.
.
.
"ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับ"
ผมพูดพร้อมกับวางดอกไม้ลงเพื่อเป็นการอวยพรให้แก่พวกเขาที่เสียสละเพื่อผมทุกๆคน ให้ไปสู่สรวงสรววค์ได้อย่างสงบสุข และถ้าอยากรู้ว่าที่ๆผมมาเป็นที่ไหนผมก็ขอให้บอกไว้เลยว่าที่นี่มันคือความทรงจำของผมเอง
แม้มันจะเป็นความทรงจำที่เลวร้ายไปสักหน่อยแต่มันก็ยังน่าจดจำอยู่ดี เพราะที่นี่นั้นเป็นหลุมศพของคนที่ลาจากในสงครามจอมมารทั้งหมด ซึ่งพวกเขาก็เป็นทั้งเพื่อนทั้งอาจารย์ทั้งครอบครัวที่ยอมสละชีวิตมาเพื่อให้ผมรอดชีวิตและปราบจอมมารลงได้
ซึ่งผมคิดว่ามันโครตจะน่าขำสิ้นดีที่โชคชะตากำหนดให้ผมเป็นเด็กชายรอดชีวิตงี่เง่านั่น ถ้าหากผมเป็นแค่เด็กผู้ชายที่มีเชื้อสายเป็นแค่พ่อมดธรรมดาทั่วๆไปก็คงจะดี
ทุกคนคงไม่ต้องตายกันเยอะถึงขนาดนี้หรอก ทั้งหมดมันเป็นเพราะผมเอง เป็นเพราะผมเพราะผมมันทั้งอ่อนแอและไม่ได้เรื่องทุกคนถึงได้ลากันไปเร็วถึงขนาดนี้
แต่ถ้าหากว่าผมย้อนเวลากลับไปได้ก็คงดี ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็อยากจะขอเป็นเพียงแค่เด็กน้อยธรรมดาๆที่ควรเป็น มีเพื่อน มีครอบครัว อย่างเด็กทั่วๆไปที่เขามีกัน
**ไม่ต้องมาแบกรับความคาดหวังจากทุกคนก็คงจะดี . . . . . . . เพราะตัวผมนั้นเหนื่อยเหลือเกิน ผมเหนื่อยกับการโดนคาดหวัง**. .
'ติ่ง'
" อ่า อะไรเนี่ยน้ำตาหรอเนี่ย ฮึ จู่ๆน้ำตามันก็ไหลลงมาเองแฮะ ฮ่า "
แม้ว่าอยากจะหัวเราะกลบเกลื่อนมากแต่ไหนแต่ดูเหมือนว่าน้ำตามันก็ยังไหลลงมาอยู่ดี ฮึ อ่อนแอชะมัดตัวเรา
"น้ำตาไหลลงมาเรื่อยๆเลยแฮะ แต่ทำไมกันนะทำไมกันผมถึงยังไม่ลืมเขาเลย ยังไม่ลืมแม้กระทั่งตอนเขาสิ้นใจ เพราะอะไรกันทำไมกันทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ผมสมควรที่จะลืมมากที่สุด เพราะเขานั้นพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผม"
"ทำไมกันนะ"
"ทำไมยังคิดถึงเขาอยู่กันนะ"
ทำไมยังคิดถึงเขากันมันเป็นเพราะอะไรหรือมันเป็นเพราะว่าทุกอย่างมันบิดเบี้ยวมาตั้งแต่ต้นกันนะ. . .
.
.
.
เป็นเวลานานพอสมควรหลังจากที่ผมอวยพรให้กับพวกเขาอยู่นาน แม้ว่าการที่มาที่นี่มันจะเศร้าผมก็คิดว่ามันคงจะดีกว่าไม่มาให้พวกเขาเห็นกันบ้าง บางครั้งการมาที่นี่ก็ทำให้ผมคลายเหงาบ้าง
หรือบางครั้งก็ทำให้ผมมีความคิดแปลกๆที่คิดถึงใครก็ตามที่คุณรู้ว่าใคร ผมรู้ผมรู้ว่ามันแปลกแต่ถึงอย่างนั้นผมก็หวังว่าถ้าเราได้เจอกันอีกสักครั้งก็ขอให้ครั้งหน้าเราเป็นเพื่อน เพราะบางทีจอมมารก็อาจจะอยากได้เพื่อนก็ได้
เพราะอะไรหน่ะหรอ อืม. . .อาจเป็นเพราะดวงตาของเขาก็ได้ที่ดูแล้วรู้สึกเศร้าศร้อยและเดียวดายในเวลาเดียวกันภายใต้ดวงตาสีดำสนิทนั่น. . .
