...****************...
...สายเลือดใต้แสงจันทร์...
...****************...
ณ ปลายแคว้นลูซียง ท่ามกลางป่าทึบและหมอกหนา คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า “La Maison de Lune” ยังคงยืนหยัดดั่งอนุสรณ์แห่งกาลเวลา งดงาม ลึกลับ และเย็นชา อันห่างไกลจากเมืองปารีส ตระกูล SophitiaSephora
เป็นตระกูลที่ไม่มีใครกล้าตีสนิท ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน มีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ขุนนางและชนชั้นสูงในฝรั่งเศส ว่าเป็นตระกูลที่มีสายเลือด "บริสุทธิ์" ทั้งทางเชื้อสายและพลังบางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ" และไม่มีใครกล้าซักถามว่าพวกเขา “ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่”
ดยุกอาเธอร์ เดอ เซโฟรา (Duc Arthur de Sephora) คือผู้นำตระกูลในปัจจุบัน ชายผู้สง่างาม บุรุษผู้ไม่มีวันแก่ ใบหน้าเขาคมกริบดั่งสลักจากหินอ่อน เส้นผมดำขลับไร้แม้แต่เส้นสีเงิน และในดวงตาสีเทาเข้มนั้น… สะท้อนอะไรบางอย่างที่มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็นเขามีลูกสาวสามคนคือ
...❤️ซาบีน่า พี่สาวคนโต ผู้งดงาม หยิ่งยโส มีเลือดเย็นแฝงอยู่ในแววตาและคำพูด เธอมีพรสวรรค์ประหลาด—อ่านใจได้ รู้แม้แต่แรงเต้นของหัวใจผู้อื่นในการอ่านใจคนราวกับสัมผัสได้ถึงกระแสเลือดในร่างอีกฝ่าย หญิงสาวผู้เปล่งประกายในงานเลี้ยงทุกค่ำคืน แต่ไม่มีใครกล้าสบตาเธอนานเกินสองวินาที แววตาเธอเย็นชา และคำพูดของเธอคือมีดคมบางที่แทงลึกได้แม้ในจิตใจ ...
🧡ซาเนียร่า คนกลาง ผู้เงียบขรึม ไม่สนงานเลี้ยงหรือเครื่องเพชรพลอย แต่หลงใหลในตำราเวทจากห้องสมุดลับใต้คฤหาสน์ ซาเนียร่าเธอไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงใด ๆ มักขังตัวเองในห้องสมุดใต้ดินของคฤหาสน์ ชายผ้าคลุมของเธอมักเปื้อนหมึกและขี้เถ้าเวทมนตร์ พ่อบ้านเก่าเล่าว่าเคยได้ยินเสียงเธอพูดคนเดียวตอนกลางคืน... แต่เธอบอกว่ากำลัง "คุยกับเงา"
🩷ซารีเฟียน่า น้องสาวคนสุดท้องคนเดียวในบ้านหลังนี้ เธอยิ้มง่าย ใจดี อ่อนโยน และชอบให้อาหารสัตว์ในสวน ผิวเธออบอุ่นเหมือนมนุษย์ธรรมดา
แต่ทุกคนในคฤหาสน์รู้ดีว่า... “กลิ่นเลือด” หอมหวานเกินกว่าที่จะเรียกว่า มนุษย์ และในหมู่พี่น้อง และเธอคือคนเดียวที่ ฝันถึงแม่... ทั้งที่แม่ตายไปแล้ว ทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง เธอจะฝันถึง ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดผ้าขาว... ที่เรียกเธอว่า "ลูกแม่"
...****************...
...คำสาปใต้พระจันทร์เต็มดวง...
...****************...
...✨คืนหนึ่ง… ขณะที่พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นเหนือคฤหาสน์ เสียงขลุ่นอันโหยหวนของลมเหนือหุบผาหวีดหวิว ซารีเฟียน่าฝันอีกครั้ง...
