เหตุการณ์ต่อจาก My Stories เรื่องราว โชคชะตา ความรัก หลังจากที่เรื่องราวของหมอนิทานและรุ้งดาวได้จบลง คราวนี้ก็เป็นทีของแชมป์บ้างแล้วที่จะต้องเคลียร์กับ Mission ของตัวเอง
“ในที่สุดผมก็ได้มาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากที่เพื่อนๆรุ่นเดียวกันได้เรียนนำหน้าผมไปแล้ว 1 ปี แต่ชั่งมันเถอะนะเพราะผมจะต้องใช้ชีวิต 4 ปี ในมหาวิทยาลัยเพื่อความฝันทั้งหมดของผม ให้สมกับที่ผมยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อความฝันครั้งนี้ ผมชื่อแชมป์ อายุ 19 ปี นักศึกษาเข้าเรียนปี 1 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับผมต่อจากนี้”
ตอนที่ 1 รับน้องใหม่
Days 1
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ลานสแตนเชียร์ข้างสนามฟุตบอลหน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์ วันรับน้องคณะนิเทศศาสตร์ รุ่นที่ 23 เหล่าน้องปีหนึ่งทุกคนได้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้แล้ว และมีพี่ธีมพี่ว้ากปี 2 เป็นผู้นำ พี่ธีมกล่าว “ผมชื่อธีมผมเป็นพี่ว้ากประธานปี 2 ผมขอต้อนรับพวกคุณทุกคนในที่นี้สู่คณะนิเทศศาสตร์ของเรา…ผมหวังว่าผมจะได้เรียกพวกคุณทุกคนว่าน้อง และพวกผมจะได้เรียกพวกคุณทุกคนว่าน้องได้ก็ต่อเมื่อ 1.พวกคุณต้องได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่ทั้งหมดและสร้อยป้ายชื่อรุ่นนี่แหล่ะคือเครื่องหมายในการที่รุ่นพี่ทั้งหมดยอมรับพวกคุณแล้ว 2.พวกคุณจะต้องหาพี่รหัสและสายรหัสของตัวเองให้เจอก่อนที่กิจกรรมของพวกเราจะจบลง 3.พวกคุณทุกคนต้องรู้จักชื่อพวกคุณกันเองทุกคนและพวกคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าวันไหนผมจะถามพวกคุณคนไหนเมื่อไรเพราะงั้นพวกคุณต้องรีบทำความรู้จักกันให้ไวที่สุด 4.พวกคุณต้องเอาลายเซ็นต์ของพี่ว้ากปี 2 ทั้งหมดมาให้ได้พวกคุณมีเวลาหนึ่งเทอมการศึกษานี้ พวกคุณเข้าใจที่ผมพูดมั้ย”
พี่ธีมตะโกนเอ่ยถามน้องปีหนึ่งทุกคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขาด้วยสีหน้าอันจริงจังราวกับว่านี่คือภาระกิจของชีวิต ทุกคนตอบพร้อมเพรียงกันว่า “เข้าใจครับ/ค่ะ” พี่ธีมตะโกนด้วยสีหน้าจริงจังย้ำถามกลับไปด้วยเสียงอันดังและแตกแหบแห้งว่า “ผมไม่ได้ยิน” ทุกคนจึงพร้อมเพรียงกันตะโกนด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “เข้าใจครับ/ค่ะ” จากนั้นพี่ธีมจึงหันไปยังด้านซ้ายและขวาที่มีพี่ว้ากคนอื่นๆเรียงหน้ากระดานกันอยู่อย่างช้า ๆ และเมื่อพี่ธีมหันกลับมายังเบื้องหน้าพร้อมกับเปล่งเสียงออกมาอย่างจริงจัง เขาได้เรียกพี่ว้ากปี 2 หมดมากอดคอกัน “พี่ว้ากปี 2 กอดคอปฏิบัติ” พี่ธีมกล่าวกับน้องปี 1 เบื้องหน้าเขาว่า “นี่คือการบูมของคณะนิเทศศาสตร์ของพวกเรา พวกผมจะทำให้ดูเพราะจากนี้พวกคุณจะต้องทำรับทราบ” น้องปี 1 ตอบกลับด้วยเสียงดังอย่างพร้อมเพรียง “รับทราบครับ/ค่ะ” พี่ธีมกล่าวกับพี่ว๊ากทุกคน “เริ่ม” “Com Arts. Com Arts. นิเทศ นิเทศ นิเทศ ศาสตร์และศิลป์คือหัวใจของเราคือแสงไฟส่องนำทางเรา พวกเรานิเทศ 23 บูม”
อันที่จริงแล้วพี่ธีมพี่ว้ากปี 2 ที่ใครๆต่างก็กลัว ที่จริงแล้วคือเพื่อนสนิทของแชมป์ที่เรียนจบมัธยมมาด้วยกันนั่นเอง พี่ธีมหรือไอ้ธีมตัวแสบเมื่อเขาหันมาเจอแชมป์ที่นั่งจ้องหน้าของเขาอยู่ที่แถวทางด้านซ้ายเขาจึกสนุกอยากจะแกล้งแชมป์และเรียกให้แชมป์ยืนขึ้นทำเอาแชมป์นึกในใจทันทีเลยว่า “นี่มันจะเล่นอะไรแผลง ๆ กับกูฟ๊ะเนี้ย”
แล้วสิ่งที่แชมป์คิดก็เป็นจริงด้วยเมื่อเขาชี้ไปทางผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ทางฝั่งขวาของแถวแล้วเอ่ยถามผมว่า “เพื่อนคุณคนนั้นชื่ออะไร” แชมป์ได้แต่แสดงสีหน้าช็อคราวกับโดนเรียกไปตบหน้ากลางสี่แยกแล้วก็นึกในใจ “ชิบหายแล้วไงยังไม่ทันรู้จักใครก็โดนเล่นซะแล้ว” อันที่จริงแชมป์ก็รู้แล้วว่าธีมจะต้องหาเรื่องเล่นแผลง ๆ ต้องแกล้งแชมป์แน่นอน ธีมได้พูดขึ้นว่า “ไม่รู้จักสินะ…คุณไม่เห็นสำคัญของเพื่อนเลยสินะ ไม่ทำความรู้จักไม่อะไรทั้งนั้นถ้างั้นเพื่อนคนนี้คุณก็อย่าได้มีเลย”
ธีมค่อย ๆ หันไปทางผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับแบมือด้วยสีหน้าที่จริงจังพร้อมกับกล่าวว่า “ผมขอป้ายชื่อคุณด้วยครับ” และเธอคนนั้นก็ได้เดินออกมาจากจุดที่ยืนและมายืนตรงหน้าธีมพร้อมกับเอาป้ายชื่อที่แขวนคอออกอย่างช้า ๆ และส่งให้พี่ธีม ธีมที่รับป้ายชื่อนั้นมาและได้ชูป้ายชื่อและหันมาทางแชมป์พร้อมกับพูดว่า “เธอชื่อวิว” จากนั้นธีมจึงทำสีหน้านิ่ง ๆ เรียบ ๆ ราวกับว่าโลกนี้ไร้ซึ่งทุกสิ่งพร้อมพูดมาว่า “แต่เธอคงไม่จำเป็นสำหรับคุณสินะ…งั้นป้ายชื่อนี้แม่งก็คงไม่จำเป็นแล้วว่ะ”
ธีมลดป้ายที่ชูลงมาอยู่ระดับอกและฉีกครึ่งอย่างช้า ๆ กระดาษป้ายชื่อจากที่เคยเป็นแผ่นเดียวบัดนี้มันได้แยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว และธีมก็ได้ปล่อยมือทิ้งกระดาษป้ายชื่อนั้นลงพื้นแบบไม่ใยดี แผ่นกระดาษป้ายชื่อที่ตอนนี้ได้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและค่อยๆปลิวลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก เวลานี้สีหน้าของแชมป์มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนว่าแผ่นกระดาษป้ายชื่อนั้นเป็นญาติฝ่ายไหนที่จากไป
แชมป์จึงค่อย ๆ เดินออกมาจากแถวอย่างช้า ๆ และมายืนประจัญหน้ากับธีม แชมป์ยืนมองหน้าธีมด้วยความรู้สึกโกรธราวกับว่าธีมมันไปฆ่าญาติฝ่ายไหนของแชมป์เลยในตอนนี้ ธีมชักสีหน้าจริงจังและจึงเปล่งเสียงอันเยือกเย็นราวกับเหมือนฆาตกรโรคจิตว่า “ใครสั่งให้คุณเดินออกมา” แชมป์ชักสีหน้าจริงจังและตอบไปว่า “แล้วทำไมผมต้องรอให้ใครมาสั่งด้วย”
จากนั้นแชมป์ก็ค่อย ๆ นั่งลงเก็บเศษป้ายชื่อที่ถูกฉีกนั้นขึ้นมาด้วยรู้สึกที่รู้สึกแย่เอามาก ๆ เมื่อแชมป์เก็บเศษกระดาษป้ายครบทุกชิ้นก็นำมาใส่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย จริง ๆ ในใจแชมป์นั้นก็รู้สึกผิดกับเธอคนนั้นอย่างจริงใจ ที่ธีมใช้เธอคนนั้นเพื่อจะแกล้งแชมป์เล่นแค่นั้นเอง จากนั้นธีมก็เริ่มกัดฟันและก็กระชากคอเสื้อแชมป์ที่กำลังเก็บเศษป้ายชื่อขึ้นมาและพลิกตัวแชมป์ที่หันหลังให้กลับมาประจัญหน้ากันด้วยความโกรธแล้วถามผมว่า “นี่คุณทำอะไร”
