รินลดา หญิงสาววัย 22 ปี ยืนอยู่ริมระเบียงห้องพักบนตึกสูงใจกลางเมือง แสงไฟจากตึกอื่น ๆ ทาบทับใบหน้าซีดเซียวของเธอ มือที่เคยสวยงามสั่นเทา กำโทรศัพท์มือถือแน่นราวกับเก็บรักษาความหวังไว้เพียงลำพัง
เสียงสายเรียกเข้า จากธันวา คนรักผู้เคยเป็นทุกอย่างของเธอดังขึ้นอีกครั้ง แต่รินลดาไม่มีแรงจะตอบรับ ความเจ็บปวดในหัวใจที่เกิดจากความทรมานและรอยร้าวที่เขาทิ้งไว้ ทำให้เธอปิดกั้นตัวเองจากเขาและโลกภายนอก
“ริน… ได้โปรดฟังฉันสักครั้ง” เสียงแหบพร่าของธันวาดังผ่านโทรศัพท์
น้ำตาไหลรินบนแก้มของรินลดา เธอรู้ดีว่าความรักที่เคยหวานชื่น กลายเป็นบาดแผลที่ลึกเกินจะเยียวยา แต่ความหวังเล็ก ๆ ในใจยังคงพยายามยึดเหนี่ยวเธอไว้ให้ไม่จมดิ่งลงไป
ย้อนกลับไปเมื่อหกเดือนก่อน...
รินลดายังเป็นสาวสดใส นักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีชีวิตเต็มไปด้วยฝันและอนาคต แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากวันที่เธอพบกับธันวา นักธุรกิจหนุ่มผู้มีเสน่ห์และอำนาจ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความรักและความอบอุ่น
แต่ใต้ความงดงามนั้น มีเงามืดที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามา ธันวาผู้เป็นคนรักเริ่มแสดงด้านที่น่ากลัวออกมา ความหึงหวงและความโกรธที่ไม่อาจควบคุมได้ ทำให้รินลดาต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจ
คืนหนึ่งหลังจากงานเลี้ยงสังสรรค์ ธันวาเมาและกลับมาที่ห้องพักด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติ เขาทำร้ายรินลดาอย่างรุนแรงด้วยความโมโหและความผิดหวัง รินลดาได้รับบาดแผลทั้งกายและใจ ที่ทำให้เธอแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
จากวันนั้นเป็นต้นมา รินลดาเริ่มปิดกั้นตัวเอง กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่ยอมพูดคุยกับใคร แม้แต่เพื่อนสนิทและครอบครัว ความซึมเศร้าเข้าครอบงำจิตใจของเธออย่างหนัก
ธันวาเองก็รู้สึกผิดและเสียใจอย่างมาก เขาพยายามติดต่อและขอโทษหลายครั้ง แต่รินลดากลับไม่ยอมรับความช่วยเหลือใด ๆ
“ฉันเจ็บมาก ธันวา… มันไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่มันคือใจของฉันที่ถูกทำร้าย” รินลดาได้แต่คิดในใจอย่างนั้น
แม้ในใจลึก ๆ จะยังรักธันวา แต่ความเจ็บปวดนั้นหนักหนาสาหัสเกินกว่าจะให้อภัยได้ง่าย ๆ
รินลดายังคงยืนนิ่งอยู่ริมระเบียง แม้สายลมเย็นที่พัดผ่านมาเบาๆ จะทำให้ผมของเธอพลิ้วไหว แต่มันกลับไม่สามารถพัดพาความเจ็บปวดในใจเธอไปได้เลย เธอเผลอหลับตาลง ชั่วขณะหนึ่งภาพความทรงจำเลือนรางก็วนเวียนในหัว
คืนที่ธันวาทำร้ายเธอ ช่วงเวลานั้นช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะลืมเลือน เสียงโกรธแค้นและน้ำตาที่เธอไม่อาจกลั้นไว้ มันฝังลึกในจิตใจจนทุกครั้งที่คิดถึงก็ยังเจ็บปวดเหมือนวันนั้น
รินลดาอยากร้องไห้ให้สุดเสียง อยากปล่อยให้หัวใจแตกสลาย แต่กลับมีบางอย่างในตัวเธอที่ยังไม่ยอมแพ้ แม้จะน้อยนิดก็ยังคงอยู่นั่น — ความหวังว่าความรักอาจจะกลับมาเหมือนเดิม
