NovelToon NovelToon

มัลคาไดน์ (ภาคหลัก)

ข้าก็แค่นักเดินทาง

มัลคาไดน์
ภาคหลัก ภาคที่ 1
ราชันพันธ์เทพ
. . . . . . . . . .
Talk : เบริล
ฮี่....ฮี่...
เสียงเจ้าม้าสีน้ำตาลร้องพร้อมยกขาหน้าขึ้นหลังจากที่ชายแก่ผู้เป็นนายบังคับให้มันหยุด
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
พ่อหนุ่ม
ชายชราเรียกชายหนุ่มเจ้าของร่างที่นอนหลับสนิทเอาหมวกผ้ากระสอบสีน้ำตาลปิดบังใบหน้าจากแสงแดดยามเที่ยงอยู่หลังรถม้าของเขา 
เบริล
เบริล
💤💤💤
คนหลับสนิทยังคงนิ่งไม่ได้ยินเสียงเรียกใดๆจนเจ้าของรถต้องเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง แต่ผลก็เหมือนเดิม เงียบกริบเขายังคงนอนไม่ไหวติงจนชายแก่ต้องตะโกนเรียกให้ตื่น  เจ้าของร่างที่ถูกรบกวนสะดุ้งก่อนเอาสิ่งที่ปกปิดใบหน้าออก แล้วหาวไปหนึ่งที 
เบริล
เบริล
ถึงแล้วหรือลุง
คนโดยสารรถม้าถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ก็เออสิวะ
เบริล
เบริล
ถึงไหน
ชายหนุ่มกวาดสายตามองโดยรอบก็เห็นแต่วิวทิวทัศน์จากธรรมชาติในหุบเขาเท่านั้นไม่มีป้าย หรืออะไรที่บ่งบอกได้เลยว่าอยู่แห่งหนตำบลใด 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
บ๊ะ!! แล้วบอกให้ข้ามาส่งเจ้าที่ใดเล่า
มือคล้ำดำเต็มไปด้วยรอยกระอันเหี่ยวย่นของชายชราวัยหกสิบปีปลายๆตบหน้าขาตัวเองฉาดใหญ่ บ่งบอกถึงความรำคาญในความกวนของชายหนุ่มหน้าทะเล้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้นึกโกรธแค้นใดๆที่แสดงออกไปก็เพราะตามประสาคนแก่เท่านั้น 
เบริล
เบริล
555 หยอกน่ะลุง  ทำเป็นโมโหไปได้
ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจที่ยั่วโมโหคนแก่ได้ 
เจ้าของรถม้าแบมือตรงหน้าชายหนุ่ม มีความหมายเดียวของคนทำงานนั่นคือขอค่าโดยสาร แต่คนจะเล่นก็ขอแกล้งก่อนจากไปสักหน่อยเขายื่นมือให้ชายแก่ 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
หุ!!!
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
อันใดของเจ้า
เจ้าของรถสะบัดมือเด็กหนุ่มที่กวนไปเรื่อยทิ้ง
เบริล
เบริล
เอ้า ก็ลุงขอมือข้ามิใช่รึ
ตอบกลับแบบกวนๆ ใส่อีกหนึ่งแมต 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ขอมือบ้ากระไรเล่า ที่ข้าแบมือแบบนี้น่ะนะ....  
คนแก่เริ่มโวยเพราะไม่พอใจกับความกวนที่ไม่รู้เวล่ำเวลารบกวนการทำมาหากิน แต่เด็กหนุ่มก็พูดสวนขึ้นมาก่อนที่แกจะบ่นอะไรให้ฟังอีก 
เบริล
เบริล
เงินใช่ไหม  รู้แล้วล่ะน่า
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
รู้แล้วก็รีบจ่ายมาเสีย
เบริล
เบริล
อย่าเร่งดิลุง กำลังหาอยู่เนี่ย
ว่าพลางล้วงหาเศษเงินในตัวไปด้วย
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เร็วๆ พ่อหนุ่ม ข้ายังต้องเดินทางอีกไกล
เบริล
เบริล
อ่า...เจอแล้ว
ในที่สุดก็หาเจอ นึกว่าจะไม่มีเงินจ่ายค่ารถม้าเสียแล้ว  คนโดยสารนับเงินเหรียญและแบงค์ที่มีติดตัวอยู่ในใจ 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ทั้งหมด... 
เจ้าของรถเห็นอีกฝ่ายนับอย่างตั้งใจก็กะจะบอกราคาเสียตรงนั้นเลย จะได้รีบเก็บค่าโดยสารแล้วไปให้พ้นๆจากคนกวน 
เบริล
เบริล
ชู่ว.....
นิ้วเรียวจุ๊ปากขัดจังหวะคนถามเป็นครั้งที่สอง
เบริล
เบริล
มิต้องพูดข้ามิอยากรู้  แต่ข้ามีติดตัวเพียงนี้เอาไปก่อนแล้วกัน
เหรียญและแบงค์ที่นับได้จำนวนหนึ่งเมื่อครู่ถูกส่งให้เจ้าของรถ
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
โหย...นี่มันมิน้อยเกินไปหรือ
เงินที่ชายหนุ่มให้มาเป็นเหรียญเซน นับได้สามเซนมัล กับแบงค์มัลอีกหนึ่งใบ ซึ่งน้อยกว่าค่ารถที่เขาตั้งใจจะเก็บจากชายหนุ่มตั้งครึ่งหนึ่ง
เบริล
เบริล
จะเอามิเอาลุง
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เอาสิ เรื่องกระไรจักมิเอา
ดูท่านักเดินทางผู้นี้ทั้งเนื้อทั้งตัวจะมีอยู่แค่นี้จริงๆถึงจะขาดทุนไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้สักมัลละวะ 
ว่าด้วยเรื่องเงินตราในเรื่องมัลคาไดน์ "เงินสกุลมัล" มัลคาไดน์ถือเป็นเมืองหนึ่งของประเทศการ์เรียล ก่อตั้งโดยราชวงศ์กาเบรียลน่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน ซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย แบบประธานาธิบดี แล้วตำแหน่งKingหรือราชาในมัลคาไดน์ล่ะ คืออะไร เกี่ยวอะไรกับราชวงศ์ไหม หรือเป็นเชื้อกษัตริย์เหมือนกันหรือเปล่า คำตอบคือไม่ใช่ แต่ทั้งนี้ในอดีตมัลคาไดน์หญิงสาวผู้งดงามราวเทพีได้ช่วยชีวิตราชาของการ์เบรียลน่าไว้ ราชาองค์นั้นทราบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะตอบแทนด้วยสิ่งใดหญิงสาวก็ไม่รับไว้ จึงได้ยื่นข้อเสนอระหว่างกันว่าจะให้ตระกูลมัลคาไดน์เป็นพันธมิตรต่อราชวงศ์ มัลคาไดน์จึงได้เป็นQueenรุ่นที่ 1 โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ตำแหน่งQueenหรือ Kingแห่งมัลคาไดน์เทียบเท่ากับยศของกษัตริย์แห่งกาเบรียลน่า แต่ปัจจุบันยศเหล่านี้ถูกใช้เรียกผู้ที่ขึ้นเป็นผู้นำแห่งตระกูลมัลคาไดน์เท่านั้น (เนื่องด้วยคำสั่งของรุ่น 1 ที่กลัวลูกหลานจะหลงในอำนาจ ก่อนหายตัวไปจึงได้สั่งยกเลิกยศเทียบนี้แล้วแทนที่ด้วยประมุขตระกูลเท่านั้น) ระบบเงินตรามัลคาไดน์ สาเหตุที่ใช้หน่วยมัล ก็ไม่ใช่อะไรเป็นเพราะมัลคาไดน์อีกนั่นแหล่ะ ตระกูลมหาอำนาจมีธุรกิจในการครอบครองมากมายเรียกได้ว่าเกินครึ่งโลกนี้ นอกจากนี้ยังเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์อีก และได้รับความเชื่อมั่นขนาดนั้นก็ไม่แปลกที่สกุลเงินจะใช้มัล ซึ่งย่อมากจากชื่อมัลคาไดน์เช่นกัน สกุลเงินมัล 1 มัลมีค่าเท่ากับ 50บาท เหรียญและธนบัตรที่ใช้ในมัลคาไดน์ 1. เหรียญเซนมัล (เหรียญสตางค์) ได้แก่ 1.1 เหรียญ 1 เซนมัล = 0.50 บาท 1.2 เหรียญ 2 เซนมัล = 1 บาท 1.3 เหรียญ 5 เซนมัล = 2.50 บาท 1.4 เหรียญ 10 เซนมัล = 5 บาท 1.5 เหรียญ 50 เซนมัล = 25 บาท 2. ธนบัตรมัล ได้แก่ 2.1 แบงค์ 1 มัล = 50 บาท 2.2 แบงค์ 2 มัล = 100 บาท 2.3 แบงค์ 5 มัล = 250 บาท 2.4 แบงค์ 10 มัล = 500 บาท 2.5 แบงค์ 20 มัล = 1,000 บาท 2.6 แบงค์ 50 มัล = 2,500บาท 2.7 แบงค์ 100 มัล = 5,000บาท 2.8 แบงค์ 200 มัล = 10,000 บาท 2.9 แบงค์ 500 มัล = 25,000 บาท 2.10 แบงค์ 1,000 มัล = 50,000 บาท 2.11 แบงค์ 2,000 มัล = 100,000บาท 2.12 แบงค์ 5,000 มัล = 250,000 บาท 2.13 แบงค์ 10,000 มัล = 500,000 บาท 2.14 แบงค์ 20,000 มัล = 1,000,000บาท 2.15 แบงค์ 50,000 มัล = 2,500,000บาท
เบริล
เบริล
โด่  ข้าก็นึกว่าจักมิเอา เอาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว
ชายหนุ่มแอบบ่นในความลีลาของคนแก่ก็รู้อยู่หรอกว่าเดินทางมาไกลควรจะจ่ายค่าจ้างแกให้สมกับค่าเหนื่อยหน่อย แกแก่แล้วเดินทางข้ามเขาเป็นสิบๆลูกคนเดียวน่าสงสารแก แต่จะทำยังไงได้ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีอยู่แค่นี้จริงๆนี่น่า 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ไปๆ ลงไปได้แล้ว
ลุงคนขับไล่ชายหนุ่มลงจากรถ ไหนๆก็ได้เงินแล้วถึงจะน้อยนิดแต่ต้องเดินทางอีกไกล เวลาเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น
เบริล
เบริล
ได้เงินแล้ว ไล่กันเลยหนา
เด็กหนุ่มว่าพลางเก็บสัมภาระแล้วกระโดดลงจากรถม้าก่อนหันมาเตรียมจะร่ำลาก็พบว่าลุงกำลังนับเหรียญและแบงค์ที่ให้ไปซ้ำอีกรอบ
เบริล
เบริล
ติดใจกระไรในเงินข้าเรอะ
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ก็เผื่อเป็นเงินปลอมขึ้นมาข้าจักทำอย่างไร
เบริล
เบริล
โห จะปลอมได้อย่างไรเล่า หน้าออกจะรูปงามก็ป่านนี้ เหมือนพวกนักต้มตุ่นนักเรอะ
ว่าแล้วก็เก๊กหล่อให้ดูสักหน่อย 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
นี่เจ้า มิมีกระจกส่องเรอะ
เบริล
เบริล
ทำไมลุง?