จากนั้นแชมป์จึงตอบกลับว่า “ก็เก็บเศษกระดาษที่พี่ฉีกนี่ไงครับ” ธีมถามแชมป์กลับมา “แล้วใครสั่งให้คก็บ” แชมปฺก็ตอบไปว่า “ผมต้องรับผิดชอบนะที่ทำให้ป้ายชื่อเธอคนนั้นต้องเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นผมจะรับผิดชอบในความผิดนี้แล้วพี่ก็ขวางผมไม่ได้ด้วย” จากนั้นธีมก็กัดฟันกำหมัดพร้อมสีหน้าที่โกรธแชมป์จนลืมตัวและง้างหมัดจะต่อยแชมป์ พวกพี่ว้ากคนอื่น ๆ จึงเข้ามาห้ามและแยกพวกผมสองคนออกจากกัน
ด้วยความโมโหธีมจึงตะโกนด้วยเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่เกลี้ยวกลาดว่า “ดูท่าทางคุณคงไม่อยากอยู่คณะนี้ซินะ ถึงไม่ฟังคำสั่ง ไม่อยากได้รุ่น ไม่อยากได้เพื่อนได้พี่เลยสินะห๊า~” แชมป์จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวว่า “พี่จะทำโทษผมก็ได้ผมยอมแต่ยังไงผมก็ไม่คืนและไม่ทิ้งป้ายชื่อที่พี่ฉีกไปเมื่อตะกี้แน่นอน”
ธีมจึงย้อนคำพูดแชมป์ด้วยสีหน้าที่โกรธเกลี้ยวว่า “คุณจะยอมให้ผมทำโทษใช่ป่ะ” แชมป์จึงตอบกลับด้วยเสียงที่แข็งกร้าวว่า “ใช่…แน่จริงก็เอาดิ” ธีมจึงออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและตะคอกด้วยเสียงอันแข็งกร้าวว่า “งั้นคุณก็ไสหัวออกไปจากตรงนี้ไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลจนกว่าผมจะพอใจ…ไป๊~”
ตอนนี้พี่ว้ากที่เข้ามาล็อคตัวแชมป์และธีมเพื่อห้ามไม่ให้ทั้งสองคนต้องตีกันก็ค่อย ๆ ปล่อยแขนจากแขนที่ล็อคแขนแชมป์ไว้อย่างช้า ๆ แชมป์ก็ได้ยืนถอนหายใจด้วยความเดือดดานก่อนที่จะหันไปทางสนามฟุตบอลอย่างช้า ๆ และก็ค่อย ๆ เริ่มก้าวขาเดินออกไปที่สนามฟุตบอลเพื่อยอมรับในสิ่งที่แชมป์พลาดไปและแชมป์ก็เริ่มวิ่ง
จนกิจกรรมชุมนุมเชียร์เลิกเนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ไอ้ธีมกับผมเกือบจะงัดข้อกันนั่นเองจึงทำให้กิจกรรมทั้งหมดต้องจบลงแค่นั้นและเมื่อแชมป์วิ่งไปสักพักแชมป์ก็ได้ยินเสียงธีมไอ้เพื่อนตัวแสบของแชมป์ก็ดังเข้ามาในหูของแชมป์ “เห้ยไอ้แชมป์มึงพอได้ละ” เนื่องด้วยสมัยเรียนมัธยมด้วยกันแชมป์มักจะชอบแกล้งเพื่อนในกลุ่มทุกคนเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ วันนี้จึงเหมือนเป็นวันเอาคืนของพวกมันก็อะไรประมาณนั้นแหล่ะ
แล้วแชมป์ก็ได้วิ่งช้าลงจนมาหยุดยืนต่อหน้าธีม แชมป์ก็ยืนมองหน้ามันด้วยความสงสัยและจึงเอ่ยปากถามย้อนกลับไปด้วยเสียงอันแหบแห้งปนเหนื่อยว่า “วันนี้เป็นวันที่พวกเราเจอกันวันแรก แม้แต่หน้ายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำจะให้รู้ชื่อทุกคนเลยมันใช่เรื่องมั้ยวะเนี่ย” ธีมตัวแสบเริ่มชักสีหน้าตีหน้าตึงแล้วค่อย ๆ เอียงคอจ้องหน้าแชมป์และตอบแชมป์กลับมาว่า “นั่นมันปัญหาของมึงไม่ใช่ปัญหาของกูนะเพื่อน” แชมป์เดินอย่างช้า ๆ มานั่งหายใจเหนื่อยหอบที่สแตนข้างสนามฟุตบอล ธีมเพื่อนตัวแสบของแชมป์ก็ได้มานั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นน้ำดื่มให้กับแชมป์และถามแชมป์ว่า “เป็นไงบ้างล่ะมึง…แต่ทำใจหน่อยนะ มึงคงต้องเจอแบบนี้อีกนานเลยเพื่อน”
แชมป์ก็ได้แต่เบ้ปากตามองบนถอนหายใจพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “นี่กูเพื่อนมึงนะ” ธีมตัวแสบจึงทำหน้าเยาะเย้ยหัวเราะเสียงดังลั่นพร้อมกับพูดว่า “มึงเคยได้ยินป่ะที่เขาบอกกันว่ามาก่อนมีสิทธิ์มาทีหลังก็รับสภาพไป ก็มึงเข้ามาเรียนทีหลังเองนะ…มาหลังก็ต้องเป็นน้องซิวะทำใจซะไอ้น้อง”
ตอนนี้อาการเหนื่อยแชมป์เริ่มดีขึ้นบ้างแล้วแชมป์จึงบอกหันหน้าไปหาธีมแล้วพูดไปว่า “งั้นกูกลับก่อนแล้วกันนะ…วันนี้ใช้พลังงานกับตัวชั่วอย่างมึงเยอะเกินไปแล้วมันเหนื่อยว่ะ” ธีมจึงยกแขนขึ้นมาจากด้านหลังแชมป์และธีมก็กวาดแขนมาคว้าคอแชมป์และดึงเข้าหาตัวธีมพร้อมสวนแชมป์กลับมาว่า “ปากดีแบบนี้วิ่งอีกสักทีดีมั้ยครับน้อง”
แชมป์จึงปัดแขนธีมออกและลุกขึ้นพร้อมหันกลับไปตอบว่า “วันนี้หมดเวลาบ้าอำนาจแล้วเพื่อนถ้าสั่งกูเตะ” และแชมป์ก็หันกลับและเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างช้า ๆ และขณะที่แชมป์กำลังจะเดินจากไปก็ได้มีเสียงตามหลังมาว่า “กลับหอดี ๆ เว้ยเพื่อนพรุ่งนี้เจอกัน” แชมป์จึงยกมือนิ้วทั้งห้าแบบเรียงชิดเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าแล้วเจอกันโดยไม่ได้พูดอะไร
และแล้วแชมป์ก็เดินกลับถึงหน้าหอเพราะหออยู่ใกล้มหาวิทยาลัยจึงเดินกลับหอได้ในหัวของแชมป์มันคิดถึงแต่ที่นอนนุ่มๆหมอนนุ่มๆของฉ้าน~ เมื่อแชมป์ได้เข้ามายังหอพักและเดินขึ้นบันไดก้าวแล้วก้าวเล่ามาจนถึงหน้าห้องต้องบอกก่อนว่าหอที่แชมป์อยู่มีเพียงแค่ 4 ชั้น มันจึงไม่มีลิฟท์แต่โชคยังดีที่ห้องของแชมป์อยู่แค่ที่ชั้น 2 ห้อง 207 แชมป์ได้พลิกกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้ด้านหลังมายังด้านหน้าตัวและรูดซิปที่ช่องเล็กด้านหน้าลงเพื่อหยิบกุญแจห้องอย่างไวเมื่อหยิบกุญมาได้จึงรีบไขกุญแจเปิดประตูเข้าห้องอย่างไวและรีบปิดประตูทันทีพร้อมโยนกระเป๋าลงพื้นแบบที่ไม่สนใจใยดีใด ๆ ทั้งสิ้นและล้มตัวทิ้งคว่ำลงที่เตียงนอนทันที
ณ ห้อง 208
“ฉันชื่อวิวเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ปี 1 ฉันเป็นคนชอบไปเที่ยวฉันจึงเข้าเรียนนิเทศฯ ตามความชอบของฉันและอีกสิ่งหนึ่งที่ชอบมากพอๆกับเรื่องเที่ยวนั่นก็คือไอศครีมที่ฉันสามารถกินมันอย่างอร่อยโดยไม่รู้สึกเบื่อ ส่วนเรื่องแฟนน่ะเหรออย่าถามเลยเพราะฉันไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัวเลย แต่ก็ไม่คาดคิดเลยนะว่าวันที่ฉันรู้สึกมีความรักมันไม่ได้เริ่มจากการจีบกันเหมือนที่เพื่อน ๆ ของฉันเจอมาหรือนั่งมโนกันแต่อย่างไร”
