NovelToon NovelToon

เถ้าธุลีของโลกเก่า

เด็กชายในเหมือง

หลังปี ค.ศ.2495 เกิดสงคราม นิวเคลีย์ ระวางประเทศโลกล่มสลาย ประชากร ลดลงเหลือเพียง 3 ใน 10 ส่วน 500 ปีต่อมา เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดดแต่ก็ไม่อาจบดบัง ความเหลื่อมล้ำทาง สังคม คนรวยมีกินคนจนอดตาย เด็กหลายคนไม่มีอนาคตต้องตกเป็นทาส

เวลา:17:28 เสียงของการขุดเจาะ ดังกลบเสียงร้องครวญครางของแรงงานทาสด้านในอุโมงค์

ณ มุมใดมุมหนึ่ง เด็กหนุ่มอายุซัก 17 กำลังตั้งหน้าตั้งตา บังคับหุ่นขุดเจาะ รุ่นเก่าหนำเหงือก มันมีชื่อว่า แคปโดเซอร์ k-7 แม้จะเป็นหุ่นรุ่นเก่า ลำตัวหุ่นเป็นสีเทาสนิม แต่มันก็ยังมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ค่อนข้างสูง ความสูงของมัน สูง 15 เมตร น้ำหนัก มากถึง 300 ตัน เสียงเครื่องของมัน ดังสนั่น แขนด้านซ้ายมีดอกสว่านขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างเอาไว้เพื่อเจาะหิน ในค็อกพิตที่ร้อนอบอ้าว เด็กหนุ่ม นั่งอยู่ด้านใน ลำทั้งตัวสกปรก เต็มไปด้วยเหงื่อ เขาสวมเสื้อผ้าขาดๆ หน้าตาเต็มไปด้วยเขม่าควันสีดำ เรือนผมสีดำสนิท ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป ดวงตาก็สีดำ และยังมีแว่นกันลมคาดอยู่ที่หน้าผาก

ครืดดด..... เรียกแคปโดเซอร์ k-7 ทราบแล้วเปลี่ยน

เสียงวิทยุ ดังในห้องคนขับ เด็กหนุ่มรีบหยุดมือทันที

นี้แคปโดเซอร์ k-7 มีอะไร

งานของวันนี้เสร็จแล้ว นำหุ่น กลับไปเก็บ ที่โรงเก็บ

รับทราบ

หลังสิ้นเสียงวิทยุ เด็กหนุ่ม ค่อยๆเก็บสว่านที่แขนซ้ายของหุ่นยนต์ ไม่รีรอนำหุ่น เดินทางกลับ ไปที่ปากอุโมงค์ แต่ด้วยที่อุโมงค์นี้อยู่ลึกหลายร้อยเมตร กว่าจะขึ้นไปถึงใช้เวลาสักพัก หลังจากจอดหุ่น เขากลับลงมา เช็คสภาพของหุ่น หลังเสร็จสรรพ เขาเดินออกไปรับอาหารสำเร็จรูป งานที่เขาทำ ไม่เคยได้ค่าจ้าง ได้มากสุดก็แค่ อาหารกับน้ำ และที่อยู่ เขาถูกขายเป็นทาส ตอนที่เขาอายุ 7 ขวบ กลิ่นเขม่าควันยังคงค้างอยู่ในอากาศ ควันไฟจากหมู่บ้านที่ถูกเผาเมื่อสามวันก่อน

ดวงตาเล็กๆ สีดำสนิท จ้องมองผ่านช่องระหว่างซี่กรงเหล็ก ริมฝีปากแห้งแตกระแหงไม่เปล่งเสียงใด เขาไม่ร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาหมดไปตั้งแต่วันที่แม่ถูกลากออกไปต่อหน้าต่อตา

"เด็กคนนี้... แกร่งดี ไม่ร้อง ไม่ขัดขืน"

เสียงผู้ชายในชุดกันกระสุนเอ่ยกับอีกคนที่สวมเสื้อคลุมหนัง ยืนอยู่หน้ากรง

"เจ็ดขวบนะ? เอาไปทำงานอุโมงค์ได้อีกสิบปีสบายๆ"

เขาหัวเราะเบาๆ แล้วขว้างซองเหรียญใส่มืออีกฝ่าย

มันกระทบพื้นดินอย่างไร้ค่า เด็กชายผิวเปื้อนฝุ่นไม่รู้แม้แต่ชื่อของเมืองที่เขาอยู่ เขาเพียงจำได้ว่าแม่เคยพูดเสมอ

"ไคลน์... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามลืมชื่อของตัวเองเข้าใจไหม"

เขาพยักหน้าเบาๆ ตอนนั้นยังไม่รู้ความหมายของคำว่า "ขาย"

แต่เมื่อถูกลากออกจากกรงด้วยโซ่รัดคอและมือข้างหนึ่ง ยังได้ยินเสียงของแม่ตะโกนจากไกลออกไป

“ไคลน์! ลูกต้องมีชีวิตรอดนะ... แม่ขอโทษ...”

เสียงตะโกนขาดหายไปในเสียงปิดประตูรถขนส่งทาส

เขาหันมองผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ เห็นแสงสุดท้ายจากหมู่บ้านของตนกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน

ตั้งแต่นั้น เขาก็ไม่เคยเห็นแม่อีกเลย

สิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ คือชื่อของตัวเอง และ “คำสัญญาในใจ” ที่ไม่มีใครได้ยิน

18:14

ไง งานวันนี้เป็นยังไงบ้าง

เสียงของเด็กหนุ่มที่อายุมากกว่าเขา 1 ปี กล่าวถาม ถามเขา ออกจากภวังค์

ก็เหนื่อยเหมือนเดิม แล้วนายเป็นยังไงบ้าง เรน

ไคลน์ กล่าวตอบเสียงเรียกพร้อมกับ กินอาหารในถ้วย

เด็กหนุ่มผมสี น้ำเงินดำ เดินมาพร้อมกับถาดอาหาร เขาแต่งตัวเหมือน เป็นช่างเทคนิค ทั่วตัวเปื้อนไปด้วยคราบน้ำมันและจารบี

แล้ว ไอลีน ละ

เห็นว่ายังทำงานอยู่

ชายที่ชื่อ เรน กล่าวตอบพร้อมเดินมานั่งข้างๆ

เมื่อเช้าฉันไปลานเศษเหล็ก แล้วเจอของที่น่าสนใจเข้า

ไคลน์ กล่าวเบาๆพร้อมหันหน้าไปมองเรน

มันคืออะไรล่ะ เรนอีกคนกล่าวตอบ

เหมือนจะเป็น สมองกลสงคราม แล้วตอนที่พยายามต่อแบตมันก็ทำงาน อยากให้นายช่วยไปดู เผื่อมันจะสามารถใส่เข้ากับ แคปโดเซอร์ k-7 ได้

ชายหนุ่มผมดำกล่าวเบาๆ

คิดจะใส่ของแบบนั้นเข้าไปในหุ่นรุ่นเก่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วไหนจะระบบระบายความร้อน ที่ไม่ดีของ แคปโดเซอร์ อีก

เรนกล่าวต่อฉุนเฉียวเล็กน้อย

แล้วเรื่องนั้นล่ะ

ไคลน์ถาม

ฉันไปหามาแล้ว ในโรงเก็บ มีหุ่น อีก 2 ตัวที่ไม่ได้ใช้ และทั้งสองยังเป็น หุ่นรบ คลาส C

คลาสC

ไคลน์กล่าวด้วยความตระหนก

อืม ถ้าได้มันมา การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเราก็ไม่ใช่เรื่องยาก ได้ยินว่าเดือนหน้า จะมีพวกระดับสูง มาที่นี่คงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ เราจะใช้โอกาสนี้ในการหนี

เรนกล่าวเสียงครึ้ม

แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องหาวิธีติดเครื่องมันให้ได้ก่อน มันไม่ได้ใช้พลังงานนิวเคลียร์แต่ใช้ ควอนตาเซลล์ (Quanta Cell) เซลล์พลังงานระดับควอนตัม

ควอนตาเซลล์ คือแหล่งพลังงานยุคหลังมหาสงคราม พัฒนาโดยการควบแน่นพลังงานระดับควอนตัมให้อยู่ในรูปของเซลล์พลังงานขนาดเล็ก มันทั้งเสถียร ปราศจากรังสี และปล่อยพลังงานได้ต่อเนื่องโดยแทบไม่สูญเสีย" แล้ววัสดุ ที่ใช้สร้างมันก็คือ แร่หายาก แร่ เอเธอไรต์ ที่แรงงานพลาดทั้งหมดในถ้ำขนาดใหญ่นี้ กำลังขุดหา

กว่าจะทำได้คงต้องใช้เวลา

หลังทั้งสองพูดคุยกันเสร็จก็พากันแยกย้าย เช้าวันรุ่งขึ้น ไคลน์ พา เรน ไปดูสมองกลที่เขาบอก ลักษณะเป็นทรงกลมมีสายระยงระยาง หลังตรวจเช็ค สมองกลยังสามารถทำงานได้ แต่ได้รับความเสียหาย บางส่วน แต่ในระหว่างนั้นพวกเขาก็ไปเจอ เส้นไฮโดรลิค และระบบของมัน แม้จะเก่า แต่น่าจะยังใช้งานได้

10:43

โดยปกติไคลน์ จะรับหน้าที่ขับหุ่นขุดเจาะ แต่ครั้งนี้หุ่นขุดเจาะของเขา กำลังซ่อมบำรุงเขาเลยต้องไปขุดด้วยมือ เหมือนครั้งแรกที่เขาเข้ามา แม้ร่างกายจะซูบผอมเหมือนขาดสารอาหาร แต่ทุกส่วนตัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ

2 อาทิตย์ผ่านไป หุ่นของเขาก็ซ่อมบำรุงเสร็จครั้งนี้ถูกเปลี่ยนเอาสมองกลอันใหม่ใส่เข้าไป กับสายไฮดรอลิคใหม่

22:58 ณ โรงเก็บ ด้านหลังสุด มีสิ่งที่ถูกผ้าคุมอยู่ขนาดใหญ่ ราว 16 เมตร ด้านในคือ หุ่นรบ คลาส C 2 ตัว คน 3 คน 2 ชาย 1 หญิง ผู้ชายผมสีดำน้ำเงิน กำลังพยายามเปิดเครื่องของหุ่นสีน้ำเงินขนาดใหญ่ส่วนผู้หญิงอีกคน กำลังอ่านคู่มือ กว่าพวกเขาจะมาถึงนี่ ต้องผ่านเวรยามแน่นหนาถ้าถูกจับได้คงถูกทำโทษสถานหนัก หรือหนักสุดคือ แต่สำหรับเหมืองแห่งนี้โทษหนักสุดคือ การทำงานจนตาย

ได้แล้ว

เรน พูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่เสียงเครื่องของหุ่นรบ เริ่มทำงานหน้าแปลกที่เสียงเครื่องของมันไม่ได้ดัง เหมือนกับ แคปโดเซอร์ k-7

