ฝนโปรยปรายลงมาเบา ๆ เสียงหยดน้ำกระทบหลังคากันสาดเหล็กส่งเสียงแผ่วราวกับใจของใครบางคนที่ไม่อาจสงบลงได้
กลิ่นดินเปียกปะปนกับกลิ่นเลือดคละคลุ้งในอากาศ ด้านหน้าคือร่างไร้วิญญาณของชายวัยกลางคนที่นอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาว รอยเลือดจาง ๆ ซึมออกมาจากข้างลำคอและปลายเสื้อคลุมสีเทาเข้มซึ่งถูกฝนชะจนดูไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเปื้อนมากแค่ไหน
“พวกนักข่าวเข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ครับ ขอความร่วมมือด้วย”
เสียงเข้มของตำรวจนายหนึ่งดังขึ้นจากอีกฝั่งของแนวกั้น คำพูดนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่กับ คิรินทร์ เขาได้ยินมันบ่อยพอ ๆ กับเสียงชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพ
แต่วันนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในฐานะนักข่าว
อย่างน้อย...ก็ไม่ได้มีบัตรแขวนคอให้ใครเห็นว่าเขาเป็นนักศึกษาฝึกงานจากสำนักข่าวออนไลน์ชื่อดัง
“ถ่ายไว้นะคิณ มุมกว้างก่อน แล้วค่อยซูมเข้าไปที่มือเหยื่อ”
เสียงเพื่อนร่วมฝึกงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยเบา ๆ
คิณพยักหน้ารับอย่างว่างเปล่า มือยกกล้องขึ้นตามอัตโนมัติ แต่นิ้วกลับสั่นเล็กน้อยเมื่อภาพในช่องมองกล้องเผยให้เห็นรายละเอียดบางอย่าง...
มือของผู้ตาย—กำอะไรบางอย่างไว้แน่น
เป็นวัตถุทรงกลมแบนขนาดเล็ก คล้ายจี้หรือพวงกุญแจ
เมื่อเขาซูมเข้าไปใกล้กว่านั้น ใจเขาเต้นแรงราวกับถูกผลักลงหน้าผาโดยไม่ทันตั้งตัว
มันคือ จี้เงินรูปดาว — แบบเดียวกับที่เขาเคยมอบให้ใครบางคนเมื่อสามปีก่อน
คนที่เขาพยายามลืม
คนที่เคยจับมือเขาแน่นในคืนฝนตก
คนที่พูดว่า “ผมจะปกป้องคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“...ภัทร”
เพียงแค่เอ่ยชื่อออกมาแผ่วเบา ร่างกายของเขาก็ราวกับถูกกดทับด้วยความทรงจำ
เขารีบก้าวถอยหนึ่งก้าว สูดลมหายใจลึกแล้วเงยหน้าขึ้น…
และโลกทั้งใบก็เหมือนหยุดเคลื่อนไหว
ชายในชุดเครื่องแบบตำรวจยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาคมเรียบเย็น ภายใต้หมวกตำรวจที่เปียกฝน ร่างสูงโปร่งคุ้นตาราวกับเวลาไม่เคยพัดผ่าน
ร้อยตำรวจเอกภัทรดนัย
เขา...ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
แต่แววตา—ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ดวงตาคู่นั้นเย็นชา ดุดัน และเป็นทางการ
ไม่มีแววสั่นไหว ไม่มีคำถาม
ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘ยินดีที่ได้เจออีกครั้ง’
ภัทรมองเขาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนหันไปสั่งการกับลูกน้องอย่างนิ่งเฉย
“ถ่ายภาพครบทุกมุมแล้วใช่ไหม? ให้พยานไปให้ปากคำที่ สน.”