วิวเปิดประตูห้องและออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูห้องจากนั้นเธอก็ได้เดินไปที่ร้านค้าหน้าหอราวกับเป็นกิจวัตร เธอเดินเข้าไปในร้านค้าเพื่อสิ่งเดียวเท่านั้น ใช่…เธอมาเพื่อของหวานสุดโปรดของเธออย่างไอศครีมแต่เธอก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ถึงแม้เธอจะกินของหวานไอศรีมแบบนี้แต่เธอกินเท่าไรก็ไม่อ้วน จากนั้นเธอก็เดินมาคิดเงินกับเจ้าของร้านพร้อมกับไอศครีมรสวนิลารสโปรดของเธอ “เท่าไหร่เหรอคะ”
เสียงอันสว่างใสที่ราวกับทุ่งลาเวนเดอร์ของเธอที่ถามราคาไปอย่างสุภาพ เจ้าของร้านจึงตอบไปว่า “อันนี้ 30 บาทจ่ะ” วิวเธอได้ได้หยิบธนาบัตร 100 บาท จากกระเป๋าหลังยื่นให้กับเจ้าของร้าน “นี่จ่ะ 70 บาท เงินทอน” วิวเธอได้ยิ้มอย่างมีความสุขราวกับเด็กน้อยได้ของเล่นชิ้นแรกในชีวิต “ขอบคุณค่ะ” วิวกล่าว
จากนั้นวิวเธอเดินกลับเข้ามาในหอพร้อมกับเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นพร้อมกับลิ้มรสไอศครีมอันแสนหอมหวาน วิวเธอได้มาหยุดที่หน้าห้อง 304 วิวเธอเคาะประตูพร้อมพูดว่า “ขิมๆนี่วิวเองนะ” และแล้วประตูก็ได้ถูกเปิดออก “มาแล้วเหรอคะคุณเพื่อน…เข้ามาซิ” นั่นคือเสียงของขิมเธอยิ้มอย่างเป็นมิตร เมื่อวิวได้เข้ามาในห้องของขิมวิวก็ตรงไปที่โต๊ะตัวน้อยที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยหนังสือที่กองอย่างไม่เป็นระเบียบ วิวเธอได้มาหยุดอยู่หน้าโต๊ะก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ย่อตัวลงและนั่งลงที่พื้นอย่างช้า ๆ “เอาน้ำอะไรมั้ยแก”
ขิมได้เปิดตู้เย็นพร้อมกับถามวิว “น้ำเปล่าแล้วกันแก” วิวตอบกลับ ขิมได้นำแก้วที่อยู่หลังตู้เย็นที่คว่ำอยู่จับตั้งขึ้นและก็ได้เปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่าขวดใหญ่มาเทน้ำลงแก้วจนเกือบเต็ม ขิมเก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็นและหยิบแก้วที่เทน้ำมาให้กับวิว วิวจึงพูดออกมาว่า “วันนี้มันวันซวยของฉันแท้ ๆ เลยนะแกว่ามั้ย” ขิมจึงถามกลับไปว่า “เรื่องพี่ธีมพี่ว้ากวันนี้น่ะเหรอ” วิวตอบกลับ “ก็ใช่น่ะสิ…ฉันก็ไม่คิดหรอกว่าฉันจะต้องเจออะไรแบบนี้อ่ะ” ขิมจึงถามวิวไป “แล้วอีตานั่นล่ะจะเป็นยังไงบ้าง…ดูท่าทางอีตานั่นน่าจะหนักกว่าแกเยอะเลยนะ” วิวตอบกลับ “ฉันก็ไม่รู้ซิ…แต่ที่ฉันไม่เข้าใจคืออีตานั่นมันจะมาเก็บเศษป้ายชื่อของฉันที่อีพี่ธีมมันฉีกทิ้งทำไม” วิวก็ได้แต่ทำท่าทางครุ่นคิด
ขิมก็ได้ทำท่าทางครุ่นคิดเหมือนกัน สักแปปขิมได้ทำท่าทางเหมือนจะคิดอะไรออกสักอย่าง ขิมได้บอกกับวิวว่า “ตอนอีตานั่นเดินออกมาเก็บเศษป้ายชื่อแกอีตานั่นพูดไว้นี่ว่าเขารู้สึกผิดต่อแกน่ะมันจะเกี่ยวอะไรกันมั้ยนะ” วิวก็ตอบไปว่า “ช่างเถอะ…ต่อจากนี้ชีวิต 4 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัยของฉันคงไม่สงบแน่ ๆ” ขิมจึงตอบกลับไป “มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งแก…จริง ๆ แล้วบางทีนี่อาจจะกลายเป็นเรื่องที่ดีของแกก็ได้นะ” วิวก็ได้แต่ทำหน้าฉงนจนคิ้วแทบจะจะชนกันแล้วถามขิมกลับไปว่า “ฉันไม่เข้าใจ…แกหมายความว่ายังไง”
ขิมจึงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่อะไรหรอก…อย่าสนใจเลย” วิวก็นั่งจิบน้ำพร้อมกับพูดไปว่า “ขอบใจนะแก…ที่แกยอมมาเรียนที่เดียวกับฉันน่ะ” อันที่จริงขิมก็อยากเรียนคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาลัยอื่น แต่เพราะเพื่อนที่รักและสนิทที่สุดอย่างวิวทั้งชวน ทั้งอ้อนวอน ทั้งขอร้อง สุดท้ายขิมก็ทนความตื้อของวิวไม่ไหวจึงตัดสินใจมาเรียนอยู่ด้วยกัน
แต่ที่เธอไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ห้องเดียวกันก็เพราะพี่สาวของขิมมาอยู่ด้วยนั่นเอง พี่สาวของขิมเรียนอยู่อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งแต่เพราะไม่สองมหาวิทยาลัยนี้ก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไรนักพ่อแม่จึงให้พี่น้องมาอยู่ด้วยกัน จริงๆแล้วขิมก็อยากเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันกับพี่ของตัวเองนั่นแหล่ะ “จริงๆตอนแรกฉันก็สัญญากับพี่พิณไว้แต่สุดท้ายฉันก็ยอมแก…เพราะฉะนั้นจงสำนึกบุญคุณฉันเยอะๆด้วยล่ะ” ขิมกล่าวพร้อมกับหัวเราะชอบใจอย่างมากๆ
วิวเบ้ปากพร้อมกับพูดน้ำเสียงเชิงประชดว่า “ขอบใจนะย๊ะ” วิวจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และพร้อมกับบอกขิมไปว่า “งั้นเดี๋ยวฉันกลับห้องก่อนนะแก…เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราไปมหาวิทยาลัยด้วยกันนะรอฉันด้วยล่ะ” ขิมยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าและตอบรับ “อื้ม”
Cutscene 2 My Stories Fate
เวลา 21.36 นาที
“นี่เราหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย” แชมป์ลืมตาข้างซ้ายหนึ่งข้างด้วยท่าทางสลึมสลือมือซ้ายก็จับนาฬิกาดิจิตอลที่ว่างอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ หัวเตียง แชมป์ได้ยกมือจากนาฬิกาและค่อย ๆ พลิกตัวหงายพร้อมกับบิดขี้เกียด เมื่อแชมป์หยุดบิดขี้เกียดแล้วแชมป์จึงค่อย ๆ ลืมตาทั้งสองข้างและแล้วก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “อื๊ด~” มันคือเสียงท้องของแชมป์เอง “หิวข้าวจังแฮะ”
แชมป์นอนบ่นกับตัวเองเบา ๆ แชมป์ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง มือซ้ายก็คว้าอะไรสักอย่างบนเตียงไปทั่วจนไปเจอกับสิ่ง ๆ หนึ่งมันคือโทรศัพท์หรือก็คือสิ่งที่แชมป์กำลังหาอยู่ แชมป์กดปุ่มล็อคหน้าเจอเมื่อหน้าจอสว่างขึ้นก็ได้มีข้อความจากแอพไลน์ที่ขึ้นบนจอในรูปแบบป็อปอัพไลน์นั้นมีชื่อว่าแดน แชมป์เอานิ้วแตะเข้าไปก็คือได้มีข้อความที่ส่งมาจากแดน “เป็นไงบ้างวะเพื่อน…ได้ข่าวว่าวันนี้โดนไอ้ธีมเล่นมาเหรอ”
แชมป์ทำหน้าครุ่นคิดสักแปปจึงพิมพ์ข้อความตอบกลับไปว่า “แล้ววันนี้มึงหายไปไหนมาล่ะ” แชมป์กดปุ่มล็อคหน้าจอและกำลังจะลุกขึ้นยืนเสียงไลน์ก็ดังขึ้น แชมป์จึงหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูข้อความจากแดน “กูอยู่ที่สภานิสิตอ่ะเลยไม่ได้เข้าร่วมรับน้องวันนี้” แชมป์จึงพิมพ์ข้อความตอบกลับแดน “มึงว่างป่ะ…กินข้าวยังวะ” แชมป์ยืนรอข้อความตอบกลับจากแดน “ยังเลยว่ะ…หิว ๆ อยู่เหมือนกัน” แชมป์พิมพ์ตอบไปว่า “งั้นไปหาข้าวกินกันมั้ยล่ะมึง…จะลากไอ้ธีมจอมโฉดมาด้วยก็ได้นะ” แดนตอบกลับ “เออ…งั้นเดี๋ยวกูไลน์ไปถามมันแปปนะ” แชมป์ตอบกลับ “เออ…งั้นเดี๋ยวกูไปล้างหน้ารอแล้วกัน” แดนตอบกลับ “OK”