ยินดีต้อนรับ BF-V3-0721 พร้อมปฏิบัติการ พลังงานคงที่

เสียง AI หญิงที่ฟังดูเย็นชา ดังขึ้น

BF-V3-0721 ฉันว่านายควรตั้งชื่อให้มัน ชื่อนี้เรียกยากเกิน

ไคลน์ พูดเสียงหยอกล้อ

งั้นเอาเป็น เบลฟอร์ซv3 เป็นไง

เป็นชื่อที่ดีแต่ทำไมต้องมี V3 ทีนายยังมี k7 เลย

ทั้งสองกล่าวแย้งกันไปแย้งกันมา

แล้วหุ่นอีกตัวล่ะ

ไคลน์ กล่าวถาม

เท่าที่เช็คดู ระบบของพวกมัน เหมือนกันคงใช้เวลาน้อยกว่านี้ อีก 1 อาทิตย์ ค่อยเริ่มปฏิบัติการ

เรนกล่าวตอบ

แล้วกลุ่มใต้ดิน ไปเอาหุ่น 2 เครื่องนี้มายังไง แถมยังเอามาเก็บไว้อย่างนี้ตั้งหลายปีไม่เอาออกมาใช้

ไคลน์ ถามเสียงฉงน

เดิมทีหุ่น 2 เครื่องนี้เป็นหุ่นของกองเรือ วายุเหล็กของ อาณาจักรซิลแวเรียน ที่พวกเขาไม่กล้าเอามาใช้ก็พอ หลังติดเครื่องมันจะส่งสัญญาณ แต่โชคดีที่เราอยู่ลึกสัญญาณคงส่งไปไม่ถึง

โชคดีที่ที่นี่ แทบไม่มี การใช้งาน คงเป็นเพราะ การเก็บ มีอยู่หลายโกดัง และที่นี่ยังไม่ค่อยถูกใช้งาน เป็นเวลานาน ผู้คนส่วนมากต่างลืมเลือน เกี่ยวกับมันทั้งสอง และเวรยามของที่นี่ไม่ได้นับว่าแน่นหนามาก คงเป็นเพราะที่นี่อยู่ ชายแดน ที่ห่างไกลจากตัวเมืองหลวง ไปยังถูกปกครองโดยตระกูลผู้พิทักษ์ของอาณาจักร

19:37 ณ. ส่วนใดส่วนหนึ่งของเหมือง กลุ่มคนมากมายนั่งอยู่ในอัศจรรย์ผู้ชม และลานแห่งนี้เป็นทรงกลมคล้ายอารีน่า ณห้องเตรียมตัว มีหุ่นมากมายถูก จอดเอาไว้ และทีมช่างซ่อมบำรุงพวกมันอยู่แต่พวกมัน มีแค่โครงเปล่าครับสายไฮดรอลิค พวกมันคือ โลโบสเกเลตัน ไม่มีเกราะและค็อกพิตทดตามตอนต่อไป มีเพียงที่นั่งและคันบังคับ ที่อยู่ตรงกลางอกด้านหลังเป็นเตาปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ขนาดเล็ก

เรน เจ้านี้พร้อมหรือยัง

ไคลน์ พูดขึ้นในระหว่างที่กำลัง สวมชุด สีเทาสนิม

อืม ระบบทุกอย่างยังสามารถทำงานได้ปกติ อีกสัก 5 นาที ก็คงพร้อมใช้งาน

เรน พูดตอบในระหว่างที่กำลัง เช็คเตาปฏิกรณ์

เอาล่ะครับทุกท่าน วันนี้ จะเป็นการต่อสู้กันระหว่าง 2 ดาวเด่น ฝ่ายน้ำเงินคือ ผู้ที่ชนะมา 10 สนาม ทรราชออกคู่

ควรสี น้ำเงินสนิม เดินขึ้นบนเวทีขนาดใหญ่ มือทั้งสองข้างถือหอกยาว ออกยาวทั้งสอง ดูเหมือนเป็นแค่แท่งเหล็กปลายแหลม 2 อัน ความสุขของคุณ ราว 6 เมตร คนขับเป็นชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บาดแผลเต็มตัว และตาบอดไป 1 ข้าง

และมามืดของเรา ตราประทับเหล็ก หุ่นสีสนิมสีส้มทั้งตัว เดินขึ้นบนเวที สองมือ เป็นกำปั้นขนาด สีส้มสนิม ที่ดูเหมือนทำมาจากแผ่นเหล็กมาเชื่อมติดกัน และคนขับของมันก็คือ ไคลน์

การต่อสู้ในสนาม จริงๆเป็นการเอาทาสมาสู้กันเพื่อการพนัน ถ้าไม่ไม่มีสิ่งล่อใจมากพอ เหล่า ทาสแทบไม่อยาก เข้าร่วมในการต่อสู้นี้ แต่รางวัลของมันเย้ายวนเกินห้ามใจ ถ้าชนะเกิน 50 สนาม จะถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ คำว่าเสรีภาพ อยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับชาติ แต่ถ้าชนะ ก็กลายเป็นอิสระ แต่ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีใคร ชนะครบ 50 สนามมาก่อน แต่สำหรับ ไคลน์ เขาไม่คิดจะชนะ 50 สนาม แต่แค่หาประสบการณ์บังคับคุณต่อสู้

เปร็งๆๆ

เสียงระฆังดังสนั่นหุ่นทั้ง 2 เดินหน้าเข้าประชานหน้ากัน แต่เพียงเดินได้ไปกี่ก้าวออกยาว ก็พุ่งตรงมาจากด้านหน้า ไคลน์ รีบหักคันบังคับหลบไปทางด้านซ้าย หอกเฉียดท้องของเขาไปแค่นิดเดียว แม้จะเสี่ยวแต่ก็สร้างบาดแผลที่หน้าท้อง ด้านขวา หลังประสบถ้าโจมตี หมัดซ้ายของหุ่นเหวี่ยงออก ปะทะเข้ากับโครงเหล็กของ ที่นั่งคนขับตรงกลางอกแต่ หุ่นเหล็ก อยู่ห่างเกินไปทำให้แรงของหมัดส่งไปไม่ถึง

ใช้ได้นิ

เสียงของคนขับทรราชห่อคู่ พูดอยู่ใน ที่นั่งคนขับ สายตาของเขา เย็นเฉียบ ชนหน้ากลัว แต่ ไคลน์ สายตาของ ก็ไม่ต่างกันกฎเหล็กของสนามนี้คือ ผู้ชนะเท่ากับรอดส่วนผู้แพ้ ตายสถานเดียว แต่ที่ทุกคนเห็นได้ชัดก็คือ ไคลน์ กำลังเสียเปรียบ คงเป็นเพราะสไตล์การต่อสู้ของเขา ที่เน้นใช้หมัดกับการต่อสู้ระยะประชิด มากกว่าใช้อาวุธ หลังทั้งคู่ยังเชิญกันเล็กน้อย หุ่นตั้ง 2 เดินถอยคนละก้าว แต่ในระหว่างที่กำลัง กำลังก้าวที่ 2 เด็กหนุ่มรีบ ดันคันบังคับไปด้านหน้า หุ่นสีส้มพุ่งตัวไป

พร้อมกับ 1 หมัดขาวชกออก ด้วยความเร็วของการพุ่งตัว ทำให้หมัด นี้มีพลังมากปล่อยเข้าไปที่ห้องคนขับโดยตรง แต่ก็ยังติดเหล็กที่กั้นเอาไว้ มากระทบกับเหล็กเสียงดัง จนเกิดรอยบุบของเหล็ก เด็กหนุ่มไม่รอช้า ดึงมัดกับแล้วตามด้วยหมัดซ้าย

ต้องรีบจัดการ

เด็กหนุ่มกล่าวในใจของตัวเองพลางทุกหมัดต่อเนื่อง แต่ในระหว่างที่หมัดที่ 4 ที่เป็นด้านซ้าย กำลังจะ เหวี่ยงออกไป 1 หอกพุ่งทะลุไหล่ซ้าย เสียบคาเอาไว้เสียงกระแสไฟฟ้าช็อตดัง

เปรี๊ยะๆ

กระแสไฟฟ้า ช็อตโดนเหล็กเกิดเป็นประกายไฟ ร่วงหล่นเข้าหาร่างเด็กหนุ่ม หัวด้านซ้ายถูก จะสะเก็ดไฟร่วงใส่ แต่เด็กหนุ่มไม่เสียสมาธิใช้หมัดขวาเหวี่ยงออก กระทบเข้ากับ ที่นั่งคนขับ จนเหล็กที่กั้นเล็กๆบุกเข้าไป ทิ่มเข้าที่ร่างของ ชายร่างใหญ่ เสียงร้องของเขาดังระงม แต่ชายร่างใหญ่ก็ไม่ยอมแพ้ ใช้หอกที่เหลืออีกข้างพุ่งแทงสวน เฉียดคิ้วด้านซ้ายเกิดเป็นแผล ที่ไม่ใหญ่มากแต่เลือดกับอาบตาข้างซ้าย จนสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ เพราะเลือด แต่เด็กหนุ่มไม่หยุดมือ หมัดขวายังถูกเหวี่ยงออกแบบต่อเนื่อง แม้กระทั่งคุณ ที่ถือหอกล้มลงไป หมัดของเขาก็ยังเหวี่ยงอย่างต่อเนื่อง

ย้าาาาา

เด็กหนุ่มตะโกนในห้องคนขับ แต่ยังออกหมัด แบบต่อเนื่อง จนกำปั้นด้านขวาของ ผู้เอ่ยปากไปด้วยเลือดจ้ำจ้ำสีแดงสด หุ้น ถือออกหยุดนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงช็อตเล็กๆ กับเสียงเตาปกรณ์ ลั้งเล็กหนุ่มจุดมือ ร่างของชายกำยำ แขนทั้งสองข้างหักกระดูกหัก และหยุดนิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขา สิ้นใจแล้ว เด็กหนุ่มค่อยๆขับหุ่นถอยหลังออกมา สำหรับเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นตระหนก เพราะเขาชินกับมันแล้ว สำหรับการทำงานในมือ หลายครั้งที่เขาต้องทะเลาะวิวาท และฆ่าคนด้วยสองกำปั้น

วันแรกที่เขาเข้ามาเขาเองก็เกือบถูกฆ่า ถ้าไม่เพราะ อยากมีชีวิต เขาต่อสู้เหมือนหมาจนตรอก และสามารถ ฆ่าคนคนนั้นได้ ด้วย 2 กำปั้นเล็กๆในวันนั้น

วันนี้หนักกว่าที่คิดนะ

เรน พูดขึ้น

อืม

ไคลน์ พูดตอบ

ครั้งนี้บาดเจ็บ หนักเหลืออีก 4 วันถึงจะเริ่มปฏิบัติการ หวังว่าวันนั้น เวรยามน่าจะ ไม่แน่นหนา เหมือนปกติ

4 วันให้หลังเวลา 10:44 น. นะหน้าปากเหมือง กลุ่มทาสมากมาย นั่งคุกเข่าอย่างเป็นระเบียบ พวกเขานั่งอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ตอน 8 โมง ผู้คุมมากมาย ยืนประกบ ห้ามเงยหน้าไม่เช่นนั้น จะถูกกระบองเหล็ก เพียงเวลาไม่นาน ก็มีเรือบินดูภายนอกดูหรูหราและทันสมัย เป็นสีน้ำเงิน โทนเข้ม ความยาวประมาณ 700 เมตร น้ำหนักไม่อาจทราบได้ หลังมันลงจอด เขม่าควันฝุ่น ปลิวว่อน ทั่วบริเวณ ไคลน์และเรนกับไอลีน นั่งคุกเข่า อยู่แทบจะใจกลางของฝูงทาส

