นิรันดร์ | ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน
一 | หนึ่งใจฝัน หนึ่งใจสัญญา
สองดวงใจบริสุทธิ์เติบโตเคียงกันในโลกสงบ
ดินแดนอันงดงามซ่อนตัวกลางมหาสมุทรไกลโพ้น สายลมอ่อนพัดผ่านดอกไม้หลากสีที่บานสะพรั่งตลอดทั้งปี
เสียงลมทะเลอ่อน ๆ พัดผ่านใบไม้สีเขียวสดทั่วลานไม้ไผ่ที่ทอดยาวหน้าบ้านหลังใหญ่ ใจกลางเกาะสวรรค์พฤกษา เฟิ่งเจียหลินนั่งประสานขาบนพื้นไม้ สวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนดุจแสงอรุณ ดวงตากลมโตจ้องมองพ่อกับแม่ตรงหน้า ในขณะที่เสวี่ยตงหานนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบงัน
เฟิ่งผิงผู้เป็นแม่ส่งสายตาหวานซึ้งให้เด็กทั้งสองก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เฟิ่งผิง
ตอนนี้พวกเจ้าอายุหกขวบกันแล้ว
เฟิ่งผิง
ถึงเวลาต้องเลือกเส้นทางชีวิต
เฟิ่งผิง
ถึงเวลาต้องเลือก…ว่าจะฝึกฝนและเรียนรู้จากที่ใด
เฟิ่งหลาน
พวกเราคิดว่าจะให้พวกเจ้าเรียนที่ตำหนักไม้หอม
เฟิ่งหลาน
มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณยุทธ์พืชมากมาย
เฟิ่งหลาน
ที่พร้อมจะสอนพวกเจ้า
ทันใดนั้นเอง มือเล็ก ๆ ของเฟิ่งเจียหลินก็ยกขึ้นอย่างมั่นใจ
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าขอไปเรียนที่โรงเรียนนั่วติงบนแผ่นดินใหญ่เจ้าค่ะ
เสียงของเธอแม้จะอ่อนเยาว์
แต่กลับเปี่ยมด้วยความมั่นใจจนบิดามารดาต้องชะงัก
เฟิ่งผิง
ลูกแน่ใจหรือว่าอยากจากเกาะนี้ไปไกลขนาดนั้น
เฟิ่งผิง
โรงเรียนนั่วติงอยู่เทียนโต่ว
เฟิ่งผิง
ไกลจากที่นี่ถึงพันลี้
เฟิ่งผิง
และห่างไกลจากพ่อแม่
เฟิ่งหลาน
เหตุใดจึงเลือกที่นั่น
เฟิ่งเจียหลินหายใจเข้าลึก
ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความฝัน
เฟิ่งเจียหลิน
เพราะข้าอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์อวี้เสี่ยวกังเจ้าค่ะ
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าเคยอ่านเรื่องวิจัยของเขาในตำรา
เฟิ่งเจียหลิน
เขาแตกต่างจากคนอื่น
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่เคยดูแคลนผู้ที่มีวิญญาณยุทธ์ด้อย
เฟิ่งเจียหลิน
เขาศรัทธาในพลังของความรู้และความพยายาม
ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าถือครองดอกบัวเซียนสวรรค์
เฟิ่งเจียหลิน
ข้ารู้ดีว่าข้าต้องมีใจบริสุทธิ์
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่โลภ ไม่อาฆาต
เฟิ่งเจียหลิน
แต่หากข้าไม่เข้าใจโลกกว้าง
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่เคยเห็นความชั่วร้าย
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่รู้จักความโหดร้าย
