บทที่ 1 – เมืองที่ไร้กลิ่นดอกไม้
เสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วอย่างเหนื่อยอ่อนในห้องพักชั้นสิบสองของคอนโดฯ ใจกลางเมือง ดารินนั่งจ้องหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ค้างอยู่บนประโยคเดิมนานกว่าสิบนาที คำว่า “ฉัน” ถูกเขียนและลบซ้ำ ๆ ราวกับสมองเธอปฏิเสธที่จะเล่าเรื่องของใครคนหนึ่งในขณะที่เธอยังไม่เข้าใจเรื่องของตัวเอง
นาฬิกาบนโต๊ะบอกเวลาตี3 ดวงตาเธอพร่ามัวจากแสงหน้าจอ แต่ในหัวกลับว่างเปล่าราวกับหิมะที่ตกบนพื้นร้อน ทุกอย่างในเมืองนี้กำลังหลอมเธอให้กลายเป็นเพียงเครื่องจักรชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกำหนดเส้นตายจากบรรณาธิการ เสียงรถยนต์ยามดึก หรือแม้แต่บทสนทนาทางโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยคำว่า “ไว้คุยกันพรุ่งนี้”
ดารินหยิบซองจดหมายเก่า ๆ ที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้านี้ขึ้นมาพลิกดูอีกครั้ง มันเป็นกระดาษสีน้ำตาลอ่อน ขอบมีรอยขาดเล็กน้อย ลายมือที่เขียนชื่อเธออยู่บนหน้าซองนั้นไม่ผิดแน่—เป็นลายมือของยายเพ็ญ
“ดาริน ยายยังอยู่ดี บ้านยังเหมือนเดิม ดอกไม้เริ่มผลิบานแล้ว กลับมาเยี่ยมกันบ้างนะลูก ลมใบไม้ผลิที่นี่ยังหอมเหมือนเดิม...”
จาก ยายเพ็ญ
เธอไม่ได้กลับบ้านที่ลำพญามานานกว่าสิบปีแล้ว นานพอที่จะลืมเสียงลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า ลืมกลิ่นดินหลังฝน และแม้กระทั่งลืมตัวตนของตัวเองก่อนที่เธอจะเป็น “นักเขียนชื่อดาริน” คนที่ใครบางคนคาดหวังให้ประสบความสำเร็จ
เธอลุกขึ้น เดินไปเปิดหน้าต่าง ลมกลางคืนของเมืองพัดเข้ามาอ่อนแรง ปราศจากกลิ่นไม้ใบหรือเสียงจักจั่น
ทันใดนั้นเอง ความเงียบก็พูดกับเธอเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
เช้าวันถัดมา กระเป๋าใบเล็กถูกแพ็ค เสื้อผ้าธรรมดาไม่กี่ชุดถูกใส่ลงไปพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มเก่า
เธอเดินออกจากห้องพักโดยไม่หันกลับไปมองอีก
เพราะบางครั้ง...การเดินทางไม่ได้เริ่มต้นจากปลายทาง
แต่มันเริ่มจากคำถามเงียบ ๆ ในใจว่า "ฉันเป็นใครกันแน่"
ตัวอย่างตอนต่อไป
บทที่ 2 ทางเก่าและกลิ่นลมในฤดูใบไม้ผลิ
การเดินทางกลับหมู่บ้านในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยความทรงจำเก่า ดารินเดินผ่านทางเดิม บ้านเดิม ต้นไม้เก่าที่เคยเล่น ดารินเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่เคยหายไปค่อยๆกลับมา
บทที่ 2 ทางเก่าและกลิ่นลมในฤดูใบไม้ผลิ
รถสองแถวค่อย ๆ แล่นผ่านทางลูกรังเลียบทุ่งนา ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีม่วงอ่อนจากกลีบดอกไม้ที่ปลิวผ่านหน้าต่าง รถจอดตรงหน้าทางแยกเล็ก ๆ หน้าป้ายไม้เก่าๆเขียนไว้ว่า “ลำพญา” ตัวอักษรบางตัวเลือนหายไปตามกาลเวลา