แชมป์ได้ปิดล็อคหน้าจอและโยนโทรศัพท์ลงบนเตียงแชมป์หันหน้าไปทางประตูห้องน้ำและก็ค่อย ๆ เริ่มออกเดินยังห้องน้ำ แชมป์เปิดประตูห้องน้ำและเดินไปหยุดที่อ่างล้างหน้า แชมป์เอื้อมมือไปจับที่ก็อกน้ำเพื่อเปิดน้ำ แชมป์เอามือทั้งสองลองน้ำที่กำลังไหลมาลูบหน้า เมื่อแชมป์ล้างหน้าแปลงฟันเสร็จก็ได้เดินออกมาจากห้องน้ำและเดินตรงมายังเตียงนอนแชมป์โน้มตัวลงและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ เมื่อเปิดหน้าจอโทรศัพท์ก็มีข้อความจากแดนส่งมาแชมป์จึงกดเข้าไปดู
แดนตอบแชทไลน์กลับมาว่า “กูกับไอ้ธีมกำลังไปที่หอมึงนะ” แชมป์จึงพิมพ์แชทตอบไป “ถ้าพวกมึงมาถึงก่อนก็รอข้างล่างล่ะกัน…เดี๋ยวกูเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนึงเดี๋ยวลงไป” แชมป์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง แชมป์ถอดเสื้อนักศึกษาออกและวางเสื้อลงบนเตียงก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เมื่อแชมป์เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็หยิบเสื้อมาหนึ่งตัวแบบที่ไม่ได้สนใจว่าเสื้อตัวนั้นลายไหนสีอะไร แชมป์ค่อย ๆ สวมเสื้อเมื่อสวมเสื้อแล้วแชมป์ก็เดินมาหยิบกุญแจที่วางอยู่บนหลังตู้เย็น แชมป์บิดลูกบิดประตูและเปิดประตูออกและกดล็อคลูกบิดก่อนจะออกจากห้องและค่อย ๆ ปิดประตูลง
แชมป์เดินจากห้องมายังบันไดก่อนที่จะก้าวลงบันไดก้าวแล้วก้าวเล่า เมื่อลงมาถึงหน้าหอก็ได้เจอกับคนสองคนที่นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์และมองมาทางแชมป์ แชมป์จึงเอ่ยปากถามออกไปว่า “มองหน้าจ้องกูขนาดนี้อยากได้ปัญหาเพิ่มเหรอ” ใช่แล้วสองคนนั้นก็คือธีมกับแดนนั่นเอง ธีมจึงพูดออกมาว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูก็ซ่อมให้ซะหรอก” แดนพูดแทรก “กูชวนพวกมึงออกมากินข้าวนะ…ไม่ได้ชวนพวกมึงมาตีกัน” ธีมจึงหันหน้าไปหาแดนแล้วตอบกลับแดน “กูก็แค่ล้อเล่นป่ะล่ะ…ทำจริงจังไปได้นะมึงอ่ะ” แชมป์จึงได้พูดขึ้นว่า “งั้นเดี๋ยวกูไปเอารถแปป”
แชมป์ได้หันไปยังทางด้านข้างตึกและเริ่มเดินไปยังทางด้านข้างของตึก ด้านข้างตึกคือที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซค์แชมป์เดินมาหยุดที่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่มีลายสติ๊กเกอร์รถเด่นกว่ารถคันอื่น ใช่…นั่นคือรถมอเตอร์ไซค์ของแชมป์เอง เขาเข้าไปขึ้นค้อมรถมอเตอร์ไซค์และนำเอากุญแจเสียบเข้าไปที่ช่องกุญแจและก็ค่อย ๆ ถอยรถมอเตอร์ไซค์ออกจากช่องจอด แชมป์สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แล้วก็ขี่รถออกมาหาธีมกับแดนที่จอดรอหน้าตึก “สรุปไปกินอะไรกันดีวะ” แชมป์จอดรถถามธีมและแดน แดนถามธีม “งั้นไปร้านประจำเรากันมั้ย” ธีมหันไปตอบแชมป์ว่า “งั้นมึงขี่รถตามพวกกูมาเลย”
แชมป์ทำหน้าฉงนนิด ๆ ก่อนจะตอบรับว่า “งั้นพวกมึงนำเลย” ธีมจึงได้เริ่มออกรถและแชมป์ก็ขี่รถตามธีมจนธีมมาขี่รถมาหยุดอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง เมื่อทุกคนจอดเสร็จเรียบร้อยแล้วแชมป์ถามออกไปว่า “จะกินก๋วยเตี๋ยวกันอ่อ” แดนตอบแชมป์ไปว่า “จริง ๆ พวกเราก็ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันมานานแล้วนะ…ถือซะว่ามาย้อนวันวานกันหน่อยแล้วกัน” แชมป์ก็ยักไหล่แล้วตอบกลับ “ก็ได้ ๆ ถ้าอยากโดนกูแย่งกินกูจัดให้ไม่ขัดศรัธาอยู่แล้ว” แดนจึงตอบ “เอาเท่าที่มึงจะสบายใจเลยเพื่อน…ถ้ามีปัญญาแดกก็แดกไป” ทั้งสามคนก็สั่งก๋วยเตี๋ยวคนละชามแต่เมื่อก๋วยเตี๋ยวทั้งสามชามมาวางบนโต๊ะทั้งสามคนก็หยิบตะเกียบมาแล้วจิ้มกินชามนี้นิดชามนั้นหน่อยแล้วก็แย่ง ๆ กันกินอยู่แบบนี้อย่างชัวละมุน ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักที่สนิทกันมาก ๆ และนี่คือวันวานแห่งความสนิทของเพื่อนสุดซี๊ทั้งสามคน
เมื่อทั้งสามคนได้แย่งกันทานก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อยจนเสร็จสรรพแล้วทั้งสามคนจึงได้แยกย้ายกันกลับหอของตนเอง และเมื่อแชมป์กลับมาจนถึงห้องแล้ว สิ่งหนึ่งที่แชมป์ไม่ลืมและจะต้องทำมันอย่างแน่นอนนั้น คือแชมป์ได้เอาเศษกระดาษที่ถูกฉีกเป็นเศษเล็กเศษน้อยนั้นกลับมาปะติดปะต่อให้มันเป็นแผ่นสมบูรณ์เหมือนเดิมให้ได้
แชมป์นั้นพยายามซ่อมเศษกระดาษนั้นอย่างตั้งใจและบรรจิบรรจง จนในที่สุดเวลาก็ผ่านไปและแล้วแชมป์ก็ได้ซ่อมเศษกระดาษนั้นจนเสร็จก่อนที่แชมป์นั้นจะเหนื่อยจนต้องไปนอน
Days 2
ตอนนี้เวลา 07.00 เช้า
เสียงปลุกจากนาฬิกาดิติตอลเรือนเดิมข้างหัวเตียงได้ดังขึ้น “ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ” แชมป์ลืมตาตื่นแบบสลึมสลือและค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดโหมดปลุกของนาฬิกาดิติตอล “เจ็ดโมงเช้าแล้วหรอเนี้ย…ยังรู้สึกเหนื่อย ๆ อยู่เลย” แชมป์นอนบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียง แชมป์นั่งอยู่สักแปปจึงเริ่มค่อย ๆ ตื่นและก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็ค่อย ๆ เดินไปยังห้องน้ำ เมื่ออาบน้ำใส่ชุดนักศึกษาเสร็จ “เจ็ดโมงครึ่งแล้วเหรอ…เช้านี้มีเรียนแปดโมงซะด้วย” แชมป์รีบหยิบกระเป๋าและกุญแจเมื่อออกมาจากห้อง
ขณะที่คนห้องข้าง ๆ ก็ออกมาจากห้องเหมือนกัน “นี่นาย” “นี่เธอ” ตอนนี้วิวและแชมป์ยืนมองหน้ากันด้วยความตกใจทำให้ทั้งสองคนชะงักไปชั่วครู่ ตอนนี้ทั้งสองคนรู้แล้วว่าทั้งคู่อยู่ห้องข้าง ๆ กัน วิวทำแก้มป่องก่อนจะพูดออกมาว่า “นี่เราต้องมาอยู่ห้องข้าง ๆ กันจริง ๆ เหรอเนี้ย” แชมป์ตอบกลับวิว “เอาเวลาที่มายืนทำแก้มป่องที่ไม่สบอารมณ์กับเรารีบ ๆ ไปมหาวิทยาลัยจะดีกว่ามั้ยล่ะ…สายแล้วนะ” วิวตอบกลับแชมป์ “เราก็เรียนคลาสเดียวกันมั้ยล่ะ” แชมป์จึงมองบนแล้วตอบไปว่า “งั้นก็ไปซิ…รออะไรอยู่ล่ะ”