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เปล่า เอาเป็นว่าข้าไม่ติดใจกระไรแล้วหนา
เบริล
เบริล
ดีแล้วลุง คิดมากไปประเดี๋ยวหัวระเบิดเอาหนา
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
?
เบริล
เบริล
เอ่อ  ไปดีหนาลุง
คำพูดกำกวมของชายหนุ่มมันฟังดูเหมือนแช่งแปลกๆจนเจ้าของรถหันมอง
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
แช่งข้า?
เบริล
เบริล
กระไรลุง ไยคิดมากเล่า รีบๆไปเถิดประเดี๋ยวจักมืดค่ำเสียก่อน
ลุงคนขับรถม้าเงยหน้ามองท้องฟ้าซึ่งดวงอาทิตย์ในตอนนี้เกือบจะตรงศีรษะอยู่แล้ว หากไม่เร่งคงถึงที่หมายมืดค่ำอย่างเด็กหนุ่มว่าเป็นแน่ 
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เดี๋ยวพ่อหนุ่ม
ลุงเรียกชายหนุ่มก่อนล้วงหาของในหีบหลังรถม้า 
เบริล
เบริล
กระไรลุง
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ข้าให้
เบริล
เบริล
ให้ ?
ชายหนุ่มมองม้วนกระดาษเก่าๆสีน้ำตาลขอบขาดแนววินเทจคล้ายๆของโจรสลัดหรือของพวกเด็กอาร์ตที่เขาเอาจุ่มกาแฟแล้วปล่อยให้แห้งนั่นแหล่ะ   
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
รับไปสิ
เบริล
เบริล
รับ...?
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เอ้า!! รับสิ
เบริล
เบริล
กระไร ให้ข้าด้วยเหตุใด
ถึงจะงงๆว่าคืออะไรแต่ในเมื่อลุงตั้งใจให้เขาก็จะรับเอาไว้เช่นกัน
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
เชื่อข้าเถิดว่ามันจักเป็นประโยชน์ต่อเจ้า
อะไรวะเนี้ย ปริศนาอะไรอีก กระดาษก็ไม่บอกว่ากระดาษอะไร เห็นข้าเป็นนักสืบรึ ข้าเนี่ยเก่งสุดก็เรื่องกวนตีนคนไปวันๆนั่นแหล่ะ 
เบริล
เบริล
หือ? ประโยชน์
คนขับรถม้า
คนขับรถม้า
ข้าต้องไปแล้วเดินทางปลอดภัย พ่อหนุ่ม
เบริล
เบริล
ลุงก็ด้วยหนา
ทั้งคู่อวยพรซึ่งกันและกันก่อนเจ้าม้าจะถูกบังคับให้ออกวิ่งอีกครั้ง
เบริล
เบริล
เจ้านี่มัน
บุรุษหนุ่มค่อยๆคลี่ม้วนกระดาษเก่าออก
เบริล
เบริล
แผนที่!
เขาตกใจอยู่ไม่น้อยเหตุใดสิ่งที่เขาคิดถึงได้มาอย่างกับชายคนนี้อ่านใจคนได้งั้นแหล่ะ บังเอิญเกินไปไหมเนี่ย 
เบริล
เบริล
แผนที่กระไร
ตื่นเต้นกับของที่ได้อยู่ไม่นานก็ต้องมาไล่ดูรายละเอียดอีกว่าเป็นแผนที่ของอะไร  ใช้เวลาอยู่ไม่นานก็ได้รู้ว่าแผนที่นั้น....
เบริล
เบริล
ทะ...ที่นี่มันเมืองที่เรากำลังจะเดินทางไปนี่น่า
ผมขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย นี่แกเป็นนักดูดวงหรือเปล่าถึงรู้ว่าเราจะเดินทางไปที่ใด 
อ่านมาตั้งตอนหนึ่งแล้วคุณคงสงสัยใช่ไหมละว่า ไอ้กวนส้นบาทานี่มันเป็นใคร
ก็ตัวเอกไงครับจะใครได้ 
ผมเบริล เป็นคนจากทางหมู่บ้านที่ไกลแสนไกล ผมมาที่นี่เพื่อตามหาผู้หญิงคนหนึ่งผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่ามัลคาไดน์  ชื่อเดียวกันกับเมืองที่ผมจะไป ว่ากันว่าคนผู้นี้มีพลังดุจเทพสามารถดลบันดาลให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆได้ ผมจึงดั้นด้นมาที่นี่เพื่อที่จะได้พบคนผู้นั้นสักครั้งหนึ่งในชีวิต 
จ๊อก!!!
เสียงท้องร้องชนิดแบบถ้าใครยืนห่างสักห้าเมตรยังได้ยินเสียงท้องผมอะ 
เบริลเงยหน้าขึ้นมองทิศทางของดวงอาทิตย์ที่ครานี้ตั้งฉากกับวัตถุในพื้นโลก จนเด็กหนุ่มมองไม่เห็นเงาของตนเอง
เบริล
เบริล
เที่ยงแล้วรึ  ถึงว่าท้องร้องเทียว
ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามรายล้อมไปด้วยภูเขาไร้บ้านคนแบบนี้ผมจะหาแหล่งอาหารได้ยังไง  มองไปทางไหนก็ว่างเปล่าไปหมดแม้แต่ผลไม้ป่าแถวนี้ยังไม่มีสักลูกให้กินเลย 
ผมนำแผนที่ออกมาดูอีกครั้งก็เห็นว่าไม่ไกลจากนี้เป็นหมู่บ้านคน จึงได้คิดที่จะเดินตามทางนั้นไป แต่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นบ้านคนสักที นี่ตาลุงนั่นเอาคืนผมใช่ไหมเนี่ย เอ๊ะ! หรือผมดูทิศแผนที่ผิดกัน 
ปั๊ก!! 