อืม. . .แต่ดูเหมือนความคิดเรื่อยเปื่อยต้องหยุดลงซะแล้วสิ เพราะดูเหมือนว่าผมจะหลงเข้ามาใกล้ในตรอกน็อกเทิร์นซะแล้ว รู้ได้ไงหน่ะหรอก็บรรยากาศรอบๆดูต่างจากตรอกไดแอกอนพอสมควร แต่มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ผมยังสามารถหาซื้อของได้ และผมก็มีร้านโปรดที่ผมจะไปในตรอกนี้ด้วยนะ เป็นที่ๆสงบพอสมควรเลย
แต่ทว่าพอถึงตรอกน็อกเทิร์นผมก็หยิบผ้าคลุมสีดำมาคลุมใบหน้าไว้ เพราะในนี้ของที่ขายกันล้วนเป็นของหายากและเป็นของผิดกฏหมาย จึงไม่ค่อยมีคนเปิดเผยตัวตนว่าเป็นใคร เพราะงั้นอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเลย
พอทำทุกอย่างเสร็จสรรพผมก็เดินมาเรื่อยๆตามตรอกน็อกเทิร์น มาตามทางเรื่อยมา ผมเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในตร็อกน็อกเทิร์นที่ดูน่าสนใจ ไม่ทันได้คิดอะไรผมก็ผลักประตูเข้าไปทันทีด้วยความตื่นเต้น
"กริ๊ง"
เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นเรียกเจ้าของร้านให้ออกมาต้อนรับลูกค้าขาประจำที่แทบแวะมาเกือบทุกวัน
" สนใจอะไร อยากได้อะไร เชิญเลือกดูเองนะคุณพอตเตอร์"
"ครับ"
หลังจากเปิดประตูก็ได้ยินเสียงคุณเจ้าของร้านร้องต้อนรับแบบหยอกล้อสนิทสนมมาแต่ไกล
ซึ่งมันไม่แปลกเลยเพราะว่าพอเขาเห็นผมแล้วต้อนรับแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นขาประจำของร้านหนังสือร้านนี้โดยเฉพาะ ผมมาแทบจะทุกวันด้วยความที่หนังสือในนี้มีแต่หนังสือน่าสนใจมากมายให้สนุก
ผมยิ้มรับคุณเจ้าของร้านด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเข้าสู่โลกของตัวเองโดยการเดินดูหนังสือรอบๆชั้นวาง และหลังจากที่พูดจบก็ไม่มีบทสนทนาอื่นๆอีกเลย ทำให้ผมรีบเดินไปเลือกหนังสือที่ผมหมายมั่นปั้นตาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า
แต่ทว่าพอผมหยิบหนังสือนั้นขึ้นมาและดูราคาของมัน ซึ่งในตอนแรกผมก็ไม่ค่อยสนใจรราคาของพวกนี้สักเท่าไหร่แต่แค่สงสัยมากว่า ว่าหนังสือของ"ซัลลาซาร์ สลิธีริน "ถึงได้ราคาถูกนัก ถูกชนิดที่แบบผมซื้อแทบไม่ต้องคิดเลยทีเดียว
ทั้งๆที่เป็นของผู้ก่อตั้งบ้านสลิธิรินแท้ๆแต่กลับตั้งราคาขายต่ำนัก พลันร่างกายเร็วกว่าความคิด มือที่อยู่อย่างสงบมาตลอดก็กลับเปิดหน้าหนังสือดูข้างในว่ามันมีอะไรก่อนที่จะร้องอ๋อด้วยความเข้าใจ
"อ๋อ"
เพราะเนื้อความด้านในหนังสือนั้นเป็นภาษาพาร์เซลทั้งหมด ถึงว่าหล่ะมันเป็นอย่างนี้นี่เองที่ไงราคามันถึงต่ำจนไม่น่าเชื่อ ต่ำจนเหลือเพียง50เกลเลียนเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะคนที่จะอ่านมันได้ล้วนต้องเป็นคนที่พูดภาษาพาร์เซล(ภาษาของงู)เท่านั้นถึงจะรู้ความข้างในหนังสือ
และแม้จอมมารจะตายไปแล้วแต่ภาษาพาร์เซลของผมก็ยังไม่หมดไปเพราะ ผมฝึกอ่านเขียนภาษาพาร์เซลจนอ่านออกเขียนได้โดยที่ไม่ต้องเป็นพาร์เซลเมาท์ แต่ก็ไม่ได้รับรู้ตามธรรมชาติได้อย่างจอมมาร
ถึงอย่างนั้นก็เถอะหลังจากผมไล่สายตามองเนื้อหาในหนังสือคร่าวๆ ก็ได้ผลสรุปตามฉบับคนขี้เหงาว่าจะซื้อหนังสือของซัลลาซาร์ สลิธิรีน ไว้คลายเหงาสักหน่อย เพราะว่าหลังจากที่ลาพักร้อนจากการเป็นมือปราบมารที่สุดแสนจะเหนื่อยที่ต้องไล่จับกุมผู้เสพความตายที่ยังคงอยู่
มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆจนผมได้วันหยุดมาก็ต้องใช้ให้คุ้นสิ พอคิดได้ดังนั้นขาของผมก็ก้าวเดินออกไปที่เคาเตอร์เพื่อจ่ายเงินค่าหนังสือทันทีก่อนที่ผมจะเดินออกจากร้านเพื่อไปให้ถึง'บ้านโพลงกระต่าย'ที่กำลังรอการฉลองหยุดลาพักร้อนของผม
ผมจึงรีบไปโดยกุจแจนำทางที่เตรียมไว้สำหรับไปบ้านโพลงกระต่ายโดยเฉพาะ พอโยนกุญแจนำทางลงสู่พื้นก่อนจะย้ายร่างตัวเองมายังจุดหมายและเดินเข้าไปเขาเคาะประตูบ่งบอกถึงการมาของผม
