เสียงแตรรถดังสนั่นกลางสี่แยก หรงอี้นักศึกษาหนุ่มวัย 20 ปี กำลังก้าวเท้าข้ามถนน มือยังถือชีท รายงานแน่น
เอี๊ยดดด!! โครมมม!!!
เสียงล้อบดทับร่างของเขาอย่างจัง ทุกอย่างดับวูบ ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นแผ่นหลังเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่สติจะดับสิ้น...
ตึกตึก... ตึกตึก... ตึกตึก...
เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำ ร่างหนึ่งสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมาด้วยลมหายใจหอบถี่
“เฮ้ย...นี่มันที่ไหนวะ!?” เขาลุกขึ้นพรวด มองรอบตัวอย่างตกใจเต็มขั้น
เขานั่งอยู่บนเตียงไม้ ห่มด้วยผ้าฝ้ายเก่า ๆ รอบห้องประดับด้วยเครื่องลายคราม เครื่องทองเหลือง และฉากผ้าปักสีซีดจาง ทั้งหมดดูเหมือนฉากในละครย้อนยุคแบบที่เขาเคยดูในทีวี.
“ข้า...ข้าเป็นใคร? ทำไมข้าอยู่ที่นี่?” เขาลูบหน้าตัวเอง เหงื่อผุดเต็มฝ่ามือ ร่างกายสั่นไปหมด
จู่ ๆ ประตูไม้ก็เปิดออกเสียงดัง ครืดดด!! พร้อมฝีเท้าหนักแน่นของชายหนุ่มสูงใหญ่ในชุดทหารเดินเข้ามา
“องค์ชายหรงอี้! ท่านฟื้นแล้ว!”
หรงอี้เบิกตากว้าง หันขวับ “เออ...พวกเจ้าเป็นใครวะ!? แล้วเรียกข้าว่าอะไรนะ!? องค์ชายเหรอ!?”
ชายคนนั้นยืดตัวตรง พูดด้วยเสียงจริงจัง “ข้าเจิ้งห่าว จอมพลแห่งกองทัพฝ่ายปฏิวัติ ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนแปลง ท่านคือองค์ชายที่มีสิทธิ์ในราชวงศ์ และเป็นผู้นำที่เราต้องการ”
“ห๊ะ? เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวๆๆๆๆ...” หรงอี้ยกมือขึ้นส่ายไปมา “ข้า...ก็แค่นักศึกษาธรรมดา ๆ คนนึงในยุค 2025! จะมาเป็นผู้นำสงครามอะไรฟะ!?”
จากนั้นสองชายหนุ่มเดินเข้ามาเพิ่ม ซือเหวิน องครักษ์หน้านิ่งกับหลี่เจียง มือข่าวผู้สุขุม
ซือเหวินเอียงคอ “ท่านองค์ชาย...ท่านดูไม่เหมือนคนเพิ่งรอดจากสนามรบเลย”
“ก็เพราะข้าไม่ใช่โว้ย!!” หรงอี้ตะโกนลั่น หันซ้ายหันขวา “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!? ข้า...ข้าตายไปแล้วนี่หว่า!! แล้วนี่อะไร!? ย้อนเวลามางั้นเหรอ!?”
เจิ้งห่าวยังนิ่ง “ท่านอาจความจำเสื่อม เพราะบาดเจ็บหนักจากศึกก่อนหน้า แต่ท่านต้องตั้งสติ ท่านคือคนที่พวกเรารอคอย...”
หรงอี้ทรุดนั่งลงกับพื้น มือสั่น ใจเต้นระรัว
“โว้ย...ข้าแค่จะไปส่งงานที่อาจารย์...แล้วนี่อะไรของชีวิตกูวะเนี่ย...?”
ข้าจะไม่ใส่ชุดนี่เด็ดขาด! หนักจะตายห่า ใครออกแบบวะ!”