ระหว่างที่ผมกำลังเถียงกับตัวเองอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงคนกำลังต่อสู้กันดังอยู่ไม่ไกล ผมจึงเก็บแผนที่เข้ากระเป๋าและค่อยๆเดินตามเสียงนั้นไปจนไปโผล่ที่ป่าหลังบ้านของชาวบ้านหลังหนึ่ง
เหตุการณ์ที่ผมเห็นคือมีชายฉกรรจ์นับได้ราวๆ สิบคนกำลังรุมทำร้ายครอบครัวหนึ่งอยู่ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ มันทำร้ายผู้เป็นพ่อจนร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวด ในขณะที่เด็กชายสองคนก็กระจองอแงร้องไห้พร้อมด่าทอพวกคนเลวไปในคราวเดียวกัน ยิ่งมันทำร้ายหัวหน้าครอบครัวมากเท่าไหร่คำหยาบก็หลุดออกมาจากปากเด็กๆมากขึ้นเท่านั้น จนหนึ่งในนั้นแทบจะทนไม่ไหวอยากสั่งสอนเด็กปากดีให้รู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างจะได้สงบปากสงบคำเสียที 
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
ปากดีนักหรือมึง
ไอ้ชายโฉดง้างมือยักษ์ที่ใหญ่กว่าหน้าเด็กเตรียมจะลงโทษเด็กปากมาก แต่พ่อของเด็กที่ระบมช้ำไปทั้งเบ้าหน้าก็ร้องห้ามไว้เสียก่อน
พ่อ
พ่อ
อย่า...อย่าทำกระไรลูกข้า
ผู้เป็นพ่อดึงขากางเกงไอ้ชั่วไว้ไม่ให้เข้าใกล้ลูกเขา ถึงแม้ตัวจะนอนอยู่ที่พื้นก็ตาม 
แม่
แม่
ลูกๆมาหาแม่
ผู้เป็นแม่เห็นท่าไม่ดี จึงรีบเรียกลูกๆเข้ามาซบอกเพราะอย่างไรเสียอยู่ในอ้อมกอดแม่ก็คงอุ่นใจไปเปราะหนึ่ง ถึงจะแค่รู้สึกก็เหอะ 
เด็กๆรีบเข้าไปหาแม่ กอดผู้เป็นแม่ไว้แน่นจนคนแอบมองอดสงสารพวกเขาไม่ได้ 
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
ถ้ามิอยากเจ็บตัวไปมากกว่านี้รีบจ่ายเงินมา
ชายผู้แต่งตัวต่างจากคนอื่น คงเป็นหัวหน้าพวกมันอีกทีขู่เจ้าของบ้าน 
พ่อ
พ่อ
ระ....เรามิมีหรอกท่าน
ผู้เป็นพ่อซึ่งนอนอยู่กับพื้นตอบกลับพวกมันเสียงค่อนข้างเบาเพราะบอบช้ำไปทั้งตัว 
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
ห๊ะ มึงพูดว่ากระไร
ผมว่ามันได้ยินแหล่ะแต่แกล้งไม่ได้ยิน แล้วถามซ้ำอีก ยังไงก็จะรีดไถเอาจากครอบครัวนี้ให้ได้เลยใช่ไหม 
แม่
แม่
เรามิมีจริงๆ ช่วงนี้เศรษฐกิจมิค่อยสู้ดี ขายของมิได้  ลำพังแค่ซื้อข้าวกินก็แทบจักมิเหลือแล้ว แล้วเราจักเอาเงินที่ใดไปใช้หนี้เล่า
ผู้เป็นแม่บอกถึงเหตุผลที่ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ให้แก่พวกมันได้  มันไม่ได้มีความเมตตาสงสารแม้แต่น้อย ประดุจว่าไม่รู้แหล่ะ ติดก็ต้องใช้ไม่มีข้อยกเว้น 
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
แล้วอย่างไร มันใช่ปัญหาของพวกกูเรอะ
มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรจริงๆ  นอกจากเงินชีวิตอื่นก็ไร้ค่าหมดเลยสินะ นี่มันยุคที่คนมีเงินคือพระเจ้ากันแล้วเหรอ
เด็ก 1
เด็ก 1
แน่ล่ะ  พวกมึงมัน....
แม่ของเด็กรีบห้ามปรามไว้ก่อนที่ลูกๆของเธอจะพูดอะไรที่เคืองหูพวกมันออกไป
?
?
ถ้ามิมีเงินใช้  ก็เอาเด็กไปแทนสิ ปากดีแบบนี้คงขายได้กำไรงามเทียวล่ะ
ไอ้ชุดคลุมปิดหูปิดตายาวลากดินนี่มันใครอีกวะ แล้วใส่บ้าอะไรของมันอากาศหนาวมากมั้ง เป็นลมขึ้นมาจะสมน้ำหน้าให้ 
แค่คำว่าขายคำเดียวก็ทำเอาเด็กๆขวัญหนีดีฟ่อพูดหรือเถียงอะไรพวกมันไม่ออกทั้งนั้นได้แต่นั่งตัวสั่นให้ผู้เป็นแม่ปลอบ
แม่
แม่
ไม่ ลูกๆข้าข้ามิยอมเด็ดขาด
แววตานักสู้ของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าแม่ถึงก่อนหน้านี้จะกลัวมันมากแต่เพื่อลูกๆของเธอ หากใครหน้าไหนมันกล้าเธอก็จะสู้อย่างสุดกำลังเหมือนกัน 
พ่อ
พ่อ
เราขอเวลาหน่อยเถิดท่าน  เดี๋ยวเราจักรีบหามาใช้คืน
ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งต่อรองกับพวกมัน ไม่รู้มันจะฟังไหมแต่ถ้าฟังก็ถือว่าเป็นผลดีอย่างน้อยๆครอบครัวก็ปลอดภัยไปอีกสักพัก
ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว เลือดคนดีมันสูบฉีด แบบนี้ผมต้องออกไปเป็นฮีโร่ปกป้องคนโดนรังแกสักหน่อยแล้ว 
เบริล
เบริล
ให้ตายดิ  อุตส่าห์ตั้งใจฟังซะนานนึกว่าจักมีกระไรสนุกๆให้ทำ ที่ไหนได้เจ้าหนี้กับลูกหนี้เคลียร์หนี้สินกันนี่เอง เสียเวลาจริงๆ
เป็นไงล่ะเดินออกจากป่าพร้อมคำพูดเท่ๆแบบเนี้ยยังไงงานนี้ก็เด่น รู้ตัวเองหล่อมากเลยตอนนี้  นี่ถ้ามีสาวๆยืนมองตรงนี้คงกรี๊ดกราดในความเหล่ท่อ  เอ๊ย! หล่อเท่ของผมกันไปแล้วแน่ๆ  แหม เรานี่มันเทพบุตรชัดๆเลย
เด็ก 1
เด็ก 1
พี่ชาย ช่วยครอบครัวข้าด้วย
เด็ก 2
เด็ก 2
ช่วยพวกข้าด้วย
เด็กๆยิ้มออกเมื่อเห็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขา นี่เด็กๆกำลังขอความช่วยเหลือจากผมอยู่ผมต้องช่วยเขาให้พ้นจากพวกเวรนี่ให้ได้ 
?
?
เจ้าเป็นใคร
ไอ้ชุดคลุมดำไม่สนฤดูกาล ถามผมที่เข้ามายุ่งกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง
เบริล
เบริล
ข้าก็แค่...
ปลดกระเป๋าสัมภาระขนาดเกือบยี่สิบกิโลออก เพื่อให้คล่องตัวในการเคลื่อนไหว
👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑
The end
@มัลคาไดน์

ยัยเปี๊ยกคาเร็นท์

มัลคาไดน์
ภาคหลัก ภาคที่1
ราชันพันธ์เทพ
. . . . . . . . . .
Talk : เบริล
เบริล
เบริล
ข้าก็แค่...นักเดินทางธรรมดาๆน่ะ
ตุ๊บ!!!
ผมเปิดฉากเล่นงานพวกมันก่อนโดยเริ่มจากไอ้ชุดดำนี่ก่อนเลย ชุดมันดูเกะกะท่าจะล้มได้ง่ายกว่าใครพวกน่ะนะ 
แต่เอาเข้าจริงผิดคาดว่ะ เห็นรุ่มร่ามแบบนี้หลบหมัดผมโคตรไว นี่ขนาดผมเรียนการต่อสู้มาพอตัวนะเนี่ย แสดงไอ้หมอนี่ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน 
ใช่เจอสูสีกันแบบนี้สิถึงจะมัน นี่แหล่ะเรียกเหงื่อสุดๆเลย
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
ยืนทำห่ากระไร เข้าไปช่วยนายสิวะ
ไอ้ตัวหัวหน้าสั่งลูกน้องที่ยืนอึ้งดูผมต่อสู้กับไอ้ชุดคลุม 
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
ขอรับ
เสียงหัวหน้าเรียกสติ  พวกมันจึงเข้ามาช่วยลูกพี่ของมัน เอาล่ะผมเจอรุมแล้วไง 
เบริล
เบริล
เด็กๆพาพ่อแม่เจ้าหนีไปก่อน
เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี เบริลจึงคิดจะให้ครอบครัวนั้นหนีตายไปก่อนส่วนตนจะถ่วงเวลาให้ไม่รู้จะสู้ได้นานขนาดไหน แต่ขอให้ครอบครัวนั้นหนีไปให้พ้นจากคนใจชั่วก็พอ 
เด็ก 1
เด็ก 1
ขอรับพี่ชาย
เด็กๆช่วยกันพยุงพ่อและแม่เพื่อจะหนีเข้าป่า
?
?
ไปจับพวกมันไว้อย่าให้หนีไปได้ 
ชายชุดคลุมหันไปสั่งลูกน้อง 
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
ขอรับ
ปั๊ก!!
ผมเสิร์ฟหน้าแข้งซ้ายใส่หลังไอ้คนหันไปสั่งลูกน้องโดยไม่สนใจศัแ ตรูอย่างผม จนมันเกือบหัวคะมำ 
เบริล
เบริล
สนใจทางนี้บ้างเป็นไร
ผมท้าทายพร้อมกวักมือเรียกมันเข้าหา 
?
?
ได้   เจ้าได้ประลองกับข้าสมใจอยากแน่
มันพูดพร้อมตั้งหลักสู้  แม่งดูท่าคราวนี้มันจะเอาจริงแล้ว ขอโทษที่เตะเมื่อกี้ได้ไหมล่ะ อย่าทำกันเลย พลีสส 
เบริล
เบริล
มาเลย คันไม้คันมือเต็มทน
ปากสู้แต่ใจกร่างอะตอนนี้  แต่ตั้งการ์ดสู้แล้วนะ เอาวะสู้เขาเบริล วิชามวย วิชาต่อสู้อะไรก็งัดออกมา ว่าแต่ทั้งชีวิตข้าเรียนอะไรมาบ้างละเนี่ย คืนครูหมดแล้วสิ
เด็ก 1
เด็ก 1
พ่อ!!  แม่!!  ช่วยด้วย
เด็ก 2
เด็ก 2
ช่วยด้วย!!