และไม่นานคนที่เดินมาคือมอลลี่ วีสลีย์เป็นคนเปิดประตูต้อนรับโดยกอดเขาสุดแรงเกิดบ่งบอกถึงความคิดถึง และในบรรยากาศหลังจากที่เข้ามาภายในบ้านโพลงกระต่าย ก็รู้สึกอบอุ่นอย่างที่เคยเป็นมาตลอด
โดยมีครอบครัววีสลีย์อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา และอีกคนหนึ่งที่มาโดยมิได้นัดหมายนั่นคือเดรโก มัลฟอยที่กำลังเห่อหลานสาวเอามากๆ เพราะถึงแม้ปากจะร้ายแต่สุดท้ายก็ตามใจเด็กๆตลอดอยู่ดี
ลืมบอกไปว่ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่มีลูกตั้ง2คน นะ ชื่อว่าโรส เกรนเจอร์ วีสลีย์และฮิวโก้ เกรนเจอร์ วีสลีย์ และทั้งสองคนนั้นก็เป็นเด็กที่น่ารักมาก
หลังจากเข้ามาจากที่มอลลี่เข้ามากอดผมเสียเต็มรัก เธอก็ปล่อยผมออกมาและทำอาหารสูตรพิเศษให้ โดยผมก็เข้าไปกินอาหารที่คาวหว่นที่จัดซะเต็มบ้านโพลงกระต่าย กินกันไป คุยกันไป แลเป็นภาพที่ชวนอบอุ่นที่ชวนให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น
และหลังจากกินเสร็จพวกเราก็จะทำการเก็บกวาดเรียบร้อยให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งผมก็อยู่ช่วยจนจบและได้เดินเข้าห้องนอนไป พอเข้าห้องได้สักพักผมก็นึกได้ว่าควรจะถึงเวลาอ่านหนังสือเล่มนั้นซักที ผมมองดูมันมันด้วยความตื่นเต้น เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยทำให้มันตื่นเต้นที่ได้อ่านหนังสือ ของซัลลาซาร์ สลิธิรินกันนะ แต่ทว่าไม่ทันไรก็มีมารมาผจญ แลนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มัลฟอยนั่นเอง
"ตุ๊บ"
"ขออ่านด้วยหน่อยสิพอตเตอร์ นายได้หนังสืออะไรมาหน่ะ น่าอ่านจัง"
"อ่านออก?" ผมพูดขึ้นด้วยความสงสัย
"แล้วอีกอย่างโยนหมอนมาเพื่อ รำคาญหน่าเดรก"
คนที่เอ่ยไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก เป็นเดรโก มัลฟอยเอง เดรโกถึงกับสะอึกกับความปากร้ายของแฮร์รี่ที่เพิ่มขึ้นระหว่างอยู่กับเขา
"นั่นเรียกว่าปากหรือไงแฮร์รี่"
"...."
ลืมไปว่ามัลฟอยพอหลังจากสงครามแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ดูเหมือนจะสนิทไปรึเปล่าก็ไม่รู้แฮะ ถึงได้กีดกันผมออกจากคนที่จะมาจีบบ่อยๆ ได้ยินมาจากเฮอร์ไมโอนี่
ช่างเถอะ ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ร่ำร้องคร่ำครวญแต่ผมขอให้คนของผมของคนตัวสูงสักนิดที่หรือจะให้ผมอ่านให้ฟังตอนนี้บอกเลย3คำ ฝัน ไป เถอะ ขี้เกียจล้วนๆ บอกเลย
ปากก็พูดไปเรื่อย ๆ มือก็หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดด้วย หน้าแรกผ่านมาเรื่อยๆ ไอ้คนที่อยู่ด้านหลังก็อ่านด้วย แต่ว่าหลังจากได้เห็นเนื้อหา ก็หันหน้าหนีทันที และหันไปกินนมอุ่นๆของหมอนั่นที่เอาแก้วนมร้อนๆมากินต่อ
ผมอ่านอ่านมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงตอนจบ ล่วงเลยมาถึงเที่ยคืนของวัน เพราะเนื้อหาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าหลังด้านกระดาษหนังสือต่อไปเป็นนาฬิทรายโบราณที่ทรายหยุดนิ่ง
ผมลองพิจารณาดูแล้วดูอีกมันก็แปลก ที่นาฬิกาทรายมาอยู่ในหนังสือได้ยังไง แต่ยังไม่ทันได้หยิบ เดรโกก็หยิบมันขึ้นมามอง
"อะไรกัน ก็แค่นาฬิกาทรายพิลึกพิลั่นโง่เง่าเท่านั้นเอง ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดเดียว"
แต่เดรกยังพูดไม่จบไม่ทันไรร่างสูงของเดรโกก็ได้หยิบมันขึ้นมาตั้งในฝั่งตรงข้าม จากนั้น
ก็เกิดแสงที่มัสออกจากนาฬิกาพิลึกๆที่เดรกได้กล่าวไว้ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเพื่อนสนิทที่น่าจะเป็นฝันร้ายได้และ นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนที่เปลือกตาของผมจะปิดลงอย่างสมบูรณ์
____________________________________
.
