เสียงกระดิ่งลมเบา ๆ ดังแว่วมาจากไกลโพ้น คล้ายจะปลุกสติของฉันจากความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด
ลมหายใจอุ่น ๆ ติดขัดในลำคอ กลิ่นไม้เก่าผสมเทียนไขลอยมาแตะปลายจมูกอย่างแผ่วเบา ฉันค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ทั้งที่หัวหนักราวมีหินก้อนใหญ่ถ่วงไว้
“ท่านเซดริก! ท่านตื่นแล้ว!”
เสียงผู้หญิงดังขึ้นข้างเตียง ก่อนจะมีร่างหนึ่งโน้มตัวเข้ามาในสายตา หญิงสาวในชุดแม่บ้านทรุดตัวลงข้างเตียง ดวงตาแดงก่ำแต่เต็มไปด้วยความดีใจ
เซดริก? ใครคือเซดริก? ฉันยังไม่ตายงั้นเหรอ…
หัวสมองยังสับสน แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ…นี่ไม่ใช่ห้องของฉัน
เพดานไม้เก่า ผ้าม่านลูกไม้ซีดจาง หน้าต่างบานไม้สูงติดกระจกสีขุ่น ประตูไม้หนาที่ยังมีลายแกะสลักหลงเหลือจากวันวาน
มันเหมือนฉันหลุดเข้ามาในฉากละครย้อนยุคหรือเกม RPG มากกว่าจะยังอยู่ในโรงพยาบาล
“ข้า…ตายแล้วเหรอ?” ฉันพึมพำเบา ๆ เสียงตัวเองฟังดูแหบแห้งและแปลกหู
มือเรียวยกขึ้นแตะใบหน้า มันไม่ใช่มือของฉัน—ผิวขาวจัด ปลายนิ้วเรียวยาวกว่าที่ควรจะเป็น
“ตายที่ไหนกันเจ้าคะ! ท่านแค่ตกจากม้าระหว่างทางกลับคฤหาสน์ ท่านพ่อแทบขาดใจ!”
สาวใช้รีบบอกเสียงสั่น แต่สิ่งที่ฉันจับใจความได้กลับมีเพียง…
‘ตกจากม้า’ ‘คฤหาสน์’ ‘ท่านพ่อ’—โอเค เรากำลังย้อนยุคเต็มตัว’
ฉันกลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนจะถามเสียงเรียบ, “ข้าคือ…เซดริก?”
“เจ้าค่ะ! เซดริก เดอ ฟาเรนซ์ บุตรชายคนรองของลอร์ดเกรเกอร์!”
หญิงสาวพูดเร็วเป็นชุด สีหน้าทั้งดีใจทั้งเป็นห่วง “พวกเรากลัวว่าจะไม่ตื่นอีกแล้ว…ท่านนอนมาสามวันเต็ม ๆ”
บุตรชายขุนนาง? คฤหาสน์? ยุคกลาง?
แค่ยังหายใจอยู่ก็พอจะโล่งใจ แต่ชีวิตที่สองของฉันนี่ดูไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก
“แล้ว…ตอนนี้ที่นี่คือที่ไหน?” ฉันลองถามอีกครั้ง
“คฤหาสน์เดอ ฟาเรนซ์ ใกล้ชายแดนทางตะวันตกเจ้าค่ะ”
เธอยิ้มบาง ๆ “ข้าเป็นเมลลิน คนดูแลห้องท่าน หากท่านต้องการอะไรขอเพียงบอก—แต่ตอนนี้ ท่านพ่อกำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่”
ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง เสียงเสื้อผ้าแบบโบราณกรอบแกรบไปกับการขยับตัว ชุดนอนสีขาวผ้าฝ้ายมีปกตั้งดูเหมือนจะไม่ซักมานานแล้วด้วยซ้ำ
ร่างนี้ชื่อเซดริก เดอ ฟาเรนซ์ บุตรชายขุนนางที่ตกจากม้า
และฉัน… ต้องอยู่ในร่างเขาต่อจากนี้
…ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ งั้นขอแค่มีข้าวกิน มีหลังคาคลุมหัว ฉันก็อยู่ได้
แต่แล้วเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่ดังขึ้นจากทางเดินหน้าห้องก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงเคาะประตูแรง ๆ จนฉันสะดุ้ง
“เซดริก! เจ้าตื่นแล้วหรือยัง!?” เสียงทุ้มต่ำฟังดูไม่พอใจนัก
ประตูเปิดออกก่อนที่ฉันจะตอบเสียด้วยซ้ำ
ชายวัยกลางคนในชุดขุนนางสีซีดเข้ามาอย่างร้อนรน หน้าผากมีรอยเหี่ยวย่นจากความเครียด หัวหงอกแซมดำ ดวงตาเข้มเต็มไปด้วยความกังวล
เขาคือ ‘พ่อ’ ของร่างนี้—ลอร์ดเกรเกอร์ เดอ ฟาเรนซ์
“พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเจ้า…ด่วนมาก”
เขากอดอกมองฉันขึ้น ๆ ลง ๆ ก่อนถอนหายใจ
“เซดริก เราไม่มีทางเลือกอีกแล้ว—เราต้องแต่งเจ้าออกไป”
…หา?