หรงอี้ยืนบ่นอยู่หน้ากระจกไม้ ชุดราชวงศ์ที่ตัวยาวกรอมพื้นทำให้เขาเหวอสุด ๆ เพราะไม่คุ้นเลย
ขณะที่เขาดึงชุดออกอย่างหงุดหงิด ประตูก็เปิดเข้ามาโดยไม่มีการเคาะ
“องค์ชาย!”
เจิ้งห่าวชะงักทันทีที่เห็นร่างของหรงอี้ยืนอยู่ในชุดครึ่งท่อน
อีกฝ่ายหน้าแดงแว้บแต่พยายามเก็บอาการ “ข...ข้าควรจะเคาะก่อนสินะ...”
“เห้ย! จะเข้ามาไม่เคาะเลยเรอะ!?” หรงอี้รีบคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้
เจิ้งห่าวเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “... ข้าขอโทษ”
หรงอี้พ่นลมหายใจแรง “เออ ๆ ไม่เป็นไร...ข้าก็แค่...มันยังไม่ชินน่ะ”
เจิ้งห่าวเดินเข้ามาช้า ๆ มือถือชุดใหม่มาด้วย
“ข้าคิดว่าท่านอาจไม่ถนัดใส่ชุดขององค์ชายเลยเตรียมชุดผ้าเบา ๆ ไว้ให้”
หรงอี้เงยหน้ามอง เห็นว่าเจิ้งห่าวใส่ใจมากกว่าที่คิด เขาไม่พูดอะไร แต่ยื่นมือไปรับช้า ๆ
“...ขอบใจนะ” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว
เจิ้งห่าวนั่งลงข้าง ๆ แล้วเปิดห่อผ้าขึ้นมา
“ท่านยังมีบาดแผลจากตอนตกน้ำ ข้า...จะช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้”
“หา!? เดี๋ยว—ไม่ต้องก็ได้มั้ง ข้า...ข้าทำเองได้นะ” หรงอี้เริ่มเขินแบบไม่มีเหตุผล
แต่เจิ้งห่าวไม่พูดอะไร เขาค่อยๆ ยื่นมือมาที่ไหล่ของหรงอี้ สัมผัสนิ่ง ๆ เย็น ๆ แต่มั่นคง
หรงอี้รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแปลก ๆ เวลาอยู่ใกล้คนคนนี้
นิ้วมือหยาบกร้านของเจิ้งห่าวแตะลงบนแผล ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความตั้งใจ
หรงอี้แอบเหลือบมองเจิ้งห่าวหน้าเฉียง ๆ ของจอมพล เขาเพิ่งสังเกตได้ว่า...เจิ้งห่าวหล่อชิบ!!
"เอ่อ...นี่เจ้าดูแลคนแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?"
เจิ้งห่าวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ไม่...เฉพาะคนที่สำคัญ”
“...ห๊ะ?” หรงอี้หน้าเหวอไปสามวิ
เจิ้งห่าวแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าทำแผลต่อ
ในห้องเงียบสนิท เหลือเพียงเสียงหัวใจของหรงอี้ที่เต้นตึกตักไม่หยุด
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร...แต่รู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาดเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
“นี่มันอะไรกันวะเนี่ย...หัวใจกูเป็นเหี้ยอะไร...”
หรงอี้นั่งนิ่ง ปล่อยให้เจิ้งห่าวพันผ้าบนบ่าที่ฟกช้ำอย่างเบามือ
สัมผัสอุ่น ๆ ผ่านเนื้อผ้าทำเอาเขารู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เสียงเดียว...
“ใจเย็น ๆ หรงอี้...มึงชอบผู้หญิงนะโว้ย มึงไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนั้น...”
เขาหันไปมองเจิ้งห่าวที่กำลังม้วนปลายผ้าด้วยท่าทางจริงจังอย่างโคตรหล่อ
“แต่แม่ง...หน้าอย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นผู้หญิงกูก็คงชอบไปแล้วแหละ”
“...เดี๋ยวสิ! ไม่! ไม่! ไม่ใช่!”
