NovelToon NovelToon

ลมหายใจแห่งคำสาป

คำทำนายในคืนจันทร์แดง

เสียงนกกลางคืนขับขานแข่งกับเสียงจั๊กจั่นในป่าลึก ใต้ร่มไม้ใหญ่ริมลำธาร สาวน้อยคนหนึ่งนั่งตำสมุนไพรอย่างใจเย็น กลิ่นหอมของใบยาขจายไปทั่ว กระท่อมไม้ไผ่หลังน้อยที่เธออาศัยกับยายเทียนคำ ซ่อนอยู่กลางป่าอันเงียบงันมานานหลายปี

แม่อิ่ม วัยสิบเจ็ดปี ผมยาวดำขลับ ดวงตาเศร้าลึกเหมือนมีอะไรซุกซ่อนมาตั้งแต่เกิด ชาวบ้านบอกว่าเธอเป็นลูกผีลูกคน บางคนเชื่อว่าเธอเกิดจากเงาของจันทรา เพราะในคืนที่เธอลืมตาดูโลก จันทร์แดงเปล่งแสงราวจะเผาผืนฟ้า

“อิ่มเอ๋ย...ตำยาดี ๆ นะคืนนี้ สำคัญนัก” เสียงยายเทียนคำพูดเบา ๆ ขณะหยิบใบพลูแห้งจากตะกร้า

“คืนนี้มีคนจะหลงป่าใช่ไหมจ๊ะยาย”

“อื้ม...แต่ไม่ใช่แค่หลงทาง เขาจะหลงใจเอ็งด้วย”

แม่อิ่มนิ่ง ไม่ตอบ ยิ้มจาง ๆ เธอเคยฝันถึงชายคนหนึ่ง ฝันซ้ำ ๆ หลายปี ชายในชุดนักรบ ดวงตาเด็ดเดี่ยวแต่เจือเศร้า… ฝันที่ไม่เคยเลือน

เมื่อแสงจันทร์โผล่พ้นยอดไม้ แสงสีแดงฉานก็สาดลงมายังพื้นดิน แผ่นฟ้ากลายเป็นสีเลือด

และในค่ำคืนนั้นเอง —

เสียงฝีเท้าดังกรอบแกรบจากพงหญ้า ชายร่างสูง เสื้อผ้าเปื้อนดิน ท่าทางเหนื่อยล้า ก้าวโผล่ออกมาจากเงามืด

“เจ้า...เห็นค่ายทหารแถวนี้ไหม?” น้ำเสียงเหนื่อยหอบ

แม่อิ่มมองสบตาเขา — ใช่ เขาคือชายในความฝัน

“ท่านมาผิดทางแล้ว...แต่ไม่ต้องกลัว ที่นี่ปลอดภัย”

เขาชื่อ ขุนเพชร ทหารเอกจากกรุงศรี ที่กำลังตามล่ากองโจรชายแดน แต่กลับหลงป่าเพราะหมอกประหลาดสีเทาขาว

สองคนต่างวางใจลงทีละน้อย แม่อิ่มนำยามาให้ ขุนเพชรเล่าเรื่องราวการศึก และเขายังไม่รู้เลยว่าในคืนนี้...

ยายเทียนคำจุดธูปหน้ารูปพระเสื้อเมือง พร้อมเอ่ยเสียงเบาราวลม

“จันทราแดง...เจ้าเป็นพยานเถิด

หากดวงใจแห่งฟ้าได้พบรัก

ชีวิตใครผู้หนึ่ง...จะต้องสังเวย

เพื่อความสมบูรณ์ของคำทำนาย…”

ขุนเพชรนั่งอยู่ริมกองไฟ แม่อิ่มเงยหน้ามองจันทร์สีเลือดในฟากฟ้า

ลมเย็นพัดแผ่ว...

ค่ำคืนแห่งคำทำนาย ได้เริ่มขึ้นแล้ว

จากคืนจันทร์แดง ขุนเพชรตัดสินใจพักรักษาตัวอยู่กับแม่อิ่มอีกสองคืน ความรู้สึกอันแปลกประหลาดคล้ายเส้นใยบาง ๆ เชื่อมใจทั้งสองไว้ แม้เพิ่งรู้จักกัน แต่เหมือนมีบางอย่างในอดีตชาติซ่อนอยู่เบื้องหลังสายตานั้น

แม่อิ่มรู้สึกถึงบางสิ่งในตัวเธอกำลังตื่นขึ้น—ทุกครั้งที่เธอหลับตา เธอได้ยินเสียงกระซิบจากต้นไม้ เสียงคร่ำครวญจากแผ่นดิน เสียงร้องไห้ของหญิงสาวโบราณผู้หนึ่ง

