ณ ประเทศจีนใต้เขาใกล้ทางตอนจีนเหนือนั้นได้แพ้รบสงครามกับประเทศไทยทำให้ผู้คนต่างสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปมากมาย ผู้คนล้มตายเป็นสายทาง ครอบครัวตระกูล กง เห็นเป็นต้องหรั่งน้ำตาออกมาอย่างเศร้าโศก พวกเขาขึ้นรถม้าไปเพื่อไปที่ราชวังตามรับสั่งที่ส่งมาอย่างขัดไม่ได้
"ข้า...ข้าไม่อาจทนดูภาพเหล่านี้ได้เวทนายิ่งหนัก" หญิงสาวพูดพร้อมน้ำตาไหลรินมาที่แก้ม
"พวกที่ทำมันต้องได้ชดใช้กับสิงที่ทำเอาไว้!!!" สาวน้อยร่างบางเป็นคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธา
คนในรถม้าต่างปรอบใจกันและกันเพราะไม่สามารถทำอะไรพวกนี้ได้ไม่ช้าพวกเขาก็ถึงราชวังที่ฝ่าบาทประทับ
"ข้าน้อย กงซ่างซ่ง คารวะ ฝ่าบาท รวมถึงพี่น้องทุกคน"ทุกคนคำนับกันก่อนจะมีคำส่งให้นั้งลงในที่จัดไว้
"ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี้เพื่อที่จะบอกกับพวกเจ้าว่า.....ข้าได้ส่งน้องสาวเจ้าไปเป็นตัวประกัน 4 คน"
พูดจบผู้ชายในตระกูลก็ลุกขึ้นอย่างไมาเห็นด้วยกับสิ่งที่ทำเพราะเป็นตัวประกันไม่ต่างจากของเล่นที่พวกเขาจะหยิบทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้
"ไม่ได้พะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นด้วย น้องสาม น้องหก แล้วเจ้าสิบสอง สิบสามยังเด็กมาการเป็นตัวประกันนั้นไม่ได้นะพะยะค่ะฝ่าบาทหม่อมฉันขอร้อง"
กงซางซ่งก้มกราบต่อหน้ากษัตริย์เพื่อขอความเมตตาแต่ก็หาได้ผล เพราะทางนั้นได้มีคำสั่งมาว่าส่งหญิงสาวมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์และยุติสงคราม
"เรารู้ว่ามันยากแต่เพื่อประเทศชาติเราต้องยอมสละเพื่อความมั่นคง ต่อไปนี้เราจะประกาศให้เจ้าฟัง พวกเจ้าจงฟัง
"ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้ตระกูล กง ทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินชิงโจโดนการส่งหญิงสาวสี่คนไปดังนี้ กงซางเซียน กงซางเซี้ย กงซางเซีย
และกงซางเซียง พวกนางจะถูกเป็นตัวประกันให้กับทางไทย และผู้ชายแบ่งตามนี้ กงซางซ่ง ซางโซ่ ซางซุย ซางเจีย ซางเฟย ถูกไปนำขังที่ไทยในที่เรียกว่า ขอนแก่น และอีกฝ่าย กงซางจี ซางฉวน กงซางซิน ถูกเกณฑ์ไปสงคราม แต่จะถูกยึดทรัพย์ทั้งหมด ถอดชื่อ และใช้ยาสกัดพลังกาย ยกเว้น กงซางเซียงจบราชโองการ....."
สิ้นขันทีพูดจบ เหล่าพี่น้องพากันกอดกันอย่างแน่นไม่เชื่อคำตรงหน้าแต่นี้ไม่ใช่ความฝันอย่างมันคือความจริงที่ไม่อาจจะเหลี่ยงได้ชั่งหน้าเศร้าเสียจริง
"ฝ่าบาท ถอนรับสั่งเถิด....."