หน้ายานประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก พร้อมกับซาซานขนาดใหญ่ยื่นลงมา ด้านหน้า มีกลุ่มคน 4 คน เดินมาด้วยกันและยังมี ทหารจำนวนมากเดินตามหลัง คนล่าสุดที่เดินนำเป็นชายร่าง อ้วนท้วมส่วนเสื้อผ้าสีขาว เรียบหรู ผมสีทอง ยาวประบ่า ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล แม้จะดูอะไรพิษภัย แต่กับแฝงไปด้วย ความโหดเหี้ยม และเขาคือองค์ชาย ลำดับที่ 3 ของอาณาจักรแห่งนี้ ลูซีอัส แอดมารัน และคนด้านขวา

เป็นชายร่างใหญ่ อายุซัก 70 ปี มีหนวดเคราที่ถูก ตัดแต่งอย่างสวยงาม เครื่องแบบทหาร สีน้ำเงินดำ ที่ไหล่ด้านขวา มีผ้าสีทองคาดเอาไว้ปักด้วยลวดลาย ของนกอินทรีย์สีทองขนาดใหญ่ เขาคืออดีตผู้นำตระกูล เวอร์ดีอุส 1 ใน 10 ตระกูลผู้พิทักษ์ ของ อาณาจักร ดอมินัส เวอร์ดีอุส และยังเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือรบวายุเหล็ก

และคนด้านซ้าย เป็นหญิงสาว ร่างกายสูง แต่อวบอับเล็กน้อย เรือนผมสีฟ้าอ่อน ดวงตาสีแดงเพลิง ที่หน้าประหลาด ดวงตาที่เหมือนจะร้อนแรงตลอดเวลากับแผ่รัศมี ความเยือกเย็น ตัวนางเอง สวมเสื้อทหารเต็มยศ สีน้ำเงินเข้ม ไหล่ด้านขวา มีผ้า สีเงิน รูปนกอินทรีย์ขนาดใหญ่สีเงิน และเธอคนนี้ยังเป็นรอง ผู้บัญชาการสูงสุดของกองเรือวายุ

เอลิน่า เวอร์ดีอุส ผู้เป็นเทพธิดาของตระกูล แล้วเป็นหลานสาวของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน แม้นางไม่ได้สนใจขึ้นเป็นผู้นำตระกูลด้วยตัวเอง แต่คนในตระกูลสั่งเกรงกลัวนาง เพราะฝีมือการสั่งการและการต่อสู้

สายตาของเธอกวาดมองรอบทิศ ไม่มีใครกล้าสบตา แม้แต่พวกผู้คุม สายตาสีแดงเพลิงที่แฝงไปด้วยไอเย็น ที่น่าหลงใหล

ยินดีต้อนรับ อยู่เหมือง วัลเคนดรา e16

ชายร่างสูง แต่งตัวด้วยชุดเรียบหรู อายุราวๆ 30 ปลายๆ เดินเข้ามาทักทายพวกเขา เขาคนนี้คือ เวย์ลอน เวอร์ดีอุส ผู้คุมสูงสุดของเหมืองแห่งนี้ นิสัยส่วนตัวเป็นคน เย็นชาและโหดเหี้ยมเป็นทุนเดิม

ชายร่างท้วม เพียงแค่มองแต่ไม่ส่งเสียอันใด

ฮ่าๆๆไม่พบกันนานเลย เจ้าลูกชาย

เสียงแหบของคนแก่ดังเข้าหู ไม่ใช่เสียงของใครแต่เป็น ดอมินัส เวอร์ดีอุส เมื่อสมัยก่อนเขาเป็นชายรูปงาม นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีลูกมากมาย เกือบ 10 คนและ เวย์ลอน ก็เป็นหนึ่งในนั้น ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ครับท่านพ่อ

เวย์ลอน พูดความโค้งคำนับ 1 ครั้ง

ท่านลุง ไม่พบการตั้ง 5 ปี ท่านสบายดี ใช่ไหม

เสียงหญิงสาว ที่ฟังดู เย็นชาแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน พูดขึ้นพร้อมกับ ทำท่าถอนสายบัว

ฮ่าๆๆๆ หลานสาวคนนี้ แค่ 5 ปีเจ้าก็โตเป็นสาวเสียแล้ว

ชายวัยกลางคนหันมามองหญิงสาวผมสีขาว พร้อมกับ พูดด้วยความเอ็นดูสำหรับเขานางเป็นหลานสาวที่ให้ความเคารพเขามากที่สุด

เชิญ เข้าไปค้างในก่อน

ทั้ง 4 และกองทหารเล็กๆ ค่อยๆเดินเข้าไป ในตัวเมือง ผ่านฝูงทาสมากมายที่นั่งคุกเข่ากลมหน้าลงพื้น

โปรดติดตามตอนต่อไป

ผู้มาเยือน

เวลา 10:55

หลังพวกชนชั้นสูง เดินทางเข้าไปในเมือง พวกผู้คุมมากมายรีบใช้ไม้กระบองฟาดไล่พวกทาสมากมายที่คุกเข่าอยู่ ให้กลับเข้าไปในเมือง ผ่านทางอุโมงค์เล็กๆ รอบทิศ ไม้กระบองอันหนึ่งฟาดเข้าที่ขมับซ้ายของ ไคลน์

เสียงแท่งเหล็กกระทบกับกะโหลกศีรษะดังก้องในหัว ความเจ็บแสบ แล่นผ่านบริเวณศีรษะ เลือดอุ่นๆ ไหล ลงมาปิดตาข้างซ้าย เขาทำได้เพียง เก็บงำความเจ็บปวดไว้ในใจ

ยืนทำมะเขืออะไร รีบไปสิวะ

เวลา 13:26

ณ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเหมือง มีโรงเก็บหุ่นขุดเจาะด้านในถูกจัดเรียงไปด้วยหุ่นขุดเจาะรุ่นเก่าจำนวนมาก ถูกจัดเรียงวาง อย่างเป็นระเบียบ

อยู่ประมาณ 10 กว่าเครื่อง เด็กหนุ่มผมดำ กำลังนั่งเช็คระบบเตาปฏิกรณ์ที่ด้านหลังของหุ่น แคปโดเซอร์ ที่ถูกเปิดอ้าออกด้านในเปิดเป็นช่องว่างแม้ถูกปิดก็สามารถซ่อนคนไว้ในนี้ได้

แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะเมื่อเดินเครื่องส่วนนี้จะกลายเป็นเหมือนเตาอบ ที่ร้อนระอุ

นี่

ด้านข้างยังมีหญิงสาว ผมสีน้ำตาลทอง รูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อผ้าขาดๆแต่ดูเรียบร้อย ได้ยังมีแว่นตาทรงกลมขนาดใหญ่เธอคือ ไอลีน

แผลเป็นยังไงบ้าง

ไอลีน ถามด้วยความเป็นห่วง

ก็ดีขึ้นแล้วถึงจะปวดๆหน่อยตอนขยับ

ไคลน์ ตอบ

ที่ท้องมีผ้าพันแผล และคิ้ว ก็มีผ้าพันแผลพันอยู่เช่นกัน และยังมีคราบเลือดที่แห้งกรัง

ได้ยังเพื่อน

ไคลน์หันไปถามเรนที่นั่งอยู่ในค็อกพิต

ใกล้ได้แล้วหมุนไปทางด้านซ้ายอีกหน่อย

เรนพูด พร้อมกับ กำลังพันสายไฟ และตั้งค่า ในคอนโซลควบคุม เขากำลังติดตั้ง ระบบใหม่ที่มาพร้อมกับสมองกลสงครามที่เพิ่งใส่เข้าไป ในนั้นมีระบบ เบิร์นนิงโหมด คงเป็นเพราะสมองกลที่มาจากยุคนิวเคลียร์เหมือนกัน

ได้ ช่วยหยิบถังฮีเลียมมาให้ด้วย

ไคนล์พูด

พร้อมกับค่อยๆหมุนประแจ ที่ล็อคกับ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่ด้านหลังของแคปโดเซอร์ หลังติดตั้งระบบเสร็จด้านหลังของหุ่นถูกปิดกลับเข้าไปเหมือนเดิม

ใช้ได้ แต่อย่าเกิน 3นาที ไม่งั้นเตามันจะละลายห้องนักบินไปด้วย”รีบเปิด รีบปิด ใช้แล้วหนีทัน… เข้าใจไหม ไคลน์?

เรน หันมาพูดกับ ไคลน์ พร้อมกับเก็บของ ใส่กล่องเครื่องมือกับเข้าที่เดิม

อืม เจ้า แคปโดเซอร์ เป็นหุ่นเหมือนรุ่นเก่าและมันก็ไม่มีระบ บิน มีมากสุดก็แค่ไอพ่นที่ขาทั้งสองข้าง พอทำให้มันกระโดดได้สูงพอสมควร เพิ่มไพ่ตายให้มันสักอย่างจะเป็นอะไรไป

ไคลน์ พูด พร้อมกับเอามือไปลูบที่ส่วนเกราะขาของแคปโดเซอร์

และเรื่องปลอกคอล่ะ

เรนหันมาถามไอลิน

ตามที่ฉันรู้มา เหมือนตัวควบคุมจะอยู่ที่ชั้น 16 ต้องใช้ระเบิด emp ถึงจะสามารถทำให้มันหยุดทำงานชั่วคราว เป็นเวลา 3 นาที จอดมันจะรีเซ็ตตัวเองใหม่

ดี เอานี้

เรน ยื่นกระเป๋าให้ไคลน์

ณ ห้องผู้คุมถ้าเทียบกับที่อื่นที่นี่ดูเรียบหรูและไม่มีกลิ่นสนิม ทหารยืนเรียงรายอยู่ด้านหลังด้านหน้ามีเก้าอี้ 3 ตัวและถูกนั่งโดย 3 คนเช่นกันส่วนด้านหน้าของเขาคือพัศดี เวย์ลอน

องค์ชายท่านมีธุระอะไรหรือถึงมาไกลถึงที่นี่ที่นี่อยู่ถึงชายขบ

พัศดี เวย์ลอนถามเสียงอ่อนพร้อมกับ ชงชาให้กับทั้ง 3 คนอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน แม้อยู่ที่นี่เขาจะเหมือนราชาแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าขององค์ชายเขาเป็นเพียงมดปลวก

ที่เรามาไกลถึงขนาดนี้ก็เพราะได้ยินชื่อเสียงของนักสู้ที่นี่ และเรามีหุ่นสงครามรุ่นใหม่ ที่อยากทดสอบโดยมีพวกนั้นเป็นหนูทดลอง

องชาย ลูซีอัสกล่าวอย่างเรียบเฉยชาอุ่นๆกระทบริมฝีปากเขาค่อยๆวางถ้วยชาลงเบาๆบนโต๊ะ

อยากทดสอบฮ่าๆแน่นอน กระหม่อมสามารถเรียกพวกเขามาได้เลยท่านสนใจใครเป็นพิเศษ

เวย์ลอนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม

ก่อนที่เราจะมาได้ยินชื่อเสียงของ ทรราชหอกคู่ อยากจะได้เขาเป็นหนูทดลอง

ลูซีอัส พูดพร้อมกับวางถ้วยชาลงเบาๆและมองด้วยหางตาไปที่คนคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง

เขาเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและเป็นนักสู้ที่ยาวนานที่สุดที่ กระหม่อม เคยมีแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งถูกฆ่าตาย

เวย์ลอนพูดเบาๆแต่ในเสียงเต็มไปด้วยความหวั่นเกรง

ถูกฆ่าตาย

ลูซีอัสพูดแต่ในเสียงเต็มไปด้วยความด้วยความสงสัยเล็กน้อย

ใช่ครับเขาถูกเจ้าทาสคนนึงที่เพิ่งลงแข่งได้ไม่ครั้งสนามฆ่าตาย

เวย์ลอนพูดกล่าวเสริม

แต่ข้ายังมีคนที่แข็งแกร่งพอๆกับเจ้านั่นอีกคนนึงถ้าทา.....