.
.
ปี1938
"อือ"
นี่ผมอยู่ที่ไหนเนี่ย รู้สึกมึนหัวไปหมดเลย ปวดทั้งตัวปวดทั้งหัวเลยแฮะ ผมบ่นออกมาหลังจากที่เดรโกเผลอไปแตะต้องนาฬิกาทรายโบราณรูปร่างแสนประหลาด ที่มาจากหน้าสุดท้ายของหนังสือนั่น เล่นทำเอาซะผมเผลอวูบเลยแฮะ เฮ้อ! สุดท้ายก็ฝันไปหรอกหรอ
ที่ผมคิดแบบนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกเพราะตอนที่ผมลืมตานั้น ผมยังโผล่มานอนที่เตียงนอนพอดิบพอดี แต่ทว่า.........ดูเหมือนว่ารอบๆห้องของผมในบ้านโพลงกระต่ายของผมมันออกจะดูแปลกๆไปสักหน่อยมั้ง....หรือสายตาตอนตื่นนอนของผมอาจจะเบลอๆรึเปล่า
แต่เมื่อผมใส่แว่นลงมาเสร็จเรียบร้อย ผมจึงกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอีกทีเพื่อความแน่ใจ ซึ่งในความคิดตอนแรกที่ว่าของในห้องแปลกไปหน่อยนั้นพอมาดูตอนนี้แล้ว.....มันไม่หน่อยแล้วมั้งงงงง!!! . . . . .
.
.
.
เป็นเวลานานที่ผมชะงักไปผมจึงเรียกสติตัวเองกลับมาโดยการตบที่หน้าของตัวเองแรงๆ
"เพี๊ย"
"โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ"
พอจบเรียกสติตัวเองไปก็รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บแปรบก็แล่นไปถึงทรวง เพราะงั้นแปลว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริงที่ว่าผมมาอยู่ในที่ไหนก็ไม่รู้หรอเนี่ย!!!
มันจะเป็นไปได้ยังไง หรือว่าเป็นเพราะไอ้นาฬิกาบ้านั่นจริงๆ แต่ถ้า้ป็นงั้นตอนนี้ผมควรทำไงดีหล่ะ ถึงจะคิดไปคิดมาอยู่นานสุดท้ายผมก็คิดไม่ออกและเอนตัวลงมองไปรอบๆแทนด้วยความสงสัย
ผมทำการกวาดสายตามองรอบห้องอีกรอบ ซึ่งมันก็ได้ผลสรุปเดิมอยู่ดีว่านี่มันไม่ใช่ห้องของผมเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าของทุกอย่างจะวางก็วางเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่หรอกแต่...การตกแต่งห้องออกจะดูมืดมนยะเยือกเกินไปไปหน่อยแฮะ
ก็โทนสีในห้องมันมีแต่สีขาวปนเทาหม่นเขียวเข้ม สลับกับเครื่องใช้ในห้องส่วนใหญ่ก็เป็นสีเขียวเข้มไม่ก็สีดำล้วน เตียงก็เหมือนกันเป็นสีเขียวสลับกับสีขาว ดูเป็นสไตล์ที่เท่ดีเหมือนกัน
ซึ่งพอลองมองของในห้องนี้ ส่วนใหญ่กก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก แค่เตียงเดี่ยว1เตียง ชั้นวางหนังสือและก็โคมไฟอย่างละคู่ แต่ก็พอจะมีสีสันในห้องก็น่าจะเป็นผ้าม่านที่สีม่วงอ่อนๆที่ทีสีสวดสดดูโดดเด่นมากกว่าอย่างอื่นอ่ะนะแล้วก็กระจกเงาสีขาวอันใหญ่ที่1คู่ที่อยู่ท่ามกลางของทั้งหลายที่วางไว้
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน ก็ผมก็คาดเดาไว้ลางๆว่าน่าจะเป็นเพราะไอ้เจ้านาฬิกาประหลาดนั่นแหละที่ทำให้ผมมาติดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้แถมยังหายหัวไปไหนก็ไม่รู้อีกยิ่งคิดยิ่งน่าหงุดหงิด หึย
"แอ๊ด"
"ขออนุญาตครับนายน้อย ตื่นแล้วหรอครับ ผมรอนายน้อยตื่นมาตลอดเลยนะครับ"
เสียงประตูเปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ชายคนหนึ่งที่บุคลิกท่าทางดูสุขุมเยือกเย็น กำลังกล่าวมักทายและดูยินดีที่ได้เห็นผมตื่นขึ้นมา ซึ่งลักษณะท่าทางของเขาเหมือนราวกับพ่อบ้านที่อยู่รับใช้ผมนานแสนนานจนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ
เขาเริ่มเดินใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆก่อนที่นั่งลงบนเตียงเดียวกับผมราวกับจะสร้างความไว้วางใจไม่ให้ผมหนีไปซะก่อน
"นายน้อยจำผมไม่ได้หรอครับ?"