เฟิ่งเจียหลิน
แล้วข้าจะปกป้องผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร
น้ำเสียงของเฟิ่งเจียหลินแม้จะยังเด็กนัก
แต่เต็มไปด้วยสาระจนเฟิ่งผิงนิ่งเงียบไป
ชื่อเสียงเรียงนามของอวี้เสี่ยวกังบนแผ่นดินใหญ่ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ผู้ที่มีความคิดสวนทางจากหลักข้อมูลทุกอย่างของวิญญาณยุทธ์ และเป็นผู้ที่มีความคิดฉลาดหลักแหลม
เฟิ่งเจียหลินพยักหน้าเบา ๆ
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าอยากเป็นดั่งเขา…
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าอยากเข้าใจความหมายของพลังอย่างลึกซึ้ง
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่ใช่เพียงแค่ฝึกให้แข็งแกร่ง
เสวี่ยตงหานเอ่ยขึ้นมาด้วย สีหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาสงบเย็น
เสวี่ยตงหาน
ถ้าเจียหลินจะไป ข้าจะไปด้วย
เฟิ่งหลานหันไปมองเด็กชายที่เขาเลี้ยงดั่งลูก
เฟิ่งหลาน
ตงหาน เจ้าจะไปด้วยหรือ
เฟิ่งหลาน
ที่นี่ก็มีอาจารย์มากมายที่สอนสายพลังจู่โจมเช่นเจ้า
เสวี่ยตงหานก้มศีรษะเล็กน้อย
ดวงตาทอดมองเงาของตนเองบนพื้นไม้
เสวี่ยตงหาน
ท่านพ่อ ท่านแม่
เสวี่ยตงหาน
วิญญาณยุทธ์ของเจียหลินคือดอกบัวเซียนสวรรค์
เสวี่ยตงหาน
หากนางเปื้อนเลือด
เสวี่ยตงหาน
วิญญาณจะปิดตาย
เสวี่ยตงหาน
หากใจนางมีแค้น
เสวี่ยตงหาน
ความบริสุทธิ์จะจางหาย
น้ำเสียงมั่นคงราวกับดาบที่ฝังอยู่ในใจ
เสวี่ยตงหาน
จงปล่อยให้ข้าเป็นคนแบกบาปแทนนางเถอะ
น้ำตาคลอในดวงตาของเฟิ่งผิงโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่เฟิ่งหลานเงียบงันไปหลายนาที
เฟิ่งหลานก็ลูบผมลูกสาวเบา ๆ แล้วหันไปพยักหน้าให้ภรรยา
เฟิ่งหลาน
พวกเขาอาจพร้อมกว่าที่เราคิด
ยามรุ่งอรุณทาบฟ้า แสงสีทองอ่อน ๆ สาดลงบนยอดไม้ของเกาะสวรรค์พฤกษา
น้ำทะเลสีฟ้าครามกระทบโขดหินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเสียงหัวใจของเกาะที่เต้นอยู่เงียบ ๆ
เรือสำเภาขนาดกลางหนึ่งลำจอดนิ่งอยู่กลางท่า
เสาธงประดับด้วยผืนผ้าขาวปักลายกระเรียนและดอกบัว
เครื่องหมายแห่งตระกูลเฟิ่งที่สืบทอดกันมานานหลายชั่วอายุคน
เฟิ่งเจียหลินสวมเสื้อคลุมผ้าลินินเนื้อดี สีชมพูอ่อนผสานม่วงดั่งกลีบดอกบัว
ดวงตาคู่งามของนางจ้องมองขอบฟ้าอย่างสงบ
แม้ริมฝีปากจะยิ้มน้อย ๆ แต่ในอกกลับแน่นราวมีถุงทรายทับใจ
ข้างนางคือเสวี่ยตงหานในชุดคลุมดำปักลายคลื่นเงิน สายตาเงียบงันแต่คมลึก
เด็กชายไม่เอ่ยคำใดมาแต่เช้า มีเพียงมือที่ถือกระเป๋าเสบียงและสัมภาระของทั้งสองอย่างแนบแน่น
เฟิ่งผิง
