NovelToon NovelToon

กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว

ตอนที่1:กลับคืน

เสียงฝนตกปรอย ๆ กระทบหน้าต่างกระจกของรถยนต์หรูราคาแพง

ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงานในมือ ขณะที่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับพิกัดบนหน้าจอ GPS ที่ไม่มีสัญญาณมาเกือบสิบนาทีแล้ว

“อะไรของมัน…” ธนกรพึมพำกับตัวเอง เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะลดกระจกลงและสูดลมหายใจเข้าปอด

กลิ่นของป่าชื้น ความเงียบที่แทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น และถนนลูกรังที่ดูเหมือนจะทอดยาวเข้าสู่พื้นที่ที่เวลาหยุดเดิน

มันไม่ใช่ที่ที่นักธุรกิจควรมายืนอยู่

แต่นั่นคือจุดหมายปลายทางที่จดหมายปริศนาเขียนไว้ — โรงเรียนเล็ก ๆ ในหมู่บ้านกลางหุบเขา

เขาไม่รู้ว่าใครส่งมา หรือทำไมถึงเรียกเขา

แต่ใจเขาบอกให้มา

มา…แม้ไม่มีเหตุผล

รถหยุดหน้าประตูไม้บานเล็ก ๆ ที่มีป้ายไม้เขียนด้วยลายมือว่า

“โรงเรียนบ้านขุนพลับ”

ไม่มีรั้ว ไม่มีกล้องวงจรปิด

แต่มีเสียงเด็กหัวเราะ เสียงชอล์กขีดบนกระดาน

และเสียงหนึ่ง…ที่เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

ธนกรก้าวเท้าเข้าไปในโรงเรียนที่เงียบสงบราวกับหยุดเวลา

เพียงแค่ย่างก้าวแรก เขาก็ได้พบกับชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบน แขนเสื้อพับขึ้นถึงข้อศอก ผมสีเข้มยุ่งนิดหน่อยตามธรรมชาติ ยืนอยู่ท่ามกลางเด็ก ๆ ที่กำลังวาดภาพใต้ต้นไม้

ชายคนนั้นหันมามองเขา ก่อนจะยิ้มบาง ๆ

“คุณมาช้ากว่าที่คิดไว้หน่อยครับ คุณธนกร”

หัวใจของเขาสะดุดวูบ

เขาไม่เคยบอกชื่อกับใครในจดหมาย

และชายคนนี้…หน้าตาแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้

เขาแน่ใจว่าไม่เคยเจอที่ไหน

แต่ลึกลงไปในใจกลับรู้สึกเหมือนเคยรู้จักมาแสนนาน

“…คุณเป็นใคร”

“ผมชื่อฟาเรน” เขายิ้ม “ครูของที่นี่ครับ”

เพียงเท่านั้น

เหมือนบางอย่างในอกธนกรสั่นสะเทือน

ไม่ใช่เพราะสายฝน ไม่ใช่เพราะอากาศ

แต่เป็นเพราะรอยยิ้มนั้น — รอยยิ้มที่เหมือนเขาเคยเห็นในฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ช่วงเย็นวันนั้น ฟาเรนชงโกโก้ร้อนให้เขานั่งจิบในห้องพักครูเล็ก ๆ

มีเพียงพัดลมเพดานเก่า ๆ กับกลิ่นไม้และหนังสือที่ซ้อนอยู่บนชั้น

“คุณรู้จักผมได้ยังไง” ธนกรเอ่ยขึ้นขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง

“คุณเคยอยู่ที่นี่มาก่อน”

“ไม่เคย”

“ในชาตินี้…อาจจะไม่”

ธนกรนิ่งงัน

ฟาเรนหันมาสบตาเขา ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้

“ผมเชื่อว่าเวลาไม่ได้เดินตรงเสมอไป” ฟาเรนเอ่ยเสียงนุ่ม “บางครั้ง...มันก็ย้อนกลับมาให้เราได้แก้ไขสิ่งที่เราเคยทำพลาด”