แต่ความหวังนั้นก็สับสนปนเปไปด้วยความกลัว กลัวว่าเธอจะถูกทำร้ายอีก กลัวว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลง กลัวว่าเธอจะไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกครั้ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง รินลดามองหน้าจอพร้อมน้ำตาที่เริ่มเอ่อเต็มตา เธอปัดโทรศัพท์ออกอย่างแรงก่อนจะปล่อยให้มันดังอยู่บนพื้น
“ทำไม... ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เสียงเธอสั่นเครือ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นริมระเบียง มือกุมหัวไว้แน่น น้ำตาไหลรินเป็นทางยาว
ในค่ำคืนนั้น รินลดาไม่ได้รับสายใครอีกเลย เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังทลายลงทีละน้อย
หลังจากคืนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง รินลดาก็หลบตัวเองจากโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง เธอปิดกั้นความรู้สึกด้วยผนังแห่งความเงียบงัน และความเศร้าที่ลึกซึ้งกว่าที่ใครจะเข้าใจ
ครอบครัวและเพื่อนสนิทพยายามเข้ามาใกล้ แต่รินลดากลับดึงตัวเองออกไป ทุกครั้งที่มีใครพยายามพูดถึงธันวา หรือถามว่าเธอสบายดีไหม น้ำตาก็พรั่งพรูโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่อยากพูด… ฉันไม่อยากเจ็บอีกแล้ว” รินลดาคิดอย่างนั้นซ้ำๆ ในใจของเธอ
ธันวาเองรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน เขาไม่เคยตั้งใจทำร้ายรินลดาเลย แต่ความหึงหวงและความไม่มั่นคงในใจทำให้เขาทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้
“ฉันทำพลาด... ฉันต้องแก้ไข... แต่เธอไม่ฟังฉันเลย” ธันวาคิดทุกคืนที่นอนไม่หลับ เขาโทรไปหาเธอหลายครั้งแต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับ
ในห้องมืด ๆ ของธันวา เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวว่าเขาจะเสียรินลดาไปจริง ๆ
“ถ้าเธอจากฉันไป... ฉันจะอยู่ยังไง?” เขาพูดกับตัวเองในความเงียบ
แต่ความรักที่เจ็บปวดนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม ที่ทั้งทำลายและทำให้เขาระลึกถึงความจริงใจที่เขายังมีต่อรินลดา
ในขณะที่รินลดาต่อสู้กับความเศร้าและความกลัว ภายในใจเธอยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าสักวันหนึ่ง ความรักและความเข้าใจจะช่วยเยียวยาเธอได้
แต่ความจริงก็ยังไม่แน่นอนว่าเส้นทางนี้จะจบลงอย่างไร
ทั้งสองคนยังคงอยู่ในความมืดมิดของความเจ็บปวด และต้องเผชิญหน้ากับอดีตและอนาคตที่ไม่อาจคาดเดา
รินลดาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านกระจกบานใหญ่ ดวงดาวที่เคยส่องแสงเจิดจ้ากลับดูเหมือนแสงไฟริบหรี่ที่กำลังจะดับลง หัวใจเธอเจ็บปวดจนแทบจะระเบิดออกมา แต่เธอก็ยังยืนหยัด แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนทางสายที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม
“ฉันต้องเข้มแข็ง... เพื่อใครสักคน หรือแม้แต่เพื่อฉันเอง” รินลดากระซิบเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนจะหลับตาลงและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