เมื่อเสียงคำสั่งจบลง สายตาของภัทรก็วกกลับมาทางเขาอีกครั้ง
“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่าบริเวณนี้เป็นที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ที่สำหรับนักข่าว”
คิรินทร์ยืนนิ่ง ลมหายใจสะดุดไปชั่วขณะ
นี่คือครั้งแรกในรอบสามปีที่เขาได้ยินเสียงของภัทรอีกครั้ง
แต่แทนที่จะเป็นเสียงอ่อนโยนอย่างที่เขาเคยจำได้ กลับกลายเป็นเสียงเรียบแข็ง เย็นชาเกินรับมือ
“ผมไม่ได้มาที่นี่ในฐานะนักข่าวครับ”
เขาตอบกลับ น้ำเสียงพยายามไม่สั่น
“ผมเป็นนักศึกษาฝึกงาน แค่ทำโปรเจกต์เกี่ยวกับความเป็นธรรมในการรายงานข่าวคดีอาญา”
“งั้นคุณควรรู้ว่าเส้นแบ่งระหว่างการ ‘ศึกษา’ กับการ ‘ก้าวก่าย’ มันบางแค่ไหน” ภัทรตอบกลับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “อย่าให้ผมต้องไล่คุณออกจากที่เกิดเหตุอย่างเป็นทางการ”
คิณเม้มริมฝีปากแน่น
เขาควรจะโกรธ
ควรจะตะโกนถามอีกฝ่ายว่า ทำไมถึงทำเหมือนไม่เคยรู้จักกัน
แต่กลับทำได้เพียงมองตอบอย่างนิ่งเฉย...เหมือนในใจยังแอบหวังว่า อีกฝ่ายจะพูดอะไรที่ “จริงใจ” กว่านี้
“คุณ...ยังเก็บจี้ดาวนั่นไว้เหรอ?”
คำถามหลุดออกจากปากราวกับไม่ตั้งใจ แต่กลับทำให้ภัทรชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที
และเพียงแค่นั้น...คิณก็รู้แล้วว่าเขาเดาถูก
ภัทรไม่ตอบอะไร
เพียงแค่เบือนหน้าไปอีกทาง แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
คิณยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ฝนโปรยกระทบตัวจนเสื้อเปียก
ในใจรู้สึกหนักอึ้งจนหายใจไม่ออก
เขาคิดว่าเขาลืมภัทรไปแล้ว
คิดว่าเขาเข้มแข็งพอจะเจอหน้าโดยไม่รู้สึกอะไร
แต่เปล่าเลย...
ความจริงคือ เขายังจำได้ทุกอย่าง
และที่แย่กว่านั้น—เขายังรู้สึกอยู่ทุกวินาที
เมื่อทุกคนเริ่มแยกย้ายกลับ รถเก็บศพเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้า ๆ
คิณหยิบกล้องขึ้นอีกครั้ง กดดูภาพที่ถ่ายไว้ก่อนหน้า
และภาพสุดท้ายที่เขาเห็น...
มือของเหยื่อที่กำจี้ดาวเอาไว้แน่น
ขอบของมันเปื้อนเลือด
และเมื่อเขาซูมเข้าไปใกล้ ๆ จึงพบว่ามีอะไรบางอย่างขีดไว้ที่ด้านหลังของจี้นั้น
เป็นชื่อเพียงชื่อเดียว...
ชื่อของคนที่เขาไม่ควรพบเจออีกในชีวิตนี้
“ภัทร”
เสียงฝนยังคงซัดหน้าต่างไม่หยุด แม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วจากเหตุการณ์ที่จุดเกิดเหตุ
คิรินทร์นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊กในห้องพักแคบ ๆ ที่เขาแชร์กับเพื่อนระหว่างฝึกงาน ภาพถ่ายจากกล้องถูกถ่ายโอนเข้าคอมเรียบร้อย ทว่าภาพหนึ่งกลับสะกิดใจจนเขาไม่อาจละสายตา
ภาพมือของเหยื่อที่กำจี้ดาวไว้แน่น
จี้ที่เขารู้ว่าเคยอยู่กับใคร
เขาควรจะเลิกใส่ใจ
ควรจะบอกตัวเองว่ามันอาจจะเป็นของปลอม ของเลียนแบบ หรือใครสักคนบังเอิญมีแบบเดียวกัน
แต่เขาจำมันได้ดีเกินไป
เพราะเขาเป็นคนสลักชื่อ “ภัทร” ลงไปด้วยมือของตัวเอง
เสียงเคาะประตูดึงเขาออกจากภวังค์
“คิณ! พรุ่งนี้เธอต้องไป สน. กับฉันนะ ตำรวจเรียกสอบพยาน”
เสียงของ มีนา เพื่อนสนิทและรูมเมตสาวจากคณะแพทย์ปี 4 ดังลอดเข้ามา
“แต่ฉันไม่ได้เห็นอะไรเลยนะ แค่ถ่ายรูปไกล ๆ”
คิรินทร์ตอบกลับ ขณะเลื่อนนิ้วลบทุกรูปที่ไม่จำเป็นออก เหลือเพียงภาพจี้ดาวนั้นไว้บนเดสก์ท็อป
“ไม่รู้สิ แต่ตำรวจบอกว่าชื่อเธออยู่ใน ‘รายชื่อพยานหลัก’ นะ คงเพราะอยู่ในพื้นที่ตอนนั้นมั้ง”
มีนาวางแก้วโกโก้ร้อนลงข้าง ๆ มือเขา
“...พยานหลัก?”