คืนหนึ่ง ขุนเพชรสะดุ้งตื่นเพราะเสียงฝันร้าย เขาเห็นภาพตัวเองถูกแทงกลางสนามรบ เลือดไหลริน และเสียงผู้หญิงกรีดร้อง

“เจ้าเคยฝันแบบนี้บ่อยไหม?” แม่อิ่มถามขณะต้มยาสมุนไพรให้

“เพิ่งเกิดขึ้นหลังข้าเจอเจ้า...” เขาจ้องตาเธอแน่นิ่ง

ในใจของแม่อิ่มเริ่มหวาดหวั่น พลังบางอย่างกำลังแผ่ขยายในตัวเธอ เธอจึงตัดสินใจพาเขาไปที่ "รากไม้ศักดิ์สิทธิ์"—สถานที่ที่ยายเทียนคำห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด แต่เธอรู้ดีว่า ที่นั่นคือจุดเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ

ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรากพันกันเป็นโพรงลึก เธอวางมือบนเปลือกรากและหลับตา

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูเธอทันที

“หากเจ้ารัก...เขาจะต้องตาย

หากเจ้าหนี...เจ้าจะต้องกลายเป็นวิญญาณ

เจ้าคือดวงใจแห่งคำสาป

เขาคือเลือดแห่งดาบพิฆาตฟ้า”

แม่อิ่มทรุดลงกับพื้น เลือดไหลจากจมูก เธอกรีดร้อง

ขุนเพชรเข้ามาประคอง แต่ทันทีที่มือเขาสัมผัสรากไม้ พื้นดินก็สั่นสะเทือน

แสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้นจากดิน เผยให้เห็นสัญลักษณ์เวทมนตร์โบราณเป็นวงกลมรอบร่างของทั้งคู่

ม่านภาพปรากฏขึ้นกลางอากาศ—เป็นภาพในอดีตชาติของแม่อิ่ม และขุนเพชรในชุดนักรบโบราณ…เขาถูกฆ่าบูชายัญต่อหน้าต่อตาเธอ

เมื่อภาพจางลง แม่อิ่มมองขุนเพชร น้ำตาเอ่อคลอ

“เราหนีไม่ได้...” เธอกระซิบ

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“เราถูกผูกไว้กับคำสาปโบราณ…ข้าเห็นมัน ข้าเห็นเจ้า…ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

ขุนเพชรจับมือเธอแน่น

“ถ้าโชคชะตาจะฆ่าข้าเพราะข้ารักเจ้า งั้นข้าก็จะยอมตายเพื่อเจ้าอีกพันครั้ง”

คำพูดของเขาทำให้บางอย่างในอากาศอุ่นขึ้น—แต่ในความอ่อนหวานนั้น มีเงามืดคอยแผ่เงาใกล้เข้ามา

ยายเทียนคำที่แอบตามมา ยืนเงียบ ๆ ห่างออกไปใต้เงาไม้ ใบหน้าเคร่งเครียด เอ่ยเบา ๆ กับตนเอง

“เขาเลือกแล้ว...

พันธะเวทได้ถูกปลุกตื่น

เหลือเพียงเวลา...ก่อนเงาจะกลืนทั้งสองดวงใจ…”

เลือดบนผืนผ้าไหม

รุ่งเช้าหลังคืนรากไม้ศักดิ์สิทธิ์ ขุนเพชรกลับสู่กรุงศรีอยุธยาตามคำสั่งราชการ โดยมีแม่อิ่มติดตามไปด้วย แม้ใจยังผูกพันกับป่าและยายเทียนคำ แต่แม่อิ่มรู้ดี หากจะปกป้องขุนเพชร—เธอจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับโชคชะตา

กรุงศรีในยามรุ่งเรืองนั้นยิ่งใหญ่โอ่อ่า วังหลวงงดงามราวภาพวาด แต่ภายใต้แสงทองคำก็มีเงามืดซ่อนอยู่ ขุนเพชรได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทัพหนุ่มไฟแรง ผู้มีทั้งศัตรูในสนามรบ และในหมู่ขุนนางที่ริษยา

แม่อิ่มอยู่ในเรือนพักนอกวัง แต่ข่าวลือเรื่องหญิงสาวลึกลับจากป่า ผู้ที่มาพร้อมขุนเพชร เริ่มแพร่สะพัดในหมู่ข้าราชการ

“นางเป็นหมอผีหรือเปล่า?”