ธันวานั่งอยู่ในห้องทำงานที่เงียบเหงา มือสั่นเทาเมื่อถือแก้วเหล้าที่ไม่ได้แตะต้องมานานแล้ว แต่ความว่างเปล่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยความเสียใจและความรู้สึกผิด
“ถ้าฉันไม่ใจร้าย... ถ้าฉันอดทนกว่านี้...” เขาสบถกับตัวเองเสียงเบา หวังว่าสักวันรินลดาจะเข้าใจ แม้จะสายเกินไป
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้รับ มันเหมือนเป็นสัญญาณเตือนใจ ว่าความรักของเขากับรินลดากำลังจะจบลงในไม่ช้า
หลังจากวันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป รินลดาเริ่มปิดกั้นตัวเองอย่างเต็มที่ เธอหยุดตอบข้อความและโทรศัพท์ของธันวา ไม่ไปพบปะกับใคร ทั้งวันทั้งคืนเธอใช้เวลาอยู่ในห้องที่มืดมิด ปล่อยให้ความเงียบและความเจ็บปวดกลืนกินใจจนแทบขาด
“ฉันเหนื่อยแล้ว... เหนื่อยกับความรักที่ทำร้ายฉัน” รินลดาได้แต่พูดกับตัวเองในใจ เธอรู้สึกเหมือติดอยู่ในวงจรที่ไม่มีทางออก ความหวังเล็กๆ ที่เคยมีเริ่มจางหายไปทุกที
เพื่อนสนิทของเธอ พิมพ์ข้อความส่งมาเป็นระยะ แต่รินลดาก็ไม่เคยเปิดอ่านเลย บางครั้งก็หลับตาและคิดถึงวันที่เธอและธันวายังรักกันดี
แต่ในใจลึกๆ รินลดารู้ดีว่า ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ธันวาเองหลังจากที่ถูกปฏิเสธอย่างรุนแรง เขายิ่งรู้สึกหมดหวัง เขาพยายามอย่างหนักที่จะติดต่อรินลดา โทรไปหลายครั้งแต่ก็ถูกเพิกเฉย
“ริน... ได้โปรด... ฟังฉัน” เขาเรียกชื่อเธอในใจทุกวัน แต่ความเงียบกลับตอบกลับมาเป็นคำตอบเดียว
เวลาผ่านไป รินลดาเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยวจนแทบจะจมลงไปในความมืด เธอเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง และบางครั้งก็สงสัยว่าเธอจะมีคุณค่าอะไรอีกหรือไม่
ในคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก รินลดาเดินออกไปที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน หยุดยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ใบไม้ปลิวร่วงหล่นลงพื้น เธอมองดูดอกไม้ที่เคยบานสะพรั่งแต่ตอนนี้เหี่ยวเฉา
“เหมือนฉัน...” เธอคิด พลางน้ำตารินไหลอย่างไม่รู้ตัว
ความเจ็บปวดนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำพูดจะอธิบาย รินลดารู้ว่าเธอจำเป็นต้องลุกขึ้นใหม่ แต่จิตใจเธอกลับอ่อนแอเกินกว่าจะเริ่มต้นอะไรได้
รินลดาใช้เวลายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายเบาๆ น้ำตาของเธอผสมผสานกับหยดน้ำฝนจนแทบแยกไม่ออก ความหนาวเย็นของอากาศและความเปียกชื้นกลับไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเท่ากับหัวใจที่แตกสลาย
เธอพยายามจะหายใจเข้าลึกๆ เพื่อควบคุมความรู้สึก แต่ทุกครั้งที่หายใจออกมา มันกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและความกลัว
“ถ้าฉันสามารถย้อนเวลากลับไปได้... ฉันจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก” รินลดาพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับก้าวเดินกลับบ้านอย่างเชื่องช้า
เมื่อถึงห้อง เธอล้มตัวลงบนเตียง โดยไม่แม้แต่จะปิดไฟ ร่างกายและจิตใจเธออ่อนล้าจนแทบหมดแรง
ในความมืดมิด รินลดารู้สึกเหมือนไม่เหลือใครอีกแล้ว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!