NovelToon NovelToon

เธอในวันฝนพรำ

ตอนที่ 1: กลับมาในวันที่ฝนพรำ

เสียงฝนพรำลงบนกระจกหน้าต่างรถ เส้นทางกลับบ้านเก่าช่างเงียบเหงาจนทำให้หัวใจสั่นสะท้านไปพร้อมกับหยาดฝนที่ร่วงหล่น ราวกับทุกหยาดฝนที่กระทบกระจกคือเสียงเรียกจากอดีตที่ผมไม่เคยตอบกลับ

บ้านหลังเก่าที่ผมเคยอยู่เมื่อสิบปีก่อนยังคงอยู่ในสภาพเดิม—แม้หลังคาจะซีดไปตามกาลเวลา สนามหญ้าหน้าบ้านที่แม่เคยดูแลกลับรกครึ้มจนแทบจะกลายเป็นป่าขนาดย่อม ผมหยุดรถตรงหน้าบ้านแล้วดับเครื่องยนต์ รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองก็ดับตามไปด้วย

สิบปี... ผมหายไปจากที่นี่สิบปีเต็ม ๆ และตอนนี้ ผมกลับมาในฐานะแขกของงานศพคนคนหนึ่ง—คนที่ผมเคยรักหมดใจ คนที่ผมทิ้งไว้ข้างหลังโดยไม่มีคำลา

ผมหยิบร่มคันเก่าที่เธอเคยให้ไว้ตอนมัธยม ร่มสีฟ้าลายเมฆที่เธอบอกว่า “มันเหมือนอารมณ์ดีดีของนาย” วันนี้มันซีดไปตามกาลเวลาเหมือนหัวใจของผมที่หล่นหายไปเมื่อสิบปีก่อน

ผมเดินฝ่าสายฝนเข้าไปในซุ้มงานศพที่วัดกลางเมือง รูปของเธอในกรอบไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าโต๊ะที่มีพวงหรีดวางซ้อนกันเป็นสิบ ๆ พวง ใบหน้าของเธอในรูปยังคงยิ้มเหมือนวันเก่า รอยยิ้มที่ผมจำได้แม่นยิ่งกว่าอะไรก็ตามในชีวิต และเพราะรอยยิ้มนั้นเอง ที่ทำให้ผมไม่กล้ากลับมา

“คุณคณิน...ใช่ไหมคะ?” เสียงผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังผม ทำให้ผมหันไปมอง คุณยายศรี—เจ้าของร้านกาแฟที่เราเคยนั่งกันเป็นประจำ เธอยื่นกล่องกระดาษเล็ก ๆ ผูกโบเรียบง่ายมาให้

“อารียาฝากให้ฉันส่งให้คุณ ถ้าวันหนึ่งคุณกลับมา” คำพูดของยายศรีเหมือนฟ้าผ่าใส่กลางใจ อารียา...เธอยังรอผมอยู่จริง ๆ หรือ? ผมรับกล่องนั้นมาด้วยมือสั่น ในนั้นมีสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง หน้าปกสีน้ำตาลอ่อนที่เธอชอบใช้ มีชื่อของผมเขียนด้วยลายมือที่คุ้นเคย...

“ถึงคณิน...คนที่หายไปพร้อมสายฝนวันนั้น”

ผมเงยหน้ามองรูปถ่ายของเธออีกครั้ง หยาดน้ำตาร้อน ๆ กลั้นไม่อยู่ไหลปนกับหยาดฝนที่ซัดหน้า ผมกลับมาแล้ว...แต่เธอไม่อยู่ให้ผมได้ขอโทษอีกแล้ว

“ทุกครั้งที่ฝนตก ฉันหวังว่าจะได้เห็นเธอยืนรอ

แต่วันนี้…ฝนยังคงตกอยู่

เหลือเพียงความว่างเปล่า และเสียงคำขอโทษที่ไม่มีใครได้ยิน”