“แต่งงาน? ข้าพึ่งฟื้นนะ!” ฉันร้องเสียงหลง
“มันคือทางรอดทางเดียวของบ้านเรา!” พ่อขมวดคิ้ว “หนี้สินที่พี่ชายเจ้าทิ้งไว้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าใช้เวลาสามเดือนหาคู่ครองที่ ‘ยอม’ รับเจ้ามาได้…และข่าวดีก็คือ พวกเขารวย รวยมากพอจะจ่ายหนี้ทั้งหมดให้เรา”
ฉันแทบจะอยากกลับไปตายซ้ำอีกครั้ง
“แล้ว…พวกเขาคือใคร?” ฉันพยายามถามอย่างใจเย็น
พ่อมองฉันด้วยแววตาอึดอัด ก่อนจะพูดคำที่ทำให้หลังฉันเย็นวาบ
“ดยุกแห่งลอร์เวล—อาเธอร์ ลอร์เวล”
…
ดยุกเหรอ? แล้วเขายอมแต่งกับลูกขุนนางใกล้ล้มละลายแบบนี้ทำไม? หรือเขามีแผนอะไร?
ฉันยืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มบาง ๆ
“ข้าจะยอมแต่งงาน…” ฉันพูดช้า ๆ “ถ้าพ่อสัญญาว่าจะไม่ขายข้าทิ้งหลังจากนั้น”
ลอร์ดเกรเกอร์นิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“ถ้าเจ้าช่วยบ้านเราให้รอด ข้าจะปกป้องเจ้าจนวันตาย”
…
กลิ่นอายของน้ำหอมจาง ๆ ลอยปะทะปลายจมูกเมื่อประตูไม้บานใหญ่ถูกผลักเปิดออก
“ดยุกลอร์เวลรอท่านอยู่ข้างใน”
เสียงพ่อบ้านของตระกูลเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะก้าวถอยไปด้านข้าง เซดริกกลั้นหายใจชั่วครู่ ก้าวเข้าไปในห้องรับรองกว้างขวาง รู้สึกเหมือนตนเองกำลังก้าวเข้าสู่ลานประลองมากกว่าห้องเจรจาแต่งงาน
ชายที่นั่งอยู่กลางห้อง…
ชายที่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกลากมาโลกนี้อย่างปริศนา…
ชายที่พ่อของเซดริกยืนยันหนักแน่นว่า “หากไม่แต่งงานกับเขา บ้านเราจะพังพินาศแน่”
เขาคือ… ดยุกอาเธอร์ ลอร์เวล
⸻
ชายหนุ่มผู้นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักสูง ดวงตาคมสีเทาเข้มเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียว แล้วเบือนกลับไปจิบไวน์ในมือ
“เจ้าคือ…บุตรชายคนเล็กของตระกูลฟาเรนซ์?”
