เสียงลมหายใจของแม่หนักอึ้งในค่ำคืนเงียบสงัด เสียงพัดลมเก่าหมุนติ้วอยู่มุมห้อง พร้อมกับไฟกะพริบในบ้านเช่าเก่า ๆ ที่แทบจะไม่พออยู่กันสามคนแม่ลูก แพรไหมนั่งกอดเข่าบนฟูกขาด ๆ ข้างตัวคือถุงข้าวแกงที่แม่หิ้วกลับมาจากตลาด
“กินซะลูก เดี๋ยวเย็นหมด” แม่ยื่นข้าวห่อหนึ่งให้
แพรไหมรับมาเงียบ ๆ เธอมองหน้าแม่แล้วก็ยิ้มจาง ๆ ทั้งที่ในใจมันตีกันยุ่งไปหมด
เธอเพิ่งได้ใบแจ้งผลจากโครงการทุนพิเศษของกระทรวงศึกษา — โรงเรียน SVA หรือ Saint Verita Academy โรงเรียนไฮโซอันดับหนึ่งของประเทศ รับเธอเข้าเรียนปีหนึ่งเต็มจำนวน พร้อมทุนกินอยู่ตลอดสามปี
มันควรจะเป็นข่าวดีที่สุดในชีวิต
แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังจะเดินเข้าไปในถ้ำเสือ
“แม่…ถ้าหนูไปเรียนที่นั่น หนูต้องสู้กับคนที่รวยมาก ๆ เลยนะ”
“ลูกไม่ได้ไปสู้กับใคร…ลูกไปเรียนเพื่ออนาคตของลูก” แม่เอื้อมมาลูบผมเธอเบา ๆ “คนรวยเขาก็คน…ลูกก็คน…ลูกเก่งกว่าลูกแม่คนไหน ๆ แม่เชื่อในตัวหนูนะ”
คำพูดเรียบง่ายของแม่ ทำให้แพรไหมเม้มปากแน่น
ใช่…เธอก็เป็นคน เหมือนกัน
ต่อให้เขาจะขี่รถหรู ใส่นาฬิกาหลักแสน หรือพูดจาดูถูกเธอแค่ไหน
แต่เธอก็จะไม่ก้มหัวให้ใครทั้งนั้น!
---
วันที่เข้าเรียนวันแรก
โรงเรียน SVA เหมือนปราสาทกลางกรุง ประตูเหล็กดำสนิทสูงเกือบห้าเมตรกับกล้องวงจรปิดที่ส่องทุกมุม เธอก้าวลงจากรถสองแถวหน้าประตูโรงเรียน ขณะเดียวกัน รถสปอร์ตหรูสีแดงเลือดหมูเลี้ยวเข้าประตูผ่านหน้าเธอไปช้า ๆ
คนขับคือเด็กหนุ่มผมสีเทาเงิน สวมแว่นกันแดดแบรนด์ดัง หน้าตาเย็นชาแต่หล่อเหลาจนหญิงสาวกลุ่มใหญ่ต้องหยุดมอง หัวใจเธอสั่นวาบ...ไม่ใช่เพราะตกหลุมรัก แต่เพราะความรู้สึกบางอย่างบอกว่า—คนนั้นแหละ ศัตรูของเธอ
“นั่นใครอะ?” เธอถามเพื่อนใหม่ข้าง ๆ ที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนกัน
“อ๋อ นั่นคุณธีร์...ธีรวิทย์ เลิศเศรษฐการ ลูกเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ ระดับประเทศ เขาว่ากันว่าเป็นเจ้าชายของโรงเรียนนี้เลยล่ะ แต่อารมณ์โหดมากนะ ไม่มีใครกล้าแตะหรอก”
แพรไหมหรี่ตา — นี่สินะ โลกของพวก “คนรวย”
---
ในห้องเรียน