ตอนที่ 2: สมุดบันทึกเล่มนั้น

เสียงฝนยังคงตกไม่หยุด ราวกับฟ้ากำลังร้องไห้แทนหัวใจของใครบางคนที่ไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำลา ผมกลับมาที่บ้าน ที่ผมเคยอยู่เมื่อสิบปีก่อน ทุกอย่างดูเก่าไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของความทรงจำที่ผมพยายามหนีมาตลอด

ผมวางสมุดบันทึกเล่มนั้นลงบนโต๊ะไม้เก่า ๆ แสงจากโคมไฟหัวเตียงส่องกระทบหน้าปกสีน้ำตาลอ่อนจนเห็นรอยขีดข่วนที่เธอเคยเขียนเล่นตอนว่าง ๆ สมัยเรียนมัธยม

“ถึงคณิน...คนที่หายไปพร้อมสายฝนวันนั้น”

ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เปิดหน้ากระดาษแผ่นแรก ความรู้สึกบางอย่างบีบหัวใจอย่างแรงจนต้องหยุดมือชั่วครู่ ภาพของเธอลอยขึ้นมาในหัวชัดเจน ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เสียงบ่นเบา ๆ เวลาผมไม่ยอมกินข้าวตรงเวลา

“วันแรกที่ฉันได้เจอนาย...เป็นวันที่ฝนตก นายยืนหลบฝนอยู่ใต้หลังคาหน้าร้านหนังสือ แถมยังไม่มีร่ม ฉันเลยยื่นร่มให้ เพราะคิดว่านายคงไม่ใช่คนแถวนี้ แต่นายกลับยิ้มให้ แล้วบอกว่า ‘ขอบคุณครับ แต่ผมชอบฝน’”

ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ... ผมจำได้ว่าตัวเองพูดแบบนั้นจริง ๆ ในตอนนั้น ผมคิดว่าฝนมันทำให้โลกดูสงบ และทำให้ผมมีเวลาคิดเรื่องต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าฝนนั่นแหละ...จะเป็นเหมือนกำแพงที่ผมสร้างขึ้นเพื่อหนีจากทุกอย่าง

“ฉันเลยชวนคุย ชวนเดินเล่นใต้ร่มคันเดียวกัน นายก็เดินตามมาแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่สุดท้ายก็หัวเราะกับเรื่องตลกของฉัน ฉันยังจำได้ว่านายใส่เสื้อนักเรียนที่ซักจนซีด...แต่รอยยิ้มนายน่ะ มันยังชัดในใจฉันจนถึงตอนนี้”

ผมพลิกหน้ากระดาษไปอีกหน้า ลายมือของเธอเรียงเป็นตัวอักษรเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ทุกตัวอักษรเหมือนตอกย้ำความเจ็บปวดในใจผม

“คณิน...ตอนนั้นนายดูเหมือนคนที่ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงเศร้าตลอดเวลา แต่ฉันอยากอยู่ข้างนาย อยากเป็นคนที่แบ่งปันวันฝนตกให้กับนาย แม้ว่ามันจะหนาวและเปียก แต่ฉันก็ไม่เคยลังเล”

ผมหลับตาลง รู้สึกเหมือนถูกกรีดหัวใจซ้ำ ๆ ใช่...ตอนนั้นผมไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวให้เธอฟังเลย ผมเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างแทนพ่อที่ทิ้งไป ผมต้องทำงานพิเศษสารพัด ทั้งส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้า รับจ้างซ่อมจักรยาน ทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงแม่กับน้องสาว ผมไม่อยากให้เธอเห็นความลำบากของผม เลยเลือกที่จะยิ้ม และสร้างภาพลวงตาให้เธอเห็นว่าผมเข้มแข็ง

“วันหนึ่ง นายหายไปแบบไม่บอกกล่าว ฉันไปที่ร้านกาแฟเดิม นั่งรอฝนหยุด แต่นายก็ไม่กลับมา ฉันคิดว่าตัวเองคงทำอะไรผิดไป แต่ฉันก็ยังรอ...เพราะนายเคยบอกว่าชอบฝน และฉันก็หวังว่าสักวัน...ฝนจะพานายกลับมา”

เสียงลมหายใจของผมดังในความเงียบ เสียงฝนด้านนอกยังคงตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองน้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมปล่อยให้หยาดน้ำตาหยดลงบนหน้ากระดาษ แล้วหัวเราะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง

ผมหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาแนบอกเหมือนคนโง่ ผมอยากบอกเธอว่า “ขอโทษนะที่กลับมาช้า ขอโทษนะที่ทิ้งเธอให้รอคนเดียว” แต่ตอนนี้...เธอไม่ได้อยู่ให้ผมพูดคำนี้อีกแล้ว

เสียงฝนยังคงตก ผมค่อย ๆ ปิดสมุดบันทึกเล่มนั้น รู้ดีว่านี่ยังเป็นเพียงบทแรกของเรื่องราวที่เธออยากให้ผมรู้ ยังมีหน้าต่อ ๆ ไปที่ผมต้องอ่าน เรื่องราวที่เธอเก็บไว้เพื่อผม...คนเดียว คนที่หายไปพร้อมสายฝนวันนั้น

ตอนที่ 3: สายฝนวันแรก

เสียงฝนยังคงตกพรำลงบนหลังคาเหมือนเดิม แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงยังส่องกระดาษสีขาวในมือผมอย่างใจเย็น แต่หัวใจของผมกลับเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่สายตาไล่ไปตามลายมือของเธอ

ผมเปิดหน้าถัดไปของสมุดบันทึกเล่มนั้น กลิ่นกระดาษเก่า ๆ ปนกับกลิ่นฝนที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่างบานเล็ก ผมไม่รู้ว่าตัวเองพร้อมจะรับฟังเรื่องราวของเธอหรือยัง แต่ก็ไม่อาจหยุดมือที่พลิกหน้ากระดาษต่อไปได้

“วันนั้น...วันแรกที่เราได้เดินเคียงข้างกัน ฉันยังจำได้ดี แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน”

“ฝนตกหนักจนคนพากันหลบฝนเต็มไปหมด ฉันยืนกางร่มอยู่หน้าร้านหนังสือ แล้วเห็นนายยืนเปียกปอนอยู่ตรงมุมตึก”

“ตอนนั้น นายดูเศร้าเหมือนคนหลงทาง”

“แต่พอฉันยื่นร่มให้ นายกลับยิ้มให้ฉัน…รอยยิ้มที่ทำให้ฉันตกหลุมรักทันที”

ผมหลับตาลง ภาพวันนั้นชัดเจนในหัวราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน ฝนตกกระหน่ำจนเสื้อนักเรียนของผมชุ่มโชก ผมเพิ่งโดนเจ้าหนี้ตามมาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาหลบใต้กันสาดเก่า ๆ หน้าร้านหนังสือ ไม่ได้ตั้งใจจะยืนรอใคร ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครยื่นร่มให้ในวันที่ผมไม่เหลือใคร

แล้วเธอก็โผล่มา พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนแสงแดด

“นายยิ้มให้ฉันทั้งที่ตัวเปียกปอน น้ำฝนหยดจากปลายผมจนเสื้อนักเรียนเปื้อน”

“ฉันถามนายว่า ‘หนาวไหม’ นายกลับส่ายหน้าแล้วบอกว่า ‘ผมสบายดีครับ ขอบคุณนะครับ’”

“ฉันแอบขำในใจ นายดูดื้อดึงเหมือนเด็ก แต่ก็น่ารักในแบบที่ฉันไม่เคยเจอใครเป็นแบบนั้น”

ผมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ใช่...ผมเป็นเด็กดื้อที่ไม่ชอบให้ใครเห็นว่าผมอ่อนแอ

แต่เธอกลับเห็นผ่านรอยยิ้มของผมทันที

 

ความทรงจำวันแรก

ผมหลับตาลง ปล่อยให้ความทรงจำวันนั้นย้อนกลับมาอย่างช้า ๆ

“จะยืนตรงนี้อีกนานไหม เดี๋ยวไม่สบายหรอกนะ”

เสียงเธอลอยมาในหูเหมือนเสียงกระดิ่งลมที่คอยปลอบประโลม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชอบฝน”

“พูดแบบนี้ได้ยังไง นายตัวสั่นไปหมดแล้วเนี่ย”