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”

ฟาเรนวางถ้วยในมือลงแล้วหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ จากลิ้นชัก

ภายในกล่องนั้นมีสร้อยลูกปัดแฮนด์เมดเส้นหนึ่ง ขาดไปครึ่งหนึ่ง

ธนกรเบิกตาเล็กน้อย

เขาเคยฝันถึงสร้อยเส้นนี้…ฝันมาเป็นปีๆ

“นี่…”

“ผมให้มันกับคุณ เมื่อร้อยกว่าปีก่อน” ฟาเรนพูดอย่างสงบ “แต่คุณตายก่อนจะคืนมันให้ผม”

ทุกคำพูดของฟาเรนฟังดูบ้าบอสำหรับคนทั่วไป

แต่กับธนกร…

มันกลับปลุกบางสิ่งในใจให้ตื่นขึ้น

ภาพเลือนรางฉายซ้อนในหัว

ต้นไม้ใหญ่กลางทุ่ง

เสียงหัวเราะสองเสียง

และรอยยิ้มที่เขารู้สึกว่า…อบอุ่นที่สุดในชีวิต

คืนวันนั้นเขานอนไม่หลับ

นั่งมองแสงจันทร์ลอดหน้าต่างไม้เก่า

เขาไม่เชื่อเรื่องอดีตชาติ ไม่เคยเชื่อ

แต่เขาเชื่อในสิ่งที่ใจรู้สึก

ในความเงียบสงัด

เขาหยิบสร้อยลูกปัดเส้นนั้นขึ้นมา

และเมื่อเขาจับมันไว้แน่น

ภาพหนึ่งแวบเข้ามาในหัว — เด็กหนุ่มสองคน

คนหนึ่งยื่นสร้อยให้ อีกคนรับไว้ด้วยรอยยิ้มแสนอาย

“เราให้ของขวัญเจ้า”

“แล้ววันหนึ่ง เจ้าคืนมันให้เราด้วยหัวใจของเจ้าเอง”

เสียงนั้น…คือเสียงของฟาเรน

และเขาคือคนที่รับสร้อยเส้นนั้นไว้ในมือ

เช้าวันรุ่งขึ้น ฟาเรนยืนรอเขาอยู่หน้าห้องพัก

“คุณจำอะไรได้บ้างหรือยัง”

“ไม่แน่ใจ…” ธนกรพูดช้า ๆ “แต่ผมอยากอยู่ต่ออีกหน่อย”

“ตามสบายเลยครับ ห้องครูข้างๆ ว่างอยู่นะ” ฟาเรนยิ้ม

“คุณทำแบบนี้กับแขกทุกคนหรือเปล่า?” ธนกรถามขำๆ

“ไม่หรอกครับ” เขาตอบเรียบๆ “เพราะคุณไม่ใช่แค่แขก…”

ฟาเรนสบตาเขานิ่ง แล้วพูดเบาๆ ว่า

“คุณคือคนที่เรารออยู่...มาเนินนาน"

ตอนที่2:เสียงของอดีต

ฝนหยุดตกในเช้าวันต่อมาท้องฟ้าเหนือขุนเขาเปิดโล่ง เสียงนกป่าร้องรับแสงแดดแรกหลังคืนฝน

ธนกรยืนอยู่หน้าระเบียงไม้ของบ้านพักครูชั่วคราวในโรงเรียน

กาแฟอุ่นในมือยังคงปล่อยไอขึ้นเบา ๆ แต่ในอกเขา...กลับอุ่นกว่า

เมื่อคืนนี้เขาฝัน

ฝันถึงสนามหญ้าเขียวที่ไม่มีอยู่ในความทรงจำใดของชีวิตนี้

ฝันถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ “ฟาเรน” ยื่นสร้อยลูกปัดมาให้