เขาชี้หน้าเข้าที่ตัวเองก่อนจะถามขึ้นมา ซึ่งผมก็มองหน้าเขาตามที่ชี้แล้ว ใบหน้าของเขามันก็ไม่คุ้นเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับผม
"คุณเป็นใครหรอครับ?"
"ก็พ่อบ้านของนายน้อยไงครับ นายน้อยเจโรนิส เพฟเวอร์เรลล์"
"เอ๋!!!?"
หลังจากพ่อบ้านคนนั้นพูดจบผมก็สตั้นไปวิหนึ่งก่อนที่จะวิ่งลงพรวดพราดออกจากเตียงไปหากระจกเงาบานใหญ่เพื่อส่องดูตัวเองทันทีอย่างรีบร้อนเพื่อยืนยันตัวตนจริงๆว่าผมคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ คนเดิมรึเปล่า
ซึ่งพอได้ลองมองตรงกระจกดีๆสิ่งที่สะท้อนกลับมากลับไม่ใช่ใบหน้าของผมแต่กลายเป็นใบหน้าของเด็กน้อยอายุอานามน่าจะไม่เกิน11ปี ใบหน้ารูปไข่ขาวเกลี้ยงเกลา พร้อมด้วยดวงตามรกตแสนสวยดั่งคาถาพิฆาต แถมด้วยจมูกโด่งรั้นที่แสนจะน่ารักน่าและซุกซน พร้อมสะพรั่งด้วยร่างกายที่เพรียวบางน่าทนุถนอมดั่งแก้วบาง ซึ่งพอมาโดยรวมแล้วยิ่งเป็นใบหน้าที่สวรรค์สรรสร้างให้ลงตัวยิ่งกว่าอะไร
และเมื่อเห็นเองกับตาตัวเองแล้วผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยลองยกมือขาวๆของตัวเองยกมือขึ้นมาตบที่หน้าเข้าอย่างจัง
"โอ๊ยยยยย"
แล้วผลก็เป็นตามนั้น ความเจ็บแป๊ลบแล่นขึ้นมาที่สมองทันทีทำให้ผมร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บแปล๊บ
"น. . .นี่เรื่องจริงหรอเนี่ย แล้วทำไม เพราะอะไร ฉันเป็นใครกัน คุณพ่อบ้าน "
"อ่า ดูเหมือนว่านายน้อยจะลืมตัวเองไปจริงๆสินะครับ ไม่เป็นไรนะครับนายน้อย มันอาจจะเป็นผลค้างเคียงจากยาครับแต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปครับความทรงจำที่เสียไปก็สร้างขึ้นใหม่ได้ใช่มั้ยหล่ะครับนายน้อย กระผมโจเชฟคนนี้ขอสัญญา หึ "
"อือ "
ถึงผมจะไม่เข้าใจเรื่องอะไรเท่าไหร่หรือออะไรก็ตามแต่ทว่าผมอาจจะลองเชื่อใจคุณพ่อบ้านโจเชฟนี่ได้ใช่มั้ยนะ . . .
_______________________________
.
.
.
"เดี๋ยวนะ สรุปว่าฉันคือ เจโรนิส เพฟเวอร์เรลลหรอโจเซฟ"
"อ่า เป็นอย่างที่นายน้อยเข้าใจครับ"
มันเป็นไปได้ยังไงกันไม่ใช่ว่าตระกูลเพฟเวอร์เรลลล่มสลายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ จำได้ว่าตอนปีที่เราเกิดตระกูลนี้ก็ไม่มีใครใช้นามสกุลนี้แล้วนี่แล้วทำไมถึงยังมีตระกูลนี้อยู่ ด้วยความสงสัยผมก็เลยถามออกมา
"โจเซฟ"
"ครับนายน้อย"
"นายพอจะบอกได้มั้ยว่าปีนี้เป็นปีที่เท่าไหร่"
"ก็ปี1938ไงครับนายน้อย"
ปี1938!!! พอผมได้ฟังผมก็ยิ่งคิดหนักกว่าเก่า เพราะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบที่เจ้านาฬิกาย้อนเวลานี่ย้อนมาปีที่จอมมารเข้าเรียนปีหนึ่งพอดีเป๊ะ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายจริงๆ เห้อ~เมอร์ลินเป็นพยานโลกเวทย์มนต์ต้องการอะไรจากชีวิตผมกันแน่
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าตอนนี้...ร่างที่ผมอยู่นั้นมาติดแหงกในปี1938ในตระกูลที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เพราะตระกูลนี้ไม่มีใครเหลืออยู่ที่จะใช้นามสกุลนี้เลยซักคน ถ้าอิงตามประวัติศาสตร์หล่ะก็นะ แล้วเวทย์มนต์ต้องการอะไรจากผมกันแน่
ในระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น โจเซฟที่อยู่มาก่อนผมก็ได้นำผมออกจากภวังค์ของตัวเอง โดยเรื่องที่มันน่าสนใจมากกว่าเรื่องนี้อีก
"นายน้อยครับนายน้อยพอจำอะไรได้บ้างมั้ยครับ "
"ผมจำอะไรไม่ได้เลยอ่ะโจเซฟ"