เอาเจ้าทาสนั่นมา

ลูซีอัสพูดขึ้นแต่ในแววตากลับเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด

ครับ กระหม่อม จะเรียกมันมาเดี๋ยวนี้

เขาหันไปพร้อมกับกดที่วิทยุสื่อสาร

เรียกเจ้า J-49 มา

หลังเขาพูดเสร็จแสงสว่างสีฟ้าอ่อนสว่างขึ้นที่ปลอกคอของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินอยู่โดยปกติแสงสีเหลืองไม่เคยสว่างเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมาแต่ครั้งนี้

เจ้า J-49 ไปที่ห้องพัศดีเดี๋ยวนี้ให้เวลา 5 นาที

เสียงพูดดังจากปลอกคอเขารู้ว่าขัดขืนไม่ได้เลยวิ่งไปที่นั่นเพราะถ้าเขาไม่ไปภายในเวลาที่กำหนดมันจะช็อตเขาแน่

ตูม!!!!!!!!!!!!

เสียงระเบิด ดังกึกก้องทั่วเหมือง พื้นที่หลายส่วนที่ไม่แข็งแรง พากันถล่มแรงงานมากมาย ร้องโหยหวนออกจากถ้ำ เศษหินมากมาย ร่วงหล่นจาก เพดานถ้ำ ค่ายที่พักแรม ของทาสหรือแม้แต่คลังอาวุธก็ถูกเศษหิน ทำลายเพียงเสี้ยววินาที เหมืองแห่งนี้ตกอยู่ในสภาวะโกลาหลถึงขีดสุดของการเอาชีวิตรอดจากหินที่ร่วงมาเหมือนสายฝน

วี้—วี้—วี้!! วี้—วี้—วี้!!

เสียงไซเรน ดังทั่วถ้ำ เหล่าทาสมากมายรีบวิ่งหนีกันจ้าระหวั่น

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น

ผู้คุม เวย์ลอน รีบหยิบเครื่องมือสื่อสาร แล้วพูดถาม

รหัสสถานการณ์:สีแดง🔴

คำสั่งมีผลทันทีจ้าหน้าที่ภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยทุกระดับ เจ้าหน้าที่ทุกคน

ตรวจพบการบุกรุกจากกลุ่มติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย พร้อมหุ่นยนต์สงครามขนาดกลาง

ระดับภัยคุกคาม: สูง – ความเสียหายต่อโครงสร้างขั้นต้นแล้วมากกว่า 32%

หน่วยรักษาความปลอดภัยสาย A และ B: เข้าประจำจุดยุทธศาสตร์ตามแผน RED-GRID

รหัสสถานการณ์: CRIMSON-FLARE

คำสั่งมีผลเฉพาะเจ้าหน้าที่ภายใต้ระบบรักษาความปลอดภัยระดับ B ขึ้นไป

ทำการล็อกคลังอาวุธ K-7, K-9 และห้องเก็บหุ่นประจำฐาน k-L

หน่วยซ่อมบำรุงให้พร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนของหุ่นรบทุกคลาส

จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงพื้นที่ โรงเก็บทั้งหมด ทั้งหมด ยกเว้นเจ้าหน้าที่ระดับ B ขึ้นไป

เซย์ มานี้

ลูซีอัส แอดมารัน พูดขึ้น

หลังเสียงของเขา หญิงสาวในชุดสีขาว ขีดทอง เดินออกมาชุดแม้เป็นเครื่องแบบทหาร แต่ดูเรียบหรู หญิงสาวผมสั้นสีดำสนิท ในตาก็สีดำ แม้ตัวไม่สูงมาก แต่รูปร่างไม่ใช่ตาเรียวบางเหมือนนกอินทรีย์หน้าตาสะสวยแต่แฝงไปด้วยความห้าวหาญ

คะ องชาย

พาทหารหน่วย อาร์ค แองเจิล ออกไป คุ้มกันเรือรบ และจัดการผู้บุกรุกทั้งหมด ฉันอนุญาตให้ใช้ โทริ-B2 กัน รุน-O57

ลูซีอัส พูดเสียงเรียกในขณะที่ไม่ได้หันกลับไปมอง

คะ

เธอก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนพาทหาร ออกไปบางส่วน

ฉันของไปด้วยคะท่านผู้บัญชาการ

เอลิน่า พูดขนาดลุกแล้วหันไปมอง ผู้บัญชาการที่นั่งอยู่ คนละฝั่งของโต๊ะ

ฉันอนุญาต

หลังสิ้นเสียงของเขาเธอรีบเดินออกจากห้อง

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น

ไคลน์พูดกับตัวเองในขณะที่พยายามลุกขึ้นยืนเพราะแรงระเบิดเมื่อกี้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนเขาล้มลงหลังพูดเสร็จเขารีบวิ่งกลับไปทางเดิมแต่ในระหว่างนั้นเขาก็ไปเจอกับ เรนกับไอรีน

บ้าเอ้ย

ไคลน์ สระบทคำ ในขณะที่พยายามวิ่งกลับไปที่โรงเก็บ ด้านข้างยังมี เรน กับ ไอริน

เอายังไงดี พวกเขาจะล็อค โรงเก็บทั้งหมด

ไอลิน รีบตะโกนถาม จากด้านหลัง

เราต้องมีคีย์การ์ดระดับB

เรน พูดขึ้นในระหว่างที่วิ่งตามหลัง ไคลน์

ฉันมีวิธี พวกนาย ไปรออยู่ที่โรงเก็บของ เบลฟอร์ซ กับ ลูเมีย

ไคลน์ พูดไปวิ่งไป ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกมา ทั้งสามแยกกันไปคนละทาง ไคลน์ไปทางหนึ่งส่วนเรนกับไอลินไปอีกทาง พวกเขาทั้งสองรีบวิ่งไปทางโรงเก็บที่มีฝูงชนมากมาย วิ่งสวนออกมา

ส่วน ไคลน์ เขาวิ่งไปที่ลานกลางแจ้งที่เป็นปากของถ้ำ เพราะความโกลาหลเจ้าหน้าที่ส่วนมากเลยไม่ได้สนใจทาสมากมายที่หนีเอาชีวิตรอดเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

"ตู้ม!!" เสียงระเบิดดังขึ้นที่ตัวเรือรบขนาดใหญ่ เมื่อหันหน้าขึ้นไปมองด้านบน ปรากฏจุดเล็กๆสีดำ 4 จุดกำลังตกลงมา นั่นเป็นหุ่นสงครามสีดำสนิท 4 เครื่อง พวกมันทั้ง 4 ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเหมือนเงาปีศาจจากฟากฟ้า

ลูกพี่ เราใกล้ถึงพื้นแล้วครับ

ในค็อกพิต 1 ใน 4 คน มีชายร่างใหญ่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล หน้าตาโหดดุ รายงานผ่านวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านข้าง เสียงในวิทยุสื่อสาร เป็นเสียงของ ชายเสียงโหด

ทำตามแผน ติ๊ด… กึก!

ได้ยินแล้วนะพวก

ได้

ยิงเลย

ทั้ง 4 คุยกันผ่านช่องสื่อสาร พร้อมกับบังคับหุ่นใช้ปืนที่อยู่ในมือ ยิงกระสุนตกลงมาจากฟ้า เหมือนกับห่าฝนเล็กๆ ยิงเข้าไปที่เรือรบขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ จนควันขึ้น

หญิงสาวในชุดสีน้ำเงิน วิ่งต่อมาจากประตู เธอหันไปมอง เรือรบที่ถูกยิงเสียหาย ในนั้นมีหุ่นของเธอและตัวอื่นๆอีกมาก หลังมองเพียงแวบเดียวแล้วเธอหันกลับขึ้นไปมองด้านบนยังคงมีห่ากระสุนตกลงมาเหมือนสายฝน นัยน์ตาของเธอแสดงถึงความหวั่นเกรงแม้จะมียศสูงแต่ยังไงก็ยังเป็นแค่วัยรุ่น

ตุ้ม!!!!!!!!!

หุ่น 4 ตัวลงกระแทกพื้นเศษฝุ่นตลบอบอวลพวกมันทั้งหมดการ์ดกระสุนรอบทิศเหล่าผู้คุมและทาสมากมายต่างโดนการโจมตีนี้ทั้งหมดเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดดังระงมทั่วสารทิศ

ตามที่ได้รับข้อมูลมาเรือรบนี่มีหุ่นคลาส c เกือบ 20 ตัวกับ หุ่นคลาส B อีก 3 ตัวงานครั้งนี้กำไรเน้นๆ

เสียงหัวเราะดังออกมาจาก ค็อกพิตเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความสะใจ

หุ่นยนต์รุ่นเก่า 10 เครื่องเริ่มทยอยออกมาจากถ้ำพร้อมกับทะยานร่างเข้าหาหุ่นสีดำ 4 เครื่อง แต่ฝ่ายที่เสียเปรียบกับเป็นหุ่นยนต์ที่พึ่งออกมาจากถ้ำหุ่นเหล่านั้น เริ่มถูกทำลายไปทีละตัวทีละตัวในระหว่างชุลมุนของหุ่นยนต์

เสียงปืนคำรามปะทะกันทั่วลานกว้างกลางเหมือง ท่ามกลางควัน ฝุ่น และแสงไฟจากกระสุนที่ยิงสาดใส่กันจากทั้งสองฝั่ง

ไคลน์ วิ่งฝ่าความวุ่นวาย หมุนตัวหลบเศษหินที่ปลิวว่อน เขาเหลือบมองไปข้างหน้า เห็นเป้าหมายของเขา ทางขึ้นไปยังชั้น16 ห้องควบคุม

แต่ก่อนที่จะไปถึง จุดหนึ่งดึงสายตาเขาไว้...

เสียงโลหะขนาดใหญ่ปะทะพื้น ดัง "โครม!" หุ่นรบสีเทาดำเครื่องหนึ่งพุ่งแขนเข้าใส่กลุ่มของทหารหน่วย อาร์ค แองเจิลที่กำลังจะวิ่งเข้าไปในตัวเรือ

และในหมู่พวกนั้นมี หญิงสาวคนหนึ่ง … เธอสวมชุดเครื่องแบบทหารสีฟ้าน้ำเงิน ตาโต เบิกโพลงอย่างตกใจ

แขนของหุ่นรบ เหวี่ยงพุ่งมาอย่างฉับพลัน เธอไม่มีเวลาพอจะหลบ

ไคลน์สบถในใจ ก่อนร่างของเขาจะพุ่งออกไปโดยไม่คิด

เขากระโจนสุดแรงเข้าใส่ร่างของหญิงสาวตรงหน้า

“เฮ้ย!! ระวัง!!”

ปังงงง!!

เสียงแขนโลหะเฉี่ยวผิวพื้นดังสนั่น ขณะที่ทั้งสองร่างกระแทกพื้นไปด้วยกัน

ฝุ่นตลบ อากาศหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะ

เธอเบิกตาโพลงมองคนแปลกหน้าที่ทับตัวเธออยู่ ใบหน้าของเขาสกปรกเปื้อนเขม่า ผมดำยุ่งเหยิง แว่นกันลมอยู่บนหน้าผาก

ตาซ้ายมีเลือดแห้งกรัง

มือของเขาวางแนบที่ สะโพกของเธอโดยไม่รู้ตัว

อ—ออกไปนะ!!