"ไม่ได้ เจ้าต้องเห็นแก่บ้านเมืองสละชีวิตคือนักรบที่กล้าหาญ"
"แต่น้องสาวข้าสิบสามน้องอ่อนแอเกินไปที่จะออกจากพวกข้าฝ่าบาท ได้โปรด"
เสียงร้องให้ดังไปทั่วห้องโถงแต่ไร้เมตตาจากฝ่าบาท เขาให้เวลาพี่น้องตระกูล กง เพื่อทำใจทั้งหมดก่อนจะเข้าสู้การเดินในที่ต่างถิ่น
เสียงร้องให้ดังภายในห้อง แต่ต้องกัดฟันยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พี่น้องคำนับและพากันกลับตำหนักไปที่บรรพบุรุ
"พี่ใหญ่ ข้ากลัวจัง"
"ไม่ต้องห่วงนะ มีพี่อยู่จะไร้คนทำร้ายต่อเจ้าแน่ใช่ไหมทุกคน ไม่เอาน่าอย่าเสียใจกันไปเลย ข้าเคยซื้อเรือนไว้ที่นั้นเมื่อพวกเรามีวาสนาได้พบกันอีกจะไปที่นั้นกันนะ"
ทุกคนยิ้มและพากันกอดคอการิแม้จะเสียใจก็ยังดีใจหากได้กลับมาพบกันอีกครั้ง พบค่ำทุกคนต่างพากันดื่มสุราเมามายและร้องเพลงอำลาแกกันอย่างสนุกสนาน จนพากันหลับในอ้อมกอดของกันและกันไว้ก่อนจะเช้าในวันรุ่งขึ้นขบวนของฝ่าบาทมาถึงหน้าบ้านประตูตระกูลกงและเรียงขานเสียงดัง
"พวกเขามาแล้ว เราพี่น้องคงต้องลาจากกันเพียงเท่านี้แล้ว"
"ข้าจะคิดถึงพวกท่าน ท่านพี่" สาวน้อยก้มคำนับพี่ชายพี่สาวตรงหน้าที่ต้องไปใช้ชีวิตแดนสงคราม
ขันทีที่รออยู่ข้างต่างพูดถึงเรื่องการจัดแจงทิศทางที่ควรจะไปก่อนที่พวกเขาจะไป น้องสิบสามได้หันมาที่พี่ทุกคนก่อนจะคำนับสามที่เป็นการจากลาและมอบของส่วนตัวคือหยกให้แก่พี่ชายฝาแฝดของตนครึ่งนึงเพื่อไม่ลืมกันในครั้งหน้าที่ได้พบกันอีก
"สิบสองเจ้าเก็บสร้อยหยกนี้ไว้นะ"
"อื้ม จากกันครั้งนี้อย่าลืมข้านะ"
"ข้าต้องไปลืมเจ้าแน่"
สองฝาแฝดร่ำลากันด้วยน้ำตาก่อนจะเข้ากอดกันแน่นแต่ก็ต้องถูกจับแยกโดยพวกทหารทิ้งไว้เพียงเสียงกรี้ดร้องที่ค่อยๆลับตาหายจากไป ไม่นานประชาชนต่างตั้งชายาให้กับกษัตริย์ของตนว่ากษัตริย์ผู้ชี้ขาดตาขาว พี่น้องตระกูลกงต่างแยกย้ายไปตามทิศทางทางด้านสิบสาม นามว่า กงซางเซียง นามรอง หวังหลิน เธอร้องให้ตั้งแต่ทางจนใกล้ถิ่นฐานไทย
"หยุดร้องเถิด คุณหนูสิบสาม ท่านมาที่นี่ท่านก็สุขสบายไม่ต่างจากที่นั่น"
"เจ้าจะไปเข้าใจอะไร เจ้าไม่ใช่พวกข้าที่ถูกพลัดพลากจากกันเสียหน่อย" พูดด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบา
"อีกนานหรือไม่จะถึงที่หมาย ท่านขันที"
"ขอกราบทูล อีกไม่นานพระเจ้าค่ะ คุณหนูเก้า"
เหล่าเด็กสาวเอื้อมมือไม่เปิดผ้าที่หน้าต่างบานเล็กและสอดมองภายนอกอย่างหน้าเวทนาก่อนที่จะเห็นเมืองที่พวกเธอต้องมาอยู่เป็นตัวประกันของที่นี้ ภายนอกดูสวยงาม แต่ภายในนั้นต่างออกไป
มีผู้คนมากมายหลายแบบให้พบเจอ พ่อค้า แม่ค้า และการค้าประเวณีไม่ต่างจากเมืองพวกเขานักและไม่ได้ดีไปมากเท่าไหร่
"นี้นะหรอ เมืองไทยที่เราแพ้สงคราม"
