"เล่งซื่อ" "เล่งนึ่งรับคำสั่ง" "ขอรับท่านเจ้าสำนัก"
"เจ้าจงนำสัตว์เทพทุกเผ่าพันธ์ในสำนักเราฝ่าออกไปทางด้านหลัง นี่คือแหวนมิติเทพ.. เจ้าจงนำสัตว์เทพที่เหลือไม่ถูกทำลายเก็บเอาไว้ในแหวนมิตินี้..แล้วจงหลีกเร้นหลบหนีไปให้ไกลจากที่นี่อย่าได้กลับมาอีก..และอย่าได้ปรากฎตัวในยุทธภพอีกเป็นอันขาด เราเป็นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งอนาจักรเหนือใต้หล้า เราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ใด เรายอมรับความพ่ายแพ้ได้แต่พวกเจ้าต้องมีชีวิตเหลืออยู่เพื่อสืบสานปฎิทานของเราสืบไปให้ดี นี่คือตำราปรานเหนือใต้หล้าที่เราคิดค้นขึ้นมาเราไม่อยากให้มันสูญหายไปพร้อมกับตัวเราที่เป็นปรมาจารย์ในวันนี้ เราถูกสหายทรยศหักหลัง จึงมีสภาพเช่นนี้ สำนักถูกเผาทำลายสิ้น เราจะถ่ายทอดปรานเหนือนใต้หล้าให้กับเจ้าทั้งสองคน" "รับไว้ "
เจ้าสำนักใช้สองมือทาบที่หัวของเล่งซื่อและเล่งนึ่ง พลังปรานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายทั้งสองคนไม่ขาดสายจนกระทั่งมือทั้งสองของปรมาจารย์เหนือใต้หล้าแข็งทื่อแห้งเหี่ยวสิ้นลมหายใจไปทันทีร่างกายก็ฟีดยุบลง..พายุไฟก็กระพือมาทางร่างของปราจารย์ลุกติดโชติช่วง..จนไม่สามารถทนความร้อนได้อีก..เล่งซือกับเล่งนึ่งก็ต้องจำใจทิ้งร่างปรมาจารย์เอาไว้ข้างหลังวิ่งหลบหนีออกจากสำนักหลังจากรวบรวมสัตว์เทพที่เหลือเอาไว้ในแหวนมิติ.ทันที ทั้งสองก็เร่ร่อนหลบหนีการตามล่าไปทั่วเพื่อสืบเสาะหาที่หลบซ่อนตัวจนค้นพบป่าลึกลับแห่งหนึ่งในเวลาต่อมา
ในส่วนที่ลึกที่สุดแห่งป่าดงดิบแห่งนี้ กลับมีกระท่อมหลังหนึ่งซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้สูงปกคลุมเบื้องบนจนมิดแต่เบื้องล่างต้นไม้สูงใหญ่กลับปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดซุกซ่อนอยู่หลากหลายเผ่าพันธ์ อาทิเช่นผีเสื้อราตรีมีปีกเป็นรูปหน้าตาสวยงาม..ขนสีชมพูบานเย็น..หนูสีรุ้ง เสือขาวเป็นประกายสีทองสลับลายขาว หมาป่าสีฟ้า และปลาทองคำเหลืองอร่าม อาศัยอยู่ในลำธารเล็กๆบนภูเขาและไก่สีทองขันเจี้อยแจ้ว..นกสีลายไม้และนกสีรุ้ง..อาศัยอยู่รอบๆกระท่อมหลังน้อยๆท่ามกลางสัตว์ทั้งหลาย..ธรรมชาติแสนสวยงามรอบทิศภายใต้ต้นไม้สูงใหญ่โอบล้อมบ้านหลังน้อยเอาไว้จากสายตาคนภายนอกช่างน่าอภิรมย์นักสัตว์ทั้งหลายล้วนฉลาดรอบรู้และในความเงียบสงัดเหมือนกับรอคอยบางสิ่ง..ที่สำคัญอยู่ชั่วอึดใจ ก็มีเสียงทารกน้องร้องจ้าออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก เสียงชายคนหนึ่งร้องออกมาด้วยความยินดี "น้องหญิงเราได้ลูกชาย" "เราได้ลูกชาย" และชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนล่ำสันองอาจหน้าตาคมคายก็ตระโกนออกมาด้วยความยินดีและนำบุตรชายไปชำระล้างร่างกายที่ลำธาร ก่อนที่จะนำบุตรชายออกมาจากห้อง..ก็ล้วงเอาเม็ดยาสวรรค์คืนชีพจากอกเสื้อป้อนให้ภรรยาสุดที่รักอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ทารกน้อยก่อกำเนิดบรรดาสัตว์น้อยใหญพลันส่งเสียงต้อนรับประสานเสียงกันก้องป่าใหญ่ทุกสรรพสิ่งมิได้เงียบสงบดังเดิม