หัวใจของคิรินทร์เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ชื่อของเขาอยู่ในรายชื่อพยานหลัก?
เขาไม่ได้แม้แต่เข้าใกล้ร่างเหยื่อ
ไม่ได้พูดคุยกับใคร
แล้วทำไม...
คิรินทร์เงยหน้ามองเพดาน สีหน้าเครียดจัด
และในหัวก็ย้อนกลับไปยังคำพูดของภัทรดนัยในวันนี้
– "คุณควรรู้ดีว่าเส้นแบ่งระหว่างการศึกษา กับการก้าวก่าย มันบางแค่ไหน..."
เขาไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่าย
แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าเขากลายเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของคดีนี้ไปแล้วจริง ๆ
---
วันรุ่งขึ้น
สถานีตำรวจเขตกลางดูวุ่นวายกว่าปกติ
คิรินทร์นั่งรออยู่หน้าห้องสอบปากคำ ใจเต้นรัวจนแม้แต่มีนา—ที่มาส่ง—ยังสังเกตได้
“เธอไม่เป็นไรแน่นะ? หรือจะให้ฉันอยู่รอ?”
มีนาจับแขนเขาเบา ๆ
“ไม่ต้อง ฉันโอเค…”
เขายิ้มบาง ๆ พยายามปกติ แต่ความจริงคือข้างในแทบพัง
เสียงเปิดประตูเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้น และเขาก็เจอใบหน้าที่ไม่คิดว่าจะเห็นอีกในสถานที่แบบนี้
สารวัตรธีร์—เพื่อนสนิทของภัทรดนัยและเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดีนี้โดยตรง
ชายหนุ่มในชุดลำลองแต่สายตาคมกริบกวาดมองเขาอย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ
“คิรินทร์ใช่ไหม เข้ามาเลย เรามีเรื่องอยากถามนิดหน่อย”
คิรินทร์ก้าวเข้าไปในห้องสอบปากคำอย่างระแวง หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
ด้านในมีเพียงเขา สารวัตรธีร์ และแฟ้มสีน้ำตาลปึกหนึ่งวางบนโต๊ะ
กล้องวงจรปิดเปิดอยู่ และทุกอย่างเหมือนฉากในละครที่เขาไม่อยากแสดง
“เอาล่ะ ก่อนอื่นบอกได้ไหมว่าวันที่เกิดเหตุ คุณไปที่เกิดเหตุด้วยจุดประสงค์อะไร”
“...ทำข่าวครับ ผมฝึกงานอยู่กับทีมข่าวอาชญากรรม พอดีอยู่แถวนั้นก็เลยรีบเข้าไปถ่ายภาพก่อนทีมใหญ่จะตามมา”
ธีร์พยักหน้าเบา ๆ ขณะจดอะไรลงในสมุด
“แล้วคุณรู้จักผู้เสียชีวิตไหม?”
“ไม่ครับ ไม่เคยเจอหน้าเลย”
สารวัตรธีร์ไม่ตอบ เขาเปิดแฟ้มตรงหน้าออกทีละหน้า
คิรินทร์เหลือบไปเห็นแล้วใจแทบหยุดเต้น
รูปถ่ายของจี้ดาว...
และใบแนบแสดงรายการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้เสียชีวิต
มีชื่อของเขา—คิรินทร์ อัครนนท์—อยู่ในรายการสิ่งของที่เกี่ยวข้อง
“คุณเคยให้ของชิ้นนี้กับใครไหม?”
ธีร์เอ่ยขณะหมุนจี้ดาวบนโต๊ะให้เขาดูชัด ๆ
คิรินทร์เม้มปากแน่น
เขาไม่รู้จะโกหกได้ไหม เพราะตำรวจอาจมีหลักฐานมากกว่าที่เขาคิด
“เคยครับ...ให้เป็นของขวัญวันเกิด...กับคนคนหนึ่ง”
“ชื่อ?”