เธอหน้าแดง แล้วรีบดันเขาออกอย่างลนลาน

ไคลน์ ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนเหลือบตามตัวของเธออย่างวิเคราะห์เร็วๆ

แล้วสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเขาก็คือ

ปืนพกสีดำเงาวับ ประจำตัวเธอ ที่เหน็บเอวอยู่ด้านข้าง

แม้จะดูเรียบ แต่ก็ออกแบบปราณีต แพงแน่นอน

ใช่แล้ว…นี่แหละที่ฉันต้องการ”

แววตาของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาก้มตัวคว้าปืนออกจากซองของเธอเร็วเกินกว่าจะตั้งตัว

เธอหันมาหาเขาทันที พร้อมทำท่าจะคว้า

นี่นาย—!!

แต่เขาแค่ชูมือขึ้น ยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า...

ขอยืมหน่อย เดี๋ยวเอามาคืนนะ

เขาหมุนตัวหันหลังกลับ พุ่งตัวเข้าไปในควันหนาโดยไม่รอฟังคำตอบ

เธอมองตามร่างเขาไป ทั้งโกรธทั้งตกใจ… แต่ก็สับสนอยู่ลึกๆ

ในหัวใจเธอถามซ้ำๆ ว่า

เขาเป็นใครกันแน่

เธอแตะเบาๆ ที่เอวข้างที่เคยเหน็บปืน เหลือเพียงความว่างเปล่า กับลมหายใจที่สั่นกระเพื่อมเล็กน้อย

แต่สียงปืนกับระเบิด ดึงความสนใจของเธอออกจากเด็กหนุ่มถึงเธอจะหวงแหนปืนกระบอกนั้นมากแต่มันไม่สำคัญสำหรับตอนนี้เธอกัดฟัน

เธอวิ่งกลับเข้าไป ในเรือรบตายก่อนที่จะได้เข้าไป เกิดเสียงดังโครม เงาร่างขนาดใหญ่ 5 สาย ทุ่งพญาออกมาจากม่าน ควัน และยังมี เงาร่างสีดำ ทุ่งทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็ว

นั่นน่ะเหรอโทริ-B2

เธอแหงนมองฟ้าด้วยความตกตะ ลึงดูจากความเร็วนั้น แม้แต่หุ่นระดับ A ก็ยังบินแบบนั้นไม่ได้

เสียงฝีเท้ากระทบเหล็กดัง “กึง กึง กึง” ทุกย่างก้าวของไคลน์บนบันไดวนแคบๆ ที่ทอดขึ้นไปยังชั้น 16 เต็มไปด้วยความรู้สึกกดดัน

แสงไฟกระพริบในอุโมงค์โลหะราวกับเตือนภัยหัวใจของเขาให้เต้นแรงขึ้นทุกขณะ

เขารู้ดีว่าถ้าพลาดแม้เพียงเสี้ยววินาที เขาอาจไม่ได้กลับลงมาอีกเลย

มือขวากำปืนพกสีดำเงาของหญิงสาวที่เขาขโมยมาตอนช่วยเธอ มือซ้ายกำ กระเป๋าสะพาย. ที่มีระเบิด EMP เล็กๆ รูปร่างกลมเท่าฝ่ามือที่เรนทำขึ้นด้วยฝีมือ

อีกแค่สองชั้น…

แต่เสียง “ตึง!” ดังมาจากข้างบน

เสียงย่ำเท้าหนักๆ ของใครบางคน หรือบางคนหลายคน

ยามสองคนในชุดเกราะเบา เดินลาดตระเวนอยู่หน้าโถง

นี้ได้ยินไหม เหมือนจะมีผู้บุกรุก บุกเข้ามาในเมือง โชคดีที่เราอยู่ที่นี่คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกมั้ง

พวกเขาถือปืนกลเบาไว้ในมือ ขณะพูดคุยกันด้วยความวิตกกังวลเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่รู้ถึงหายนะที่กำลังมาเยือน

ไคลน์ ย่อตัวลงหลังกำแพงเหล็ก หายใจช้าและลึก

มือเหงื่อชื้น ปืนในมือเบาแต่รู้สึกหนักเหมือนก้อนหิน

แค่สองนัด…ต้องแม่น ต้องจบให้เร็ว…

เขาโผล่ออกมาชั่วพริบตา

“ปัง!” — “ปัง!”

เสียงปืนพกดังสองครั้งถ้วน

กระสุนทะลุกะโหลกยามทั้งสองคน แรงปะทะทำให้ร่างหนึ่งล้มกระแทกกำแพงอีกคนล้มคว่ำโดยไม่ได้ทันรู้ตัว

เลือดสาดกระเซ็นเลอะผนังเหล็ก หยดลงพื้นเป็นเสียง “แหมะ แหมะ”

ไคลน์ หอบหายใจ เหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง

เขาค่อยๆ เดินไปเก็บปืนกลเบาจากร่างยามคนหนึ่ง ลองสไลด์ดู ลูกกระสุนยังเกือบเต็มแม็ก

“ขอบใจนะเพื่อน ฉันต้องยืมหน่อย”

เขาพึมพำเบาๆ แล้วเดินเข้าไปยัง ประตูเลื่อนเหล็กของห้องควบคุม ที่อยู่ชั้นบน

ห้องภายในสว่างจ้า เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์ แสงไฟ LED กระพริบทั่วแผงควบคุม

ยามอีก 5 คนกำลังเฝ้าจอ จดจ่อกับการแจ้งเตือนภัยสีแดง จากการบุกรุก และในห้องนี้ เสียงจากภายนอกยังไม่อาจเล็ดลอดเข้ามา

เสียงฝีเท้าของไคลน์กระทบพื้นเหล็กดังกังวาน ทำให้ยามคนแรกหันมามอง

“ใครวะ!?”

“ของขวัญจากทาส!”

ปัง!! ปัง!! ปัง!!

ไคลน์เหนี่ยวไกปืนกลเบา กระสุนเจาะร่างยามคนแรก กระเด็นไปกระแทกโต๊ะควบคุม

อีกสองคนรีบคว้าปืน แต่ช้าไป

“ปังๆๆ!” กระสุนอีกชุดเจาะร่างพวกมันล้มลงทีละคน

คนสุดท้ายพยายามจะวิ่งหนี

แต่ไคลน์ยกปืนขึ้นชี้อย่างเยือกเย็น...

“ปัง!” ร่างของเขาล้มลงอย่างไร้ทางสู้

ตอนนี้ทั้งห้องเงียบ… เหลือเพียงเสียงเครื่องจักรทำงานและลมหายใจหอบหนักของเขา

เขาเดินไปที่คอนโซลตรงกลาง เปิดแผงควบคุม

ไฟสถานะสีแดงกระพริบถี่

ไคลน์หยิบ EMP ระเบิดทรงกลม ขึ้นมา กดปุ่มที่ด้านข้าง

ติ๊ก… ติ๊ก… ติ๊ก…”

เสียงนาฬิกานับถอยหลังดังขึ้นเบาๆ

เขาวางมันลงข้างเสาแม่เหล็กของแหล่งส่งสัญญาณควบคุม และวิ่งหลบหลังตู้เซิร์ฟเวอร์

"ตู้ม!!"

มันไม่ใช่ระเบิดแรงอัด แต่มันจะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำลายระบบส่งสัญญาณปลอกคอชั่วคราวเท่านั้น…

จอหลายจอดับลงทันที พร้อมเสียงช็อตไฟฟ้า “ปะชึ่ด!”

ไม่ถึง 3 วินาทีหลังการระเบิด

แสงสีแดงบนปลอกคอทาสทั่วเหมืองดับลง

เสียง “ติ๊กๆ” ที่ดังเป็นจังหวะในหัวของทาสแต่ละคนหยุดนิ่ง

เด็กหญิงคนหนึ่ง แตะคอเบาๆ ด้วยความกลัว... ไม่มีเสียง ไม่มีไฟ ไม่มีสัญญาณ

“...มัน...มันหยุดทำงาน…”

ชายวัยกลางคนอีกคนขมวดคิ้ว

“...หรือว่า... เราอิสระแล้ว?”

ทั่วเหมืองเต็มไปด้วยความเงียบอันประหลาด

ก่อนที่เสียงแรกจะดังขึ้นจากฝูงชน...

“ปลอกคอหยุดแล้ว!!”

“มันตายแล้ววว!!”

“เราถอดมันออกได้!!”

เสียงเฮดังก้อง ความหวาดกลัวที่กดไว้ตลอดหลายปีถูกปลดปล่อย

บางคนร้องไห้ บางคนกรีดร้อง บางคนรีบช่วยกันดึงปลอกคอออก แม้ทั่วบริเวณจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

แต่นั่น...เป็นแค่จุดเริ่มต้น

กลิ่นควันไหม้จากระเบิด EMP ยังอบอวลอยู่ในห้องควบคุม

หน้าจอทุกบานดับสนิท มีเพียงแสงจากหลอดไฟสำรองสีแดงที่ส่องสว่างวูบวาบ

เสียงเตือนภัยยังดังอยู่ห่าง ๆ แต่ในหัวของ. ไคลน์ กลับได้ยินแค่เสียงหัวใจตัวเอง

“ตุบ… ตุบ… ตุบ…”

มือข้างหนึ่งของเขาค่อย ๆ ยกขึ้นแตะปลอกคอเหล็กหนักอึ้งที่สวมอยู่บนคอของเขามานานเกือบ สิบปี

มันไม่มีไฟสีแดงอีกแล้ว… ไม่มีเสียง “ติ๊กๆๆ” ที่ดังเข้าหูตลอดเวลา

ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีความกลัวว่ามันจะช็อตเขาจนตัวกระตุก หัวใจหยุดเต้น

มันหยุดแล้ว… หยุดจริง ๆ...