เสียงพวกเด็กๆร้องขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ อะไรกันเด็กพวกนี้ออกจะตัวเล็กคล่องแคล่วกว่าพวกร่างยักษ์นี่ตั้งเยอะทำไมโดนจับง่ายๆเลย มันใช้มนต์อะไรกับเด็กพวกนี้หรือเปล่านะ 
พ่อ
พ่อ
ลูกพ่อ
แม่
แม่
ไม่  อย่าเอาลูกข้าไป
สองผัวเมียร่ำไห้จะเข้าไปชิงตัวลูกก็โดนดาบเวทย์ที่มันเรียกมาขวางหน้าเอาไว้ไม่ให้ถึงตัวเด็กๆได้   เด็กๆเองก็พากันร้องไห้จ้า ดิ้นพรวดพราดจะหลุดจากเชือกคล้องมือนักโทษให้ได้  แต่ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งรัดและยิ่งเจ็บขึ้นไปอีก จนข้อมือเด็กทั้งคู่เป็นรอยแดงปรากฎชัด 
เบริล
เบริล
เด็กๆ
ผมตะโกนเรียก และกำลังจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกมันขัดขวางไว้เสียก่อน มันใช้มนต์เรียกเวทย์ขึ้นมือก่อนยิงใส่ผมแบบไม่ยั้ง
เบริล
เบริล
เสียใจด้วยหนาแต่ข้าหลบทัน
ต้องขอบคุณความไวและความเร็วซึ่งเป็นสกิลพิเศษที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เด็กนะ เพราะมันช่วยให้ผมไม่ต้องถูกย่างสดจากไฟเวทย์ของไอ้ชุดคลุมนี้ได้ 
แอบตะหงิดใจแปลกๆแล้วดิ  ถ้าใช้เวทย์ระดับกลางที่ตั้งสมาธิแล้วเรียกไฟเวทย์ขึ้นมือได้ไม่ถึงวินี่ จะเป็นแค่พวกรีดไถเงินชาวบ้านจริงเหรอ
คนแบบนี้ถ้าจะอยู่กับองค์กรมืดที่ใช้เวทย์ล่าเมืองอื่นเป็นอาณานิคมยังจะเหมาะสมกว่า  อย่างต่ำแบบดูถูกดูถู๊กเลยนะ อย่างน้อยๆก็คงระดับองครักษ์องค์กรมืดนั่นแหล่ะ 
?
?
มึง!!!
ปั๊ก!!
มันเล่นงานผมกลับ แบบเข้าประชิดตัวกะคลุกวงในให้ผมแพ้ในตาเดียว
ง่ายๆก็คือล้มช้างอะครับ 
เดี๋ยว ช้าง? 
ไม่มี
รัดไว้รึ
เพราะผิดคิวกันนิดหน่อยมือผมเลยไปโดนเป้าเจ้าตัวเข้าให้โดยบังเอิญ  
เบริล
เบริล
มิใช่ชายแท้?
ผมถามด้วยความสงสัยก่อนจะโดนศอกสวนกลับแต่ความไวของผมก็ยังชนะเสมอ
ผมล็อคเจ้าตัวไว้ ก่อนจะพลาดไปโดนบางอย่างที่นิ่มๆเข้า
ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจคิดว่าเป็นชิ้นส่วนของชุดหนา 
แต่พอลองบีบๆเค้นๆดู 
ถึงรู้เลยว่าเต็มมือ  ไม่ดิ ล้นเลย 
?
?
เจ้าคนบ้ากาม  ตายซะ!!!
เจ้าของชุดคลุมโกรธจัด ปลดตัวเองออกจากพันธนาการของเบริลที่ล็อคตัวเธอออก  ก็เห็นอีกฝ่ายเอามือทั้งสองข้างขยำอะไรบางอย่างกลางอากาศ  โดยไม่สนใจอีกฝ่าย
ฝุ๊บ!!
เบริลมัวแต่อึ้งจนโดนเตะก้านคอเข้าให้จนหมดสติสลบไปเลยในน็อคเดียว 
นี่สินะ ดูมๆเป็นเหตุสังเกตได้ 
ขนาดสลบหน้าตาก็ยังยิ้มอย่างเป็นสุขราวกับได้ขึ้นสวรรค์เลย 
ปั๊ก!
ปั๊ก!
คนโดนลวนลามกระทืบคนหมดสติไปสองทีก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องต่อ
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
หัวหน้าแก๊งอันธพาล
นาย...เอ่อ...เมื่อครู่...
ลูกน้องอ้ำๆอึ้งๆที่จะถาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันชัดเจนเต็มสองตาเลยน่ะสิ ไอ้หมอนี่มันโชคดีจังน้า มาสู้ยังไงให้ได้กำไรขนาดนี้ นักลงทุนจริงๆ มีแต่ได้กับได้เลย 
?
?
พวกมึงมิเห็นกระไรทั้งนั้นแหล่ะ
ดุลูกน้องพร้อมเรียกลูกไฟใหญ่ขึ้นมา
?
?
เห็นไหม!!!!
ถามเสียงดังจนลูกน้องก้มหน้าก้มตาเพราะกลัวตาย 
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
มิ...มิเห็น  มิเห็น...กระ....กระไรเลยขอรับ
แต่ละคำกว่าจะเปล่งเสียงตอบได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน ตอนนี้ทั้งทีมดูติดอ่างกันไปหมด 
?
?
ดี  มิเห็นก็ดี   ไป!! รีบพาเด็กไปกันได้แล้ว
แก๊งอันธพาล
แก๊งอันธพาล
ขอ..ขอรับ
อายฉิบหายเลยเว้ย
เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยมีใครมาทำแบบนี้กับฉันเลยนะ
ไอ้เวรนี่เป็นใครกันน่าเป่าให้สมองกระจุยนัก 
โว้ย!! ใครก็ได้พาออกไปจากตรงนี้ทีไม่ไหวแล้วคีพลุคโหดปราบลูกน้องก็จริงอะแต่ลึกๆแทบจะมุดหัวแทรกแผ่นดินหนีแล้วนะ
3 ชม.ต่อมา
@บ้านของพวกเด็กๆ
NovelToon
ผมค่อยๆลืมตาตื่น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของตัวบ้านซึ่งมีพ่อแม่เด็ก นั่งเฝ้าอยู่ใกล้ๆนั้น 
เบริล
เบริล
อือ...ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด
กระดูกกระเดี้ยวผมไปหมดแล้วมั้งเนี่ย ระบมไปทั้งตัวเลย 
พ่อ
พ่อ
ตื่นแล้วหรือพ่อหนุ่ม
ผู้เป็นพ่อที่นั่งคุยอยู่กับแม่เด็กๆเมื่อเห็นผมตื่นแล้วก็รีบถามทันที  ลืมตาก็แปลว่าตื่นแล้วสิ ถามอะไรแปลกๆ 
เบริล
เบริล
พะ...พวกน้า
ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อคุยกับเจ้าของบ้าน
เบริล
เบริล
พวกน้าช่วยข้าไว้หรือ
ผมมองดูร่องรอยการทำแผลบนตัว ก็ถือว่าหนักอยู่ คนพวกนี้คงจะเป็นคนช่วยผมและทำแผลให้ผมล่ะมั้ง ถ้าไม่งั้นจะเป็นใครไปได้กัน 
แม่
แม่
เปล่า พวกเราแค่พาเจ้ามาพักฟื้น จักเอาปัญญาที่ไหนไปช่วยเจ้ากันเล่า
เออนั่นดิ  ก็จริงแฮะ ครอบครัวนี้ก็เป็นแค่ครอบครัวธรรมดาๆไม่มีอาวุธ  ไม่มีความรู้เรื่องการต่อสู้  ยิ่งเรื่องใช้เวทย์ด้วยแล้วตัดทิ้งไปได้เลย แล้วแบบนี้มันจะมีใครที่ไหนอีกที่ช่วยเรา หรือพวกมันยอมปล่อยง่ายๆเพราะขูดรีดไปก็ไม่ได้เงินสักมัลงั้นเหรอ มันจะง่ายไปไหม ตามวิสัยโจรไม่น่าจะปล่อยเหยื่อให้รอดออกมาง่ายๆขนาดนั้นนะ 
เบริล
เบริล
ถ้ามิใช่พวกเจ้า แล้วใครช่วยข้า
ผมเอ่ยถามสายตาก็มองดูรอบๆห้องไปด้วย เหมือนอะไรหายไป นั่นไงนึกออกแล้ว พวกเด็กๆล่ะ
เบริล
เบริล
พวก...พวกเด็กๆล่ะ พวกเด็กๆไปไหน โดนจับตัวไปแล้วงั้นรึ
ผมถามหาคำตอบจากพวกเขา ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง ถึงจะเจ็บหนักก็ตามแต่เวลานี้ชีวิตเด็กๆมีค่ามากที่สุด หากเด็กๆถูกขายไปการที่ผมเข้ามาช่วยครอบครัวนี้ก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ 
พ่อ
พ่อ
เดี๋ยว จักไปไหนพ่อหนุ่ม
เบริล
เบริล
ข้าจักไปตามหาเด็กๆ
พ่อ
พ่อ
ดะ...เดี๋ยว...