และตัวเขาในฝัน...กลับยิ้มกว้างรับมันไว้ในมือ พร้อมสัญญาอะไรบางอย่างที่ลืมไปนานแล้ว

เขาสะบัดหัวเบา ๆ เหมือนไม่อยากยอมรับว่ากำลังเชื่อในเรื่องไร้เหตุผล

แต่น้ำเสียงของฟาเรนเมื่อคืน...สายตาคู่นั้น...มันชวนให้เขาหวั่นไหว

"คุณคือคนที่เรารออยู่...มาเนิ่นนาน"

“ตื่นเช้าดีนี่ครับคุณนักธุรกิจ”

เสียงของฟาเรนดังขึ้นจากด้านหลัง

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตตัวเดิม เพียงเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีฟ้าอ่อน พับแขนขึ้นอย่างเคย ผมเปียกนิดหน่อยจากการอาบน้ำเช้า และกลิ่นสบู่สมุนไพรจาง ๆ ก็ตีขึ้นมาแตะจมูก

“ผมชินกับการตื่นเช้า เพราะต้องประชุมกับยุโรป”

ธนกรตอบ ขณะที่สายตายังมองวิวไกลออกไป

“แล้ววันนี้จะประชุมกับอดีตของตัวเองไหมล่ะครับ?”

ธนกรหลุดขำกับคำพูดนั้น เขาหันมาสบตาอีกฝ่าย

“คุณพูดแบบนี้บ่อย ๆ ใช่ไหม?”

“เฉพาะกับคนที่เคยตายตรงหน้าเรามาแล้วครั้งหนึ่ง”

คำตอบนั้นทำให้ใจเขาสะดุด

ฟาเรนยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินนำเขาไปที่ห้องเรียน

เด็ก ๆ นั่งล้อมวงเรียนศิลปะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังโรงเรียน

ธนกรเดินตามเงียบ ๆ เหมือนคนแปลกหน้าที่ถูกเชิญมาในโลกอีกใบ

เขาไม่คุ้นกับความเงียบที่อบอุ่นแบบนี้

แต่ฟาเรน…คุ้นชินเหลือเกิน

ชายหนุ่มหยิบชอล์กสีขึ้นวาดบนกระดานไม้กลางสนาม

เขียนชื่อหัวข้อวันนี้ว่า “วาดคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต”

“ถ้าพวกหนูนึกไม่ออก ก็วาดคนที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นก็ได้”

ฟาเรนบอกด้วยรอยยิ้ม

เด็กหญิงคนหนึ่งยกมือ

“แล้วคุณครูล่ะคะ คนสำคัญของคุณครูคือใคร?”

ฟาเรนชะงักไปครู่หนึ่ง

ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ตอบด้วยเสียงนุ่ม ๆ

“คนที่เคยจากเราไปโดยที่เรายังไม่ได้พูดคำลา”

ประโยคนั้นเหมือนลมหนาวพัดผ่านหน้าอกของธนกร

เขายืนนิ่งอยู่ตรงขอบรั้วไม้ที่ขึงเชือกกันเด็ก ๆ ไว้

จู่ ๆ เขาก็นึกถึงภาพใครบางคนที่ยื่นมือมาหาในฝันเมื่อคืนอีกครั้ง

ใครกันนะ…ที่เขาลืมไป

ใครกันที่ยังรออยู่ในใจของใครบางคนตรงหน้าเขา

คืนนั้น ฟาเรนวางสำรับกับข้าวง่าย ๆ ไว้บนโต๊ะไม้กลางบ้าน

“คุณกินเผ็ดได้ไหม?”

“กินได้ครับ”

ฟาเรนยิ้ม

“ดีเลย เพราะผัดเผ็ดปลากดนี่ ผมไม่ได้ทำให้ใครกินมาหลายปีแล้ว”

ธนกรนั่งลงช้า ๆ

มือสัมผัสจานชามไม้ที่ถูกจัดอย่างเรียบง่าย

แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถาม

“ทำไมคุณถึงรอผม?”