“เธอชื่ออะไรนะ?” เสียงใส ๆ เอ่ยถามจากเด็กหญิงอีกคนในชุดนักเรียนเรียบร้อยแต่เต็มไปด้วยแบรนด์เนม
“แพรไหม…มาจากโรงเรียนมัธยมวัดป่าบ้านนอกน่ะ”
อีกฝ่ายชะงักนิดก่อนยิ้มเยาะเล็ก ๆ “โอ้…เด็กโควต้าทุนเหรอ ฉันชื่อพริมา เรียกว่าพริก็ได้ เราอาจจะอยู่คนละโลก แต่ก็ขอให้โชคดีนะจ๊ะ”
แพรไหมยิ้มตอบกลับด้วยสายตานิ่งเฉย “ขอบคุณนะ แต่โลกเดียวกันนั่นแหละ…แค่ฉันเกิดคนละฝั่งเท่านั้นเอง”
เสียงกระแอมดังขึ้นจากหน้าห้อง ทุกคนเงียบกริบ
“เอาล่ะ นักเรียนใหม่ทุกคน ยินดีต้อนรับสู่ Saint Verita Academy” อาจารย์ใหญ่พูดพร้อมเปิดโปรเจ็กเตอร์ “แต่จำไว้ให้ดี...ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนธรรมดา ที่นี่คือสนามแข่งขันของชนชั้นนำ ใครอ่อนแอ—โดนกลืน ใครแข็งแกร่ง—เป็นผู้ล่า”
แพรไหมมองหน้าจอที่ฉายภาพสนามแข่งขันนักธุรกิจจำลอง วิชาที่เธอไม่เคยแม้แต่คิดว่าจะได้เรียนในชีวิต
ข้าง ๆ เธอคือพวกทายาทนักธุรกิจ หมอ นักการเมือง
และเธอ...คือเด็กสาวที่มาจากบ้านเช่ารั่ว ๆ หลังหนึ่ง
แต่เธอไม่กลัว
เธอจะเปลี่ยนสถานะ “เด็กทุน” ให้กลายเป็น “เด็กตัวเต็ง”
ไม่ใช่แค่เพื่อชนะ แต่เพื่อ “เปลี่ยน” กติกาทั้งหมดที่โลกพวกนี้เคยมี!
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…”
แพรไหมยืนอึ้งอยู่หน้าห้องเรียน พื้นกระเบื้องหน้าประตูเต็มไปด้วยเศษกระดาษ ถุงขนม และน้ำเปล่าหกเป็นทาง ใบประกาศต้อนรับ “นักเรียนทุน” ติดไว้กลางบอร์ดด้วยลายมือหวัด ๆ พร้อมรูปเธอที่ถูกวาดหนวดและเขาไว้บนใบหน้า
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง
“โอ๊ะ ใครทำเนี่ย ไม่ต้อนรับเลยนะเนี่ย” เสียงแหลมแกล้งพูดเหมือนตกใจ ทั้งที่ดวงตาวาววับด้วยความสะใจ
แพรไหมปรายตามอง “พริมา” ที่ยืนกอดอกอยู่กับกลุ่มเด็กสาวอีกสามคน พวกเธอสวมกระโปรงสั้นผิดระเบียบ รองเท้าเงาวับสะท้อนแสง แต่ที่ชัดที่สุดคือสายตาเหยียด ๆ ที่มองมา
“อย่าบอกนะ…ว่าเธอคิดจะเข้ามานั่งเรียนกับพวกเราแบบนี้เลยเหรอ?”
พริมายิ้มหวานแต่ปากร้าย
แพรไหมถอนหายใจเบา ๆ เดินผ่านเศษขยะอย่างมั่นคง หยิบผ้าในกระเป๋ามากวาดพื้นด้วยมือเปล่า ไม่พูดสักคำ
“โอ๊ย...ทำไมเธอไม่โกรธเลยอะ? ฉันทำเธอขนาดนี้…” พริมาทำเสียงกระเง้ากระงอด
“หรือเธอกำลังคิดว่าตัวเองจะเป็นนางเอกละครล่ะ?”