พ่อกับแม่เด็กร้องห้ามแต่ผมไม่ฟังอะไรทั้งนั้นแล้วครับ รีบเดินดุ่มๆไปที่ประตูไม้เก่าของห้องนอนเพื่อออกไปนอกบ้านอย่างเดียวเลย
ฝุ๊บ!!
โคร๊ม!!! 
ใครบางคนสกัดขาผมจนผมล้มลงที่หน้าประตูอย่างจังหัวเกือบฟาดขอบประตูแน่ะ 
เบริล
เบริล
โอ้ย!  เจ็บๆๆ  ใครบังอาจมาทำข้า
ผมร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ สายตาก็มองหาผู้กระทำไปด้วยแต่ก็ไม่เห็นใคร  ทั้งในบ้านที่ออกมาเมื่อครู่ ข้างๆบ้านก็ไม่เห็น หรือผีมันทำผม กลางวันแสกๆเนี่ยนะ 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
แม่เจ้ามั้ง
เค ถึงว่าทำไมไม่เห็นที่แท้ผมมองสูงไปนี่เอง ใครจะคิดล่ะว่าคนที่ทำจะเป็นเด็ก
แถมยังเป็นเด็กผู้หญิงที่พูดจากวนประสาทอีก พูดแบบไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่เลย น่าเอาไม้เรียวฟาดก้นสักทีสองทีนัก 
เบริล
เบริล
อ้าว ท่านแม่เรอะ ทำไมท่านเตี้ยจัง เกิดกระไรขึ้นกับท่าน
เอาสิกวนมาก็กวนกลับ  เด็กสาวตัวน้อย เอ่อ...ผมสูง185อะ ตัวน้องนิดเดียวไม่ถึงเอวผมด้วยซ้ำอย่างมากก็ถึงแค่เป้า คง140ได้มั้งคิดว่านะ ส่วนอายุก็น่าจะประมาณ 8-9ขวบได้ คิ้วบาง ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถึงกลางหลัง แต่กลับใส่ชุดเครื่องแบบเหมือนทหารในวัง แถมกิริยาท่าทางการวางท่านั่นก็ดูเหมือนผู้ใหญ่มาก สงสัยพ่อแม่เป็นทหารละเลือกตามใจมั้งเนี้ยถึงได้แก่แดดแบบเนี้ย 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
โว้ย!! ประชดไหมล่ะ
ตัวเล็กโวยใส่เบริลดูแล้วก็น่ารักเหมือนตุ๊กตานัก แต่ติดตรงที่ว่าเด็กเกิน เกินไปมาก เกินกว่าที่ผมจะมีเรื่องได้น่ะ 
เบริล
เบริล
แล้วใครใช้ให้เจ้ามาเล่นถึงแม่ข้าล่ะ ยัยเปี๊ยก
ผมกวนกลับ พร้อมตั้งชื่อให้ใหม่ด้วย ให้สมกับความแก่แดดของเธอ ที่เล่นอะไรไม่รู้จักกาลเทศะ 
นี่ถ้าเป็นผู้ชายนะผมต่อยคว่ำแล้วไม่มีใครชอบหรอกที่มาเล่นถึงพ่อถึงแม่แบบนี้ แต่นี่เป็นเด็กผู้หญิงไงผมทำอะไรไม่ได้มาก เดี๋ยวจะโดนข้อครหาว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กอีก
เบริล
เบริล
ยัยเปี๊ยก!
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เจ้าเรียกใครยัยเปี๊ยก
ยัยตัวเล็กที่ผมเรียกยัยเปี๊ยก โกรธฟึดฟัดควันออกหู ดูๆไปก็เอ็นดูเหมือนเด็กๆที่งอนพ่อแม่เวลาไม่ได้ดั่งใจ หรือพ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้ตามต้องการนั่นแหล่ะ ถึงจะดูแก่แดดแต่เด็กยังไงก็คือเด็กอยู่ดี
เบริล
เบริล
ก็แล้วข้าคุยอยู่กับใครล่ะ
แต่ถึงกระนั้นก็อย่าหวังว่าผมจะเลิกกวนง่ายๆ จะว่าไปแกล้งเด็กให้โกรธได้นี่ก็มีความสุขดีเหมือนกัน
คาเร็นท์
คาเร็นท์
หนอย!! เจ้า
เด็กสาวตัวน้อยชี้หน้าเบริล พร้อมพึมพำเหมือนร่ายเวทย์ โอ้โห...ทำเก่งซะด้วย
ถ้าตัวแค่นี้ร่ายเวทย์เก่ง ต้องฝึกมาตั้งแต่กี่ขวบกัน
ตั้งแต่สองขวบหรือตั้งแต่อยู่ในท้องแม่รึ เด็กกว่าจะเขียนออกอ่านได้ ไม่ดิแค่คำง่ายๆนี่ยังฝึกกันตั้งนานเลย แล้วกว่าจะมาเรียงประโยค เป็นประธาน กิริยา กรรมอีก ใช่ไหม
กี่ปีกว่าจะคุยสื่อสารกับผู้ใหญ่อย่างเรารู้เรื่อง แล้วคิดดูภาษาเวทย์คำยากๆทั้งนั้น เรียนก็ยาก ร่ายก็ยากหากร่ายผิด เกิดเรื่องขึ้นมาก็ซวยอีก ดีไม่ดีทำคนอื่นตายขึ้นมาทำไง แบบนั้นใครจะรับผิดชอบจริงไหม
เด็ก 1
เด็ก 1
พอเถิด พี่ชายพี่สาว อย่าทะเลาะกัน
เด็กชายที่ไม่รู้มาจากทางไหนวิ่งเข้ามาหาแทรกกลางคนทั้งสอง แล้วยืนมองคาเร็นท์สลับกับมองหน้าเบริล ห้ามปรามเต็มที่ไม่ให้ทั้งคู่ได้ทะเลาะกัน
เบริล
เบริล
อ้าว...พวกเจ้ามิได้โดนจับตัวไปเรอะ
ผมถามเด็กทั้งคู่ ที่รอดปลอดภัยดี ไม่มีร่องรอยบาดแผลของอาวุธบนตัวแม้แต่น้อย จะว่าถูกจับแล้วพวกมันปล่อยก็คงเป็นไม่ได้ เพราะถ้าคิดแบบธุรกิจผลประโยชน์ใดอยู่ตรงหน้าแล้วไม่คว้าไว้ก็โง่เต็มที
จะว่าเด็กทั้งคู่หนีรอดมาได้ก็ยากไปไหม เด็กพวกนี้ตัวนิดเดียวไม่มีกำลังจะไปสู้กับคนนับสิบได้หรอก ถึงตัวจะเล็กว่องไวแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็จะหมดแรงและจนตรอกถูกมันจับได้อยู่ดี
ไม่ว่าจะคิดหาเหตุผลกี่สิบทางก็ไม่พบความเป็นไปได้เลย
เอ๊ะ! หรือว่าปราฏิหาริย์จะมีจริงกัน ท่านมัลคาไดน์ดลบันดาลให้ทุกชีวีในอาณาจักรรอดพ้นงั้นรึ ถ้าทำได้ถึงเพียงนั้น
ท่านคงมีตาทิพย์หยั่งรู้เป็นแน่ ไม่งั้นท่านก็เป็นเทพีมิใช่คนอย่างที่เขาลือๆกัน
เอาเถอะใครจะว่ายังไงก็ช่างเพียงแค่เจ้าสองหน่อของบ้านชายป่ารอดมาได้ ผมก็เป็นสุขใจที่การยื่นมือเข้ามาช่วยของผมไม่สูญเปล่าแล้ว
ความสุขของคนเรามันแค่นี้จริงๆไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องซับซ้อน แค่ง่ายๆแบบนี้เลย นี่คือความสุขทางใจไงล่ะ สุขที่ได้ช่วย สุขที่ใจของเรา
เด็กๆส่ายหัว
เด็ก 2
เด็ก 2
พี่สาว...พี่สาวคาเร็นท์ช่วยเราไว้
เด็ก 1
เด็ก 1
ใช่ๆ พี่สาวเก่งมาก
เบริล
เบริล
ใคร ? คาเร็นท์ 
ผมงง ใครอีกละนั่น ผู้หญิงที่ไหนจะมาเที่ยวเล่นกลางป่า แถมยังมีกระจิตกระใจมาช่วยคนตกทุกข์ได้ยากอีก ต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงอยู่กลางป่าได้ ถ้าไม่ใช่คนมีฝีมือ ไม่พวกนักเวทย์ไม่ก็พวกแม่มด หมอผี ปีศาจ ซาตาน อะไรเทือกนั้นแหล่ะ ผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาจะเดินป่ากันจริงไหม
เด็ก 2
เด็ก 2
นี่ๆ...พี่สาวล่ะ
เด็กชายทั้งสองชี้ไปทางเด็กหญิงที่ผมเพิ่งจะเถียงกันไปเมื่อครู่
เบริล
เบริล
ห๊ะ! ยัยนี่เนี่ยนะ ตลกล่ะ ตัวแค่เนี้ยน่ะรึจักสู้กับพวกนั้น
ผมไม่ได้ดูถูกนะ ถึงคำพูดจะบ่งบอกว่ายังงั้นก็เถอะแต่ผมแค่ประหลาดใจและไม่เชื่อกับหูตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นกับเด็กตัวเล็กข้างหน้านี่ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ตัวจิ๊ดเดียวเนี่ยนะจะช่วยเด็กพวกนี้ได้
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เฮอะ ไอ้คนที่นอนเป็นภาระอย่างเจ้าจักไปรู้กระไร นี่ถ้าข้ามามิทันเจ้าก็คงจักได้เป็นศพไปแล้ว
เอาละสิ ดูพูดเข้าถ้ามาไม่ทันผมคงเป็นศพงี้เหรอ ดูท่าจะมั่นใจเหลือเกินนะยัยเด็กนี่ เก่งมากเลยงั้นดิ
แป๊ะๆๆๆ
เบริลตบมือให้ คาเร็นท์มองหน้าเด็กๆงงราวกับจะถามว่าชายหนุ่มตบหาพระแสงอะไร
คาเร็นท์
คาเร็นท์
อันใด เพื่อ!!