เขาหยิบ ที่ตัดเหล็กแบบหนีบ ขนาดใหญ่ที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพาย

มือสั่นเทา ไม่ใช่เพราะกลัว…

แต่เพราะ ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังจะปลดปล่อยออกมา

เขายกปลายคีมขึ้นมาแตะกับขอบปลอกคอที่ด้านหลังคอ

จังหวะหายใจช้าลง เหมือนร่างกายรู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การตัดเหล็ก

แต่มันคือการตัดขาด “ชีวิตที่เคยถูกจองจำ”

กรึ๊บ… กึก… กึก…

เสียงเหล็กค่อย ๆ บีบอัดภายใต้แรงมือของเขา

หยาดเหงื่อไหลลงข้างขมับ ปะปนกับแผลเก่าที่ยังไม่หายสนิท

กริ๊ง…

เสียงโลหะหล่นกระทบพื้นดังกังวานไปทั่วห้อง

ปลอกคอทาสสีดำหม่นกลิ้งไปบนพื้นเหล็ก ก่อนจะหยุดนิ่ง เหมือนสิ่งไร้ค่า

แต่สำหรับเขา… มันคือ “ศพของอดีต”

เขายืนนิ่งมองมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพง

หายใจเฮือกแรงอย่างควบคุมไม่อยู่

ความรู้สึกหลั่งทะลักมาทั้งหมด — เจ็บแสบ, โกรธ, เหนื่อย, โล่ง, สับสน และ… อิสระ

… เป็นอิสระแล้วเหรอ…

น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่ใช่คนชอบร้องไห้

แต่เขา ไม่เคยรู้เลยว่า 'อากาศที่หายใจโดยไม่มีโซ่ตรวน' มันเบาแค่ไหน

เสียงกรีดร้องของทาสที่ยังคงดังอยู่ในระยะไกล

บางคนเริ่มตัดปลอกคอ บางคนกำลังร้องไห้และหัวเราะปะปนกัน

โลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยความโกลาหล กลับค่อย ๆ มี “ชีวิต” อีกครั้ง

ไคลน์ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

มือที่เคยสั่น เริ่มแน่นขึ้น

สายตาที่เคยลังเล กลับแน่วแน่

ถ้าสิ่งนี้คืออิสรภาพ… ฉันจะไม่มีวันยอมให้มันหายไปอีก”

เขาหยิบปืนกลเบาขึ้นบ่า… และไล่เก็บปืนกระบอกอื่น จนได้เพิ่มมาเป็น 4 กระบอก

ก้าวแรกที่เดินออกจากห้องควบคุม ไม่ใช่ของทาสอีกต่อไป

แต่เป็นก้าวแรกของ “ชายหนุ่มผู้เลือกที่จะต่อสู้ เพื่ออิสรภาพของพวกเขาทุกคน”

โปรดติดตามตอนต่อไป

ความโกลาหล

แสงไฟสีแดงที่เคยกะพริบบนปลอกคอหายไปในพริบตาเดียว

และเสียง "ติ๊ก... ติ๊ก..." ที่ดังในหัวของพวกเขามาตลอดหลายปี

ในตอนแรก ไม่มีใครพูดอะไร...

ทุกคนเงียบงัน ราวกับเวลาในเหมืองหยุดเดิน

มีเพียงเสียงเครื่องจักรที่ยังหมุน เสียงเตือนภัยห่าง ๆ และเสียงหินที่ยังร่วงกราว ๆ จากเพดานเหมืองที่ใกล้ถล่ม

เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ชูมือแตะเบา ๆ ที่ปลอกคอบนคอของตนเอง...

มันไม่สั่น ไม่มีเสียง ไม่มีแสง

"พ่อ..."

เธอหันไปเรียกเสียงเบา

ชายวัยกลางคนข้างเธอเบิกตากว้าง รีบคว้าปลอกคอตนเองด้วยมือสั่น

เขาลองกด ลองบิด... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เขาหยิบก้อนหินเล็ก ๆ มาเคาะลงบนปลอกคอ เสียงโลหะดัง แก๊ง... แต่มันไม่ระเบิด ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเสียงคำรามจากระบบควบคุม

"...มันหยุดแล้ว..."

"...มันหยุดทำงานจริง ๆ..."

"มันตายแล้วววววว!!!"

เสียงกรีดร้องหนึ่งพุ่งขึ้นจากฝูงชน

เหมือนเป็นประกายไฟ จุดไฟในทุ่งฟางแห้ง

“ปลอกคอมันดับแล้ว!!”

“เราถอดมันได้แล้ว!!”

“อิสระ!! เราเป็นอิสระแล้ว!!”

เสียงร้องตะโกนโหมขึ้นในทุกทางแยกของเหมือง

ทาสหลายร้อยคนต่างรีบวิ่งเข้าหากัน บางคนล้ม บางคนผลักไหล่กัน วิ่งไปดูเพื่อน คนในครอบครัว

เสียงร้องไห้ระงม บางคนหัวเราะ บางคนตะโกนสุดเสียง

ชายแก่คนหนึ่งใช้มือเปล่าถอดปลอกคอของภรรยาออกอย่างช้า ๆ

เมื่อมันหลุดลงพื้น โลหะกระทบหินดัง กริ๊ก

เขาสะอื้น และโผกอดเธอแน่น จูบหน้าผากเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม่คนหนึ่งกรีดร้องด้วยความดีใจ อุ้มลูกเล็กที่ไม่มีปลอกคออีกต่อไป

เด็กชายหัวเราะทั้งน้ำตา

"แม่ เรา... ไม่ใช่ทาสแล้วใช่ไหม…"

กลุ่มวัยรุ่นหลายคนรีบช่วยกันหาคีม งัดปลอกคอของกันและกัน

แม้จะเจ็บ แม้จะห้อเลือด แต่ไม่มีใครหยุด

ไม่มีใครกลัวเจ็บ เพราะ "อิสรภาพ" เจ็บแค่นี้ไม่มีค่าสำหรับพวดเขา

ในอีกฟากหนึ่งของถ้ำ

ผู้คุมบางคนเริ่มรู้ตัวว่าระบบปลอกคอถูกทำลาย

พวกมันกรีดร้องอย่างโกรธจัด ชูปืนขึ้นยิงขู่กลางอากาศ

“กลับไปที่คอก! กลับไปเดี๋ยวนี้!!”

แต่คราวนี้ ไม่มีใครก้มหัว ไม่มีใครคลานกลับไป

กลุ่มทาสชายร่างกำยำหลายสิบคนพุ่งเข้าหาพวกผู้คุม

กระชากปืน ขว้างก้อนหิน ใส่ด้วยความแค้นที่อัดแน่นมาหลายปี

หนึ่งในพวกเขากระชากปลอกคอที่ตัวเองถอดออก

ขว้างใส่หัวผู้คุมอย่างแรง

“เอานี่ไป ตราแห่งความอัปยศที่พวกแกยัดเยียดให้เรา!!!”

เสียงระเบิดยังดังห่าง ๆ เสียงหุ่นยนต์สู้กันยังดังลั่น

แต่ที่กลางเหมือง คือพลังของฝูงชนที่ตื่นขึ้น

ความกลัวค่อย ๆ กลายเป็นความกล้า

ความสับสนค่อย ๆ กลายเป็นแรงขับเคลื่อน

"พวกเราจะไม่กลับไปเป็นทาสอีกแล้ว!"

"สู้เพื่ออิสรภาพ!"

เสียงตะโกนเหล่านั้น แว่วสะท้อนอยู่ในถ้ำราวกับเปลวเพลิงไม่สิ้นสุด

สายลมพัดแรง เถ้าฝุ่นจากผืนดินแห้งแล้งปลิวคลุ้ง เงาร่างหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ห้าร่างในสีเงิน ขาว และฟ้าเงิน ยืนเรียงแถวตรงข้ามกับหุ่นสีดำสี่ตัวของกลุ่มโจรที่กำลังเคลื่อนที่เข้าประชิด

"ยืนยันเป้าหมาย พวกมันคือกลุ่ม Black Tusk"

เสียงเซย์ หัวหน้าทีมอาร์คแองเจิ้ลดังผ่านระบบสื่อสาร

"รับทราบ โหมดเตรียมรบ เปิดระบบล็อกเป้า" — คาน่าในหุ่น C-Class ชื่อ "วิงเฟรม-03" พูดตอบสั้นๆ

ทันใดนั้น หุ่นดำตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วมหาศาล แขนขวาแปรสภาพเป็นใบมีดหมุนความเร็วสูง

ฟึ่บ!

"หลบไป!" เสียงยูอิในหุ่น "รุน-057" คำราม หุ่นของเธอบุกทะลวงไปข้างหน้า

รุน-057 สไลด์ด้วยแรงขับจากเท้าพร้อมเปิดโล่พลังงาน หยุดคมมีดด้วยพลังปะทะ ก่อนสวนหมัดเข้าไปที่แกนหน้าอกของหุ่นศัตรู

ตูม!

หุ่นดำตัวนั้นระเบิดในพริบตา ฝุ่นควันปะทะทุกทิศ

"นั่นมันของปลอมชัดๆ"

อีกหุ่นศัตรูพยายามยิงสนับสนุน แต่ถูก โทริ-B2 ของเซย์ทะยานพุ่งจากท้องฟ้าลงมาปักกลางสนามรบ

"ความเร็วขนาดนี้... นี่มันไม่ใช่แค่คลาส B แล้ว!" หุ่นดำตัวที่สองเพิ่งจะเงยหน้าขึ้น โดนปืนกลหนักที่หัวโทริ-B2 รัวกระสุนพลังงานเข้าใส่

แช่กๆๆๆ! ปังงงง!

หุ่นดำตัวนั้นทรุดลงก่อนจะถูกดาบพลังงานจากโทริ-B2 แทงทะลุคอ

"สองตัวแล้ว" เซย์เอ่ยนิ่งๆ

ขณะนั้น หุ่นดำอีกสองตัวที่เหลือพยายามใช้กลยุทธ์วงล้อมบีบคั้นจากด้านข้าง แต่หุ่น C-Class ของอากิและเมย์ก็ขยับทัน

"ระเบิดเสียง!!" เมย์ตะโกน

หุ่นของเธอปล่อยคลื่นเสียงพิเศษทำให้ระบบเซ็นเซอร์ของศัตรูสั่นสะเทือน ก่อนที่อากิจะใช้หอกพลาสม่าปักทะลุเข้ากลางลำตัวของอีกฝ่าย

"เหลือตัวเดียว—"

ยังไม่ทันจะเคลื่อนตัว หุ่นดำตัวสุดท้ายก็เปิดช่องที่อก เตรียมยิงลำแสงพลังงานทำลายล้าง

วูบบบ!

ทว่า...โทริ-B2 พุ่งเข้ามาด้านหลังมันโดยไม่มีใครคาดคิด พร้อม ใช้ดาบพลังงาน แทงทะลุจากด้านหลัง

ตูมมมม!!

หุ่นดำตัวสุดท้ายระเบิดคากลางอากาศ เสียงสะเทือนดังก้องไปทั่วหุบเขา

เงียบ…

"เป้าหมายทั้งหมดถูกกำจัด" ยูอิกล่าวเสียงเย็น

ในโพรงเขาลึกที่ปกคลุมด้วยม่านตาข่ายพรางสัญญาณ คลื่นรบกวนความถี่สูง ทำให้เรือรบขนาดกลางลำหนึ่งของกลุ่มโจรสามารถซ่อนตัวอยู่ได้หลายวันโดยไม่มีใครตรวจจับ

แสงไฟสีแดงกระพริบเบา ๆ ภายในห้องควบคุม สายตาของ ไดลอส หัวหน้ากลุ่มโจรในชุดเกราะสนามดำหม่น หยุดลงที่จอมอนิเตอร์หลัก

ภาพจากโดรนสอดแนมแสดงให้เห็นฉากการสู้รบภายนอกอย่างชัดเจน หุ่นทั้งสี่ที่เขาส่งออกไป ถูกทำลายจนหมดสิ้น

"...แม่ง พวกมันมีคลาส B จริงด้วย"

เขากัดฟัน ก่อนจะหันไปตะโกนเสียงกร้าวใส่ลูกน้องในห้องสั่งการ

 "ขับเรือรบขึ้น! ทิ้งฐานนี้ไปซะ! เดี๋ยวมันลากหางมายิงเราแน่!"

ลูกน้องรีบกดคันโยก เรือรบขนาดกลาง เคลื่อนตัวออกจากเงาเขาเงียบ ๆ แรงขับจากท้ายลำเริ่มปล่อยไอน้ำควอนตาเซลล์บาง ๆ ออกมา

...ทว่า การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยนั้น กลับเป็นจุดเปลี่ยน

ณ ด้านบนหน้าผาห่างไป 3 กิโลเมตร

ทหารหญิงคนหนึ่งในชุดลาดตระเวนเบา ซ่อนตัวอยู่พร้อมเครื่องมือตรวจจับพลังงานควอนตาเซลล์

“...สัญญาณมาแล้ว! สัญญาณพลังงาน Quanta Cell ระดับกลาง กำลังเคลื่อนตัวขึ้นจากจุดที่เราว่างเปล่าเมื่อ 3 นาทีที่แล้ว!”