ครั้งนี้ ผู้หญิงในฝันไม่เพียงแต่เรียกชื่อเธอ... แต่พูดกับเธอว่า
> “พวกเขาจะรู้แล้ว ซารีเฟียน่า… เลือดของเจ้าจะปลุกบางสิ่งให้ตื่นขึ้น”
เสียงนาฬิกากลางคฤหาสน์ดังขึ้น... เที่ยงคืนพอดี
ที่หน้าคฤหาสน์ ม้าไร้คนขี่ตัวหนึ่งมาหยุดลง พร้อมจดหมายสีเลือด ปิดผนึกด้วยตราประจำตระกูล SophitiaSephora… แต่เป็นตรารุ่นเก่า—รุ่นของดยุกคนก่อนหน้า
ดยุกอาเธอร์หยิบจดหมายนั้นขึ้นมา อ่านเพียงแวบเดียว ก่อนจะกล่าวอย่างเรียบเย็นกับบุตรสาวทั้งสามว่า
> “ตระกูลอื่น… รู้แล้วว่าเลือดของเรายัง ‘ตื่นอยู่’”
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่ ขณะที่ซาเนียร่าก้าวออกจากเงามืดเป็นคนสุดท้าย หยาดน้ำค้างยามราตรีเกาะเส้นผมสีดำสนิทของเธอเหมือนประกายเงาจากโลกวิญญาณ เธอไม่พูดสักคำ ขณะที่ซาบีน่ายืนกอดอก ใบหน้าตึงเครียดและเฉียบขาดตามนิสัย
ซารีเฟียน่า... กลับนิ่งเงียบ นัยน์ตาสีอำพันยังเต็มไปด้วยความสับสนจากความฝันเมื่อต้นคืน กลิ่นเลือด... ที่เธอไม่เคยเข้าใจว่ามาจากไหน ยังคงวนเวียนในลมหายใจของตน
ข้างนอกนั้น... พระจันทร์เต็มดวง ลอยเด่นกลางฟากฟ้า อาบแสงเย็นเยียบลงมาบนยอดคฤหาสน์ La Maison de Lune ส่องให้ท้องฟ้าเหมือนทะเลสีเงิน และทุกเงาในคฤหาสน์... เหมือนกำลังขยับ
ดยุกอาเธอร์นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้โอ๊กเก่าแก่กลางห้องโถง วางจดหมายไว้บนโต๊ะหินหน้าตัว ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง แววตาเข้มลึกเหมือนรู้ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
> “คืนนี้...” เขากล่าวเบา ๆ ขณะเงยหน้ามองพระจันทร์ผ่านกระจกสีด้านบน “...เป็นคืนที่เหมือนกับเมื่อยี่สิบปีก่อน”
> “คืนที่สายเลือดถูกผนึก”
เขาลุกขึ้น ยื่นจดหมายสีเลือดให้กับซาเนียร่า—ซึ่งรับไว้ด้วยมือข้างที่สั่นเพียงเล็กน้อย ดวงตาเธออ่านแค่บรรทัดเดียว... ก่อนกระซิบเสียงแผ่ว
> “คำสาปยังไม่ตาย”
คำสาป? ซารีเฟียน่าหันขวับมามองพี่สาว สีหน้าเธอเริ่มซีด
> “มันเกี่ยวกับ...แม่ใช่ไหม?”
ไม่มีใครตอบเธอโดยตรง ดยุกเพียงหันกลับมาสบตาลูกสาวคนเล็ก แล้วแตะแก้มเธอแผ่วเบา
> “เลือดของแม่เจ้า... ไม่เคยหายไปจากที่นี่”
“และคืนนี้ พระจันทร์เต็มดวงจะปลุกมันให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง”
ขณะนั้น เสียงระฆังโบราณของคฤหาสน์ก็ดังขึ้นเอง—ตีสิบสองครั้ง ทั้งที่ไม่มีใครแตะต้อง
ทันทีที่เสียงสุดท้ายจบลง... เงาบางอย่างเคลื่อนไหวในมุมห้อง
...เหมือนมีบางสิ่ง “หลุดออกจากพันธนาการ”
ซาเนียร่าพูดเบา ๆ
> “ประตูเปิดแล้ว ใต้ห้องสมุด... ผนึกแตก”
ซาบีน่าเหลือบมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างสูง
> “แล้วพวกมันจะมาทันที...” เธอกระซิบ “...เพราะเลือดของซารีเฟียน่า กำลัง ‘ร้องเรียก’ พวกมัน”
คืนนั้น ดยุกอาเธอร์สั่งให้เปิดห้องสมุดใต้ดิน พวกเขาก้าวลงไปใต้คฤหาสน์ ผ่านชั้นหนังสือโบราณ ผ่านรอยเลือดเก่าที่ถูกลบด้วยเวท
จนถึง “ประตูเลือด” ที่จารึกด้วยภาษาที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้ มันสั่นไหว—และเปิดออก... ด้วยตัวมันเอง
ข้างใน คือหลุมศพ... ของหญิงสาวในชุดขาว...
ที่ไม่มีป้าย ไม่มีชื่อ และไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงมานานสองทศวรรษ
แต่ในค่ำคืนนี้ ท่ามกลาง พระจันทร์เต็มดวง
เสียงหนึ่งดังก้องจากใต้พื้นหิน...
> “เลือดแห่งฉัน... จงกลับมา”
“ซารีเฟียน่า... ถึงเวลาของเจ้าแล้ว”
...****************...
......เลือดต้องห้าม......
...****************...
🌕เงาแห่งพระจันทร์เต็มดวงทอดยาวลงมาบนพื้นหินในห้องใต้ดิน เสียงกระซิบยังคงดังสะท้อนอยู่ในอากาศ—เสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ที่ไม่ควรพูดได้อีกต่อไปแล้ว
ซารีเฟียน่ายืนตัวสั่น หน้าเธอซีด เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้เพียงอย่างเดียว...