ฟาเรนไม่ตอบทันที เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนวางลงช้า ๆ

“เพราะความรู้สึกมันไม่เคยหมดอายุ” เขาพูด

“ถึงคุณจะลืมผม…แต่ผมไม่เคยลืมคุณเลย”

ธนกรเงียบ

แววตาของฟาเรนจริงจังแต่ไม่บีบบังคับ

มันคือสายตาของคนที่เคยสูญเสีย แล้วได้โอกาสอีกครั้ง

ก่อนเข้านอนคืนนั้น

ธนกรเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่ตัวเองเอามาด้วย

มีสมุดเล่มหนึ่งที่เขาไม่เคยใส่ใจนัก เพราะมันหล่นอยู่ในกล่องเก็บของของแม่

เขาเปิดหน้าสมุดแบบไม่ตั้งใจ

แต่กลับสะดุดกับภาพวาดหนึ่ง — ภาพดินสอของเด็กสองคนใส่ชุดโบราณ

คนหนึ่งยื่นสร้อยให้ อีกคนรับไว้ด้วยรอยยิ้ม

เขานิ่งไปครู่ใหญ่

ก่อนจะวางมือลงบนภาพนั้นเบา ๆ

และเสียงหนึ่งก็แว่วขึ้นในหัว…เบาจนแทบไม่ได้ยิน

“แม้กาลเวลาจะพาเราห่างไกล

แต่ใจเราจะจำกันได้เสมอ”

ธนกรหลับตาลง

และในค่ำคืนที่หมอกบางปกคลุมขุนเขา

เขาฝันอีกครั้ง...

ฝันถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง

ฝันถึงมือใครบางคนที่เขาเคยสาบานว่าจะไม่มีวันปล่อยไปอีก

ตอนที่3:ภาพซ้อน

สายลมยามเช้าของวันที่สามพัดผ่านต้นขุนพลับจนใบไม้สั่นไหว

แสงแดดที่ลอดผ่านเรือนยอดไม้กระทบกระจกหน้าต่างพอดีกับแววตาของชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดเรียบ ๆ

ธนกรยืนอยู่หน้ากระจกเงาในห้องน้ำของบ้านพัก

มือหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้า

อีกมือหนึ่งยกสัมผัสสร้อยลูกปัดขาดเส้นนั้นที่ห้อยอยู่ที่คอเขา

ความรู้สึกบางอย่างค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น

มันไม่ใช่แค่ฝัน

ไม่ใช่แค่จินตนาการ

มันคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้น

แม้จะผ่านมากี่ภพกี่ชาติ

“คุณดูเหมือนนอนไม่พอ”

เสียงของฟาเรนเอ่ยขึ้นเบา ๆ ขณะเดินเข้ามาพร้อมขนมปังปิ้งในมือ

“ผมฝันอีกแล้ว” ธนกรพูดช้า ๆ “แต่ครั้งนี้…ผมเห็นหน้าคุณชัดเจน”

ฟาเรนหยุดเดิน

“ในฝัน เราอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง…คุณนั่งวาดภาพ ผมห่มผ้าให้คุณ เพราะอากาศเริ่มหนาว”

ธนกรเล่าช้า ๆ น้ำเสียงเรียบนิ่ง

“คุณหันมามองผม…แล้วพูดว่า ‘อย่าให้เราต้องรออีกเลย’”

ฟาเรนเม้มริมฝีปากแน่นเล็กน้อย

แววตาที่ปกติอ่อนโยน ตอนนี้ซ่อนบางอย่างไว้ลึกยิ่งกว่าเดิม

“เพราะเราเคยต้องรอกันจริง ๆ” ฟาเรนพูดเบา ๆ

“คุณตายในอ้อมแขนผม ในช่วงเวลาที่พวกเขาไล่ล่าคนที่รักเพศเดียวกัน...เพียงเพราะมันไม่ตรงตามกฎของโลก”