“…ภัทรดนัย ธนารัฐธาดา”
ในวินาทีนั้น ทุกอย่างเงียบกริบราวกับอากาศหยุดเคลื่อนไหว
ธีร์เงยหน้าขึ้น ดวงตาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอให้คิรินทร์รู้ว่า สิ่งที่เขาพูดมัน “สำคัญ”
“แสดงว่าคุณรู้จักภัทรดนัยมาก่อน?”
“ครับ...เราคบกัน...เมื่อสามปีก่อน”
ความเงียบอีกครั้ง
ก่อนธีร์จะพูดเบา ๆ ราวกับพูดกับตัวเอง
“ไม่น่าแปลกใจที่ชื่อคุณอยู่ในรายงานคดีตั้งแต่ต้น…”
คิรินทร์ขมวดคิ้ว
“หมายความว่ายังไงครับ?”
ธีร์หลบสายตา
“รายงานคดีที่ร่างครั้งแรกสุด...มีใครบางคนใส่ชื่อคุณไว้ในฐานะ ‘บุคคลใกล้ชิดกับผู้เกี่ยวข้อง’ โดยที่ไม่มีใครอนุมัติ และรายงานนั้นไม่ได้ถูกส่งอย่างเป็นทางการ”
“...ใครเป็นคนร่าง?”
สารวัตรธีร์ไม่ตอบ
เพียงแค่ปิดแฟ้มช้า ๆ แล้วพูดเสียงเรียบ
“ผมแนะนำให้คุณอยู่ห่างจากคดีนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และอยู่ห่างจากภัทร...ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งดี”
คิรินทร์นั่งนิ่งอยู่ในคาเฟ่เงียบ ๆ ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ
แก้วกาแฟเย็นวางอยู่ตรงหน้า แต่เขาไม่ได้แตะมันเลยสักนิด
ข้างตัวคือกระเป๋าสะพายที่ภายในมีกล้องถ่ายภาพ—สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลในการอยู่ท่ามกลางเรื่องวุ่นวายนี้
เขายังคงจ้องภาพหนึ่งในหน้าจอโทรศัพท์
ภาพจี้ดาวเปื้อนเลือดที่เหยื่อกำไว้แน่นในมือ
ในใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะหลังบทสนทนาในห้องสอบสวนเมื่อเช้า
คำเตือนของสารวัตรธีร์ยังดังก้องอยู่ในหัว
“อยู่ห่างจากคดีนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้... และอยู่ห่างจากภัทร ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งดี”
แต่เขาทำไม่ได้
เพราะแค่ได้เห็นจี้ดาวนั่น เขาก็รู้แล้วว่าอะไรบางอย่างจากอดีตกำลังไหลย้อนกลับมา
และมันมีมากกว่าแค่ความรู้สึก...
---
[ย้อนอดีต – 3 ปีก่อน]
“ถ้านายหายไปจากวงการตำรวจวันหนึ่ง ฉันจะรู้ได้ยังไง?”
คิรินทร์ถาม ขณะนอนหนุนตักภัทรบนดาดฟ้าเล็ก ๆ ที่พวกเขาชอบแอบขึ้นมาเวลาหนีความวุ่นวาย
ภัทรหัวเราะเบา ๆ ลูบผมเขาอย่างแผ่วเบา
“ฉันจะไม่หายไปไหนหรอก”
“แต่ถ้าหายไปจริง ๆ ล่ะ?”
“งั้นนายก็แค่ดูดาว... แล้วคิดถึงฉัน”
ภัทรพูดพร้อมยื่นจี้ดาวสีเงินให้
“เก็บไว้นะ ถ้ามันยังอยู่ แปลว่าฉันก็ยังอยู่เหมือนกัน”
---
[ปัจจุบัน]
เขาหยิบจี้ดาวอันเล็กที่เขาเองก็เก็บไว้ในกล่องเหล็กที่หอพักขึ้นมาดู
มันเหมือนกันทุกอย่าง—ขนาด ลวดลาย และแม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ ด้านข้าง
คิรินทร์เงียบไปนาน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกฝึกงานขึ้นมาเปิดหน้าที่จดรายละเอียดของคดี
มีบางอย่างเริ่มขัดแย้งกันในใจเขา
ผู้ตายชื่อ “จักรพันธ์ นทีรัตน์” อายุ 47 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ
ไม่มีลูก ไม่มีญาติที่ใกล้ชิด และไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับตำรวจโดยตรง
แต่ทำไมเขาถึงมีจี้ดาวที่ตรงกับของที่เขาเคยมอบให้ภัทร?