เบริล
เบริล
ก็ตบมือให้แก่ความสามารถของเจ้า
คาเร็นท์ยิ้มนิดๆก่อนหุบยิ้มลงไปเมื่อ...
เบริล
เบริล
สร้างเรื่องเก่ง เจ้าคิดว่าใครจักเชื่อเด็กอมมืออย่างเจ้ากัน
ใช่ที่ตบมือเมื่อกี้น่ะ ตบชมจริงแต่ชมในความเก่งที่สามารถสร้างเรื่องเป็นตุเป็นตะหลอกผู้ใหญ่ได้ แหม...เด็กเดี๋ยวนี้จินตนาการสุดจริงๆ
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เจ้านี่คงจักเป็นพวกที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครๆล่ะมั้ง ถึงมิรู้ว่าในโลกความเป็นจริง มันมีสิ่งที่เกินคาดอีกมาก ข้าว่าที่เด็กคงมิใช่ข้าแล้วล่ะ
ได้ทีก็เป็นชุดเลยนะ
คาเร็นท์
คาเร็นท์
แต่คงจะเป็น....
คาเร็นท์มองผมหัวจรดเท้าเท้าจรดหัว
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เจ้ามากกว่า
อื้ม สายตาเหยียดหยาม คิดว่าเป็นใครมาจากไหนถึงทำตัวแบบนี้กับคนอื่น เด็กบ้าไรเนี่ย ไม่ใช่แค่แก่แดดแล้วมั้งแต่คงไม่มีใครอบรมสั่งสอนเสียมากกว่า
เบริล
เบริล
เจ้า!!!  เจ้าเด็กมิสิ้นกลิ่นน้ำนม
เดือดสิครับ ผมนี่เดือดเลือดขึ้นหน้าเลย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาดูถูกเหยียดหยามผมถึงเพียงนี้นะ
เบริล
เบริล
นี่ถ้ามิใช่เด็ก แล้วก็เป็นผู้ชายอย่างข้าหนา ข้าต่อยเจ้าไปแล้ว
ที่บอกว่าต่อยออกจากใจไม่ใช่พูดเล่น แต่ดูหน้ายัยเด็กนิสัยเสียนี่สิยิ้มเยาะไม่กลัวสิ่งใดเลย คงคิดว่าผมคงไม่กล้าทำอะไรละมั้ง 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
หรา...น่ากลัวแท้
ไม้เรียวอยู่ไหนวะ เอามาฟาดเด็กแถวนี้สักทีดินอกจากจะไม่กลัวแล้ว ยังจะแสดงท่าทางเยาะเย้ยยั่วโมโหกันอีก 
👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑
The end
@มัลคาไดน์

ร่วมวงกินข้าว

มัลคาไดน์
ภาคหลัก ภาคที่1
ราชันพันธ์เทพ
. . . . . . . . . .
Talk : เบริล
เด็ก 1
เด็ก 1
เอ่อ...ข้าว่า...
เด็กๆทั้งสองพยายามห้ามปรามทั้งคู่ไม่ให้มีเรื่องกัน  แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เบริลและคาเร็นท์ก็สั่งห้ามไว้ก่อน 
.........
.........
เจ้าไม่ต้องมายุ่ง
เบริลและคาเร็นท์หันมาตอบเด็กทั้งสองพร้อมกันก่อนจะหันไปจ้องหน้ากันใหม่
พร้อมกับความรู้สึกของเด็กทั้งสองที่ดูเหมือนว่าสายตาที่ส่งให้กันจะมีประกายสายฟ้า ดังเปรี้ยๆอยู่เป็นระยะ 
ได้แต่หวังว่าสายฟ้าในจินตนาการนี้จะไม่เกิดผ่าเปรี้ยงป้างจนเป็นเรื่องขึ้นมาหรอกนะ ไม่งั้นแย่แน่
เด็ก 1
เด็ก 1
พี่ชาย  พี่สาวอย่าทะเลาะกันเลย พวกเราขอหนา
เด็ก 2
เด็ก 2
อย่าทะเลาะกันๆ
เด็กๆไม่ละความพยายาม ทั้งสองมองเบริลสลับกับคาเร็นท์พร้อมทำตาปริบๆเชิงอ้อนให้ทั้งคู่ใจอ่อน งดใช้อารมณ์และหันหน้าคุยกันด้วยสันติวิธี 
เบริล
เบริล
ก็...ก็ได้
สุดท้ายเบริลก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อน ทำไงได้ผมมันคนดี แบบผู้ชายอ่อนโยนอะครับ เห็นใครน่าสงสารหรือสายตาอ้อนเข้าหน่อยไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็ยอมสิโรราบทั้งนั้น เว้นเพียงแต่ยัยเด็กเปี๊ยกนี่คนเดียวเท่านั้นแหล่ะที่ผมไม่ยอม เรียกว่าเป็นข้อยกเว้นที่ผมไม่มีวันอ่อนข้อให้ง่ายๆแน่
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เห็นแก่พวกเจ้าหรอกหนา  ข้าหยุดก็ได้
คาเร็นท์ยอมถอยบ้าง แต่ดูจากแววตาแล้วอาจจะมีครั้งที่สองอีกที่จะได้ไฝว์กันน่ะนะ
เด็ก 2
เด็ก 2
เย้ ดีแท้ ป่ะ พี่สาว พี่ชาย กินข้าวกัน
เด็กๆยิ้มดีใจที่ทั้งคู่ดีกันได้ถึงแม้ในความเป็นจริงจะแค่สงบศึกชั่วคราวก็เถอะ ก่อนจะชวนไปทานข้าวด้านในบ้าน 
เบริล
เบริล
จริงสิ
เบริลลูบท้องตัวพร้อมเสียงท้องที่ดังโครกคราก
เด็ก 1
เด็ก 1
พี่สาวจักไปไหน ไม่กินด้วยกันหรือ
สองพี่น้องเรียกคาเร็นท์น้อยที่กำลังจะเดินไปจากบ้านของพวกเขา
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ข้ารีบน่ะ
จ๊อก!!!