เสียงนั้น เรียกชื่อเธอ
> “ลูกแม่... ถึงเวลาแล้ว”
ดยุกอาเธอร์วางมือลงบนไหล่ของลูกสาวเบา ๆ ขณะซาเนียร่าเดินนำไปยังบันไดลึกที่พาเข้าสู่ห้อง จารึกเลือด ด้านล่างสุดของคฤหาสน์
> “คำสาปที่ข้าเคยปกป้องพวกเจ้าไว้… จะตื่นขึ้นในคืนนี้” ดยุกเอ่ยช้า ๆ “และมันเริ่มจากเลือดของเจ้า ซารีเฟียน่า”
ซาบีน่าเงียบอยู่ครู่ ก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น
> “นี่คือราคาของการแต่งงานที่ผิดกฎของตระกูลใช่หรือไม่ ท่านพ่อ?”
ดยุกอาเธอร์พยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความโศก
> “แม่ของพวกเจ้า... มิใช่มนุษย์ธรรมดา เธอคือผู้สืบสายเลือดต้องห้าม”
“เลือดจันทร์”
ซารีเฟียน่าตาเบิกกว้าง
> “หมายความว่า… แม่ไม่ใช่คน?”
ซาเนียร่าหยุดเดิน พลิกหน้าหนังสือเวทในมือ แสงอักษรเรืองขึ้นในความมืด เธอพึมพำราวกับพูดกับตัวเอง
> “พวกเธอไม่ใช่ ‘สิ่งเหนือมนุษย์’... แต่เป็นสิ่งแรกที่มนุษย์เคยสาบานด้วย”
“สายเลือดของผู้หญิงที่พระจันทร์สร้างขึ้นจากเวท บริสุทธิ์ ไร้เงา ไม่แก่ ไม่ตาย”
> “แต่เมื่อเลือดของพวกเธอ... ผสมกับสายเลือดแห่ง Sephora—คำสาบานโบราณจะถูกละเมิด”
เสียงสั่นในหัวของซารีเฟียน่าเริ่มชัดขึ้น เธอได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวราวกับจะระเบิด กลิ่นเลือดในอากาศหอมแรงขึ้น จนรู้สึกเหมือนกำลังจมลงในมัน
ซาบีน่าเอ่ยต่อ
> “เจ้าคือ ‘กุญแจ’ ที่สามารถเปิดผนึก หรือ… ปลุกสิ่งที่ไม่ควรตื่น”
“แม้แต่แม่ของเจ้า ก็อาจไม่ได้กลับมาในแบบเดิม”
ดยุกอาเธอร์กล่าวต่อด้วยเสียงแผ่ว
> “ในคืนที่เจ้าเกิด—พระจันทร์เต็มดวงปรากฏ ‘สองดวง’ ซ้อนกันในสายตาของผู้มีเวท… สิ่งนั้นคือ สัญญาณแห่งการแตกผนึกครั้งสุดท้าย”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังแทรกออกมาจากห้องด้านใน
เป็นเสียงของผู้หญิง...
และคราวนี้ ไม่ใช่แค่ซารีเฟียน่าที่ได้ยิน
ซาเนียร่าเงยหน้าช้า ๆ เธอเห็นผนังหินค่อย ๆ แยกออก เผยร่างของผู้หญิงในชุดขาว ผมยาวปลิวราวกับไม่มีแรงโน้มถ่วง ริมฝีปากซีดขาวแย้มยิ้ม
> “ในที่สุด... ข้ากลับมา”
> “ซาเลสเทีน...” ดยุกอาเธอร์เอ่ยเสียงแทบไม่ออก
นั่นคือแม่ของพวกเธอ—ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่เงาของเธอ... ทอดออกสองทาง
> “จงเลือก ซารีเฟียน่า… ว่าจะยอมเป็นผู้ปลุก หรือผู้ผนึกคำสาปนี้อีกครั้ง”
—เสียงของซาเลสเทีน ใต้เงาจันทร์🌑
...❣️ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ❣️...
🤍ซาเลสเทีน คือ “เลือดจันทร์”-“ผู้ปลุกคำสาป” เพราะเกิดในคืนพระจันทร์สองชั้น—หายากเกินพันปี เธอคือผู้ถูกล่าในอดีต และผนึกตัวเองเพื่อปกป้องลูก
🖤คำสาปจะปลุก “สัญญาเลือด” ที่ตระกูล Sephora เคยให้ไว้กับ “เทพแห่งรัตติกาล”
หากเลือดผสมไม่ถูกผนึก... เงาแห่งพันธะ จะออกล่าเลือดทั้งสามพี่น้อง❤️🧡🩷
...❣️ΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩΩ❣️...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!