หรือว่า…เป็นคนที่รู้จักภัทรมาก่อน?
“ถ้าอยากรู้อะไรจริง ๆ ก็อย่าไว้ใจแค่รายงานในแฟ้ม”
เสียงของมีนาเคยพูดไว้เมื่อเขาบ่นว่าการสืบข่าวมันยาก
และวันนี้...เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไว้ใจแค่สิ่งที่ถูก ‘เขียนให้เชื่อ’
---
วันต่อมา
คิรินทร์ใช้ชื่อของรุ่นพี่ในกองบรรณาธิการข่าวโทรศัพท์ขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาอ้างว่าเป็นข้อมูลสำหรับสารคดีนักศึกษาเรื่อง "การทำงานของตำรวจ" จึงได้รับโอกาสเข้าไปนั่งฟังสรุปผลตรวจวัตถุพยานในคดี
“พบลายนิ้วมือของผู้ตายบนจี้ดาว... และพบอีกลายนิ้วหนึ่ง แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของใคร ยังไม่มีในฐานข้อมูล”
คิรินทร์ขมวดคิ้ว
เขาแน่ใจว่าอีกลายนิ้วมือคือของภัทร
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...ทำไมภัทรถึงไม่พูดอะไรเลย?
หรือเขากำลังปกปิดบางอย่าง?
หรือแย่กว่านั้น...เขาคือคนสุดท้ายที่อยู่กับเหยื่อ?
“จี้ดาวนั่นมีรอยขีดด้านหลัง คล้ายตัวอักษร ถูกจารด้วยเข็มแหลม”
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพูดต่อ
“มันเขียนว่า... ‘ภัทร’ และด้านล่างคือเลขห้าหลัก ‘22015’ ”
“22015?” คิรินทร์พึมพำ
มันไม่ใช่วันเดือนปีปกติ
ไม่ใช่เลขทะเบียน
ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์
แต่เลขนั้น...ทำให้เขาสะดุดใจขึ้นมาทันที
---
[แฟลชแบ็คสั้น – ปีแรกที่คบกัน]
“เบอร์แฟ้มสืบสวนของฉันคือ 22015 อย่าจำผิดล่ะ”
ภัทรหัวเราะขณะชี้เลขบนแฟ้มตำรวจที่วางกองอยู่หน้าห้อง
“ใส่รหัสนี้ตอนล็อกโทรศัพท์ฉันด้วยนะ เผื่อวันไหนฉันตาย จะได้เข้าไปดูความลับได้”
---
[กลับสู่ปัจจุบัน]
คิรินทร์รู้แล้วว่าเลขนั้นคืออะไร
มันคือเลขแฟ้มสืบสวนที่ภัทรเคยบอกไว้... และนั่นแปลว่าจี้ดาวดวงนี้เคยอยู่กับภัทรจริง
คำถามคือ…เหยื่อได้มันมาได้ยังไง?
และ ทำไมต้องจารเลขแฟ้มนั้นไว้บนจี้ด้วย?
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไร
เขาแน่ใจแล้วว่า…นี่ไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดา
และอดีตของภัทรดนัย—ที่เขาเคยคิดว่ารู้จักดี—อาจไม่ได้สว่างใสอย่างที่เคยคิด
---
[ฉากสุดท้ายของบท]
คิรินทร์กลับถึงหอพักในตอนค่ำ
มีนาออกไปเวรที่โรงพยาบาลพอดี
เขาเปิดกล่องเหล็กเล็ก ๆ บนชั้นหนังสือ หยิบจี้ดาวของตัวเองออกมาถือไว้ในมือ
จากนั้น...หยิบคัตเตอร์เล็ก ๆ
เขาขูดด้านหลังของจี้ตัวเองออกเบา ๆ
และสิ่งที่เขาเห็น...ทำให้ลมหายใจแทบหยุดลง
ใต้คราบเงินเก่าที่ขูดออก
มีรอยสลักบาง ๆ เช่นกัน
“ชื่อของคุณ...ยังอยู่ในรายงานคดี”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!