“ข้าได้ยินว่านางสื่อสารกับผีได้”

“ถ้าขุนเพชรตกอยู่ในอำนาจเวทมนตร์...พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง”

หนึ่งในคนที่เฝ้ามองเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คือ เจ้าพระยารัตนะ ขุนนางใหญ่ผู้มีอำนาจในราชสำนัก เขาเห็นพลังของแม่อิ่มในพิธีบูชาไม้ศักดิ์สิทธิ์โดยบังเอิญ และคิดจะใช้พลังนั้นเพื่อแสวงหาอำนาจเหนือราชา

เขาเชิญแม่อิ่มไปร่วมพิธีกรรมโบราณในศาลใต้ดินอันเก่าแก่โดยอ้างว่าเพื่อ “รักษาคนเจ็บ”

แม่อิ่มลังเล แต่ถูกลวงไปโดยไม่รู้ตัว

ในศาลนั้น พิธีถูกเปลี่ยนจากการรักษา เป็นการ “เปิดผนึกเวทพันธะ” โดยใช้เลือดของเธอเป็นเครื่องสังเวย

เสียงคาถาโบราณดังระงม กำแพงศาลสั่นสะเทือน พลังจากรากคำสาปถูกเรียกขึ้นอีกครั้ง

แม่อิ่มพยายามหนี แต่ไม่ทัน เธอถูกบังคับให้ปล่อยพลังเวทออกมา จนสายเลือดเธอกลายเป็นสีทอง พ่นออกจากปากบาดแผลกลางอก เปรอะเปื้อนผืนผ้าไหมที่ใช้คลุมแท่นพิธี

เสียงร้องของแม่อิ่มดังก้องไปถึงหูของขุนเพชรที่กำลังฝึกทหาร เขาทิ้งทุกอย่างและรีบออกตามหาเธอ แต่ช้าไป...

เมื่อไปถึง เขาพบเพียง ผืนผ้าไหมสีเลือดทอง วางอยู่ตรงกลางศาล กับรอยเลือดที่ยังสดบนพื้นหิน

ไม่มีร่างของแม่อิ่ม ไม่มีเสียง ไม่มีลมหายใจ...

เขากรีดร้อง ราวกับหัวใจถูกฉีกขาด

ขุนเพชรเก็บผ้าไหมนั้นแนบอก ก่อนเงยหน้ามองฟ้าและประกาศกับตนเอง

“หากเจ้าตายด้วยมือผู้ใด...ข้าจะชำระเลือดของมันด้วยทั้งชีวิตที่ข้ามี”

และที่ไกลออกไป ในเงามืดใต้แผ่นดิน

แม่อิ่ม…ยังไม่ตาย

แต่เธอไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

รักในรอยแค้นและวาระสุดท้าย

แม่อิ่มฟื้นขึ้นในความมืด ลมหายใจตื้นราวถูกดูดกลืน เธออยู่ในถ้ำลึกใต้พิธีศาล ไม่รู้ว่ากี่วันกี่คืน พลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายไม่ใช่ของเธออีกต่อไป

เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัว — เสียงของ “ผีหญิงเฝ้าราก” ผู้เคยถูกสังเวยในพิธีโบราณหลายร้อยปีก่อน เธอสิงสู่ในร่างแม่อิ่ม และแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับเธอ

“เจ้าอยากมีชีวิตใช่ไหม... จงยกหัวใจให้ข้า ข้าจะให้พลัง แต่เจ้าจะต้องจบเรื่องราวนี้แทนข้า”

แม่อิ่มจำใจยอม — เพื่อกลับไปหาขุนเพชร และเพื่อล้างแค้นผู้ที่ทำลายเธอ

เธอออกจากถ้ำได้ในคืนเดือนดับ เดินทางเงียบ ๆ กลับกรุงศรี เปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนาม กลายเป็นหญิงผู้มี “เวทสาป” ที่ทุกคนกลัวและนับถือในเวลาเดียวกัน

ขุนเพชรในเวลานั้น กลายเป็นนักรบเลือดเย็น เขาฆ่าเจ้าพระยารัตนะต่อหน้าราชสำนัก โดยไม่มีความกลัวตาย — ถูกปลดจากยศ ติดคุก แต่รอดเพราะเจ้าเหนือหัวทรงเห็นแก่ความกล้าหาญในอดีต

เขาหายตัวจากเมืองหลวงไปอยู่ชายป่าในวัดร้าง ไม่แตะอาวุธอีกเลย ใช้ชีวิตสงบ...แต่เศร้า รอวันได้ไถ่บาป

จนคืนหนึ่ง ในวัดร้าง

มีหญิงคนหนึ่งปรากฏตัวใต้แสงเทียน

เธอสวมผ้าคลุมหน้าสีเทา

พูดด้วยเสียงที่เขาไม่มีวันลืม

“เพชร... เจ้าลืมเสียงข้าหรือยัง?”

มือเขาสั่น

ใจเขาเต้นแรง

แต่มองไม่เห็นตาเธอ

“อิ่ม...?”