หากเจ้าไม่อยากไปตอนนี้
เฟิ่งผิง
ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนใจนะลูก
เฟิ่งเจียหลินหันมายิ้มบาง
เฟิ่งเจียหลิน
หากข้ากลัวการเดินทางครั้งนี้
เฟิ่งเจียหลิน
แล้ววันหนึ่งจะยืนหยัดบนโลกกว้างได้อย่างไรเจ้าคะ
เฟิ่งหลานเดินเข้ามาข้างหลัง เอื้อมมือไปลูบผมลูกสาวอย่างแผ่วเบา
เฟิ่งหลาน
เจ้าเป็นพี่ชายที่ข้าไว้ใจ
เฟิ่งหลาน
แม้พวกเจ้าเกิดปีเดียวกัน
เฟิ่งหลาน
เจ้ากลับแบกรับได้มากกว่าใคร
เสวี่ยตงหานไม่ตอบ เพียงค้อมศีรษะนิ่ง
เฟิ่งหลานยื่นห่อผ้าให้เขา
เฟิ่งหลาน
นี่คือจดหมายแนะนำตัวของข้า
เฟิ่งหลาน
ให้แก่ผู้อาวุโสใหญ่ของโรงเรียนนั่วติง
เฟิ่งหลาน
และนี่คือกำไลมิติที่ข้าเก็บเงินไว้จำนวนมาก
เฟิ่งหลาน
ไม่ต้องประหยัดมากเกินไป แต่ก็จงอย่าใช้สุรุ่ยสุร่าย
เฟิ่งหลาน
เงินพวกนี้ จะทำให้พวกเจ้าใช้ชีวิตได้สบายๆถึงสิบปี
เฟิ่งผิงเดินเข้ามาหาลูกสาว
ยื่นกล่องเล็ก ๆ สีขาวมุกให้
เฟิ่งผิง
ในนี้เป็นเมล็ดบัวจากดอกบัวเซียนสวรรค์รุ่นเก่าที่สุดในสวนของแม่
เฟิ่งผิง
หากลูกตั้งใจปลูกและดูแลมัน
เฟิ่งผิง
มันก็จะภักดีต่อลูกเพียงผู้เดียว
เฟิ่งผิง
หากเกิดอันตรายอันใด
เฟิ่งผิง
มันก็จะคอยปกป้องเจ้า
เฟิ่งเจียหลินรับมาเงียบ ๆ
น้ำในดวงตาไหลเอ่อโดยไม่รู้ตัว
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง
เฟิ่งผิง
เราไม่เคยหวังให้เจ้าสมบูรณ์แบบ
เฟิ่งผิง
แค่จงเป็นตัวของตัวเอง
เฟิ่งผิง
อย่างมีความสุขและเข้มแข็ง
เสียงแตรลมจากเรือดังขึ้นเบา ๆ
เป็นสัญญาณเตรียมออกเดินทาง
เฟิ่งหลานวางมือบนบ่าของทั้งสอง
เฟิ่งหลาน
การออกเดินทางคือจุดเริ่มต้น
เฟิ่งเจียหลินและเสวี่ยตงหานก้าวขึ้นเรือโดยไม่หันกลับมา
แต่เมื่อเรือเริ่มเคลื่อนออกจากฝั่ง
สายลมก็พัดผ่านแรงขึ้น กลีบดอกบัวนับพันจากทั่วเกาะลอยตามลมมาส่งพวกเขา
ราวกับธรรมชาติเข้าใจว่าการเดินทางของทั้งสองไม่ใช่เพียงการข้ามทะเล
แต่เป็นการก้าวเข้าสู่โชคชะตา
พวกเขายืนเคียงกัน บนหัวเรือ
สูดกลิ่นไอทะเลลึกเข้าไปเต็มปอด ก่อนเอ่ยคำแผ่วเบา
เสวี่ยตงหานตอบกลับด้วยเสียงต่ำแน่น
เสวี่ยตงหาน
ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เสวี่ยตงหาน
ข้าก็พร้อมที่จะไปกับเจ้า
mamee ˚୨୧⋆
สวัสดีค่ะทุกคนน 👋🏻
mamee ˚୨୧⋆
เค้ากลับมาแต่งในรอบปีเลยย
mamee ˚୨୧⋆
หายไปนานม้ากกกก
mamee ˚୨୧⋆
แต่ได้ประสบการณ์มาเย้อเลย
mamee ˚୨୧⋆
ที่หายไปน้านนานเนี่ยเค้าไปติดรี้ดอะไรท์
mamee ˚୨୧⋆
แล้วก็ไปใช้ชีวิต
mamee ˚୨୧⋆
เค้าคิดว่าเรื่องนี้ควรอัพแอปนี้
mamee ˚୨୧⋆
นั่นเลยเป็นเหตุผลให้เรากลับมาเนี่ยแหละะ
mamee ˚୨୧⋆
ฝากน้องเจียหลินกับตงหานไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะะ
二 | ก้าวแรกสู่แผ่นดินใหญ่
เมื่อเท้าเล็ก ๆ ของเด็กทั้งสองเหยียบย่างสู่แผ่นดินใหญ่
เสียงคลื่นซัดแผ่วเบาเบื้องหลังแทบกลืนหายไปกับเสียงจอแจของชาวเมืองริมฝั่ง
โต่วหยวนเดินตามหลังในชุดผ้าไหมเรียบ พอเห็นทั้งสองหยุดยืนชมท่าเรือ เขาก็โค้งตัวเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่ม
โต่วหยวน
คุณหนูเฟิ่ง นายน้อยเสวี่ย
โต่วหยวน
โปรดลงจากเรืออย่างระวังด้วยขอรับ
โต่วหยวน
เรือโครงเครงอาจจะหกล้มลงได้ขอรับ
เฟิ่งเจียหลินหันกลับมา สีหน้าอมยิ้มเล็กน้อยแต่แววตาจริงจัง
เฟิ่งเจียหลิน
ที่นี่ไม่ใช่บนเกาะ
เฟิ่งเจียหลิน
ถึงข้าจะเป็นบุตรสาวของผู้นำตระกูลเฟิ่งที่ยิ่งใหญ่บนเกาะ
เฟิ่งเจียหลิน
แต่ข้าอยากมาในฐานะคุณหนูตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่ง
เฟิ่งเจียหลิน
ถ้าเจ้าใช้คำพวกนี้
เฟิ่งเจียหลิน
มีแต่จะดึงดูดความสนใจและขัดต่อความต้องการของข้านะ
เสวี่ยตงหานพยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วย
ขณะที่โต่วหยวนดูลังเลครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจแล้วโค้งตัวรับคำ
เขาเปลี่ยนคำเรียกทันที แม้จะแฝงความไม่คุ้นเคยอยู่ในน้ำเสียงบ้าง
เฟิ่งเจียหลินยิ้มออกมาด้วยความปิติ ที่โต่วหยวนยอมฟังเธอและทำตามคำขอ
เมื่อเดินออกมาพ้นท่าเรือ แสงแดดเริ่มอ่อนลง สีทองส้มของท้องฟ้าทอแสงเฉียงลงมาตามถนนที่ทอดไกล
โต่วหยวนหันมามองเด็กทั้งสองแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
โต่วหยวน
ถึงจะยังมีเวลาสำหรับการเดินทางต่อ
โต่วหยวน
แต่ข้าขอแนะนำให้พักที่เมืองนี้สักคืนก่อน
โต่วหยวน
ตะวันเริ่มตกดินแล้ว
โต่วหยวน
และการเดินทางช่วงค่ำในแผ่นดินใหญ่
โต่วหยวน
มันไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่
เฟิ่งเจียหลิน
ก็ดีเหมือนกัน
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าตลาดในแผ่นดินใหญ่มีอะไรน่าสนใจบ้าง
เสวี่ยตงหานไม่ได้คัดค้าน เขาเพียงยืนเงียบอยู่ข้างนางเหมือนเคย
ทั้งสามเดินเข้าไปยังโรงแรมชั้นกลางแห่งหนึ่งในเขตเมืองชั้นใน
โต่วหยวนจัดหาห้องพักสองห้องติดกันอย่างคล่องแคล่ว
จ่ายเงินล่วงหน้าด้วยเงินจำนวนมากที่เฟิ่งหลานให้มา และย้ำกับเจ้าของโรงแรมว่าห้ามรบกวนเด็กทั้งสองเด็ดขาด
หลังจากพักผ่อนและล้างหน้าล้างตากันพอสมควร
เสียงเคาะเบา ๆ ก็ดังขึ้นที่ประตูห้องของโต่วหยวนในยามค่ำ
เฟิ่งเจียหลิน
โต่วหยวน เจ้ามาเร็ว ข้ามีแผน
เสียงของเฟิ่งเจียหลินดังลอดบานประตูอย่างร่าเริง
โต่วหยวนเปิดประตูด้วยสีหน้าระอาอย่างสุภาพ
เสวี่ยตงหาน
ตลาดกลางคืน...