แพรไหมเช็ดพื้นจนเสร็จ ลุกขึ้นมายืนตรง
“ก็เพราะชีวิตจริงมันไม่ใช่ละครไง ฉันเลยต้องทำให้มันดีกว่าที่พวกเธอเคยดูมา”
คำพูดเรียบเฉย แต่ฟาดแรงจนกลุ่มพริมาเงียบไปชั่วขณะ
---
หลังเลิกเรียน
“เธอนี่กล้าเนอะ”
เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างตัวแพรไหมในขณะที่เธอกำลังนั่งจดโน้ตอยู่ที่ม้าหินหน้าตึกเรียน
เธอเงยหน้าขึ้นมอง—เป็นเขา “ธีร์”
ชายหนุ่มผมสีเทาเงิน เจ้าของรถสปอร์ตหรูเช้านี้
“กล้าอะไร?” เธอถามนิ่ง ๆ
“กล้าท้าชนพวกพริมา...พวกนั้นมันเล่นไม่เคยแพ้ใคร”
แพรไหมยิ้มมุมปาก “ฉันไม่ได้ท้าชน...ฉันแค่ไม่ก้มหัวให้ใครเฉย ๆ”
ธีร์เลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เธอรู้ไหม ที่นี่มันไม่ได้มีแค่เกมเรียน…มันมี ‘เกมซ้อนเกม’ พวกที่อยู่ข้างบนสุดจะเป็นคนกำหนดกติกา ส่วนพวกข้างล่าง—อย่างเธอ—จะไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเลย”
แพรไหมวางปากกา
“ก็ดี...จะได้รู้ว่าฉันต้องปีนไปให้ถึงตรงไหน ถึงจะมีสิทธิ์เปลี่ยนกติกาบ้าง”
ธีร์จ้องเธอนิ่ง ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ
“ไว้จะดูว่าเธอไปได้ไกลแค่ไหน...เด็กทุน”
---
เช้าวันต่อมา
รายชื่อ “กลุ่มโปรเจกต์นักพัฒนาสังคม” ถูกติดบอร์ด
ชื่อของแพรไหมอยู่ในกลุ่มเดียวกับ “ธีรวิทย์” และ “พริมา” — เหมือนฝันร้ายซ้อนฝันร้าย
“โอ๊ย! นี่มันกรรมอะไรของฉันเนี่ย!” แพรไหมสบถเบา ๆ ขณะจ้องชื่อบนกระดาษ
เสียงพริมาดังมาแต่ไกล
“ว้าววว~ ดีจังเลยอะ ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเด็กบ้านนอก หวังว่าคะแนนฉันจะไม่ตกนะคะ”
“ก็ช่วยกันสิ” แพรไหมพูดกลับ “ฉันอาจจะจน แต่ไม่ได้โง่นะ”
“หึ...จะได้รู้กันว่าเด็กทุนมีดีแค่ไหน!” พริมายิ้มอย่างมีแผน
ภายในห้องประชุมของนักเรียนระดับสูง
แพรไหมนั่งก้มหน้าพลิกแฟ้มโปรเจกต์ในมือ ข้าง ๆ คือธีรวิทย์ที่นั่งพิงเก้าอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง พริมายิ้มหวานแบบไม่ไว้ใจได้
“งั้นเราตกลงกันแล้วนะ ว่าโปรเจกต์ของกลุ่มเราจะเป็น การออกแบบระบบบริจาคของเหลือจากโรงเรียนไปยังชุมชนแออัด” พริมาพูดเสียงใส “แต่...ให้แพรไหมเป็นคนเขียนแผนงานทั้งหมดนะ เพราะเธอ...น่าจะรู้จัก ‘พวกนั้น’ ดี”
แพรไหมเงยหน้าขึ้น
“หมายถึงคนจนใช่ไหม?”
“อุ๊ย! ฉันไม่ได้พูดนะ เธอคิดเองหรือเปล่า?” พริมายักไหล่
ธีรวิทย์เหลือบตามองแพรไหมเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองแฟ้มของตัวเอง เงียบไม่ออกความเห็น
---
สองวันต่อมา
“เธอแน่ใจเหรอว่าเขาจะรับเราเข้าไป?”
เสียงเพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนถามแพรไหมเบา ๆ ขณะพวกเขาเดินลึกเข้าไปในชุมชนริมคลองแห่งหนึ่ง
แพรไหมพยักหน้า “พี่อ้อยที่นี่รู้จักฉันดี ฉันเคยตามแม่มาช่วยขายของตรงนี้บ่อย ๆ ตอนเด็ก ๆ”
ทันทีที่เข้าไปถึง แม่ค้าหลายคนทักเธอด้วยรอยยิ้มและความเอ็นดู แม้เสื้อผ้าเธอจะเปลี่ยนไป แต่หัวใจของเธอยังอยู่ที่เดิม
“เอ้า นั่นแพรไหมนี่นา! โตเป็นสาวแล้วนะลูก!” พี่อ้อยโบกมือ
บรรยากาศอบอุ่นแบบที่เด็กนักเรียนจากโรงเรียนหรูไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทำให้สมาชิกในกลุ่มเงียบกันไปหมด
ยกเว้นคนหนึ่ง—พริมา ที่กำลังยืนถ่ายคลิปลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นว่า
"วันนี้ฉันมาทำบุญที่ชุมชนแออัดค่า~ เห็นแล้วอยากช่วยเหลือคนจนขึ้นมาเลย"
แพรไหมหันไปมองเงียบ ๆ ดวงตานิ่งสงบ แต่แฝงความผิดหวังลึก ๆ
---
เย็นวันนั้น
ในห้องสมุด
แพรไหมนั่งเรียบเรียงแผนงาน พร้อมจดหมายสมัครโครงการประกวดระดับประเทศที่สามารถต่อยอดทุนการศึกษาต่างประเทศได้
“นี่เธอจะสมัครเองเลยเหรอ?”