จะเกลียดจะชังคนอื่นจนไม่อยากร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยก็เข้าใจนะ แต่ช่วยดูสังขารตัวเองก่อนไหมว่าไหวเปล่า ท้องนี่ร้องดังเชียว ผมละขำจริงๆ 
เบริล
เบริล
เอ๋ เสียงท้องใครร้องน้า
คาเร็นท์
คาเร็นท์
สะ...เสียง...เบาๆเอง
เจ้าตัวหน้าแดงหูแดงจนผมหลุดขำ แต่ก็พยายามหลบไม่ให้เจ้าตัวเห็นเพราะเดี๋ยวจะพาลใส่ผมที่ผมไปหัวเราะเธออีก  แหม...จะเก๊กซะหน่อย จบเลยไหมล่ะ เขินเลยดิ 
เบริล
เบริล
โห  เบา ดังขนาดที่ข้าอยู่ไกลเจ้าเป็นเมตรก็ได้ยินเนี้ยรึ หิวก็กินเหอะ  ใครจะว่ากระไรล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กวัยกำลังกินหนา
ผมนึกเอ็นดูเด็กแก่แดดขึ้นมานิดหน่อย ย้ำนะแค่นิดหน่อยจริงๆ 10%ได้มั้ง แค่นั้นเลย 
เด็ก 2
เด็ก 2
พี่สาวอยู่กินข้าวด้วยกันหนา
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ชิ
เด็กน้อยมองเบริลที่ยิ้มให้  จิ๊ปากไปหนึ่งที  ก่อนตอบตกลงกับพวกเด็กๆ
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ก็ได้
เบริล
เบริล
ก็แค่นั้น
ปิดปากแอบขำไปหนึ่งทีก่อนที่ผมจะเดินตามพวกเด็กๆและคาเร็นท์เข้าไปในบ้าน เพื่ออิ่มหน่ำสำราญกับอาหารมื้อแรกของวัน 
ทำไมผมถึงบอกว่ามื้อแรกน่ะเหรอ  เพราะตั้งแต่เช้ามาผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย ออกจากหมู่บ้านมาใจผมก็คิดแต่จะพบหน้ามัลคาไดน์ให้ได้ ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นิดเดียวจนลืมไปว่าร่างกายเราก็ต้องการดูแลต้องการสารอาหารเพื่อไปเป็นพลังงานในการทำสิ่งต่างๆเหมือนกัน แล้วที่ผมโดนเล่นงานและสลบไปเลยคงจะเป็นเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน ฉะนั้นท้องอิ่มไว้ก่อนจึงดีที่สุด 
สำรับกับข้าววันนี้เป็นอาหารเรียบง่ายที่แม่ของเด็กๆตั้งใจทำเพื่อตอบแทนการช่วยเหลือจากพวกเรา  มีทั้งปลาทอด  ผักต้ม และน้ำพริกแต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว เนอะชีวิตนี้คนเราไม่ได้อยู่เพื่อกินแต่กินเพื่ออยู่ การมีอาหารประทังชีวิตในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้นั้น ก็ถือว่าเป็นจานเลิศรสแล้ว
30 นาทีต่อมา
เบริล
เบริล
อ่า...อิ่มแปล้เลย
ผมว่าพลางเอนหลังพิงผนังบ้าน ลูบท้องตัวเองที่นูนออกมานิดๆเหมือนพุงหมาน้อย ผมไม่ได้อ้วนนะ ออกจะล่ำ ซิคแพคก็น่าจับอะ ก็คนมันกินอิ่มๆไหมล่ะพุงก็ต้องยื่นเป็นธรรมดาพอย่อยเดี๋ยวก็ยุบหุ่นเฟิร์มเหมือนเดิมแหล่ะ 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ใช่
คาเร็นท์
คาเร็นท์
อิ่มมาก
คาเร็นท์แอบเรอเบาๆ 4คนพ่อแม่ลูกอาจจะไม่ได้ยิน แต่ผมที่นั่งอยู่ข้างๆได้ยินเต็มๆ ก่อนที่มือน้อยจะยกแก้วขึ้นดื่มน้ำ  เชื่อละว่าอิ่มจริง เอ็นดูวะ แต่ถ้าให้ผมมีลูกแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันได้ถือไม้ฟาดกันทุกวันแน่  ดูสิเถียงเก่งยอกย้อนเก่ง แถมกวนประสาทเก่งอีก บ่ไหวเลยจริงๆ 
แม่
แม่
ข้าดีใจที่พวกเจ้าชอบอาหารที่ข้าทำ
แม่ของเด็กๆยิ้มดีใจจนปรากฎรอยตีนกาขึ้นที่หางตา
แม่
แม่
ถึงแม้อาหารจะไม่ได้ดูดีก็ตามเหอะ
อ้าว...จู่ๆก็หุบยิ้มซะงั้น สงสารน้าแกในใจแกคงอยากจะต้อนรับพวกเราให้ดีกว่านี้แน่ๆ ให้สมกับช่วยชีวิตพวกแกไว้  ทำไมน้าถึงคิดมากอะไรเช่นนี้นะ หรือเพราะแก่แล้วเลยคิดว่าอาหารพวกนี้อาจจะไม่ถูกใจพวกเรา แต่ที่กินไปเพราะหิวเลือกกินไม่ได้งั้นเหรอ ผมไม่ใช่ผู้ดีตีนแดงสักหน่อยไม่ต้องมาคิดแทนผมหรอกครับ ผมเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ
เบริล
เบริล
อย่าคิดเช่นนั้น กระไรข้าก็กินได้หมดแหล่ะ
ผมรับพูดปลอบพลางยิ้มให้ด้วยความจริงใจ น้าแกทำสุดฝีมือแล้ว และอร่อยมากจริงๆ 
เบริลหันไปมองคาเร็นท์เป็นนัยว่าพูดให้กำลังใจน้าแกสักหน่อยสิ  เด็กน้อยพอเข้าใจภาษากายได้จึงเสริมเบริลไป 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
อืม...ใช่  ข้าเป็นคนง่ายๆ กระะไรข้าก็กินได้
ห๊ะ? แค่เนี้ยอุตส่าห์ส่งให้  พูดแค่เนี้ย แถมเหมือนคำพูดผมอีก พูดอย่างอื่นด้วยก็ได้ไหม เดี๋ยวน้าแกก็คิดว่าไม่เต็มใจพูดหรอก ยัยเด็กไร้มารยาทนี่ 
แต่น้าแกก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แกยิ้มนิดๆประมาณว่าขอบใจที่ปลอบใจคนแก่ ก่อนจะพาเด็กๆเก็บถ้วยเก็บชามไปล้างหลังบ้านให้แขกได้คุยเรื่องสัพเพเหระกันไป
เบริล
เบริล
ว่าแต่ ทำไมที่หมู่บ้านนี้มันดูเงียบๆ ผู้คนหายไปไหนกันหมด
ตอนแรกที่ผมมาถึงผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าเห็นบ้านหลังนี้ตั้งอยู่แถวชายป่าหลังเดียว แต่ก่อนหน้านี้ตอนทานข้าวด้วยกันพ่อแม่เด็กๆบอกว่าที่นี่เป็นหมู่บ้าน ผมก็ด้วยความที่สงสัยใคร่รู้เพราะถ้าหมู่ในความคุ้นเคยของทุกคนคือมีภาพชาวบ้านทำมาหากินค้าขายไปมาหาสู่กันเต็มไปหมด แต่นี่เงียบกริบไม่เห็นบ้านคนแม้สักหลังในระแวกนั้น 
โดนเผาหมดแล้วงั้นเรอะ? แต่ถ้าโดนเผาก็ต้องมีร่องรอยของเศษเถ้าถ่านบ้างสิ แต่นี่ไม่เห็นเลย ที่นี่ หมู่บ้านนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
พ่อ
พ่อ
เจ้าอยากรู้จริงๆเรอะ
พ่อของเด็กๆถามผม  ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่าให้ผมฟังว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่บ้าง 
เขาเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อหลายปีก่อนเกิดสงครามจักรกลขึ้นในเมือง สงครามนั้นร้ายแรงขึ้นทุกวันจนส่งผลกระทบมาถึงเมืองเล็กๆหรือแม้กระทั่งในหมู่บ้านของเขา จึงส่งผลให้ผู้คนอดยากและล้มตายมากมายบ้างก็หนีเข้าเมือง บ้างมีญาติก็หนีไปพึ่งญาติ จนหมู่บ้านแทบร้างเหลือเพียงไม่กี่หลังในระแวกนี้ และไม่กี่หลังที่ว่าส่วนใหญ่ก็เป็นคนแก่ที่หวงทรัพย์สมบัติและที่ดินทำมาหากินในบ้านไม่ยอมไปไหน บางส่วนก็เป็นแบบครอบครัวของเด็กๆที่เขาช่วยเหลือคือมีเด็กเล็กหรือคนท้องแก่ไม่สะดวกต่อการเดินทางไกลๆ คนที่อยู่ก็เลยต้องดิ้นรนต่อสู้กันไปถึงแม้จะโดนขู่รีดไถจากพวกใจชั่วก็ตาม 
เห้อ ฟังแล้วมันน่าหดหู่ใจยิ่งนัก สงครามมันมีดีอะไรนักหนาถึงชอบให้เกิดขึ้นจัง ผมก็เห็นแต่ข้อเสียทั้งนั้น อย่างน้อยก็ชีวิตคนบริสุทธิ์ล่ะ 
เบริล
เบริล
สงครามเป็นจุดสิ้นสุดของทุกสิ่ง  เรื่องนี้ข้าเข้าใจดี
ผมได้แต่พูดอย่างคนปลง ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านมากนัก 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
พูดยังกับว่า ที่ที่เจ้ามาก็มีสงครามงั้นแหล่ะ
คาเร็นท์ที่นั่งฟังตั้งแต่ต้น ตั้งคำถามกับผม ทำไมล่ะถึงจะดูเหมือนนักเดินทางใช้ชีวิตวันๆไปกับการผจญภัย ดูไม่มีเรื่องให้กังวลในชีวิต ดูไม่เหมือนคนที่สูญเสีย แต่จริงๆแล้วผมน่ะ ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างนะ 
เบริล
เบริล
อืม
ผมตอบเสียงเศร้า ไม่มีอารมณ์จะเล่นสนุกอะไรด้วยแล้ว ยิ่งนึกถึงก็มีแต่เพียงความเจ็บปวดในความทรงจำ มันช่างเป็นเรื่องที่ทรมานเกินกว่าจะเยียวยาได้จริงๆแม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ไม่มีทางที่จะลบเลือนมันได้เลย 
เด็ก 2
เด็ก 2
สงครามแบบไหนหรือพี่ชาย
เด็กๆล้างถ้วยชามช่วยแม่เสร็จและเดินเข้ามาจากทางหลังบ้านได้ยินที่เบริลพูดพอดี ด้วยความอยากรู้จึงเอ่ยถามขึ้นมากลางวงสนทนาตามประสาเด็ก
แม่
แม่
ชู่ว เด็กๆนี่มิใช่เรื่องของพวกเจ้า
น้าหญิงปรามเด็กๆเพราะกลัวจะเสียมารยาทต่อหน้าแขก แต่ผมไม่คิดว่างั้นนะ เด็กเป็นวัยอยากรู้อยากเห็น ดูตาใสซื่อไร้เดียงสานั่นสิคงอยากรู้เสียเต็มประดาเขาไม่ผิดนะเขาแค่อยากรู้ ฉะนั้นผู้ใหญ่เองก็ควรใช้เหตุผลคุยกับเขาไม่ดุด่าหรือตะคอกเพราะทำแบบนั้นไปเขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาผิดอะไร มีแต่จะสงสัยและกลัวที่จะถามอยู่แบบนั้น 
ผมว่าแค่ตอบคำถามที่เขาอยากจะรู้ถ้าพอใจแล้วเขาก็เงียบไปเอง ผมเข้าใจเพราะตอนเด็กผมก็เป็นเด็กช่างถามคนหนึ่งเหมือนกัน 
เบริล
เบริล
ข้าก็มิค่อยรู้เรื่องนักหรอกหนา คงจักทำนองเดียวกันนี่แหล่ะ ที่ไหนมีประโยชน์ที่นั่นย่อมมีการแย่งชิง เจ้าว่าจริงไหม
ผมยิ้มและถามเพื่อให้เด็กๆมีส่วนร่วมด้วย 
เด็ก 2
เด็ก 2
แน่แท้พี่ชาย
เด็ก 1
เด็ก 1
สงครามนี่มันน่ากลัวจริงๆ
มือน้อยๆจับคางทำท่าครุ่นคิด  ถ้าให้เดาเจ้าสองแสบนี่คงจินตนาการภาพสงครามในหัวอยู่แน่ๆ 
เบริล
เบริล
แล้วเรื่องที่พวกนั้นมาทวงหนี้ล่ะ
คราวนี้ผมถามเรื่องที่ครอบครัวนี้ติดหนี้มั้ง ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่าไอ้พวกนั้นที่ยกกันมาเป็นสิบจะแค่มารีดไถตังแค่นั้นเหรอ แถมมีนักเวทย์ฝีมือดีมาด้วย แค่กับชาวบ้านตาดำๆไม่น่าจะต้องใช้คนมีฝีมือมาจัดการนี่น่า แสดงว่ามันต้องมีคนหนุนหลังเพื่อคิดจะทำบางอย่างแน่ๆ 
พ่อ
พ่อ
พวกเรามิมีทางออก เลยจำเป็นต้องไปกู้พวกมัน
เบริล
เบริล
ที่พวกมันต้องทำร้ายร่างกายขนาดนี้ เป็นเพราะพวกน้า เอ่อ...