ดารินเดินลงจากรถ สะพายเป้ใบเล็กไว้บนไหล่ ซึมซับเสียงธรรมชาติที่ไม่ได้ยินมานาน เสียงนกกางเขนร้องไกล ๆ เสียงใบหญ้าไหวตามแรงลม และกลิ่นของดินที่เหมือนจะจำเธอได้
เธอก้าวเท้าลงบนทางเดินที่ทอดยาวเข้าสู่หมู่บ้าน มันยังเหมือนเดิม คดเคี้ยว ล้อมรอบด้วยต้นไม้ และเงียบสงบ
เงาไม้ทอดผ่านตัวเธอเป็นลวดลายสลับกันบนทางเดิน ดอกไม้ป่าชูช่ออยู่ริมทาง สีม่วง สีขาว สีชมพู…ทั้งหมดล้วนเติบโตอย่างอิสระ เหมือนหัวใจที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบที่ผู้คนตั้งไว้
ข้างหน้าไม่ไกล มีต้นซากุระพื้นเมืองต้นใหญ่ยืนตระหง่าน กลีบสีม่วงบานสะพรั่งเหมือนครั้งสุดท้ายที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ แต่คราวนั้น…เธอเด็กกว่านี้มาก แขนเล็ก ๆ ของเธอกำลังยื่นขึ้นไล่จับกลีบดอกไม้กลางอากาศ ขณะที่แม่ยืนหัวเราะอยู่ไม่ไกล
ความทรงจำฉายกลับมาทันที โดยไม่ต้องพยายามเรียกหา มันซ่อนอยู่ใต้ผิวของเวลา รอวันที่เธอกลับมาสัมผัสมันอีกครั้ง
เมื่อเดินพ้นแนวต้นไม้ เธอเห็นบ้านไม้สองชั้นสีซีดหลังคาเก่า ๆ ที่คุ้นตา บ้านของยายเพ็ญอยู่ที่ปลายทางนั้น ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม แม้กาลเวลาเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัวไปมากเพียงใด
"ดาริน!"
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากชายชราในชุดเสื้อม่อฮ่อมยืนอยู่หน้ารั้วบ้าน เป็นลุงชิด เพื่อนบ้านเก่าที่เคยให้เธอปีนต้นมะม่วงหน้าบ้านทุกหน้าร้อน
“ยายเพ็ญรออยู่ทุกวันเลยนะลูก รู้มั้ย”
เธอยิ้มบาง ๆ ไม่ใช่แค่คำพูดของลุง แต่เป็นน้ำเสียงของหมู่บ้านที่กำลังต้อนรับเธอกลับมา
เมื่อเดินผ่านประตูไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด ดารินก็พบกับภาพที่อยู่ในความทรงจำที่แม้กาลเวลาจะผ่านไปเพียงใดโต๊ะไม้ใต้ต้นมะลิ โต๊ะหมากยาย และเก้าอี้หวายที่โยกไปมาเองเพราะลมอ่อนก็ไม่มีสิ่งใดที่เปลี่ยนไป
และที่ตรงนั้น มียายเพ็ญนั่งอยู่
ดวงตาของหญิงชราสบเข้ากับเธอโดยบังเอิญไม่ต้องในดวงตาเริ่มมีน้ำหยดเล็ก ๆ ไหลรินออกมาจากรอยย่นที่ลึกแต่เต็มด้วยความอ่อนโยน
ดารินก้าวเข้าไป กอดยายแน่นกว่าที่เธอเคยกอดใครในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ลมเย็นจากต้นไม้พัดผ่านหลังคาบ้าน เสียงใบไม้เสียดสีกันเหมือนเสียงของแม่ที่กระซิบเบา ๆ ข้างหูเธอ
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก"
ตัวอย่างตอนต่อไป
บทที่ 3 บ้านไม้และผู้เฒ่าใจดี
เธอกลับมาพบยายเพ็ญอีกครั้ง และเริ่มอยู่ในบ้านไม้เก่า เธอเริ่มเรียนรู้ว่าทุกสิ่งในอดีตไม่ได้สวยงามเหมือนในความทรงจำ รวมถึงความจริงเกี่ยวกับแม่ของเธอที่ไม่เคยรู้
บทที่ 3 บ้านไม้และผู้เฒ่าใจดี