เสวี่ยตงหานพูดสั้น ๆ ขณะยืนอยู่ด้านหลังนาง
เฟิ่งเจียหลิน
ใช่! ข้าได้ยินจากแม่ค้าตอนบ่ายว่าตลาดกลางคืนที่นี่น่าสนใจนัก
เฟิ่งเจียหลิน
ของเล่นแปลก ๆ ขนมพื้นเมือง
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าจะไม่ยอมพลาด!
โต่วหยวนถอนหายใจเป็นรอบที่สองของวัน
โต่วหยวน
ข้าขอเพียงอย่าเดินห่างกันมากนัก
ทั้งสามจึงออกจากโรงแรมพร้อมกัน
แสงไฟจากโคมกระดาษสีแดงส่องแสงระยิบรายทาง
ตลาดกลางคืนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงไม้กระทบกันของร้านของเล่น กลิ่นขนมปังอบ ข้าวเกรียบหลากสี และน้ำสมุนไพรเย็นหอมหวานลอยฟุ้ง
เฟิ่งเจียหลินวิ่งไปร้านหนึ่งแล้วอีกร้านหนึ่ง
มือหนึ่งถือของกิน มือหนึ่งเดินจูงเสวี่ยตงหานไปราวกับเด็กน้อยที่ออกผจญภัย
ส่วนโต่วหยวน... เดินตามอยู่ไม่ห่างนัก มือไขว้หลังอย่างสุภาพ แต่ดวงตาไม่เคยละจากทั้งสองเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เฟิ่งเจียหลิน
ขนมจากร้านนั้นอร่อยมากเลยนะ
เฟิ่งเจียหลิน
เจ้าลองชิมดู
เจียหลินป้อนขนมให้ตงหาน เขาอ้าปากกินมันอย่างไม่ปฎิเสธ ก่อนจะพยักหน้า
เสวี่ยตงหาน
เจ้าเก็บไว้กินเถอะ
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าซื้อมาตั้งเยอะ
เสวี่ยตงหาน
ของพวกนี้เจ้ากินไม่อิ่มหรอก
เสวี่ยตงหาน
เดี๋ยวก็งอแงอีก
เฟิ่งเจียหลิน
ปรักปรำกันชัดๆเลยนี่
เฟิ่งเจียหลิน
เราไปดูร้านนั้นกันเถอะ
หลังจากเดินเที่ยวตลาดกลางคืนกันจนทั่ว ทั้งสามก็กลับถึงโรงแรมด้วยรอยยิ้มพรายอยู่บนใบหน้า
แม้โต่วหยวนจะไม่เอ่ยปาก แต่ก็เห็นชัดว่าเขาเองก็เพลิดเพลินกับการได้เฝ้ามองเด็กทั้งสองสนุกสนาน
โต่วหยวน
ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน
โต่วหยวน
หากมีธุระเรียกข้าได้ทุกเวลา
โต่วหยวนโค้งตัวอย่างสุภาพ แล้วเดินแยกไปยังห้องของตนอย่างเงียบงัน
เฟิ่งเจียหลินหันไปมองเสวี่ยตงหาน ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย
เฟิ่งเจียหลิน
ตงหาน มาที่ห้องข้าหน่อยสิ ข้ามีบางอย่างให้เจ้าดู
เสวี่ยตงหานเลิกคิ้วเล็กน้อย