"ผลจากยาของคุณท่านคงเยอะเกินไปเลยทำให้เกิดผลข้างเคียงเยอะตามสินะครับ"
หือ ชักสงสัยแล้วแฮะว่ายานี่มันคือยาอะไรไว้สำหรับทำอะไร ทำไมดูอัตรายจัง
"โจเซฟ"
"ครับ"
"เอ่อ. . .ไอ้ยาที่ว่านี่มันยังไงหรอโจเซฟ"
ผมถามพร้อมสะกิดโจเซฟเพื่อให้หันมาตอบคำถามผม
"เอ่อ. . . คุณหนูจำเรื่อง จอมมาร กิลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ไหมครับ "
"อืม ก็พอได้อยู่บ้าง เรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรอ"
แต่เขาก็ถูกดัมเบิ้นดอร์ปราบไปเสร็จเรียบร้อยแล้วนี่นา
"คือว่าคุณท่านหรือก็คือคุณปู่ของนายน้อย เห็นว่าอันตรายเลยปรุงน้ำยาตายทั้งเป็นที่แรงที่สุดในประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ ให้คุณหนูรับประทานต่อเนื่องกันอย่างละครึ่งช้อนในทุกๆ2อาทิตย์ โดยที่จะป้องกันนายน้อยจากจอมมารโดยใช้วิธีนี้ และผมก็จะเป็นคนป้อนยาคุณหนูจนกว่าจะครบ11ปีครับ"
"ห๊ะ…!!!ด้วยเหตุผลที่ว่าแค่นี้ถึงกับต้องทำยาบ้าๆนั่นออกมาเลยหรอ "
"ครับ น่านท่านเป็นห่วงนายน้อยจริงๆนะครับ อย่าได้ถือสาคุณท่านเลยนะครับ"
"ครับ ผมรู้ครับ"
ต่าแก่เฮงซวย!!! เป็นคำแรกที่อย่างจะเอ่ยออกไป แต่ก็เข้าใจเหตุผลดีเหมือนกันที่คุณปู่เขาทำลงไปก็เพราะรักหลานมากจริงๆ แต่ตัวผมเองจะบ้าตายจริงๆเฮ้อ ถึงว่าเพราะการกระทำบ้าๆนี่สินะที่ไม่มีเห็นในประวัติศาสตร์
"แล้วมีอีกอย่างที่นายน้อยต้องรู้เอาไว้นะครับ"
"อ่า อะไรอ่ะ?"
"ในอีก5วันคุณหนูจะต้องรับการเข้าเรียนที่โรงเรียนฮอกวอตส์ครับ "
ห๊ะ งั้นแปลว่าจะได้เจอจอมมารจริงๆอ่ะหรอ แต่ถ้าเป็นจอมมารในตอนนี้เราอาจเปลี่ยนใจเขาไม่ให้ทำอะไรแบบนั้นก็ได้นะ
อืม. . .สงสัยว่าเมอร์ลินอาจจะให้โอกาสผมมาเปลี่ยนแปลงจอมมารก็ได้ เพราะถ้าจอมมารเปลี่ยนพ่อกับแม่และทุกคนก็จะไม่ตาย ผมตัดสินใจแล้วว่าต้องเป็นเพื่อนจอมมารให้ได้ เอ๊ย ไม่ใช่สิ ต้องเป็นเพื่อนกับ ทอม ริดเดิ้นให้ได้
"แต่เอ๊ะปกติพ่อบ้านจะเป็นเอลฟ์ไม่ใช่หรอแล้วทำไมนายถึงเป็นมนุษย์หล่ะโจเซฟ-อุ๊บ "
ผมเผลอพลั้งปากออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองอีกแล้ว
"คือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณที่รับผมเข้ามาทำงานที่นี่หลังตกงานนะครับนายน้อย"
"อ๋อ ~อย่างนี้นี่เอง นายคงไม่ถือสาคำพูดเมื่อกี้ของฉันใช่มั้ย"
"ไม่ครับ ถ้านายน้อยสงสัยผมพร้อมจะตอบ "
"แล้วมีอีกอย่างที่นายน้อยต้องทำก่อนไปเตรียมฮอกวอตส์ไม่ใช่หรอครับ"
"อ๊ะ อุปกรณ์เวทย์มนต์"
"ครับ นายน้อยจะให้ผมเตรียมให้หรือนายน้อยจะเตรียมเองหรอครับ ผมให้นายน้อยตัดสินใจครับ โปรดตอบด้วยครับ"
"ผ. . ผมเตรียมเองได้ครับ แค่ไปส่งที่ตรอกไดแอกอนก็พอครับ แล้วมีเวลาเท่าไหร่ในการเตรียมของหรอ"
"ประมาณอาทิตย์นึงไม่ขาดไม่เกินครับ"
"งั้นวันนี้ผมจะพักฟื้นแล้วก็อีกวันโจเซฟพาผมไปตรอกไดแอกอนด้วยนะ"
"ตามบัญชาขอรับ"
********
หลังจากวันนั้น4วัน ผมก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ภายในหอสมุดของตระกูลเพฟเวอร์เรลล์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อที่จะศึกษาตำราต่างๆที่มี แต่ถ้าพูดง่ายๆคือเบื่อนั่นแหละ เบื่อมากด้วย
เพราะว่าถึงแม้จะทำอะไรก็ได้แต่โจเซฟแทบจะไม่ยอมให้ผมทำเลย แถมยังบอกให้ผมพักผ่อนเยอะๆโครตน่าฟงุดหงิดเลย ผมไม่ใช่เด็กน้า!!! แต่ทว่าสุดท้ายก็ถึงวันที่รอคอย วันที่5ที่ต้องไปซื้อของก่อนเข้าเรียนก็มาถึงจนได้ บันไซ ! ได้ออกไปข้างนอกสักที!!!