หรงอี้สะบัดหัวเบา ๆ เหมือนจะไล่ความคิดตัวเองออกไป
เจิ้งห่าวเงยหน้ามอง “เจ็บหรือเปล่า?”
หรงอี้สะดุ้ง “ห๊ะ!? เอ่อ...เปล่า ไม่ได้เจ็บอะไร...เลย...”
เขารีบหันหน้าหนีแบบคนทำผิด แก้มร้อนวูบจนสัมผัสได้
เจิ้งห่าวคลี่ยิ้มเบา ๆ อย่างที่ไม่เคยยิ้มให้ใคร
หรงอี้เบิกตากว้างในใจ “เฮ้ยยยย อย่ายิ้มแบบนั้นใส่กูดิวะ!” “เสร็จแล้ว” เจิ้งห่าวพูด พร้อมก้มเก็บผ้าพันแผลเก่า
ก่อนจะพูดเบา ๆ ข้างหูหรงอี้ “ถ้าท่านเจ็บอีก...เรียกข้าได้ทุกเวลา”
หรงอี้เหวอไปสามวิ มือกำเสื้อแน่น
“เออ...มึงจะพูดอะไรชวนขนลุกอีกมั้ยวะเนี่ย...”
"ออกไปเถอะ" หลังจากเจิ้งห่าวออกจากห้อง ใจหลงอี้เต้นไม่เป็นจังหวะ " กูจะกลับโลกนั้นยังไงเนี่ย"
"ต้องมาเป็นองค์ชายบ้าๆนี่หรอ แถมอยู่ในสมัยสงครามอีกทำไมไม่เหมือนในละครวะ คนอื่นย้อนยุคไปเป็นนางเอกพระเอกหล่อๆเท่ๆสวยๆ ทำไมกูต้องย้อนยุคมมาเป็นองค์ชายที่ต้องทำศึกสงครามเนี่ย"
บ่ายวันถัดมา ภายในจวนหลวงบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด
ประตูไม้ถูกเปิดอย่างเร่งรีบโดยองครักษ์
“องค์ชาย...คู่หมั้นของท่านมาเยี่ยม!”
หรงอี้ชะงัก “ห๊ะ? คู่หมั้น!? เดี๋ยว...ข้ามีคู่หมั้นเหรอ?”
เจิ้งห่าวที่อยู่ข้าง ๆ ก็ขมวดคิ้วทันที
“เจ้าจำไม่ได้?”
“จำเหี้ยอะไรไม่ได้เลย ข้ายังจำไม่ได้เลยว่าตัวเองชื่ออะไรตอนตื่นขึ้นมา!”
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวดี เสียงฝีเท้าฉับไวก็ดังขึ้น
หญิงสาวในชุดสีขาวงาช้างเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ใบหน้าสวยคม ดวงตาฉายแววอ่อนโยนแต่มั่นคง
“หรงอี้...”
“ข้ามาหาเจ้าแล้ว”
หรงอี้ตาโต “เอ่อ...คุณคือ...?”
หญิงสาวชะงัก รอยยิ้มบนหน้าเลือนลงเล็กน้อย
“ข้าคือ เสวี่ยชิง...คู่หมั้นของเจ้า จำข้าไม่ได้เลยหรือ?”
หรงอี้หัวใจเต้นตุบๆ เพราะเขาไม่รู้จะตอบยังไง
เจิ้งห่าวยืนอยู่ด้านหลัง เหมือนมีพายุหมุนอยู่ในใจแบบเงียบๆ
"คู่หมั้น...เหรอ?"
เสวี่ยชิงพยายามยิ้มให้มั่นคง
“ไม่เป็นไร...หมอหลวงบอกว่าเจ้าความจำเสื่อมชั่วคราว ข้าจะรอวันที่เจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิม”
หรงอี้ยิ้มแห้ง ๆ
“ขะ...ขอบใจนะ แต่ข้าขอเวลาเรียกความจำก่อนก็แล้วกันนะ...”