"ตอบคุณหนูทุกท่าน มาที่นี้แล้วจะใช้นิสัยเดิมไม่ได้นะเพราะพวกท่านเป็นเพียงตัวประกันเท่านั้น ฝ่าบาทมีรับสั่งหากเราชนะได้อีกครั้งจะมารับตัวพวกท่านกลับไปอย่างสง่างามและเพิ่มลาภยศให้ "
"ช่างเป็นกษัตริย์ที่ไร้อำนาจยิ่งนัก "
สิ้นเสียงของคุณหนูเก้า ก็มีทหารของอีกฝ่ายมารับอย่างสมเกียรติและให้คำสั่งของกษัตริย์เป็นอย่างดี ก่อนจะนำตัวทั้งสี่คนไปที่พระราชวังและจัดเตรียมที่นั่งไว้อย่างดี
"คารวะกษัตริย์ ข้ากงซางเซี้ย น้องข้าสิบเอ็ด กงซางเซีย น้องสิบสองกงซางเซียน และสิบสามกงซางเซียง ขอคารวะฝ่าบาท"
"นั้งลงเถอะ พวกเจ้าที่มาที่นี่ถึงจะมาเป็นตัวประกันแต่ก็มีอำนาจกันมากมาย จะว่าไปก็ต่างงดงามตามคำลือเสียจริงโดยเฉพาะเจ้าชื่ออะไรนะ เซียงๆ"
"กราบทูล เรียกหม่อมฉันว่า หวังหลิน ก็ได้เพคะฝ่าบาท"
"ชั่งงดงามที่สุด อ่อนน้อม ไพเราะ ข้าชอบเจ้า ฮ่าๆ"
"เรามาที่นี่เพื่อมาเป็นตัวประกันหาได้มาเป็นสนมของท่านไม่"
"ฮ่าๆ เราลืมแนะนำชื่อ เราชื่อว่า ภาคี เป็นกษัตริย์แห่งเมืองมะลิกา ในวังนี้พวกเจ้าสามารถเดินได้ทั่วเลย"
ทั้งสี่พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกันแต่ไม่พ้นสายตาของผู้ชายที่ชายตามองไปที่หวังหลินเป็นมัน ก่อนกษัตริย์ภาคีจะเรียกคนรับใช้มา
"จับตาดูแม่หญิงหวังหลินเอาไว้ข้าชอบใจน้อง หากจะดีถ้าได้เป็นเมียจะดีไม่น้อย"
"รับด้วยก้าวพระเจ้าค่ะ"
กษัตริย์ภาคีหัวเราะชอบใจก่อนทำหน้าเจ้าเล่ห์ตามหลักคุณหนูสิบสามไป ตัดไปทางด้านหญิงสาวที่เดินตามนางกำนัลมาที่พักของตนที่จัดได้เหมาะสมและสวยงามและต้อนรับเป็นอย่างดี ก่อนจะบอกให้นางกำนัลออกไปให้หมด
"ท่านพี่ข้ากลัวเหลือเกิน"
"อย่ากลัวไปน้องพี่มีพวกเราอยู่"
"พลังปราณของพวกเราถูกสะกดเอานำมาใช้ไม่ได้แบบนี้เราจะปกป้องน้องได้อย่างไร"
"เรามิได้พิการเราก็สามารถใช่มือของเราในการปกป้องเราได้นะ สิบเอ็ด"
"สิบสองพูดถูก พี่เก้าเห็นด้วย อย่ากลัวไปเลยสิบสามพวกพี่อยู่นี้ใครก็ทำร้ายเข้าไม่ได้ "
พวกพี่ๆลูบหัวและกอดน้องสิบสามอย่างอ่อนโยนก่อนจะมีทหารและนางกำนันมาที่หน้าห้อง
"ฝ่าบาทมีรับสั่งเชิญแม่นางหวังหลินไปพบเป็นการส่วนตัวเพคะ"
"มีคำสั่งให้น้องข้าไปเหตุเพราะอันได"
"เป็นความลับเพคะ มีเพียงรับสั่งแค่นี้ไม่สามารถขัดต่อรับสั่งได้โปรดไปกับพวกเราด้วย"
"ท่านพี่ข้ากลัวเหลือเกิน ท่านพี่"
"ไม่ต้องห่วงพี่จะตามเจ้าไปด้วย"
"ฝ่าบาทรับสั้งเพียงแม่นางหวังหลินเท่านั้นเพคะ"
ทั้งสามคนมองหน้านางกำนัลอย่างไปพอใจแต่ทำไรมากไม่ได้จึงยอมให้หวังหลินไปกับเหล่านางกำนันแต่ก็อดห่วงไม่ได้เพราะที่นี้อันตรายเกินไปที่จะวางใจ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!