เธอรีบกดส่งข้อมูลเข้า เครือข่ายรองผู้บัญชาการ

ในห้องบัญชาการ ของเรือรบที่พังเสียหาย ด้านใน มีเจ้าหน้าที่บางคนที่ยังอยู่ หน้าจอโฮโลกราฟิกเรืองแสงตลอดแนวผนัง

เอลิน่า หญิงสาวผมยาวสีฟ้าอ่อน ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ แต่มีร่องรอยของฝุ่นเต็มตัว เธอยืนกอดอกมองแผนที่กองบัญชาการ

“รายงานตำแหน่งเรือรบ?”

 เธอถามเรียบ ๆ ขณะยังไม่หันมา

 “ท่านรองครับ! หน่วยลาดตระเวน 03 ตรวจพบการเคลื่อนตัวของเรือรบโจร ขนาดกลาง รุ่น M-Type 3 จากบริเวณช่องเขาเบลดริดจ์ ตำแหน่ง ทิศตะวันตก ห่างจากนี้3.กิโลเมตร ครับ

แผนที่ 3 มิติฉายขึ้นกลางโต๊ะทันที แสดงจุดสีแดงกระพริบพร้อมทิศทางเคลื่อนที่

เอลิน่าขมวดคิ้ว

“…งี่เง่า นึกว่าจะซ่อนตัวได้ทั้งชีวิตเหรอ?”

เธอกดเปิดสายติดต่อด่วน

 ส่งคำสั่งล้อมปีกตะวันตก 1 กองร้อย และเปิดช่องทางให้ ‘อาร์คแองเจิ้ล’ เข้าประกบจากด้านซ้าย”

เสียงสัญญาณเตือนภัยระดับ 3 ดังลอดทั่วภายในตัวเรือ

แสงสีส้มกระพริบเป็นจังหวะ ราวกับจังหวะหัวใจของยักษ์เหล็กที่กำลังจะตื่น

บน สะพานเรือรบ “แอสทารอน”

เธอยืนอยู่หน้ากระจกโค้งโปร่งใส มองเห็นทะเลเมฆข้างนอกกำลังปั่นป่วนด้วยแรงขับดันจากเรือ

หน้าจอโฮโลรอบตัวแสดงสภาพสนามรบเบื้องล่างแบบเรียลไทม์

"ระดับความเร็วของพวกโจรคงที่… พวกมันยังไม่รู้ว่าโดนจับตำแหน่งแล้ว"

เธอพูดเสียงเย็น ก่อนจะหันขวับไปสั่งลูกเรืออย่างเฉียบขาด

" เตรียม ‘โจปิเตอร์’ ให้พร้อมออกรบใน 90 วินาที"

ลูกเรือชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบรับเสียงดัง

 “รับทราบ! เปิดการทำงานระบบเก็บรักษาอาวุธ B-Class 03 – โจปิเตอร์!”

ในห้องเก็บหุ่นชั้นล่างสุดของเรือ

ประตูไทเทเนียมหนาหลายเมตรค่อย ๆ เปิดออก พร้อมเสียงอากาศอัดระเบิดออก

ร่างสูงกว่า 18 เมตรของ “JUPITER” (โจปิเตอร์) ปรากฏในเงาสีฟ้าเข้ม

 หุ่นยนต์สีฟ้าน้ำทะเลเข้ม ทรงหนา หน้าตาเป็นเลนส์เดี่ยวกลมเรืองแสง ดวงตาสีแดงสว่างจ้าเพียงหนึ่งดวง

ที่แผ่นหลังติดปีกขนาดใหญ่ พร้อม หอบพลังงานยาวสีดำเข้ม ผิวมันเงาเหมือนศาสตราโบราณที่รอการปลดปล่อย

วงแหวนควบคุมเริ่มหมุน เสียงระบบปลุกการทำงานดังขึ้นทีละลำดับ:

"ระบบขับเคลื่อนโครงสร้าง – พร้อม"

"ระบบพลังงานควอนตาเซลล์ – พร้อม"

" เชื้อเพลิง 100%"

กลับมาที่สะพานเรือ

เอลิน่าหันไปหาทหารหญิงอีกคนที่ยืนรออยู่ใกล้ประตูพร้อมหมวกนักบินในมือ

 “ส่งมันขึ้นดาดฟ้า พร้อมปล่อยตัวภายใน 90 วินาที”

 “ รับทราบค่ะ รองผู้บัญชาการ!”

เสียงเครื่องยกกระหึ่มราวกับกึกก้องในอก

โจปิเตอร์ ถูกเลื่อนขึ้นมาบนแท่นพาหนะ พร้อมรางส่งออกดาดฟ้า

 เอลิน่าก้าวเข้าในค็อกพิตและ พูดกับตัวเอง

“ถ้าจะจับพวกโจรให้ได้เร็วที่สุด… ก็ต้องให้พายุสีฟ้ากวาดล้างซะก่อน…”

ตาเดียวของโจปิเตอร์สว่างวาบ

เสียงโลหะกระทบกันดังก้องลั่นทั่วห้องปล่อยตัว

ประตูเหล็กไทเทเนียมที่หนากว่า1เมตรแยกออกช้า ๆ เผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทาหม่นเบื้องนอก

ลมพัดแรงจนแผ่นพับเหล็กสั่นระริก

สายฟ้าระยะไกลแลบผ่านม่านเมฆ… ราวกับสวรรค์เองก็เตรียมต้อนรับการมาถึงของ “เทพสายฟ้าตาเดียว”

โจปิเตอร์ หุ่นรบคลาส B สีฟ้าน้ำทะเลเข้ม ก้าวออกมาที่ฐานที่ปล่อยตัวบนดาดฟ้าด้วยเสียงกระแทกของขาโลหะหนัก

รางเหล็กหนาพิเศษรองรับน้ำหนักกว่า 100 ตันได้อย่างมั่นคง

บริเวณหลังหุ่นมี “สายยึดโลหะยาวสีดำ2 เส้นที่ด้านหลัง” เชื่อมกับจุดต้านแรงดีดแบบพิเศษ

ตัวหุ่นโยงกับฐานล๊อกคล้ายสลิงยึดเครื่องบินขณะรอออกตัวจากเรือบรรทุกอากาศ

 “ระบบล็อกความปลอดภัยติดตั้งแล้ว สายยึดพร้อม!”

“เช็คพลังงานควอนตาเซลล์ระดับ 2… ป้อนพลังงานเต็มร้อย!”

แสงไฟสีฟ้าจากไอพ่น5ตัว ที่หลังของโจปิเตอร์ ขยับขึ้นลงช้าๆ พร้อมกับถูกเร่งเต็มกำลัง

จากภายในค็อกพิต คำสั่งสุดท้ายก็ดังออกมาในคลื่นสื่อสารความถี่สูง

เสียงหญิงสาวดังกังวานด้วยความมั่นใจเด็ดขาด

 “เอลิน่า เวอร์ดีอุส รองผู้บัญชาการกองเรือแอสทารอน”

“หน่วยเดี่ยวหมายเลข 07 – หุ่นรบ JUPITER”

“ขอใช้สิทธิปล่อยตัวฉุกเฉินลำดับสูงสุด... รหัสยืนยัน Delta-Seven-Aurelia!”

แสงสีแดงตรงช่องล็อกเปลี่ยนเป็นสีเขียวในพริบตา

สายล๊อกถูกปลดพร้อมเสียง “ฉึก!”

โจปิเตอร์กรีดฟ้าทะยานออกจากดาดฟ้าในเสี้ยววินาที

พลังงานจากขาและโครงหลักเร่งขึ้นจนเกิดเส้นแสงสีฟ้าปะทะอากาศ

แรงดีดพุ่งทะลุชั้นเมฆจนตัวหุ่นกลายเป็นประกายวาบบนท้องฟ้า

ภายในค็อกพิต

เอลิน่าจับคันควบคุมแน่น ดวงตาเธอเปล่งแสงแห่งสมาธิ

เสียงสัญญาณเตือนยังคงกรีดร้องก้องสะท้อนทั่วเหมืองใต้ดิน

ไฟฉุกเฉินสีแดงกระพริบรัวราวกับเลือดในดวงตาของปีศาจ

ประตูห้องควบคุมเปิดผาง

ไคลน์ ทะลุออกมาจากควันระเบิดด้วยใบหน้าที่เปื้อนเขม่า และสายตาแน่วแน่

พร้อมกับปืนกลเบา 3 กระบอก 2 สะพายหลัง หนึ่งถือไว้ในมือ

กลิ่นโลหะไหม้จากระบบระเบิด EMP ยังคลุ้งอยู่ทั่วเสื้อผ้า

หัวใจเต้นระรัวเหมือนจะระเบิดตามไปทุกเมื่อ แต่ขาเขายังวิ่งลงมาจากชั้น16 ผ่านยามเขาทำได้แค่แอบและรพวกยามวิ่งผ่านไป

เพราะความโกลาหลของทาสที่เป็นอิสระ

เหล่าทาสนับร้อยที่เพิ่งถูกปลดปลอกคอ ต่างพากันตะโกน ร้องไห้ วิ่งหนี หรือพุ่งเข้าหาอาวุธ

บางคนกอดกัน

บางคนยืนงงไม่รู้จะไปทางไหน

แต่ไคลน์ไม่มีเวลาให้หยุดดู

ก่อนจะพุ่งฝ่าฝูงชนวิ่งตรงไปยังทางเดินเหล็กด้านตะวันตกของเหมือง

ทาสบางคนหันมามองเขาในขณะไคลน์กระโจนข้ามกล่องเสบียง

บางคนยื่นมือมาหาเขา

แต่เขาทำได้เพียงสบตา และปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจด้วยตัวเอง

ตึง!

ครืน...ปัง!

เสียงเสาเหล็กถล่มใกล้ ๆ

เศษซากและฝุ่นปลิวฟุ้ง ไคลน์เบี่ยงตัวหลบอย่างหวุดหวิด

จากนั้นก็พุ่งต่อไปโดยไม่ลังเล

แสงไฟวาบหนึ่งสาดผ่าน

และเขาเห็น โรงเก็บหุ่นอยู่ไม่ไกลแล้ว

ราวกับสายเลือดกลับมาไหลอีกครั้ง

ไคลน์กัดฟันแน่น

กระชับปืนในมือ วิ่งเข้าใกล้ประตูโลหะหนาหนักของโรงเก็บที่ปิดสนิท

เขาไม่รู้ว่าภายในมีใครยังรอด

แต่ใจเขาเชื่อว่า เรนกับไอรินจะไม่เป็นอะไร

และเท้าของเขายืนยันคำตอบนั้นด้วยการเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

ภายในโถงทางเข้าก่อนถึงโรงเก็บหุ่น

แสงไฟฉุกเฉินสีแดงสลับขาวกะพริบรัว

เสียงประกาศฉุกเฉินยังดังก้อง

กลิ่นควัน กลิ่นฝุ่น และเสียงฝีเท้าของผู้หลบหนีประสานกันราวกับการล่มสลายของทั้งอารยธรรม

 ตึง…!