ทั้งสองคนเดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ จนลงมาถึงหน้าหอ “นี่วิว…แกทำไรอยู่เนี้ยลงมาช้าจัง” เสียงของขิมเพื่อนสนิทวิวลอยมาแต่ไกล ขิมทำหน้าตกใจเล็กน้อยพร้อมเอามือแตะริมฝีปากบาง ๆ ก่อนจะพูดว่า “อ้าว…นั่นนายเมื่อวานนี้นี่ อยู่หอเดียวกันเหรอเนี้ยเราชื่อ ขิม นะ ฝากตัวด้วยนะ เธอแชมป์สินะใช่ป่ะ” แชมป์ตอบกลับขิม “ใช่” วิวรีบเดินเข้ามากอดแขนขิมแล้วพูดกับขิมว่า “ไปกันได้แล้ว”
วิวลากแขนขิมเดินห่างจากแชมป์ออกไปเรื่อยืๆ แชมป์ได้แต่ยืนเอามือเท้าเอวและมองอย่างครุ่นคิดก่อนจะเริ่มออกเดินไปยังทางมหาวิทยาลัย และแล้วแชมป์ก็เดินมาจนถึงมหาวิทยาลัยแชมป์มุ่งหน้าต่อไปยังคณะนิเทศทันที “ถึงคลาสเรียนสักที” แชมป์ถอนหายใจพร้อมบ่นกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนอย่างช้า ๆ แชมป์ได้กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง แชมป์เดินมายังที่นั่งด้านหลังห้องและนั่งลงยังที่ที่ว่างอยู่ “นายอ่ะ…ชื่อแชมป์ใช่ป่ะ”
เสียงจากคนที่นั่งข้าง ๆ ได้ถามแชมป์ แชมป์จึงตอบกลับไป “ใช่” จากนั้นคนที่นั่งข้าง ๆ คนนั้นก็แนะนำตัวเอง “เราชื่อ เดล นะ เมื่อวานเราเห็นนายประจัญหน้ากับพี่ธีมพี่เฮดว้ากของคณะเราแล้ว เรานึกไม่ถึงนะเนี้ยว่าจะมีคนกล้าทำแบบนายอ่ะ” แชมป์จึงได้ตอบกลับไป “มันก็คนเราก็คนไม่มีอะไรต้องกลัวนี่นะ…แต่ต่อจากนี้ก็คงจะทน ๆ จนกว่ากิจกรรมมันจะจบ ๆ ไปนั่นแหล่ะ” เดลชี้ไปทางที่วิวนั่งอยู่พร้อมกับพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นประเด็นเมื่อวานชื่อวิวสินะ”
แชมป์จึงทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกแล้วตอบกลับไป “ใช่…แถมที่พีคกว่านั้นคือยัยนั่นดันอยู่หอเดียวกันกับเราซะด้วย” เดลทำหน้าตกใจไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพูดว่า “นี่มันแค่บังเอิญ…หรือคนบนฟ้าเล่นตลกกันล่ะเนี้ย” แชมป์จึงยกแขนที่วางบนโต๊ะตั้งขึ้นพร้อมกับเท้าค้างก่อนจะตอบเดลกลับไปว่า “ก็ไม่รู้สินะ…แต่ที่รู้แน่ ๆ ชีวิตต่อจากนี้คงไม่สงบสุขแน่นอน”
จากนั้นอาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง “นักศึกษาถึงเวลาเรียนแล้วเตรียมตัวซะ” รศ.ดร.วรรณวารี เยาวพงษ์พันธุ์ เป็นอาจารย์สอนวิชาการสื่อสารและยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเราอีกด้วย “อาจารย์ที่ปรึกษาเรานี่เหมือนเด็กน้อยเลยเน้อ ทั้งตัวเล็ก หน้าก็อ่อน แถมยังเป็นกันเอง ถ้าไม่อ่านชื่อนี่เราคิดว่าเพื่อนร่วมรุ่นแล้วนะเนี้ยนายคิดว่าไงล่ะ” เดลเอ่ยถามแบบกระซิบ “นายชอบอาจารย์เขารึไง” แชมป์กล่าว เดลทำหน้าตกใจไปชั่วขณะก่อนจะตอบแชมป์ว่า “จะเป็นแบบนั้นไปได้ไงล่ะ…เราไม่ได้คิดลึกอะไรขนาดนั้นหรอกหน่า” ตอนนี้แชมป์กำลังนั่งแอบมองวิวอยู่ ไม่มีใครรู้เลยว่าในใจแชมป์ตอนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่และแล้วการเรียนวิชาแรกจบลงไป
อาจารย์วรรณวารีก็ได้ฝากงานไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่ออาจารย์เดินออกไปแล้วก็ได้มีชายคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาในห้อง ชายคนนี้มีลักษณะ ผิวขาว หน้าใส ไว้ผมทรงราวกับบอยแบนด์เกาหลี ใส่ชุดนักศึกษาและที่คอเขาก็มีสร้อยป้ายรุ่น เขาได้เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงกลางด้านหน้าห้อง “พี่ชื่อแดนนะครับ…อยู่ปี 2 เมื่อวานพี่ติดอยู่ที่สภานักศึกษาเลยไม่ได้ร่วมชุมนุมเชียร์ของคณะเรา และวันนี้พี่จะเป็นคนนำว้ากแทนพี่ธีมเองครับ เนื่องจากพี่ธีมเฮดว้ากเขามีปัญหากับเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย ยังไงพี่ก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ”
พี่แดนแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ จากเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนถึงกับงงไปหมด บ้างก็ซุบซิบว่าทำไมไอ้หมอนี่ถึงต้องเดินมาแนะนำตัวถึงนี่ด้วย บ้างก็ซุบซิบกันไปว่าจะมีเรื่องอะไรกันมั้ยนะวันนี้ ขิมก็กระซิบกับวิวว่า “พี่ธีมคงจะงานเข้าไปแล้ว…ส่วนอีตานี่ถ้าเดินมาแนะนำตัวขนาดนี้เราว่าก็คงไม่เบาเหมือนกัน” วิวถอนหายใจเหือกใหญ่พร้อมกับพูดว่า “หวังว่าวันนี้เราคงจะไม่โดนอะไรอีกนะหัวจะปวด” ขิมยกมือขึ้นมาแตะไหล่วิวพร้อมกับพูดว่า “ก็คงไม่หรอกมั้งแก”
จากนั้นพี่แดนก็ได้หันไปทางประตูห้องแล้วก็ค่อย ๆ เดินจนออกจากห้องไป แชมป์ได้เดินมายังที่ ๆ วิวนั่งอยู่ ก่อนที่แชมป์จะได้ยื่นสิ่งของสิ่งหนึ่งให้กับวิว “นี่มัน~” วิวแสดงสีหน้าที่ตกใจ ปนกังวล ปนสงสัย สิ่งที่แชมป์ยื่นให้นั้นมาคือกระดาษป้ายชื่อของวิวที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อวานนั่นเอง แต่ในวันนี้มันกลับมาเป็นแผ่นกระดาษเต็มแผ่นเหมือนเดิมเพียงแต่มันมีทั้งรอยฉีกขาด รอยสก็อตเทปที่ติดรอบไปหมด “เราพยายามต่อมันเพื่อเอากลับมาคืนให้เธอ…และเราก็หวังว่าเธอจะรับมันคืนไปนะ”
แชมป์พูดโดยที่มองหน้าวิวตาไม่กระพริบพร้อมกับมือที่ยื่นกระดาษป้ายชื่อให้กับวิว “ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ด้วยอ่ะ…เธอมีเหตุผลอะไรเหรอที่ต้องทำถึงขนาดนี้?” วิวกล่าวถามพร้อมยื่นมือไปขว้าแผ่นกระดาษป้ายชื่อนั้น แชมป์ได้เดินจากวิวไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ แชมป์เดินกลับมานั่งยังที่เดิมและหันมองไปยังนอกหน้าต่าง ขณะเดียวกันวิวก็หันมามองแชมป์ด้วยท่าทีที่หลากหลายความคิด หลากหลายความรู้สึก “ที่อีตานั่นเก็บเศษกระดาษป้ายชื่อของแกไปเพราะแบบนี้เองเหรอเนี้ย”
ขิมหันไปมองทางแชมป์พร้อมกับพูดกับวิวไปด้วย “เราก็ไม่เข้าใจอีตานั่นจริง ๆ นะ” วิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนและเบาบาง ขิมหันหน้ามาหาวิวอย่างช้า ๆ และจับที่กระดาษป้ายชื่ออย่างเบามือพร้อมกับพูดว่า “แล้วแกจะใช้มันมั้ย” วิวหันกลับมานั่งเหมือนเดิมและทำหน้าครุ่นคิดโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรขิม ตอนนี้ขิมเองก็พอจะมองออกว่าตอนนี้วิวมีหลากหลายความคิดและหลากหลายความรู้สึก ขิมรับรู้ถึงความสับสนของเพื่อนตัวเองแต่สิ่งที่ขิมทำได้ตอนนี้คือนั่งมองอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
12.00 น.
“เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันเถอะ…จะได้ไปล่าลายเซ็นต์กันต่อด้วย” เดลกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างดีใจ แต่แชมป์กลับทำหน้าไร้ซึ่งอารมณ์และตอบไปเพียงสั้น ๆ “อืม” ทั้งสองคนจึงลุกออกจากที่นั่งอย่างช้า ๆ ทั้งสองคนได้เดินจากห้องเรียนเพื่อไปยังโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเดินเพื่อไปยังโรงอาหารเดลก็ได้ถามกับแชมป์ว่า “เราสังเกตนายมาตั้งแต่มื่อเช้าแล้ว เรารู้สึกว่านายเหมือนมีอะไรในใจสักอย่างแต่ไม่คิดจะเล่าอะไรให้ใครฟัง นายคงจะมีนิสัยเย็นช้าเป็นทุนเดิมด้วยล่ะสินะ นายถึงดูเป็นคนตึง ๆ อยู่ตลอดเวลาน่ะ” แชมป์ยังคงเดินต่อไปเงียบ ๆ เดลจึงถามแชมป์ต่อไปว่า “เรื่องล่าลายเซ็นต์รุ่นพี่คณะเรานายจะเอายังไงอ่ะ”
แชมป์ค่อย ๆ หันไปมองหน้าเดลและตอบเดลไปว่า “ยังไม่ได้ขอลายเซ็นต์ใครอ่ะ…เผลอ ๆ จะไม่ทำให้ด้วย” เดลทำหน้าตกใจนิด ๆ และถามแชมป์กลับไปว่า “นายไม่กลัวโดนซ่อมหรือไง” แชมป์ตอบกลับเดลทันที “มันอยากซ่อมอะไรก็ให้มันซ่อมมาเหอะไม่แคร์อยู่แล้ว” ในที่สุดทั้งสองคนก็เดินมาจนถึงโรงอาหาร “นั่นมันพี่ธีมกับพี่หว่าหวานี่หว่า” เดลอุทานขึ้นมาพร้อมชี้ไปทางนั้น
แชมป์หันไปมองและบอกกับเดลว่า “สรุปจะกินข้าวหรือจะสนใจพวกมัน” เดลหันมาตอบแชมป์ด้วยสีหน้าฉงน “กินข้าวก็ต้องกิน…ลายเซ็นก็ต้องหานี่นะ” เดลทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดกับแชมป์ว่า “เราลองไปขอลายเซ็นสองคนนั้นดีกว่า” แชมป์ยกมือขึ้นมาจับไหล่เดลพร้อมกับพูดว่า “อย่าเสี่ยงเลย…เชื่อดิ” เดลหยิบสมุดและปากกาขึ้นมาเดลมุ่งหน้าเดินตรงไปโดยไม่ฟังคำเตือนของแชมป์เลยแม้แต่น้อย แชมป์ได้แต่ยืนส่ายหน้าไปมาอย่างเบื่อหน่าย
“พี่ธีม พี่หว่าหวาครับ ผมอยากจะขอลายเซ็นของพี่สองคนหน่อยครับ” ธีมมองหน้าเดลอย่างมีเลศนัยก่อนจะถามเดลว่า “คุณอยากจะได้ลายเซ็นต์ของผมแล้วคุณทำอะไรให้ผมได้บ้างครับ” เดลยื่นสมุดปากกามายังด้านหน้าพร้อมกับพูดว่า “พี่จะให้ทำอะไรพี่สั่งมาได้เลยครับ” ธีมเอื้อมมือรับสมุดจากมือของเดลมา แล้วธีมก็ค่อย ๆ เปิดสมุดดูลายเซ็นต์ของเดลก่อนจะถามเดลว่า “คุณแน่ใจนะ” เดลตอบกลับธีมอย่างทันที “ครับ”
Cutscene 3 เปิดใจ
ธีมจึงหันมองซ้ายทีหันมองขวาทีมองหน้าทีหันมองหลังที ธีมหันไปเจอแดนที่นัดทานข้าวด้วยกันกำลังยืนสั่งอาหารอยู่พอดีธีมจึงทำหน้าเหมือนคิดแผนร้ายอะไรสักอย่างได้ “เอางี้…คุณเห็นพี่แดนรุ่นพี่คุณมั้ย” ธีมกล่าวพร้อมหันหน้ามาหาเดล เดลเริ่มทำหน้าเจื่อน ๆ ก่อนจะตอบกลับ “ครับ”
ธีมจึงชี้ไปหาแดนที่กำลังเดินมาทางนี้แล้วบอกกับเดลว่า “งั้นคุณรีบวิ่งไปยืนตรงหน้าพี่แดนรุ่นพี่ของคุณนะ และไปสารภาพรักกับพี่แดนของคุณนะ เอาแบบว่าเอาให้ดัง ๆ ลั่น ๆ โรงอาหารแห่งนี้ไปเลย อ่อ…ผมขอสักสามครั้งนะ คงไม่ยากเกินไปใช่ป่ะ” เดลตอบรับคำขอของธีม “ครับ” จากนั้นเดลจึงรีบไปหาแดน
ตอนนี้เดลกับแดนได้ยืนประจัญหน้ากันแล้ว เดลมีอาการหอบเล็กน้อยส่วนแดนก็ทำหน้าฉงนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น “พี่แดนครับ…ผมรักพี่ผมชอบพี่เรามาเป็นแฟนกันนะครับ” เดลตะโกนสารภาพรักแดนตามคำสั่งของธีมครั้งที่หนึ่ง แดนจึงทำท่าทางอึ้งและยืนนิ่งมองหน้าเดล “พี่แดนครับ…ผมรักพี่ผมชอบพี่เรามาเป็นแฟนกันนะครับ”
เดลตะโกนสารภาพรักแดนตามคำสั่งของธีมครั้งที่สอง แดนจึงรีบเรียกสติตัวเองกลับมาพร้อมกับตะโกนถามเดลกลับว่า “เฮ้ย…นี่มันอะไรกันครับน้อง” เดลจึงทำท่ากระซิบอยู่ตรงหน้าแดนพร้อมกับบอกแดนไปว่า “พี่ธีมสั่งมาครับ…ผมขอโทษด้วยนะครับพี่” แดนได้หันไปมองทางที่ธีมนั่งอยู่ ในขณะที่ธีมก็นั่งหัวเราะอย่างสนุกชอบใจอยู่
ส่วนแชมป์ที่มองดูเพื่อนตัวเองกำลังแกล้งคนอื่นอยู่ก็ได้แต่ยืนส่ายหน้า “พี่แดนครับ…ผมรักพี่ผมชอบพี่เรามาเป็นแฟนกันนะครับ” เดลตะโกนสารภาพรักแดนตามคำสั่งของธีมครั้งที่สาม แดนจึงรีบตะโกนใส่หน้าเดลว่า “ไปวิ่งรอบโรงอาหารเทียบรุ่นนี่คือคำสั่ง” แชมป์ที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ก็บ่นออกมาเบา ๆ กับตัวเองว่า “เป็นอย่างที่คิดไว้เป๊ะ”
แชมป์จึงได้เดินเข้าไปหาธีมในขณะเดียวกันแดนก็อยู่ตรงหน้าแล้วแดนก็ได้ถามธีมออกไปว่า “ไอ้ธีมนี่มึงเล่นบ้าอะไรของมึงวะ” ธีมก็จึงตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะไปด้วย “กูแค่ล้อเล่นขำ ๆ เองหน่า…มึงก็ทำเป็นจริงจังไปได้” เสียงที่สามก็ได้ดังขึ้นข้างหลังแดน “แต่กูไม่ตลกว่ะ…ไอ้เด็กนั่นมันจริงจังกับกิจกรรมของพวกมึงมากแล้วมึงเล่นบ้าอะไรของมึงไอ้ธีม” ใช่…เสียงนั้นคือเสียงของแชมป์ที่ยืนอยู่ข้างหลังแดน
พี่หว่าหวาจึงพูดแทรกขึ้นมา “นี่น้องแชมป์ที่เป็นประเด็นเมื่อวานนี้นี่…แล้วนี่คุณมาขึ้นมึงขึ้นกูกับรุ่นพี่คุณคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนเล่นคุณเหรอคะ” แดนวางข้าวลงบนโต๊ะและหันมาหาแชมป์พร้อมกับพูดกับแชมป์ว่า “ไอ้แชมป์มึงเอาสมุดเซ็นชื่อของไอ้เด็กนั่นกลับไปแล้วก็ไปสั่งให้มันหยุดวิ่งด้วยกูฝากด้วย”
แดนพูดพร้อมกับหยิบสมุดเซ็นชื่อของเดลมาให้แชมป์ แชมป์รับสมุดเซ็นชื่อมาจากมือแดน “ไอ้ธีม…แล้วเจอกันนะ” แชมป์ได้พูดกับธีมก่อนที่จะเดินจากไป แชมป์เดินมาจนถึงเดล “เฮ้ย…เดลหยุดวิ่งได้แล้ว” เดลเดินเข้ามาแชมป์พร้อมกับถามแชมป์ว่า “ได้ลายเซ็นมามั้ย” แชมป์ตอบเดลกลับไป “นี่ไม่ตายห่าก็ถือว่าบุญแล้วยังจะหวังลายเซ็นง้อย ๆ นั่นอีกเหรอ” เดลรับสมุดเซ็นชื่อกลับมาด้วยความผิดหวัง แชมป์ยกมือขึ้นจับไหล่เดลพร้อมพูดกับเดล “เดี๋ยวจัดการให้”
16.00 น.