หญิงสาวผู้เป็นมารดาหมาดๆที่ได้รับยาเม็ดคืนชีพก็ลุกขึ้นนั่งปรับพลังปราณเนื่องด้วยการคลอดลูกทำให้นางสูญเสียความสมดุลในร่างกายไปแต่การได้รับยาเม็ดสวรรค์คืนชีพนั้นทำให้ร่างกายของนางฟื้นคืนเป็นปรกติภายในชั่วยามเดียวเพียงชั่วครู่นางก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่มีการซ่อมแซมให้เป็นปรกติอย่างรวดเร็ว ต่อมาชายหนุ่มผู้เป็นสามีก็นำเอาทารกน้อยที่เนื้อตัวสะอาดหมดจดห่อหุ้มด้วยผ้าอันนุ่มนุ่มมาให้นางป้อนนมในอกอุ่น..เพราะเจ้าหนูน้อยร้องจ้าเพราะหิวนมตั้งแต่อยู่ที่ลำธารแล้ว
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเล่งซื่อ..และภรรยาสุดที่รักเล่งนึ่ง..นั่นเอง..ทั้งสองเป็นผู้ฝึกยุทธของสำนักเหนือใต้หล้าที่หายสาปสูญไปจากยุทธภพ..เมื่อสำนักถูกเผาพวกเขาก็เร้นกายหลบหนี้การไล่ล่าของเจ้าสำนักหลายสำนักในยุทธภพที่ต้องการถอนรากถอนโคนลูกศิษย์สำนักเหนือใต้หล้าให้หมด..สิ้นไม่ให้เหลือ..ประโคมข่าวให้คนเข้าใจว่าสำนักเหนือใต้หล้าคือสำนักนอกรีตเลี้ยงสัตว์เทพที่สามารถทำลายล้างมนุษย์.เป็นภูตผีกัดกินเผ่าพันธ์มนุษย์ต้องกำจัดให้สิ้นซาก..ถึงจะปลอดภัย
ดังนั้นพวกเขาทำตามคำสั่งปราจารย์เจ้าสำนักเหนือใต้หล้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกลับแห่งนี้....วิชาของสำนักก็เหลือแค่พวกเขาสองคนและสัตว์เทพไม่กี่เผ่าพันธ์ที่เขาทั้งสองสามารถรวบรวมเอาไว้ในแหวนมิติแล้วนำมาปล่อยเอาไว้ในบริเวณหุบเขาแห่งนี้มานานพอสมควร..เพื่อหลบความวุ่นวายทั้งหลายเขาสองคนก็เก็บตัวฝึกวิชานักรบเหนือใต้หล้ามานานถึง20ปี การฝึกปรือนั้นก็ยังไม่ประสพความสำเร็จจนเป็นที่พอใจเลยสักครั้งเดียว..สิ่งนี้ทำให้พวกเขาถึงกับท้อใจเป็นอันมากตกลงกันว่าจะตั้งความหวังอันนี้เอาไว้ให้กับลูกชายคนเดียวเป็นผู้ฝึกปรือต่อไป..เมื่อลูกชายคนเดียวของพวกเขาอายุ5ขวบปีนั่นเอง
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก..เด็กน้อยคนนั้น..สองผัวเมียตั้งชื่อให้ว่า อาหู่. อาหู่เจริญวัยขึ้นหลายขวบปี.. ยิ่งโตก็ยิ่งเป็นที่รักใคร่ของเล่งซือและเล่งนึ่ง ยิ่งนัก เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูและความซนก็พอๆกัน สุกวันอาหู่มักจะเล่นกับสัตว์เทพทั้งหลาย ริมลำธารเมื่ออาหู่อายุได้4ขวบ อาหู่ก็เริ่มว่ายน้ำในลำธารได้แล้ว เพราะมีพ่อแม่ถ่ายทอดพลังวัตรให้ ทำให้อาหู่มีพละกำลังมากเกินเด็ก เพราะความซนอาหู่มักจะจับปลาทองคำมาเล่นด้วย..จนปลาทองคำมองเห็นอาหู่มาเล่นน้ำในลำธารคราใด ก็พากันว่ายน้ำหนีกระเจิงไปหมดทันทีเพราะอาหู่..ชอบจับเอาปลาทองคำมาตากแดด..จนจะกลายเป็นปลาทองไหม้เกรียมกันหมดทุกตัว..เดือดร้อนให้เล่งซือต้องเอายาเม็ดคืนชีพมาป้อนให้ปลาทองคำหลายสิบเม็ด ป้อนไปก็ตำหนิลูกชายไปด้วยความซนอย่างเหลือร้าย..จนเกือบทำให้ปลาทองคำเกือบสูญพันธ์ เด็กชายอาหู่แม่ถูกตำหนิก็หาได้สลดไม่ ด้วยอายุน้อยนิดและไม่มีเพื่อนเล่น อาหู่จึงเริ่มเปลี่ยนไปผูกมิตรกับเสือขาวตัวเดียวในป่าแห่งนี้แทนทันที
โฮก...เสียงคำรามลั่นป่า.. เสือขาวพาอาหูขึ้นหลังกระโจนท่องเที่ยวไปทั่วป่าดงดิบ..ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนรักกันจนกระทั่งอาหูเติบโตเป็นเด็กวัยรุ่นอายุราว 11ขวบปี..เมื่ออาหูอยู่ที่ไหนเสือขาวก็จะอยู่ที่นั่นเป็นเงาตามตัว..