หญิงตรงหน้าไม่ตอบ

แต่ปลดผ้าคลุม เผยรอยแผลที่กลางอก รอยที่เคยหลั่งเลือดลงผืนผ้าไหม

ขุนเพชรคุกเข่า

ร้องไห้ไม่ออก

เขากอดเธอไว้แน่น

แต่ในใจแม่อิ่ม — รอยแค้นยังเดือด

เธอรู้ว่าเขา...ก็มีส่วนที่พาเธอเข้าสู่เส้นทางแห่งความพินาศ แม้ไม่ตั้งใจ

คืนนั้น

ทั้งคู่รักกันอีกครั้ง

แต่ไม่ใช่รักบริสุทธิ์เช่นเดิม

เป็น “รักที่มีรอยแค้นเจือปน”

เป็นรักที่รู้ดีว่าจะไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน

และเมื่อฟ้าสาง

แม่อิ่มจากไปเงียบ ๆ

เหลือเพียงกลิ่นผ้าซิ่นเก่าที่หอมชื้นน้ำตา และรอยฝันที่ขุนเพชรไม่มีวันลืม

หลายเดือนผ่านไปหลังจากค่ำคืนสุดท้ายในวัดร้าง ขุนเพชรหายสาบสูญจากทุกสายตา ไม่มีใครรู้ว่าเขายังอยู่ที่ใด บางคนร่ำลือว่าเขาบวช บางคนว่าเขาตายด้วยพิษรัก...แต่ความจริงคือ เขายังเฝ้ารอ

แม่อิ่ม กลับไปยังศาลลับใต้ดินเพื่อทำพิธีสุดท้ายของคำสาป — พิธีที่จะปลดปล่อยวิญญาณ “ผีหญิงเฝ้าราก” และชำระเวทในร่างของตนให้หมดสิ้น

พิธีนี้ต้องใช้ “หัวใจของคนที่เธอรัก” เป็นเครื่องสังเวย

แม่อิ่มลังเล ระหว่างสองทาง

หนึ่งคือ การปลดปล่อยตนเอง

อีกทาง คือ การรักษาขุนเพชรไว้ให้มีลมหายใจต่อไป

เสียงของผีหญิงกระซิบ...

> “เจ้ารักเขาจริงหรือไม่... ถ้าใช่ จงให้ข้าเถอะ ข้าจะตายแทนเจ้า ให้เจ้าได้อยู่คู่เขา”

แม่อิ่มน้ำตาไหล... แต่เธอรู้ว่าความรักที่แท้จริงไม่ใช่การยื้อให้ใครอยู่ แต่คือการ “ให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขา”

เธอเงยหน้าขึ้น เผชิญหน้ากับวิญญาณผีหญิง และพูดว่า:

“ข้าไม่อาจให้หัวใจเขาเจ้าได้... แต่หากข้าต้องเป็นผู้แบกเวทนี้จนตาย ข้าก็จะยอม — เพราะนั่นคือรักแท้ของข้า”

เมื่อสิ้นคำ เวทมนตร์แปรเปลี่ยน

สายฟ้าฟาดลงกลางศาล ศิลาแตกกระจาย

ผีหญิงร้องโหยหวน ก่อนสลายไปกับแสงรุ่งเช้า

แม่อิ่มสิ้นสติ ร่างกายอ่อนแรง

พลังในกายสูญสิ้น แต่เวทก็หลุดจากคำสาป

เธอกลับมาที่วัดร้างในวันสุดท้ายของชีวิต

แสงแดดเย็นตกกระทบเรือนไม้

ขุนเพชรเดินออกมาช้า ๆ ในชุดผ้าขาวเก่า เขาเฝ้ารอเธอทุกวัน และรู้ว่าเธอจะกลับมา

เธอยิ้ม

เขารับร่างเธอไว้ในอ้อมแขน

แม้ร่างนั้นจะไร้พลัง ไร้เวท ไร้วันพรุ่งนี้

แต่หัวใจของเขา ก็ยังเต้นอยู่กับเธอ

“อิ่ม... กลับมาแล้วใช่ไหม”

เธอพยักหน้า

และสิ้นลมหายใจในอ้อมแขนของเขา

ใต้แสงแดดสุดท้ายของวันนั้น

ขุนเพชรฝังเธอไว้ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยพาเธอไป

วางผ้าไหมสีเลือดทองทับไว้แทนคำลา

จากนั้น...เขาไม่ปรากฏตัวอีกเลย

เหลือเพียงตำนานของหญิงชายสองคน

ผู้รักกันแม้ในห้วงคำสาป

และเลือกจะ “ให้อภัย” แทนที่จะ “แก้แค้น”

 

จบบริบูรณ์

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!