“ได้เวลาเลิกเรียนแล้วสวรรค์ชัด ๆ” เดลหันมาพูดกับแชมป์ “เหอะ ๆ นรกน่ะสิไม่ว่า!!!” ท่าทางของแชมป์ตอนนี้คือเหมือนคนที่เบื่อโลกสุด ๆ “เออว่ะ…จริงด้วย ต่อไปก็ชุมนุมเชียร์นี่หว่า” เดลบ่นกับตัวเอง แชมป์ค่อย ๆ ลุกและเดินเพื่อออกจากห้องอย่างช้า ๆ ในจังหวะเดียวกันกับที่วิวก็กำลังจะลุกขึ้นเดินเหมือนกัน ทั้งสองได้ยืนสบตากันด้วยท่าทีที่เหมือนมีบางอย่างที่อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายแชมป์ก็เดินเลยผ่านไป
วิวได้แต่ทำท่าทางฉงนสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ “อีตานั่นเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ…ฉันเดาทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย” วิวได้พูดกับขิมที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ฉันว่าแกไม่ต้องพยายามเดาอะไรทั้งนั้นแหล่ะ…แกรอดูผลพวงที่จะตามมาจากเมื่อตอนเที่ยงดีกว่า”
จริง ๆ แล้วเหตุการณ์เมื่อตอนเที่ยงก็อยู่ในสายตาของวิวกับขิมเหมือนกัน และแล้วทุกคนก็ได้มารวมตัวที่เดิมที่เข้าชุมนุมเชียร์ แดนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว “ปี 1 ทุกคนจัดแถว” แดนตะโกนสั่งปี 1 เมื่อทุกคนจัดแถวเสร็จแล้วแดนจึงถามต่อไปว่า “พวกคุณเลิกเรียนกันสี่โมงไม่ใช่เหรอครับ…แล้วเดินจากตึกเรียนมายังสแตนนี้ที่อยู่ตรงหน้าตึกเรียนพวกคุณใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ”
หว่าหวาที่ยืนอยู่ข้างหลังแดนได้พูดออกมา “เนื่องจากเมื่อตอนเที่ยงวันนี้มีเพื่อนของพวกคุณปีนเกลียวรุ่นพี่…ถ้ารู้ตัวก็ยืนอยู่ต่อไปซะทุกคนนั่ง” เดลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้กดแชมป์ให้นั่งลงก่อนที่เดลจะยังคงยืนอยู่ต่อไป ใช่แล้วเดลต้องการจะรับผิดแทนแชมป์ที่แชมป์ช่วยเดลไว้จากเมื่อตอนเที่ยง
หว่าหวาจึงพูดออกมา “นี่คิดจะรับผิดแทนเพื่อนเหรอคะ…งั้นคุณก็ไปลุกนั่งเทียบเท่ารุ่นที่ด้านข้างของสแตนเลยค่ะ ไป๊~” หว่าหวาได้มองหน้าแชมป์เหมือนกับว่าโกรธแชมป์มาแต่ชาติปางก่อน จากนั้นแดนก็ได้อธิบายถึงกิจกรรมต่อไปของพิธีกรรมรับน้องของคณะนิเทศศาสตร์แห่งนี้ เมื่อแดนอธิบายทุกอย่างจบจึงสั่งบูมและเลิกกิจกรรม แดนได้เดินมาหาเดลที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ที่ข้างสแตน “กลับบ้านด้วยกันมั้ย…อยากจะคุยอะไรด้วยหน่อยน่ะ” ส่วนแชมป์ก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ก่อนที่จะเดินจากไป
แดนได้ชวนเดลไปหาข้าวทานที่ร้านข้าง ๆ มหาวิทยาลัย แดนได้เล่าหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวกับแชมป์ให้เดลฟังพร้อมกับทานข้าวกันไปด้วย แต่แดนไม่บอกเดลเกี่ยวกับเรื่องนิทาน แต่ในความเป็นจริงแล้วแดนแอบติดต่อหานิทานตลอด เพราะนิทานรู้ว่าแดนคือคนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ที่นิทานจะคอยอัพเดตเรื่องราวของน้องชายของตัวเองได้
ส่วนตัวแชมป์รู้ไหมว่าแดนแอบติดต่อกับนิทานอยู่ตลอด จริง ๆ แล้วแชมป์ก็รู้ แต่ด้วยความที่เคารพพี่สาวของตัวเองก็เลยไม่อยากจะพูดอะไรมากมายให้นิทานน้อยใจ เพราะสำหรับแชมป์แล้วนิทานคือคนที่แชมป์แคร์ความรู้สึกเอามาก ๆ
21.27 น.
“บี๊บ ๆ ๆ ~”
เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของแชมป์ได้ดังขึ้น และเมื่อแชมป์เปิดโทรศัพท์ดูก็เห็นผู้ส่งคือนิทาน
นิทาน : ว่าไง…เจ้าน้องชายตัวแสบ เป็นไงสบายดีมั้ย
แชมป์ : ก็เรื่อย ๆ นะเจ้…แต่ตอนนี้เป็นช่วงรับน้อง ไอสองตัวนั้นเลยแกล้งผมซะสนุกเลย
นิทาน : แกเองก็แกล้งสองคนไว้ไม่น้อย…ถือซะว่าเวรกรรมตามทันแล้วกันนะ
แชมป์ : ช่างเหอะ…ว่าแต่เจ้กับพี่ดาวอ่ะจะหวานไปมั้ย รูปคู่มีไม่ได้ขาดเลย
นิทาน : แน่นอนสิ!!! ก็แฟนฉันน่ารักนี่นะ
แชมป์ : ผมว่าผมน่าจะเจอคนในโชคชะตาเหมือนเจ้ละ…เพียงแต่!!!
นิทาน : แต่อะไรของแก
แชมป์ : เปล่าหรอกเจ้…ก็แค่สังหรณ์ใจนิด ๆ ว่ามันจะต้องมีเรื่องปวดหัวอีกแล้ว
นิทาน : อย่าไปคิดเยอะ!!! สมองระดับแกคงรับมือได้อยู่ละ
แชมป์ : ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นนะ
นิทาน : งั้นแยกย้ายนะ…มีอะไรก็ทักมาได้ตลอด
แชมป์ : โอเค…ตามนั้นเลยเจ้
หลาย ๆ ครั้งที่ลางสังหรณ์ของแชมป์นั้นมันทำงานดีอย่างไม่น่าเชื่อจนบางทีแชมป์ก็รู้สึกเบื่อ ๆ ตัวเองอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ว่านิทานจะไม่ได้อยู่กรุงเทพฯแล้ว แต่นิทานก็ยังให้พี่อาทิตย์และสองเพื่อนซี้นั้นดูแลอยู่ เพราะงั้นจะบอกว่าถึงแม้ว่าตัวจะไม่อยู่แต่ก็ยังติดตามอยู่
Days 3
เป็นอีกหนึ่งเช้าที่เหมือนจะดูเรียบง่ายและสงบสุขทุก ๆ คนก็เตรียมตัวเพื่อไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อไปเรียนกันตามปกติ แชมป์เองก็กำลังเตรียมตัวจะไปเรียนเหมือนกัน แต่เมื่อแชมป์มาถึงมหาวิทยาลัยและกำลังเดินไปยังห้องเรียนก็ได้มีใครคนหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าห้องเรียน คน ๆ ก็คือธีมพี่เฮดว้ากปี 2 และเพื่อนของแชมป์นั่นเอง
เมื่อแชมป์เดินมาจนถึงตัวธีม “ไอ้โซ่ที่ล็อครถมอเตอร์ไซค์ของกูอยู่อ่ะฝีมือมึงใช่ป่ะ” ธีมเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับเป็นฆาตกรโรคจิตในละคร แชมป์ได้หยุดยืนอยู่ตรงหน้าธีมพร้อมกับพูดว่า “แล้วมึงคิดว่าไงล่ะพี่ธีมพี่เฮดว้ากปี 2”
ธีมได้แต่พยายามกดอารมณ์ของตัวเองที่ก็อยากจะไม่โกรธแต่ก็โกรธ “แล้วมึงจะไปไขกุญแจปลดไอโซ่นั่นได้รึยัง” ธีมถามแชมป์พร้อมพลานกัดฟันไปด้วย “ไว้กูรู้สึกว่ามันสาสมกับสิ่งมึงทำไว้เมื่อวานเมื่อไรเดี๋ยวกูค่อยเลิกแล้วกัน…ได้ข่าวว่าเมื่อวันก่อนที่มึงมีประเด็นกับกูเลยถูกคุมความประพฤตินี่ใช่มะ งั้นช่วยทำตัวสงบ ๆ หน่อยนะแล้วกูอาจจะใจดีไปปลดไอโซ่นั่นออกจากรถมึงให้ก็ได้”
เมื่อแชมป์พูดจบแชมป์ก็เดินเข้าห้องโดยไม่สนใจธีมและทิ้งให้ธีมยืนโกรธอยู่ตรงนั้น ใช่แล้วแชมป์แกล้งธีมด้วยการเอาโซ่ที่ล็อครถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไปล็อครถมอเตอร์ไซค์ของธีมและแชมป์ก็เอารถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไปจอดไว้ที่หอของเดลเพื่อไม่ให้ธีมมาตลบหลังเอาคืนได้ แชมป์เดินมานั่งลงข้าง ๆ เดล “สรุปเมื่อวานนายทำอะไรไปกันแน่”