ในเช้าตรู่ของทุกวัน เล่งซือจะต้องเรียกอาหูมาฝึก ท่ายืนนั่งสองขา เพื่อสร้างพละกำลังให้กับขาทั้งสองข้าง ทุกวันเป็นเวลา3เค่อ ก่อนจะอนุญาตให้อาหูไปเที่ยวเล่นกับเสือขาวเพื่อนรัก โดยที่เสือขาวจะมาหมอบดูการฝึกอยู่ข้างๆรอเจ้านายของมัน ถึงแม้จะเบื่อหน่ายอย่างยิ่งอาหูก็ยอมทั้งนั้น ท่านพ่อบอกให้ทำทุกวันก็ยอมทำโดยดี
\```
อยู่มาวันหนึ่งอาหูเที่ยวเล่นไปไกลจากที่พักมากถึงยี่สิบลี้..ข้ามลำห้วยออกไปทางป่าลึกด้านใน เสือขาวพากระโจนสำรวจป่าดงดิบเข้าไปไกลมาขึ้นทุกที..จนกระทั่งหลงไปยังปากถ้ำแห่งหนึ่งที่ดูลี้ลับซับซ้อน และเงียบสงบแทบไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดเรไร.. ทำให้อาหูลงจากหลังเสือขาวและเดินเข้าไปในถ้ำด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เข้าไปในถ้ำกันเถอะขาวปลอด"
ความจริงอาหูตั้งชื่อเสือขาวตั้งนานแล้ว..ตั้งแต่แรกเห็นอาหูก็เรียกมันว่าขาวปลอดทันที..เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร..ตั้งแต่นั้นมาเสือขาวก็คือขาวปลอดของอาหูตลอดมา.. **ความจริงเสือขาวตัวนี้คือสัตว์เทพชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่าเสือขาวภูพยับ..ที่มีแรงดุจช้างสาร..มีอำนาจสยบเจ้าป่าทุกชนิดสัตว์ทั้งหลายในป่าดงดิบแห่งนี้ล้วนเกรงกลัวเสือขาวชนิดนี้ทั้งหมด**..
เด็กน้อยอาหูตอนนี้จะเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพลังวัตรขั้นสูงและมีหูตาว่องไวประมาณหนึ่งแล้ว เพราะได้รับการฝึกฝนนิดหน่อยจากบิดาทุกวันทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งขึ้น..แต่ยังไร้ประสบการณ์ในการต่อสู้อันใด..การที่เจอถ้ำลึกลับกลางป่าดงดิบจะเป็นวาสนาหรือคราวเคราะห์เดี๋ยวรู้กัน..
อาหูตัดสินใจเดินเข้าไปที่ปากถ้ำพร้อมกับเสือขาวเพื่อนรัก อย่างช้าๆ..ยิ่งเดินเข้าไปลึก..ก็ยิ่งมีกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและเย็นยะเยือกเสียดแทงผิวหนังมากขึ้นทุกที เป็นความน่าสะพรึงกลัวที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมหัวใจเด็กน้อยอาหูทีละเล็กละน้อย "ขาว..ปะ.ปะ..ปลอด".. อาหูเริ่มพูดจาติดๆขัดๆ..และเริ่มเอามือข้างหนึ่งจับขนขาวแวววับของขาวปลอดเอาไว้แน่น..มืออีกข้างก็เริ่มเกาะคอ..ขาวปลอดเพื่อนรักเอาไว้ด้วยความกลัวที่เกาะกุมหัวใจ...เพราะยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าใด..อาหูก็เริ่มมองเห็นบางสิ่งที่ระเกะระกะกองเต็มทางเดิน.ด้วยสายตาที่แหลมคมและสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ในความมืดได้. ทำให้อาหูมอง เห็นสิ่งที่กองเต็มทางเดินที่อยู่ในความมืดอันเลืองลางนั้นคือโครงกระดูกมนุษย์ที่แห้งกรอบ..และด้านหลังกองกระดูกนั้น..มีบานประตูที่สลักลวดลายแสนวิจิตรบรรจงอยู่บานหนึ่ง..
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!