เสวี่ยตงหาน
เจ้าชวนบุรุษไปห้องยามวิกาลรึ
เฟิ่งเจียหลิน
เจ้าจะทำอะไรข้าอยู่รึไงกัน
เฟิ่งเจียหลิน
ตามมาเถอะหน่าา
เจียหลินไม่รอช้าอะไร จับมือตงหานพาเขาเข้ามาภายในห้อง
เมื่อเข้ามาในห้อง เฟิ่งเจียหลินก็ปิดประตูทันที ก่อนจะเรียก “หีบไม้แดง” ใบใหญ่ออกมาจากกำไลเก็บของของนาง
สิ่งของที่พ่อกับแม่ส่งมอบให้ก่อนจากกัน
นางใช้กุญแจหยิบจากคอเสื้อ ไขกลอนออกอย่างระมัดระวัง
เสียง กึก ดังเบา ๆ ตามด้วยกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมโบราณ เมื่อนางเปิดฝาออก
สิ่งที่อยู่ภายในก็สะท้อนแสงตะเกียงในห้องออกมาเป็นประกายเรืองรอง
เฟิ่งเจียหลิน
พ่อกับแม่เตรียมให้พวกเรามากมายกว่าที่ข้าคิดอีก
กำไลหยกขาว ประดับลวดลายดอกบัวเลื่อมทอง ไว้สำหรับเก็บสมุนไพรมากมาย
สร้อยคออักขระหยกน้ำเงิน ฝังอาคมป้องกันภัย และป้องกันการสะกดจิต
ถุงผ้าสีขาวลวดลายก้อนเมฆงดงาม ในช่องมิติของมันมีเงินทองจำนวนมหาศาล
เฟิ่งเจียหลิน
ท่านแม่รู้ว่าข้าอยากได้กำไลอันนี้
เฟิ่งเจียหลิน
ก็เอามาให้ แถมข้างในก็มีสมุนไพรเซียนเต็มไปหมดเลย
เฟิ่งเจียหลินหัวเราะเบา ๆ ขณะหยิบขวดเซรามิกเล็กขึ้นมาสูดดม แล้วหน้าก็ย่นทันที
เสวี่ยตงหานนั่งลงข้าง ๆ อย่างเงียบงัน
เขาหยิบมีดพับเล่มหนึ่งขึ้นมา พลิกดูสลักลวดลายที่คุ้นเคย
เสวี่ยตงหาน
นี่… เหมือนอาวุธที่อยู่ในคลังอาวุธของท่านพ่อ
เขาพูดเบา ๆ คล้ายกับเสียงตนเองหล่นหายไปกับความคิด
เฟิ่งเจียหลิน
ทุกอย่างที่ให้เรามา
เฟิ่งเจียหลิน
ไม่ใช่แค่สิ่งของ
เฟิ่งเจียหลิน
แต่คือความรัก และความคาดหวัง
เฟิ่งเจียหลินพูดพลางวางมือลงบนหีบ
เฟิ่งเจียหลิน
เราต้องทำให้เขาภูมิใจ ใช่มั้ย
เสวี่ยตงหานไม่ตอบ เขาเพียงพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือไปหยิบสร้อยคออีกเส้นหนึ่ง
เสวี่ยตงหาน
เส้นนี้... ข้าใส่ให้เจ้านะ
เจียหลินหันมองเขา แล้วพยักหน้าเงียบ ๆ ยื่นคอไปข้างหน้าเล็กน้อย
เสียง คลิก เบา ๆ ดังเมื่อเขาล็อกสร้อยไว้รอบคอเธอ
มือสัมผัสผิวนวลผ่านอักขระหยกเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถอยกลับอย่างสุภาพ