ธีร์เดินเข้ามานั่งตรงข้ามอีกครั้ง
“ใช่ เพราะพวกนั้นคิดว่าโปรเจกต์นี้แค่ของเล่นโชว์ภาพสวย ๆ”
แพรไหมพูดโดยไม่เงยหน้า “แต่ฉันคิดจะทำให้มันเปลี่ยนชีวิตคนจริง ๆ”
ธีร์พยักหน้าเงียบ ๆ “เธอเปลี่ยนจาก ‘สู้เพื่ออยู่รอด’ เป็น ‘สู้เพื่อเปลี่ยนโลก’ แล้วสินะ”
แพรไหมยิ้มบาง ๆ “เพราะฉันไม่อยากอยู่รอดแค่คนเดียว…”
---
วันพรีเซนต์โปรเจกต์
ห้องประชุมใหญ่ โรงเรียน SVA
คณะกรรมการ ผู้บริหาร และนักเรียนชั้นสูงนั่งฟังการนำเสนออย่างตั้งใจ
พริมาในชุดหรูหราก้าวขึ้นเวที ก่อนจะพูดด้วยเสียงมั่นใจ
“กลุ่มของเราขอเสนอแนวทางการบริจาคของเหลือจากโรงเรียนไปยังชุมชน โดยเราลงพื้นที่จริง สำรวจ และรับฟังความต้องการของคนจน”
ภาพบนจอแสดงคลิปที่พริมาเป็นคนตัดต่อ ใส่ดนตรีซึ้ง และฉากที่เธอเดินแจกของแบบ ‘คนใจบุญ’
แต่ก่อนที่คณะกรรมการจะปรบมือ
แพรไหมยกมือขึ้น
“ขอโทษค่ะ…ฉันขอพูดในฐานะคนที่ทำแผนงานจริง ๆ ได้ไหมคะ?”
เสียงฮือฮาเบา ๆ ดังขึ้น พริมาหันขวับมามองด้วยความไม่พอใจ
แพรไหมก้าวขึ้นเวที ถือเอกสารในมือ
“โปรเจกต์นี้…ไม่ได้เกี่ยวกับภาพลักษณ์ ไม่ใช่การถ่ายคลิป หรือถ่ายรูปโพสต์เฟซบุ๊ก แต่มันคือเรื่องของ ‘คุณภาพชีวิต’ ของคนจริง ๆ ที่ไม่มีแม้แต่ข้าวกินในแต่ละวัน”
เธอหันไปที่จอ แล้วเปิดคลิปสัมภาษณ์จริงของพี่อ้อยที่เธอถ่ายไว้เงียบ ๆ วันนั้น
“พวกเราต้องการแค่คนที่ฟัง ไม่ใช่คนมาถ่ายคลิปโชว์สังคม”
บรรยากาศทั้งห้องเงียบกริบ
เสียงหนึ่งจากกรรมการชายพูดขึ้น
“นี่ต่างหาก…การเปลี่ยนสังคมจากพื้นฐานจริง ไม่ใช่จากภาพลวงตา”
---
หลังจากวันนั้น
โปรเจกต์ของแพรไหมถูกเสนอให้เป็นต้นแบบนำร่องระดับโรงเรียน พริมายืนเงียบอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ธีร์เดินเข้ามาข้าง ๆ เธอในเย็นวันนั้น
“เธอแค่เด็กทุน...แต่กลับเปลี่ยนทุกอย่างได้”
เขายิ้มมุมปาก “น่าสนใจดีนี่...ฉันเริ่มอยากรู้แล้วว่า เธอจะล้มบัลลังก์ของใครต่อ”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!