ธนกรเงียบงัน

“…ผมไม่อยากให้คุณจำหรอกนะ” ฟาเรนเอ่ยเบา ๆ “เพราะมันเจ็บ”

แต่เขากลับยื่นมือไปจับข้อมือของฟาเรนไว้แน่น

“ต่อให้มันเจ็บ…ผมก็อยากรู้”

ช่วงบ่ายของวันนั้น

ฟาเรนพาธนกรเดินลัดเลาะไปยังที่แห่งหนึ่งในป่า

มันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว

ไม่มีป้าย ไม่มีทางเดิน

มีเพียงต้นไม้สูงใหญ่ราวสิบต้นล้อมรอบพื้นที่หนึ่งที่เหมือนลานเล็ก ๆ กลางป่า

ตรงกลางนั้น มี ศิลาจารึกเก่าแก่ ที่แหว่งวิ่น

บนผิวนั้นมีอักษรโบราณเลือนลาง

และภาพสลักจาง ๆ ของชายสองคนที่ยืนเคียงข้างกัน

“ที่นี่คือจุดที่เราเคยสาบานว่าจะไม่พรากจากกันอีก”

เสียงของฟาเรนสั่นเล็กน้อย

“คุณชื่อธนลักษณ์ในชาติก่อน”

“ผม…ยังเป็นฟาเรนเหมือนเดิม”

“คุณบอกว่าจะปกป้องผม จะไม่ปล่อยมือผมแม้ในวันที่โลกต่อต้านเรา”

“…แต่คุณกลับโดนแทงข้างหลัง จากคนในตระกูลของคุณเอง”

ธนกรก้มลงมองศิลาสลักนั้น

มือวางลงบนอักษรจาง ๆ

ทันใดนั้น ภาพหนึ่งก็พรั่งพรูเข้ามาในหัว —

เสียงโห่ร้อง

เปลวไฟ

และมือที่กำลังสั่น

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงหนึ่งตะโกน

“หนีไปฟาเรน! อย่าหันกลับมา!”

น้ำตาเขาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

ฟาเรนยืนมองเขาเงียบ ๆ

เขาไม่พูด

ไม่ปลอบ

ไม่แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้

เพราะเขารู้ดีว่า...นี่คือการปล่อยให้ความทรงจำทำหน้าที่ของมัน

ค่ำวันนั้น

ฟ้าเหนือหมู่บ้านปิดลงอีกครั้ง

ฟาเรนวางเสื้อนอนสีเทาให้ธนกรบนเตียงไม้

ขณะอีกฝ่ายยังคงเงียบอยู่ในความคิด

“ถ้าคุณจำได้มากขึ้น…แล้วจะไปจากที่นี่ไหมครับ”

ธนกรเงยหน้าขึ้นมองตาเขา

“ผมมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามีเหตุผลให้ผมอยู่ต่อ”

ฟาเรนหัวเราะเบา ๆ แววตาเปียกนิด ๆ

“งั้นอยู่จนกว่าผมจะวาดรูปคุณเสร็จ”

“…รูปไหน?”

“รูปที่เคยวาดค้างไว้เมื่อร้อยปีก่อน”

ในห้องเรียนที่เงียบสงบ

ฟาเรนตั้งผ้าใบวาดภาพไว้กลางห้อง

เขากำลังวาดคน ๆ หนึ่งในท่าก้มหน้ากับรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า

เขาเคยวาดภาพนี้เมื่อหนึ่งศตวรรษก่อน

วาดไปครึ่งเดียว ก่อนคนในภาพจะจากไป

และวันนี้…ฟาเรนนั่งลงใหม่

ในแสงไฟสลัวของห้องเรียนเก่า

ขณะที่เงาเงียบของคนรักจากอดีต นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวเดิม

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!