น้ำเสียงเย็นเยียบ ไม่สูง ไม่ต่ำ แต่น้ำหนักในถ้อยคำหนักกว่าค้อนเหล็ก
เซดริกสูดหายใจลึก พยายามควบคุมการเต้นของหัวใจ ก่อนจะประสานมือไว้ที่อกและโค้งศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท
“ขอรับ ดยุกลอร์เวล”
อาเธอร์วางแก้วไวน์ลง ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าของเขา เหมือนมองอะไรบางอย่างที่กำลังจะประเมินราคา
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่สร้างปัญหาให้ข้า…เช่นเดียวกับคนก่อน ๆ”
คำพูดนั้นเจือความหมายบางอย่าง และเซดริกรู้สึกเหมือนอุณหภูมิในห้องลดต่ำลง
“คนก่อน ๆ?” เขาเลิกคิ้ว แสร้งไม่เข้าใจ
ดยุกไม่ตอบในทันที ดวงตาสีหมอกจับจ้องเขานิ่ง ๆ ก่อนพูดอย่างราบเรียบ
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีอดีตอย่างไร หรือเคยใช้ชีวิตเหลวแหลกแบบไหนมาก่อน ข้าต้องการแค่การแต่งงานในนาม เพื่อปิดปากพวกขุนนางโง่เง่าในวังเท่านั้น”
เซดริกหัวเราะเบา ๆ
เขาเคยเจอนายจ้างเย็นชาในโลกเดิมมาแล้ว แต่ดยุกลอร์เวลคนนี้…เย็นจนเกือบเป็นน้ำแข็ง
“ข้าก็หวังแบบเดียวกันนะขอรับ” เซดริกตอบกลับอย่างสุภาพแต่ไม่ยอมอ่อน “ถ้าการแต่งงานครั้งนี้ช่วยกอบกู้บ้านข้าได้ และช่วยปิดปากคนในวังให้กับท่านได้ เราก็ต่างได้ผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ?”
แวบหนึ่ง…เซดริกเห็นมุมปากของดยุกกระตุกเล็กน้อย ราวกับประหลาดใจที่เขาไม่ยอมก้มหัวหรือลนลานเหมือนบุตรขุนนางคนอื่น ๆ
“…งั้นเราจะตกลงกันตรงนี้”
อาเธอร์หยิบเอกสารขึ้นมาหนึ่งฉบับ พร้อมผลักมันมาตรงหน้าเซดริก
“สัญญาการแต่งงาน – เจ้าจะต้องย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์ของข้า มีสถานะเป็น ‘คู่สมรส’ อย่างเป็นทางการ แต่ไม่จำเป็นต้องนอนห้องเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ใด ๆ หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ จะได้รับเงินรายเดือนจากข้า และหากผ่านไปหนึ่งปีโดยไม่มีปัญหาอะไร เจ้าจะได้รับอิสระ พร้อมเงินก้อนหนึ่ง”
“…เหมือนการซื้อทาสเลยนะขอรับ”
เซดริกเงยหน้ามองเขาตรง ๆ ดวงตาสีเขียวมรกตเจือแววขบขันและท้าทาย
“ท่านไม่กลัวหรือว่าข้าจะสร้างเรื่องอื้อฉาว?”
อาเธอร์เพียงกระตุกยิ้มมุมปาก คล้ายเหยียดเล็ก ๆ
“ข้าจัดการได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของหัวใจ เพราะข้าไม่มีมันแล้ว”
…คำพูดนั้น ทำเอาเซดริกนิ่งไปชั่ววูบ
เขาจ้องใบหน้าของดยุกอย่างตั้งใจขึ้นอีกนิด
ไม่ใช่เพราะหลงใหลอะไรหรอกนะ แต่คำพูดแบบนั้น มันไม่ต่างจากบทพูดในละครเกรดบีที่เขาเคยดูเลย
“งั้นข้าจะเป็นคนทดสอบดู ว่าท่านไม่มีหัวใจจริง ๆ หรือแค่กลัวจะถูกมันทำร้ายอีกครั้ง”
อาเธอร์เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างจับสังเกต
“…ข้าจะรอดู”
⸻
หลังจากเซ็นสัญญาและพูดคุยเรื่องพิธีการเบื้องต้นเสร็จ เซดริกถูกพ่อบ้านนำไปชมที่พักชั่วคราวในคฤหาสน์
เขาเดินผ่านโถงยาวที่ประดับด้วยภาพวาดเก่าแก่ พรมสีแดงเลือดหมู และชุดเกราะวาววับ
แม้จะหรูหรา แต่ทุกอย่างให้ความรู้สึกหนาวเย็น ราวกับไม่มีชีวิต
“คฤหาสน์นี่เงียบจริง ๆ เลยนะ” เขาเอ่ยเบา ๆ กับพ่อบ้าน