.
.
.
ณ ตรอกได้แอกอน
โจเซฟได้ยื่นกระดาษที่กำหนดว่าต้องใช้อะไรบ้าง
โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์
**ฮอกวอตส์**
เครื่องแบบ
สำหรับนักเรียนปีหนึ่ง
1เสื้อคลุมปฏิบัติการแบบเรียบ3ชุด(สีดำ)
2หมวกแหลมไม่มีลายสำหรับใส่เวลากลางวัน3ใบ(สีดำ)
3ถุงมือป้องกัน1คู่(หนังมังกรหรือใกล้เคียง)
4เสื้อคลุมหน้าหนาว1ตัว(สีดำ สายรัดสีเงิน)
โปรดทรายว่าเสื้อผ้านักเรียนทุกตัวต้องติดป้ายชื่อ
หนังสือเรียน
นักเรียนทุกคนต้องมีหนังสือตามรายการนี้อย่างละ1เล่ม
ตำราคาถามาตรฐาน(ปีหนึ่ง)โดยมิรันดา กอชฮ็อก
ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ โดย บาธิลดา แบ็กช็อก
ทฤษฎีเวทมนตร์ โดย อดัลเบิร์ต วัฟฟลิง
คู่มือแปะลงร่างเบื้องต้น โดย เอ็มเมริก สวิทช์
สมุนไพรและเห็ดราวิเศษพันชนิด โดย ฟิลิดา สปอร์
ยาวิเศษและยาพิษ โดย อาร์เซเนียส จิกเกอร์
สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ โดย นิวท์ สคามันเดอร์
พลังมืด:คู่มือป้องกันตัวเอง โดย ควินติน ทริมเบิล
อุปกรณ์อื่นๆ
ไม้กายสิทธิ์1อัน
หม้อใหญ่1ใบ(ดีบุกผสมตะกั่ว ขนาดมาตรฐานเบอร์2)
ขวดแก้วหรือแก้วเจียระไน1ชุด
กล้องส่องทางไกล1กล้อง
ตาชั่งทองเหลือง1ชุด
นักเรียนนำนกฮูก หรือแมว หรือคางคก มาด้วย1 ตัว
ผู้ปกครองโปรดทราบว่า นักเรียนปีหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีไม้กวาดของตัวเอง
และนั่นเป็นหน้าสุดท้ายที่ผมอ่าน เฮ้อ ของเยอะเหมือนเดิมเลยแฮะ ผมได้พาตัวเองออกมาตะลุยภายในตรอกไดแอนกินครั้งแรกในรอบอาทิตย์ รู้สึกสดชื่นม๊ากมาก และร้านแรกที่เรามาถึงคือร้านตัดเสื้อของมาดามมักกิ้น เธอเป็นคุณป้าอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมาดามมักกิ้นเธอใจดี และเป็นที่น่าเคารพนับถือ
'กริ๊ง'
หลังจากเสียงกริ่งดังขึ้น ไม่นานนักมาดามมักกิ้นก็ออกมาเจอหน้าผมและกล่าวสวัสดีด้วยท่าทางอ่อนโยน
"สวัสดีนะจ๊ะ เธอก็เข้าโรงเรียนฮอกวอตส์ใช่ไหม หือ"
"ครับ ปี1"
"งั้นมาวัดชุดกันเลย"
หลังจากนั้นเธอก็วัดตัวผม ด้วยสายวัดตัวที่ทาบไปทาบมาอยู่ที่ตัวผม ผ่านไปสักพัก ชุดของผมก็เสร็จสิ้น
หลังจากได้ชุดและผมก็จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วผมก็มุ่งหน้าไปร้านต่อไปเลย อาทิ เช่นร้านขายกระดาษ,ปากกา,พวกหนังสือ, หม้อปรุงยา, ขวดแก้ว,ตาชั่งทองเหลืองและสิ่งที่เป็นสิ่งยิบย่อย จากร้านบรรจงหมึก
และหลังจากที่ได้ของแล้วผมก็ได้เดินไปที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงใกล้ๆ เขาเดินดูไปรอบแต่ก็ไมทถูกใจอะไรเลย ถาจะเลี้ยงนกฮูกเหมือนเดิมมันก็เบื่อแย่ งั้นเราจะเอาอะไรดีหล่ะ...