บ้านไม้หลังเดิมส่งกลิ่นหอมของไม้เก่าและดินชื้นหลังฝนตก ดารินนั่งเงียบอยู่บนชานเรือน มองมือของยายเพ็ญที่กำลังหั่นกล้วยเพื่อทำกล้วยบวชชี อย่างมั่นคง แม้อายุจะล่วงเข้าสู่วัยแปดสิบแล้ว แต่มือคู่นั้นยังคงทำงานอย่างสง่างาม ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย
“เมืองกรุงนั่น มันพาเอาลูกไปจนลืมทางกลับบ้านเลยเรอะ” ยายเพ็ญเอ่ยขึ้น โดยที่ไม่หันมามองหลานสาว
ดารินหลุบตาลงนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเบา “ไม่ได้ลืมหรอกค่ะ…แค่…กลัวจะกลับมาแล้วเจอสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม”
“ของบางอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา” ยายว่า ขณะตักน้ำกะทิใส่หม้อดินเบา ๆ “แต่ของบางอย่างมันไม่เปลี่ยนเลย อย่างเช่น รอ…”
ดารินเงียบไปสักพัก เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของคำว่า ‘รอ’ ที่ไม่ใช่แค่การรอของยายเพ็ญ แต่อาจหมายถึงการรอของทั้งความทรงจำ และตัวเธอเอง
ยามบ่ายหมู่บ้านลำพญาค่อย ๆ กลืนเธอเข้าไปในจังหวะของมัน เสียงไก่ขันไกล ๆ เสียงลมกระทบใบไม้ และแม้แต่เสียงไม้ไผ่เคาะเบา ๆ จากคอกวัวหลังบ้านทุกอย่างเป็นดนตรีที่ไม่มีทางเกิดขึ้นในเมืองใหญ่
ดารินเดินสำรวจบ้าน บ้านที่เธอเคยวิ่งเล่นในวัยเยาว์ มีรอยแตกของไม้ รอยไหม้บางจุดจากการหุงหาอาหารด้วยเตาถ่านในหน้าหนาว และภาพถ่ายเก่า ๆ บนฝาผนังที่ยังไม่ถูกถอดเปลี่ยน
ในห้องนอนเก่า เธอพบกล่องเหล็กใบหนึ่งใต้เตียง ภายในมีกระดาษจดหมาย รูปถ่ายขาวดำ และสมุดบันทึกปกแข็งที่เปื้อนฝุ่นเล็กน้อย
"บันทึกของแม่..."
“ยายเพ็ญ ผมเอาไม้มาให้ครับ”
เสียงเรียกจากหน้าบ้านขัดจังหวะความคิดของเธอ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงยาย แต่เป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง
ดารินชะโงกหน้าลงไปมอง เห็นชายหนุ่มในเสื้อผ้าธรรมดา มีคราบไม้ติดอยู่ที่มือ เขายกไม้แผ่นหนึ่งขึ้นบ่าแล้ววางไว้หน้าบ้านอย่างคล่องแคล่ว
“ภาคย์! มาพอดีเลย หลานยายกลับมาจากกรุงเทพฯ แนะ!” ยายเพ็ญตะโกนบอกเสียงดัง
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่นั้นสบเข้ากับดารินเพียงชั่วครู่ แต่กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างที่เงียบลึกไหลผ่านระหว่างคนแปลกหน้าสองคน
เขายิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้าให้เธอ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
แค่คำคำนั้น ดารินรู้ว่าเธอไม่ได้กลับมาเพียงเพื่อพบเจอแค่ความทรงจำ แต่อาจได้เจออนาคตบางอย่างที่เธอไม่เคยนึกถึงเลยก็ได้
ตัวอย่างตอนต่อไป
บทที่ 4 เงาของอดีตและภาคย์
ดารินเริ่มรู้จักภาคย์ ชายหนุ่มที่ช่วยซ่อมบ้านให้ยายของเธอ เขามีท่าทีที่แปลกแต่กลับเข้าใจความในเงียบของเธอโดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยคำใด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!