เจิ้งห่าวแอบหลบสายตา แล้วพูดเสียงเรียบ
“ข้าขอตัว...มีเรื่องต้องไปดูที่ค่าย”
หลังจากเสวี่ยชิงเดินออกไปจากห้อง หรงอี้ยังนั่งคาอยู่บนเตียง สีหน้าเหม่อ ๆ
“คู่หมั้นเรอะ...แล้วทำไมข้ารู้สึกไม่ได้ใจเต้นอะไรเลยวะ?”
มือจับอกตัวเองเบา ๆ
“ใจมึง...อย่าบอกนะว่า...แม่งเต้นตอนอยู่ใกล้จอมพลคนนั้นอะ!?”
เสียงประตูถูกเปิดออกอย่างแรง
เจิ้งห่าว เดินกลับเข้ามา สีหน้าท่าทางดูแข็งกว่าปกติ
“เจ้าคุยอะไรกันนานนัก?”
หรงอี้เงยหน้ามอง “ก็...ไม่ได้คุยอะไรพิเศษ แค่แบบ...เขามาเยี่ยมเฉย ๆ
“เฉย ๆ?” เจิ้งห่าวย้ำคำเสียงต่ำ
หรงอี้รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างจากอากาศรอบตัว
“ก็เออ! เขาแค่เล่าว่าเราเคยหมั้นกัน แล้วแบบ...ดูเหมือนข้ากับเขาจะสนิทกันมากน่ะ แต่...แต่ข้าจำไม่ได้เลยเว้ย!”
“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรแบบโรแมนติกเลยจริง ๆ นะ!”
เจิ้งห่าวขมวดคิ้ว แต่ไม่พูดอะไรตรง ๆ เขาเดินเข้ามาใกล้จนหรงอี้ต้องเอนตัวหนีเล็กน้อยโดยอัตโนมัติ
“แล้วเจ้ารู้สึกอะไร...กับข้าหรือเปล่า?”
“หา!?” หรงอี้แทบสะอึก “มะ...มึงพูดอะไรของมึงวะ!?”
เจิ้งห่าวไม่ได้ตอบ เขาแค่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนหรงอี้รู้สึกได้ถึงลมหายใจอีกฝ่าย
“เพราะข้าเห็นสายตาเจ้าตอนมองข้าเมื่อเช้า...มันไม่เหมือนกับตอนเจ้ามองเสวี่ยชิงเลย”
หรงอี้เหวอไปสามวิ ใจเต้นตึกตัก
“แม่ง...เขาสังเกตด้วยเหรอวะ!?”
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” เจิ้งห่าวถามเสียงนิ่ง ๆ แต่ดวงตากลับจ้องลึกลงมาเหมือนจะอ่านใจ
“ขะ...ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น!!” หรงอี้รีบสะบัดหน้า “อย่ามามองกูแบบนั้น!”
เจิ้งห่าวยิ้มมุมปากนิด ๆ แล้วพูดเสียงเบา
“ข้าไม่ห้ามเจ้าคิดถึงใคร...แต่เจ้าก็ไม่ต้องลืมว่าตอนนี้เจ้ามีข้าอยู่ข้าง ๆ”
หรงอี้หน้าแดงฉ่า
“มึงพูดแบบนี้อีกแล้ว!! อย่ามาพูดจาชวนขนลุกใส่กู!”
เจิ้งห่าวหมุนตัวกลับออกไปเงียบ ๆ ทิ้งหรงอี้ให้ล้มตัวลงบนเตียงแบบหัวใจเต้นไม่หยุด
“เวร...นี่แม่งหึงกูใช่ไหมวะ!? แล้วกู...รู้สึกดีกับมันทำไมวะเนี่ย!?”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!