ผมลังเลที่จะถามอยู่ครู่หนึ่งแต่ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้เรื่องอีกก็เลยรีบๆถามดีกว่า 
เบริล
เบริล
ขาดการส่งของ?
ของที่ผมว่าไม่ใช่ของผิดกฎหมายแต่เป็นพืชผลทางการเกษตร ส่วยต่างๆหรือชิ้นส่วนของสัตว์ใดๆก็แล้วแต่ตามที่จะตกลงกัน
พ่อ
พ่อ
อืม...ใช่
น้าชายพยักหน้าเป็นอันรับรู้ว่าสิ่งที่ผมสื่อกับที่ผมเข้าใจนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน
พ่อ
พ่อ
เนื่องด้วยช่วงนี้เศรษฐกิจมิค่อยดี ขายของกระไรก็มิค่อยได้ นี่ก็ขาดส่งมามิถึง 2 เดือนด้วยซ้ำ มิคิดว่ามันจักบุกมาถึงบ้านขนาดนี้
อ๋อ แบบนี้นี่เองมันถึงตามมาถึงบ้านเพราะอย่างไรเสียหากไม่ได้ของที่ตกลงกันก็ขอให้ได้เงินทองกลับไป  ไม่สิบางทีมันอาจจะเล็งอย่างอื่นไว้ เพราะทราบอยู่แล้วว่าอย่างไรชาวบ้านก็ไม่มีเงินไปใช้หนี้มันได้แน่ และสิ่งนั้นก็คือ....
เบริล
เบริล
พวกเด็กๆ
ผมพึมพำคนเดียว 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
เจ้าคุยกับใคร
เบริล
เบริล
พอเห็นว่ามิมีเงินใช้หนี้ ก็เลยคิดจักจับพวกเด็กๆไปทำงานขัดดอกล่ะสิหนา
ผมโพล่งขึ้นดังไปหน่อยจนทำให้เด็กๆกลัวและถอยไปอยู่ใกล้ๆแม่ จนต้องปลอบเรียกขวัญกันใหญ่
เด็ก 2
เด็ก 2
ข้า...ข้ากลัวท่านแม่
เด็ก 1
เด็ก 1
น่ากลัว
เด็กๆกอดแม่แน่น
แม่
แม่
มิต้องกลัวหนาลูกๆ
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ใช่ มิต้องกลัว พี่สาวอยู่นี่ทั้งคน
เบริล
เบริล
ข้าก็ด้วยหนา
พ่อของเด็กๆหน้าตาเคร่งเครียดก่อนเล่าความจริงที่น่ากลัวของพวกมันยิ่งกว่าการขัดดอกอย่างที่ผมคิด
พ่อ
พ่อ
มันมิใช่แค่ขัดดอกหนา มันแย่กว่านั้นอีกพ่อหนุ่ม พวกมันน่ะคิดจักขายเด็กๆไปเป็นทาส ร้ายแรงกว่านั้นอาจจักเป็นอาหารให้พวกนอกรีดด้วยซ้ำไป
ห๊ะ! อาหาร? 
ยุคนี้สมัยนี้มันยังมีมนุษย์กินคนหลงเหลืออยู่อีกเหรอ ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย มันจะจิตใจโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มะนาไปแล้วนะ 
ปั๊ก!!!
ผมทุบกำปั้นลงกับโต๊ะ เลือดขึ้นหน้าแล้วตอนนี้ อยากจะจับพวกชั่วนั่นมารับโทษให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันทำ ไม่ก็ฆ่ามันล้างแค้นแทนเด็กๆไปเลย 
เบริล
เบริล
ไอ้ระยำ!!! ถ้าทำแบบนั้นได้ก็เกินคนแล้ว
ผมเผลอทำให้เด็กๆกลัวอีกแล้ว พวกเขากอดแม่ตัวเอง เสียขวัญกันหมดแล้วมั้ง ตกใจหลายรอบแล้วเนี่ย ขอโทษได้ไหม พี่ไม่ได้ตั้งใจ ที่แสดงออกมาก็แค่ความในใจทั้งนั้น
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ข้าว่าน้าพาเด็กๆ เข้าห้องก่อนเถิด
เด็ก 2
เด็ก 2
มิเอา ข้ามิไป
เด็ก 1
เด็ก 1
ข้าก็มิไปจักฟังต่อ
คาเร็นท์
คาเร็นท์
อย่าดื้อเด็กๆ เข้าห้องไปหนา
เด็กๆยอมฟังที่คาเร็นท์บอกก่อนจะเดินตามแม่เข้าห้องไป เด็กนี่คุยกันง่ายดีเนอะ ดูเชื่อฟังกันดีซะเหลือเกิน 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
นี่เจ้า เจ้ารู้ตัวไหมว่าทำให้เด็กๆกลัว
แหม ส่งเด็กๆเข้าห้องเสร็จปุป ก็หันมาต่อว่ากันปับเลยนะ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมากหรอก นอกจากขอโทษไปเท่านั้น
เบริล
เบริล
ข้ามิได้ตั้งใจ ข้าแค่โมโหเจ้าพวกนั้น
พ่อ
พ่อ
จริงๆคงเป็นเพราะข้าเอง ข้าผิดเอง ข้ามิน่าพูดกระไรต่อหน้าลูกๆเลย
ผู้เป็นพ่อเห็นผมทำหน้าสำนึกผิดแกก็พลอยรู้สึกผิดไปกับผมด้วย 
เบริล
เบริล
นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าต้องไปก่อน
ผมเปลี่ยนเรื่องเผื่อบรรยากาศรอบๆจะดีขึ้นบ้าง อย่างไรเสียผมก็จะต้องเดินทางอีกไกลรีบไปจะดีกว่า
เบริล
เบริล
อย่างไรก็ขอบคุณท่านน้าแลครอบครัวมากที่ช่วยข้า
พ่อ
พ่อ
พ่อหนุ่มจักไปไหน
เบริล
เบริล
เข้าเมือง
คาเร็นท์ที่ได้ยิน ก็แอบหัวเราะผมเบาๆ ก่อนพูดขึ้นมา 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
คิดว่าจักเข้าไปได้ง่ายๆรึ
ผมคิ้วขมวดงงกับสิ่งที่ยัยเด็กเปี๊ยกพูด ยัยนี่พูดอะไร รู้อะไรมา 
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ทั้งโจร สัตว์ร้าย  ตัวประหลาด ไหนจักทหารอีก เข้าไปก็ตายเปล่า
คาเร็นท์ขยายความ อ๋อ นึกว่าอะไรข้อมูลพื้นๆ นักเดินทางที่ไหนเขาก็รู้ ก็เมืองมัลคาไดน์ออกจะดัง ชื่อเสียงกระฉ่อนลือไกลถึงไหนต่อไหน  ไม่รู้สิแปลก  แต่เจ้าตัวก็คงเตือนด้วยความหวังดีนั่นแหล่ะ แต่หวังดีกี่เปอร์เซ็นต์กันอันนี้ไม่อาจรู้ได้ 
เบริล
เบริล
ข้ารู้  แต่ข้าต้องไป
คาเร็นท์
คาเร็นท์
ท่าจักบ้า
คนตัวเด็กว่าชายหนุ่ม ในเมื่อรู้แต่ยังจะไปก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นแหล่ะที่จะยอมเอาชีวิตไปทิ้งน่ะ
เบริล
เบริล
เพื่อบ้านเกิดของข้าถึงตายข้าก็ยอม
👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑 👑
The end
@มัลคาไดน์

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!