เธอหัวเราะพลางยื่นร่มมาให้

“มานี่สิ เดี๋ยวเดินไปด้วยกัน”

ผมจำได้ว่าตอนนั้นลังเล แต่สุดท้ายก็เดินตามไปในร่มคันเล็ก ๆ ของเธอ ร่มที่กางได้ครึ่งเดียว จนไหล่ของเราชนกันเบา ๆ ทุกครั้งที่เธอขยับแขน

 

กลับสู่ปัจจุบัน

ผมลืมตาขึ้นมองสมุดบันทึกที่วางอยู่ตรงหน้า

ทุกถ้อยคำของเธอคือบาดแผลที่ผมเคยทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ

แต่เธอกลับบันทึกมันไว้เหมือนสมบัติสำคัญ

เหมือนกับว่า...แม้ผมจะทำร้ายเธอ แต่เธอก็ยังเก็บทุกช่วงเวลานั้นไว้กับหัวใจ

“ฝนวันนั้น ฉันอยากให้มันตกนาน ๆ เพื่อจะได้เดินไปกับนายให้นานที่สุด”

“แต่สุดท้าย นายก็ต้องกลับบ้าน นายบอกว่าน้องสาวรอนายอยู่”

“ฉันได้แต่มองหลังนายเดินจากไป ร่มคันนั้นเปียกน้ำฝนจนซีด”

“ฉันเลยกลับบ้านพร้อมกับหัวใจที่เปียกไม่แพ้ร่มของนายเลย”

ผมหยุดหายใจครู่หนึ่ง เธอจำได้แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ ที่ผมไม่ทันได้ใส่ใจ

เรื่องที่ผมคิดว่าไม่สำคัญ แต่สำหรับเธอ...กลับเป็นช่วงเวลาที่เธอเก็บมันไว้ในใจจนวันสุดท้าย

 

รอยยิ้มในสายฝน

เสียงฝนด้านนอกยังคงตกหนัก เสียงฟ้าร้องดังเบา ๆ จากที่ไกล ๆ

ผมเดินไปที่หน้าต่าง ปล่อยให้ละอองฝนซัดหน้าเหมือนต้องการให้ผมตื่นจากฝัน

แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ฝัน

เพราะความจริง...เธอไม่อยู่ตรงนี้แล้ว

เหลือแค่บันทึกที่บอกเล่าความในใจที่ผมไม่เคยได้ฟัง

ผมหยิบร่มคันเดิมที่ซีดจนลายเมฆเลือนรางขึ้นมาดู

มือผมสั่นเหมือนวันแรกที่เธอส่งร่มให้

แต่ครั้งนี้...ไม่มีมือของเธออีกแล้ว

“คณิน...ถ้าวันไหนนายกลับมา ฉันอยากให้รู้ว่า…ฝนที่ฉันกลัวที่สุด กลายเป็นสิ่งที่ฉันรอคอยที่สุด เพราะมันคือวันที่นายกลับมาให้ฉันได้กางร่มให้”

“แต่ตอนนี้...ฉันคงกางร่มให้นายไม่ได้แล้ว”

ผมกำสมุดบันทึกแน่นจนสั่น

ทุกคำที่เธอเขียนไว้คือมีดที่กรีดหัวใจให้เลือดซึมช้า ๆ

ผมอยากบอกเธอว่า ผมเสียใจ

ผมอยากย้อนเวลากลับไปบอกรักเธอซ้ำ ๆ

แต่ตอนนี้...ไม่มีเธออยู่ให้ผมได้พูดแล้ว

 

จุดเริ่มต้นของฝนครั้งใหม่

ผมหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนค่อย ๆ เปิดหน้าถัดไปของสมุดบันทึก

น้ำตาผมไหลลงบนหน้ากระดาษ แต่ผมก็ยังฝืนยิ้ม

เพราะนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมยังพอทำได้

อ่านเรื่องราวของเธอให้ครบทุกหน้า

เพื่อที่อย่างน้อย...ผมจะได้รู้ว่าเธอเคยรักผมมากแค่ไหน

และเพื่อที่ผม...จะได้รักเธอให้มากกว่าที่เคย

 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!