ในห้องที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสอง และแสงตะเกียงที่ส่องไหววูบเหมือนจิตใจของผู้เริ่มต้นออกเดินทางไกล…
เฟิ่งเจียหลิน
ข้าว่าอาวุธพวกนี้ควรเป็นของเจ้านะ
เสวี่ยตงหาน
เจ้าก็เก็บไว้สักสองสามอย่าง
เสวี่ยตงหาน
ไม่ต้องให้ข้าหมดก็ได้
เสวี่ยตงหาน
ในกำไลหยกดำของข้าก็พอมีของพวกนี้อยู่แล้ว
เฟิ่งเจียหลิน
เอางั้นก็ได้
เฟิ่งเจียหลินหยิบม้วนคำภีร์ขึ้นมาเปิดอ่าน ก็ถึงกลับตกใจ
เฟิ่งเจียหลิน
นี่ท่านพ่อบ้าไปแล้วรึ!
เสวี่ยตงหานขยับเข้ามาใกล้เจียหลินอีกนิดเพื่ออ่านคำภีร์ในมือของนาง
เสวี่ยตงหาน
คำภีร์ทักษะเซียนบุปผา
เฟิ่งเจียหลิน
นี่มันคำภีร์ประจำตระกูลเลยนะ
เฟิ่งเจียหลิน
ทำไมกล้าให้เรากัน
เสวี่ยตงหาน
มันก็ดีไม่ใช่รึ
เสวี่ยตงหาน
พวกเรายังไม่เคยฝึกทักษะเซียนบุปผา
เสวี่ยตงหาน
ที่ท่านพ่อให้มา ก็คงเพราะอยากให้เราเรียนรู้มันรึป่าว
เฟิ่งเจียหลิน
คงจะเป็นแบบนั้นนะ
เฟิ่งเจียหลิน
งั้นข้าฝากไว้กับเจ้า
เฟิ่งเจียหลิน
คัมภีร์อื่นๆพวกนี้ด้วย
เฟิ่งเจียหลินยัดม้วนคำภีร์จำนวนมากให้เสวี่ยตงหาน
เขาก็จำใจยอมเก็บมันเข้าช่องมิติของกำไลหยกดำของเขา
เสวี่ยตงหาน
ทำไมเจ้าไม่เก็บมันไว้กับตัวเอง
เฟิ่งเจียหลิน
เจ้าคิดว่าข้าจะรักษาได้ดีงั้นรึ
เฟิ่งเจียหลิน
เก็บไว้กับเจ้าข้าสบายใจกว่าเยอะ
เฟิ่งเจียหลิน
งั้นถุงเงินนี่ก็เก็บไว้กับเจ้า
เฟิ่งเจียหลิน
หากอยู่กับข้า ข้ากลัวจะใช้สุรุ่ยสุร่าย
เสวี่ยตงหาน
มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ
เฟิ่งเจียหลิน
ของพวกนี้ค่อยแบ่งกันทีหลัง
เฟิ่งเจียหลิน
เรามากินของที่ซื้อมาด้วยกันเถอะ
mamee ˚୨୧⋆
จบไปอีกตอนแล้วค่ะะ
mamee ˚୨୧⋆
พยายามทำให้มันดีแล้วอะ
mamee ˚୨୧⋆
แต่ได้แค่นี้แหละะ
mamee ˚୨୧⋆
ถ้ามีคำไหนที่ผิดพลาดบอกได้นะะ
mamee ˚୨୧⋆
แล้วก็เหมือนเดิมค่ะ
mamee ˚୨୧⋆
ฝากน้องเจียหลินและน้องตงหานไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ❤❤❤
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!