เดลเอ่ยถามแชมป์ด้วยความสงสัย แชมป์นั่งเอามือท้าวค้างพร้อมกับตอบเดลไปว่า “อย่าได้ไปสนใจเลยหน่า…” แชมป์กำลังนั่งแอบมองไปที่วิวด้วยท่าทางที่เหมือนจะเบื่อหน่ายแต่ก็เหมือนจะมีอะไรในใจสักอย่าง แต่ในวันนี้วิวไม่ได้นั่งเรียนกับขิมแค่สองคนอีกแล้วแชมป์เลยเอ่ยถามเดลไปว่า “เดล…นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นที่นั่งข้าง ๆ ยัยนั่นป่ะ”
เดลถามแชมป์กลับไปว่า “ข้าง ๆ วิวอ่ะเหรอ” แชมป์หันหน้าไปหาเดลเล็กน้อยพร้อมกับยักคิ้วเหมือนกับจะบอกเดลว่าตามนั้นแหล่ะ “คนที่นั่งข้าง ๆ วิวชื่อมิรินน่ะ…เห็นว่าเหมือนเมื่อวานทั้งสามจะนั่งอยู่ด้วยกันตอนชุมนุมเชียร์นะนายไม่ได้สังเกตุเหรอ” แชมป์นั่งมองไปทางวิวพร้อมกับพูดว่า “เอาจริง ๆ นะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย…เพิ่งจะรู้สึกสนใจก็เมื่อกี้นี่แหล่ะ”
เดลก็ตอบกลับแชมป์ “ว่าก็ว่านะ…เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้มั้งพูดแบบปกติเหอะ” แชมป์ตอบกลับเดล “เออ” เดลก็ได้ตอบกลับแชมป์ “แหม๊…ทันทีเลยนะ แต่เอาเถอะยังไงเราก็เพื่อนกันแล้วนี่เน้อ” แชมป์ก็ได้ถามเดลต่อไปว่า “ถามไรหน่อยดิเดล…มึงพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับยัยมิรินนั่นบ้างป่ะในฐานะที่มึงรู้จักคนในคณะไปทั่วเนี่ย” เดลตอบกลับแชมป์ “ฟังแล้วดูไม่เหมือนคำชมเลยนะมึง จริง ๆ ก็พอจะรู้ ๆ อยู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เยอะหรอก แล้วนึกไงหว่าถึงได้ถามถึงยัยมิรินน่ะ?”
แชมป์ก็ได้ตอบกลับเดล “ไม่อะไรหรอกก็แค่อยากรู้เฉย ๆ อ่ะ…ถ้ารู้อะไรเกี่ยวกับยัยนั่นบ้างไหนเล่ามาดิ๊” เดลก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรสักอย่างบนหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่นึงก่อนที่เสียงแจ้งเตือนไลน์เครื่องของแชมป์จะดังขึ้น เมื่อแชมป์เปิดดูไลน์นั่นคือข้อความจากเดลที่เล่าเรื่องที่พอจะรู้ให้แชมป์ฟัง แชมป์ได้นั่งอ่านข้อความพร้อมทำท่าทางครุนคิดไปด้วย เหมือนว่าข้อความเดลส่งให้นั้นน่าจะมีความสำต่อคำถามในใจของแชมป์อยู่ไม่น้อย
16:00 น.
“ในที่สุดก็เลิกเรียนสักที…วันนี้ไม่มีชุมนุมเชียร์สินะ” เดลพูดกับแชมป์ด้วยท่าทางดูดีใจเอามาก ๆ แชมป์ก็บอกกับเดล “วันนี้แยกย้ายนะ” แชมป์ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องเหมือนกับจะรีบไหนสักที่ ตอนนี้แชมป์เดินมายังที่จอดรถมอเตอร์ไซค์แชมป์ได้มาหยุดอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง รถมอเตอร์ไซค์คันนี้มีโซ่ล็อคไว้อยู่แชมป์ก็พลิกเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบบางอย่าง ของสิ่งนั้นคือกุญแจและใช่แล้วนี่คือรถมอเตอร์ไซค์ของธีมที่แชมป์มาล่ามโซ่ล็อคไว้นั่นเอง
แชมป์ได้ไขกุญแจและเก็บโซ่ใส่กระเป๋าจากนั้นแชมป์ก็เดินจากไปจากรถมอเตอร์ไซค์ของธีม ตอนนี้แชมป์เดินกลับมาจนถึงหอพักแล้วและก็ยังคงเดินต่อไปเพื่อให้ถึงห้อง เมื่อแชมป์เดินขึ้นบันไดก้าวสุดท้ายและหันหน้าไปทางห้องก็เห็นว่าวิวกำลังจะไขล็อคประตูเข้าห้อง แชมป์เดินมาจนถึงวิวที่ยืนอยู่หน้าห้อง “แชมป์…ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย” วิวเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้หันหน้าไปทางแชมป์
และแชมป์ก็ได้ตอบกลับวิว “ขอเข้าห้องเก็บของแปปนึงนะ…เอางี้งั้นอีก 10 นาที ลงไปเจอที่นั่งหน้าหอก็ได้” วิวตอบกลับแชมป์ “เอาแบบนั้นก็ได้” และแล้วทั้งสองคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง ตอนนี้ก็ถึงเวลา 10 นาที ที่ทั้งสองได้นัดกันไว้แล้ววิวเปิดประตูห้องและล็อคห้องและวิวก็เดินลงจากบันไดเพื่อไปยังที่นั่งเล่นหน้าหอพักตามที่ได้นัดกับแชมป์ไว้เมื่อลงมาถึงยังที่นั่งหน้าหอวิวได้บ่นกับตังเองเบา ๆ “นี่อีตานั่นยังไม่ลงมาอีกเหรอเนี้ย”
วิวจึงได้นั่งรอแชมป์อยู่ที่ ๆ นั่งเล่นหน้าหอพัก เมื่อวิวนั่งไปได้ไม่นานสายตาวิวก็เปิดกว้างขึ้นจากเดิมนิดหน่อย “โทษทีนะที่มาช้าอ่ะ…งั้นเลี้ยงนี่เป็นการไถ่โทษแล้วกัน” แชมป์พูดพร้อมกับยื่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้วิว “ขอบใจนะ” วิวพูดพร้อมกับยื่นมือออกไปรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แชมป์ยื่นให้ “เราไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะคุยอะไรกับเราอ่ะ…แต่เรื่องป้ายชื่ออ่ะเราขอโทษนะ แล้วถ้ามีอะไรที่เราเกิดทำให้เธอไม่พอใจอีกเราก็ขอโทษอีกทีนะ”
แชมป์กล่าวพร้อมกับนั่งลงยังที่นั่ง “เราไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจอะไรเธอหรอก…เราแค่อยากรู้จักเธอเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะ” วิวกล่าวด้วยท่าทีเป็นมิตร แชมป์มองหน้าวิวอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามวิว “แล้วทำไมเธอถึงอยากจะรู้จักเราล่ะ” วิวก็ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับแชมป์ “ก็ตั้งแต่เราเจอกับเธอมาเนี่ย เราก็เดาการกระทำของเธอไม่ออกสักอย่าง คงเพราะแบบนั้นแหละมั้ง ถึงทำให้เราอยากรู้จักเธอมากขึ้นน่ะ”
แชมป์ตอบกลับวิว “เธออยากรู้อะไรเธอถามเลยนะ ถ้าเรื่องไหนตอบได้เราจะตอบ…เราเองก็อยากรู้จักเธออยู่เหมือนกัน” ดวงตาของวิวเปิดกว้างด้วยท่าทีที่ตกใจนิดหน่อย “บางทีอ่ะว่านายจะตรงก็ตรงจนเราตกใจเลยนะ…อ่ะบางทีนายจะมีเงื่อนงำเราก็เดาใจนายไม่ออกเลยนะ” วิวกล่าวพร้อมกับมองหน้าแชมป์ในขณะที่แชมป์ก็นั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อไป
“เราแอบเห็นนะ…เธอกับพี่เฮดว้าก่นะ” วิวพูดมาลอย ๆแชมป์ได้หยุดกิจกรรมจากถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วจึงถามวิวกลับไป “เห็นที่ว่านี่เห็นอะไรแบบไหนยังไงเหรอ” วิวทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับ “ก็เหมือนว่านายกับพี่เฮดว้ากจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้วน่ะสิ”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!