เอ๊ะ ทันใดนั้นก็มีงูตัวหนึ่งเกล็ดสีขาวมันวาวจ้องมองอย่างอ้อนๆมองผมอยู่ในกรง ซึ่งมันเป็นงูขนาดกลางๆม่ใหญ่มาก และแถมด้วยดวงตาสีอเมทิสต์ดูแปลกตา มันอ้อนผมด้วยสายตาเว้าวอน และผมก็ดดนมันตกเข้าจังๆ อืม ....เอาไงดีเนี่ย...
"ซื้อแกเนี่ยหล่ะ Ok "
หลังจากนั้นเจ้าของร้านนำมันมาใส่กรงแล้วยื่นให้ผม พอจ่ายเงินเสร็จสรรพ ยังไม่ทันได้ตั้งซื่อเจ้างูตัวนั้นผมก็เดินมาที่ร้านสุดท้าย ที่ผมคิดถึงยามแรกเมื่อมา
นั่นก็คือร้านขายไม้กายสิทธิ์โอลิแวนเดอร์ จากการเปิดประตูเข้าไปเสียงกริ่งก็ได้ดังขึ้นภายในร้าน เป็นสัญญาณเตือนว่ามีลูกค้าเข้ามา โอลิแวนเดอร์ก็ได้เอ่ยกล่าวคำว่าสวัสดีทันที
"สวัสดี โปรดรอสักครู่"
พอเขาพูดเสร็จเขาก็หันไปเลือกไม้กายสิทธิ์ให้กับเด็กผู้ชายอีกคนที่เข้ามาก่อนผมทันที และด้วยความสงสัยผมก็เลยเหลือบมองไปข้างๆทันที ซึ่งสิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือเด็กผู้ชายตัวเล็ก ผมของเขาเป็นสีดำสนิทสวยรับกับใบหน้า
ซึ่งเขามีสีหน้าท่าทางที่เย็นชากับทุกสิ่ง แต่กลับทำให้ใบหน้าหล่อๆนั่นดูดีขึ้น รับกับจมูกโด่งได้รูปพอดี แต่เมื่อมองนานๆเข้าเด็กผู้ชายที่ยืนข้างๆผมนั่นก็คุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนกันนะเนี่ย แล้วเหมือนกับใครกันหล่ะ อืมแต่ว่าเรียนที่เดียวกันก็ต้องเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าให้ผมมีเพื่อนมันก็ดีกว่านั่งอยู่คนเดียว เพราะงั้น. . . ผมก็เลยตรงเข้าไปหาเด็กคนนั้นทันที
"สวัสดีฉันชื่อเจโรนิส เพาเวอร์เรลล์ ยินดีที่ได้จักนะ เอ่อ. . ."
"ทอม ริดเดิ้น"
เขาตอบมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด แจ่ก็ยังต้องขอบคุณเขาที่ยังคงมีมารยาทขั้นพื้นฐานอยู่บ้าง น่านับถือ น่านับถือ
"อืม . . .ทอม ริดเดิ้น ยินดีที่ได้รูจัก"
ทอมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจยื่นมือมาจับกับผมซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่ไม้กายสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์ ได้วางไว้ให้เขาเลือก
"ผมเลือกอันนี้"
ทอมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะจับไม้ฮอลลี่ แกนกลางขนนกฟีนิกซ์สิดเอ็ดนิ้ว ดีและยืดหยุ่น ซึ่งนั่นเป็นไม้อันแรกที่เลือกเขาเลือกในร้านแห่งนี้
หรือว่า. . . เขาคือ จอมมาร จอมมาร ชื่อเดิมว่าอะไรนะ ? อืม . . .ทอม ริดเดิ้น ชื่อเหมือนเปี๊ยบ แต่ดูท่าทางตอนเด็กทอมเขาไม่เห็นชั่วร้ายเลยสักนิดเดียว เขาเป็นจอมมารที่ผมรู้จักจริงๆเหรอ ทำไมผมแค่รู้สึกว่าเขาแค่หยิ่งๆและโดดเดี่ยวมากกว่าที่จะชั่วร้ายอย่างที่ผมเคยเห็น
ในนามของเมอร์ลินการที่ผมจะต้องเปลี่ยนจอมมารคือผมต้องเป็นเพื่อนกับทอมใช่ไหมนะ ใช่รึเปล่า เอแต่ว่าเรามาลองเปลี่ยนประวัติศาสตร์ดูกัน
หลังจากทอมเดินออกไปไม่นาน ผมก็รีบเลือกไม้กายสิทธิ์และทำการทดสอบมันแค่ครั้งเดียวผมก็ได้ไม้กายสิทธิ์คู่ใจมาครอง ซึ่งมันทำมากจากไพร์แกนกลางขนนกฟีนิกส์ พอได้ของแล้วผมก็ได้จ่ายเงินและเดินตามเขาไป
ผมเดินตามเขามาเรื่อยๆโดยไม่ให้ทอมจับได้ จนมาถึงที่แห่งหนึ่ง. . . . . . . .
_______________________________
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!