ไคลน์ พุ่งเลี้ยวมุมเข้ามาในทางเดินสุดท้ายประตูโรงเก็บเก่าอยู่ตรงหน้าแล้ว เหลืออีกไม่กี่เมตร

แต่ไม่ทันที่เขาจะเรียกชื่อเพื่อน…

เพล้งงง!

เสียงแหลมจากเหล็กกระทบกับพื้นเหล็กดังขึ้น!

ร่างไคลน์เซไปทางขวา

เมื่อเหล็กเส้นยาวพุ่งปะทะเข้ากับไหล่ซ้ายของเขา!

 “ใครวะ!?”

เสียงตะโกนของโคลน์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงหอบหายใจแรง ด้วยความโกรธ

ไคลน์ทรุดลงเล็กน้อย กัดฟันแน่น ก่อนเงยหน้าขึ้นทันที

“ไคลน์หรอ?"

เรน หนุ่มผมสั้นยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นดำ

เขาชะงักทันที เหงื่อไหลพราก

“บ้าชิบ…! ฉันนึกว่าเป็นพวกยาม!”

ไอรีนในอีกฟากหนึ่งของห้อง หลบหลังลังพัสดุ บีบคอขวดแก๊สฉุกเฉินไว้แน่น

เธอผ่อนลมหายใจด้วยสีหน้าโล่งอก

ไคลน์ยกมือทั้งสอง ยื่นอาวุธให้

“ไม่มีเวลาพูดมาก อ้าวรับนี่ไป!”

ปืนกลเบาขนาดสั้น 2 กระบอก ถูกยัดใส่มือเรนและไอรีน

พร้อมกับ วิทยุสื่อสารขนาดจิ๋ว อีกสองเครื่อง

เขาหันไปทางแผงควบคุมประตูที่ปิดตาย

รูดบัตรผ่านสีเหลืองอำพันเข้าไปทันที

 ติ๊ด... กึ่ก… กรรรร…!

ประตูโลหะหนาหนักค่อย ๆ ขยับขึ้น

เผยให้เห็นภายในโรงเก็บเก่าที่ถูกปล่อยร้าง ด้านหลังสุดของโรงเก็บหุ่นเบลฟอร์ซV3 และ ลูเมีย อยู่ด้านใน

อุปกรณ์ยังวางกระจัดกระจายเหมือนไม่มีใครเข้าไปนาน

“ฉันจะไปเอา แคปโดเซอร์ K-7 ที่โรงเก็บฝั่งเหนือ”

“พวกนาย…ไปที่อุโมงค์ด้านหลัง ที่เคยถูกทิ้งร้าง”

ไคลน์หันมามองเรนและไอรีนตรง ๆ ด้วยแววตาแน่วแน่

“จำได้นะ? อุโมงค์เก่าเบอร์ 9…ฝั่งที่เคยถล่มนั่นแหละ เส้นทางหนีอยู่ที่นั่น”

เรนพยักหน้าแน่น

ไอรีนบีบมือเขาเบา ๆ ก่อนพูดเสียงสั่น

“ระวังตัวด้วย ไคลน์…”

ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงลังเล

ไคลน์ไม่พูดอะไรอีก

แค่สบตา แล้วยกปืนขึ้นพาดหลัง กำมือแน่น แล้วหันหลังวิ่งออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของฐาน

เสียงฝีเท้าของเขา กลืนหายไปในเสียงสัญญาณเตือนและเสียงโกลาหลของการกบฏที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

ปลายหอกของหุ่น จูปีเตอร์ เสียบเข้ากับเกราะของเรือรบของโจรจนลำเรือสั่นสะเทือน

ตูมมม!!

เปลวเพลิงลุกไหม้จากด้านท้ายเรือ

ห้องควบคุมเริ่มเอียง ระบบอาวุธขัดข้อง

จอมอนิเตอร์ในสะพานเรือแสดงคำว่า “ระบบเสียหาย 78%” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เอลิน่า เวอร์ดีอุส เหลือบมองตัวเลขบน HUD ก่อนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

“เบี่ยงขวา ยิงกดดันอีกครั้ง! เป้าหมายคือห้องเครื่องหลัก ทำให้พวกมันหนีไม่ได้!”

โทริ-B2 พุ่งเข้าโจมตีจากด้านบน ปล่อยคานพลังงานใส่หัวเรือ

ขณะที่ รุน-057 ลากอาวุธเจาะเข้าไปยังจุดเปราะด้านข้าง

หุ่นคลาส C อีกสามเครื่องของอาร์คแองเจิ้ลกระจายตัว ปิดเส้นทางหลบหนี

ในอีกฟากหนึ่งของเรือ

ประตูโรงเก็บหุ่นแง้มออก เสียงฝีเท้าหนักกระแทกกับพื้นเหล็ก

ชายผมแดงตัวสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นก้าวเข้ามา

 “พวกมันจะคิดว่าแค่นี้จบเกมแล้วงั้นเรอะ…”

เขาคือ ไดลอส หัวหน้ากลุ่มโจรนรกเหล็ก

ฝ่ามือกระแทกแผงควบคุมโรงเก็บ หุ่นรบขนาดใหญ่สีดำแดงถูกเลื่อนขึ้นจากแท่น

โซกาเรโอ หุ่นคลาส B ทรงพลังสูง

โครงสร้างเน้นเกราะหนัก ลำตัวกว้าง แขนข้างซ้ายเป็นโล่ขนานใหญ่ และละอีกข้างมีขวาน ยักษ์และที่เด่นที่สุดขคือส่วนหัว หัวสิงโตตัวผู้ ที่ทำจากโลหะสีดำ

ด้านหลังมีแบ็คบูสเตอร์สำหรับพุ่งทะลวงระยะประชิด

 “โซกาเรโอ... แกยังจำวิธีฆ่าศัตรูที่เหนือกว่าด้วยไฟโทสะได้ไหม?”

เขากระโดดเข้าไปในห้องนักบิน ระบบเครื่องยนต์เริ่มทำงาน

หน้าจอส่องแสงสีแดงฉาน ข้อมูลสภาพเรือรบวิกฤตวิ่งอยู่ทุกมุมจอ

ไดลอส กัดฟันแน่นพร้อมกำหมัดที่คันบังคับ

 “พวกผู้หญิงนั่นจะต้องจำชื่อข้าไว้! ไดลอสแห่งเหล็กนรก!!”

 ระบบล็อคอิน: ยืนยันตัวผู้ขับขี่ ไดลอส โซกาเรโอ พร้อมปฏิบัติการ

เสียงคำรามของเครื่องยนต์โซกาเรโอกระแทกอากาศ

พื้นเหล็กของโรงเก็บสั่นสะเทือน ร่างมหึมาเริ่มขยับ

ฝูงหุ่นโจรที่เหลืออยู่เปิดทางให้ ผู้นำของพวกมันออกไปสู้เป็นครั้งสุดท้าย

บนท้องฟ้า เอลิน่าเหลือบเห็นสัญญาณพลังงานใหม่พุ่งทะลุขึ้นจากเรือรบที่กำลังพัง

เรดาร์บน HUD แจ้งเตือน: "SIGNATURE B-RANK DETECTED – CLOSE COMBAT TYPE"

เธอหรี่ตา มองเห็นเงาร่างขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาพร้อมเปลวควันดำ

หุ่นโซกาเรโอกระแทกพื้นดาดฟ้าของเรือที่กำลังเอียง

ฝ่าเท้าเหล็กจมลงกับเกราะ เรียกเสียงโลหะกรีดร้อง

ไดลอส เปิดไมค์ตะโกนออกมาเสียงแหบ

 “ใครก็ตามที่ขวางกูจะตาย!! แกจะเป็นรายแรก!”

เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร่งรีบสะท้อนก้องในอุโมงค์เหล็ก

ไฟฉุกเฉินสีแดงกระพริบต่อเนื่อง คล้ายเตือนให้รู้ว่าทุกวินาทีคือความเป็นความตาย

ไคลน์มุ่งหน้ามายังโรงเก็บหุ่นขุดเจาะ แคปโดเซอร์ K-7

มือเขากำปืนกลเบาแน่น ข้างหลังคือเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงร้องจากเหล่าทาสที่เริ่มก่อกบฏ

“อีกไม่ถึงร้อยเมตร… ต้องไปให้ถึง…”

แต่ทันใดนั้น

 “หยุดตรงนั้น!”

เสียงตะโกนกร้าวจากยามสองนายที่ยืนด้านหลังเขา ไคลน์หัดกลับไปมอง

ทั้งคู่สวมชุดเกราะเบา ติดปืนอัตโนมัติในมือ พร้อมจะยิงทุกเมื่อ

“แกมันทาส! ฆ่ามันซะ"

ปัง!ปัง!ปังๆๆๆๆๆ!

ไคลน์ไม่มีเวลาให้คิด

เขากระโดดหลบเข้าแนวท่อเหล็ก พร้อมชูปืนกลเบาขึ้นเหนี่ยวไก

 ปัง! ปัง! ปังๆๆๆๆๆ!

ลูกกระสุนพุ่งออกไปเป็นชุด กระทบกับเกราะและพื้นเหล็กจนเกิดเสียงสนั่น

หนึ่งในยามล้มลงไปชั่วครู่ แต่อีกคนยังยิงตอบสวนกลับมา

 เพร้ง! เพร้ง! ปัง!

เศษโลหะกระเด็นกระดอนข้างหัวไคลน์ เขาฝืนใจย้ายตำแหน่ง วิ่งเปลี่ยนมุมยิงอีกครั้ง

แกร๊ก...

 “กระสุนจะหมดแล้ว…”

เสียงอันแห้งผากจากไกปืนบอกชัด ถึงปืนกลเบาที่กระสุนเพิ่งจะหมดแม็ก

ยามคนหนึ่งแสยะยิ้ม ก้าวออกมาจากหลังเสาคอนกรีต

“จบแล้ว ไอ้เวร!”

แต่ไคลน์ไม่ได้หวั่น

เขาชัก ปืนพกพกติดตัว ออกมาในเสี้ยววินาที

เงื้อขึ้นยิงอย่างรวดเร็ว

 ปัง!

กระสุนนัดแรกเจาะเข้าต้นคอของยามคนที่สอง เขาทรุดลงกับพื้น

เลือดไหลนองพื้นเหล็ก กลิ่นไหม้ของดินปืนคละคลุ้ง

ไคลน์ยืนหอบอยู่ท่ามกลางความเงียบที่กลับมาอีกครั้งก่องจะเดินไปหายาม ที่ถูกเขายิงคนแรก

มือเขายังสั่นเล็กน้อย แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

อย่าฆ่าฉันเลย ....ฉันยังมีลูกมีเมี..

ปัง!

 “ เรื่องของมึง"

เขาวิ่งต่อไปที่โรงเก็บ ที่อยู่ไม่ไกล

ควัก คีย์การ์ดระดับ B เสียบลงในร่อง

 ติ๊ด… ตู๊ดดด... ก๊อกกกกกกก!

ประตูเหล็กขนาดมหึมาเลื่อนเปิดออก

เบื้องหน้ามีหุ่น ขุดเจาะรุ่นเก่ามากมาย เมื่อเดินไปด้านหลังโรงเก็บจะเจอ แคปโดเซอร์ K-7 ยักษ์เหล็กที่เคยเป็นเพียงเครื่องมือขุดหิน

แต่วันนี้… มันจะกลายเป็นอาวุธเพื่อทำลายโซ่ตรวน

โปรดติดตามตอนต่อไป

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!