พ่อบ้านชะงัก ก่อนตอบอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ท่านดยุกไม่ชอบความวุ่นวาย ผู้ที่ส่งเสียงดังโดยไม่จำเป็น…มักไม่ได้อยู่ต่อ”
เซดริกยิ้มขื่นๆ “ข้าควรเริ่มฝึกเดินแบบไร้เสียงสินะ”
⸻
คืนนั้น เซดริกนอนจ้องเพดานไม้เหนือศีรษะ พลางถอนหายใจ
‘นี่เรากำลังอยู่ในชีวิตของคนอื่น…ในโลกที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีกาแฟ…แต่มีดยุกเจ้าระเบียบหน้าโหดหนึ่งคน’
เขาไม่รู้ว่าฟ้ากำลังเล่นตลกอะไร แต่ในเมื่อตายไปแล้ว ได้เกิดใหม่มาในร่างคนที่ต้องแต่งงานกับชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดินแบบนี้…
…ก็ต้องเล่นให้สุดล่ะนะ
“เจ้าดยุกเย็นชานั่น… ข้าจะทำให้หัวใจเจ้ากลับมาเต้นอีกครั้งเอง”
เขาหรี่ตา ยิ้มมุมปากคนเดียวกลางห้องเงียบ ๆ
เกม…เพิ่งเริ่มต้น
บรรยากาศในคฤหาสน์ลอร์เวลเต็มไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางผ้ากำมะหยี่สีเข้ม พรมแดง และแชนเดอเลียร์คริสตัลที่ระยิบระยับ เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยเบา ๆ ก้องอยู่ในห้องโถงกว้าง
เซดริกยืนอยู่ท่ามกลางเสื้อผ้าหรูหรา ชุดคลุมกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มประดับด้วยลวดลายสีเงินดูสง่างาม แต่เขากลับรู้สึกหนักใจ เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้คือวันงานหมั้นอย่างเป็นทางการ
“นี่คือโอกาสเดียวที่จะกอบกู้บ้านฟาเรนซ์” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางจับปลายผ้าคลุมแน่นขึ้น
เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
“ท่านเซดริก…เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้จะมีแขกสำคัญมากมายที่มาร่วมงาน”
เป็นเสียงของพ่อบ้านที่เคยดูแลเขาตั้งแต่ย้ายมา
“ขอบคุณครับ” เซดริกพยักหน้าอย่างสุภาพ
⸻
เช้าวันรุ่งขึ้น
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆหม่น มีลมหนาวพัดผ่านใบไม้ที่เริ่มเปลี่ยนสี ดอกไม้ในสวนถูกตกแต่งอย่างประณีต เหมือนฉากในภาพวาดชั้นสูง
แขกผู้มีเกียรติทยอยกันเข้ามา สวมชุดสวยงาม ผู้หญิงบางคนประดับเครื่องประดับมุกและเพชร ส่วนชายหนุ่มก็ดูสง่างามในชุดคลุมและเครื่องหมายตระกูล
เซดริกถูกพาไปยืนข้าง ๆ ดยุกอาเธอร์
ชายหนุ่มผู้นั้นดูสงบเสงี่ยม ราวกับลมหนาวที่พัดผ่านผ้าม่านบาง ๆ
เสียงดนตรีบรรเลงขึ้น และเจ้าหน้าที่ประกาศให้เริ่มพิธี
⸻
“ข้าขอประกาศว่า การหมั้นหมายระหว่างเซดริกแห่งฟาเรนซ์ และดยุกอาเธอร์แห่งลอร์เวล ได้เริ่มต้นขึ้น”
เสียงเจ้าหน้าที่ดังขึ้นทุกคำ ทำให้บรรยากาศตึงเครียด
ดวงตาของเซดริกสบกับดวงตาของอาเธอร์
ทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตา
ไม่มีคำพูดใด ๆ ที่ออกมา
แต่ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจ
⸻
หลังงานหมั้น
เซดริกนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัว ดวงตาเงียบสงบแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ
“ข้าจะไม่ยอมแพ้” เขากระซิบกับตัวเอง
“ถ้าจะต้องเป็นสามีในนาม…ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้…ข้าจะทำให้ท่านดยุกใจอ่อนลงสักครั้ง”—
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!