโรย
เจิ้นซู่หยาง
ข้าเองก็ไม่รู้… ว่าทำไมจึงอยากให้ท่านเข้าใจ…•พึมพำ
เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าหลุดมือ?
ยามโหย่ว (17.00 น.) — แสงอาทิตย์เริ่มเอียงลง แตะยอดหลังคาหลังจวน
ร่างโปร่งบางในชุดผ้าธรรมดา สีหม่นกว่าปกติ กำลังเดินเบา ๆ ผ่านประตูเล็กด้านข้างจวน เส้นผมถูกรวบไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้ใครจำได้โดยง่าย
เจิ้นซู่หยาง เดินเลียบกำแพง พร้อมถือตะกร้าเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและผ้าพันแผล บนใบหน้า มีรอยยิ้มอ่อนโยนแฝงความคาดหวัง
เจิ้นซู่หยาง
วันนี้พวกเด็ก ๆ ที่ตรอกหลังศาลาคงจะดีขึ้นแล้ว…
ขณะที่เขามาถึงตรอกแคบ ท่ามกลางบ้านไม้ชั้นเดียว บรรดาเด็กกำพร้าและหญิงชราต่างเข้ามารุมรอบตัวเขาด้วยแววตาขอบคุณ
แต่ก่อนที่เขาจะได้นั่งลง มือหยาบร้อนข้างหนึ่งก็เอื้อมมาคว้าข้อมือเขาไว้แน่นเสียก่อน
???
เจ้าไม่เหนื่อยหรือไง… ที่เอาแต่หลบข้าอยู่ทุกวัน
เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยดังกระซิบอยู่ข้างหู
เจิ้นซู่หยาง
ทะ-ท่าน!? ท่านมาได้อย่างไร!?”
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้รึ ว่าเจ้าแอบลอบออกจวนทุกสองวันในยามโหย่ว?
เจิ้นซู่หยาง
แล้วอย่างไร! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด!
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าคือบุตรชายอัครเสนาบดี การออกมาโดยไม่มีคนติดตาม มีค่าไม่ต่างจากการประกาศให้ศัตรูลงมือ
เจิ้นซู่หยาง
ศัตรูของข้าไม่ใช่ชาวบ้านพวกนี้! ท่านต่างหาก… ที่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาเดือดร้อนเพียงใด!•เสียงสั่น
จิ่นอี้เซวียน
ข้าเข้าใจ แต่เจ้าคือจุดอ่อนของเสนาบดี ถ้าเจ้าถูกลักพาตัวหรือตายตรงนี้ รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น?•ขยับเข้ามาใกล้ จนอีกฝ่ายต้องถอย
เจิ้นซู่หยาง
เช่นนั้นข้าควรอยู่ในจวน ปล่อยให้คนล้มตายอยู่นอกกำแพงโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ?
จิ่นอี้เซวียน
ไม่ใช่ แต่เจ้าควรเข้าใจว่าโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนพอให้เจ้าเป็นวีรบุรุษคนเดียว
ความเงียบตกลงระหว่างทั้งคู่ เพียงแค่ลมหายใจ และเสียงเด็กเล็ก ๆ ที่ร้องหัวเราะเบา ๆ ในเบื้องหลัง
เจิ้นซู่หยาง
ข้าก็แค่อยากทำบางสิ่ง… ที่เป็นของข้าเอง… โดยไม่ต้องอยู่ใต้เงาของพ่อ… หรือแม้แต่ท่าน•หลบตา,พึมพำ
จิ่นอี้เซวียน
เจ้าคิดว่าข้าคือเงา? หรือเจ้าแค่ไม่กล้าหันมองใครที่พยายามปกป้องเจ้าอยู่จริง ๆ?•ชะงักเล็กน้อย,สบตา
เจิ้นซู่หยาง
•เงียบ, ไม่ตอบ
จิ่นอี้เซวียนถอนหายใจ ก่อนจะคว้าตะกร้าในมืออีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย
จิ่นอี้เซวียน
ต่อไปนี้ ถ้าเจ้าจะออกมาอีก ข้าจะไปด้วย
เจิ้นซู่หยาง
ท่านจะมาก็เรื่องของท่าน แต่อย่ามาสั่งข้า
จิ่นอี้เซวียน
แต่ข้าจะปกป้องเจ้า — ไม่ใช่เพราะพ่อเจ้า… แต่เพราะข้า เลือก เอง
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนมุมปากของเจิ้นซู่หยาง… เป็นครั้งแรกที่สายตาของแม่ทัพเย็นชาดูไม่เย็นชาอีกต่อไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!