NovelToon NovelToon

Tears Of The Goddess And The Poetry Of The Devil

Prologue

ใต้ม่านละอองน้ำของหุบเขาต้องห้าม

เสียงน้ำตกทิ้งตัวลงจากหน้าผาสูงเสียดฟ้า ดังก้องราวเสียงขับกล่อมจากฟากฟ้า หยดน้ำโปรยปรายเป็นละอองเรืองรอง กระทบแสงแรกของรุ่งอรุณกลายเป็นประกายสีเงินที่เต้นระยิบระยับราวความฝัน

รอบข้างคือความเขียวชอุ่มจากพฤกษานับพันใบ แสงแดดอ่อนเย็นลอดผ่านพงไพรลงมากระทบผิวน้ำใสราวกระจก ขับภาพทุกอย่างให้ชวนหลงใหลและเกินจริง

และในบรรยากาศนั้น—คือเธอ

นางยกมือพริ้วไหวขึ้นช้า ๆ เหมือนบรรเลงบทกวีด้วยท่าร่ายรำของเทพี มวลกลีบดอกไม้สีอ่อนล่องลอยออกจากปลายนิ้วราวถูกเรียกด้วยมนตร์ ก่อนจะร่วงหล่นลงแตะผิวน้ำอย่างอ่อนโยน

เส้นผมเปียกแนบแผ่นหลังขาวเนียนดังงาช้าง เป็นเส้นยาวสี Deep Sea Green ราวกับสาหร่ายทะเลที่ไหลรินจากโขดหินลึก

กลีบดอกไม้บางส่วนติดแน่นอยู่บนเรือนผมนั้น ราวกับมิกล้าจากไป

และเมื่อเธอค่อย ๆ หันหน้า ดวงตาสีทองของเธอก็สะท้อนแสงอรุณเฉกเช่นอำพันที่ลุกไหม้ในเปลวเพลิงเยือกเย็น

เธองามดั่งคำสาปของจักรวาล—

เส้นผมยาวเป็นคลื่นสีน้ำทะเลลึก เมื่อพลิ้วไหวราวม่านหมอกแห่งรัตติกาลก็เหมือนสายธารที่พระเจ้าเองยังทอดสายตามอง

ดวงเนตรสีทองเข้มเจิดจ้าดั่งสุริยันแรกกำเนิด จ้องมองผู้ใดก็ราวจิตวิญญาณถูกฉุดลากเข้าสู่แดนต้องห้ามของสรวงสวรรค์

ผิวพรรณขาวเนียนราวแสงจันทร์บนผืนน้ำบริสุทธิ์ ไร้ตำหนิ ราวกับไม่เคยต้องโลกีย์หรือกาลเวลา

ใบหน้าของเธอไม่ใช่เพียงความงาม หากคือศิลาฤกษ์ที่ทำให้เทวะสรรค์สร้างสรรพสิ่ง พวงแก้มระเรื่อราวกลีบแรกของกุหลาบต้องน้ำค้าง

ริมฝีปากของเธอคือสีชมพูเนียนของการพิพากษา และความอ่อนโยน

นางคือบุปผาดอกแรกของเอกภพ และอาจเป็นดอกสุดท้าย—

เพราะผู้ใดที่ได้สบตานาง ล้วนไม่เหลือหัวใจให้รักสิ่งอื่นอีกต่อไป

และสิ่งแรกที่ได้สบตากับดวงตาสีทองอร่ามนั้น กลับเป็นความชั่วร้ายสิ่งแรกของจักรวาล ที่พร้อมจะกัดกินทุกสิ่ง

เขางดงามดั่งคำโกหกของพระเจ้า—

เส้นผมสีทองอร่าม ราวกับแสงแรกแห่งอรุณเหนือขอบฟ้าโลกใหม่ ทอดตัวเป็นลอนเบา ๆ เหมือนสายลมต้องเส้นไหม

ดวงตาสีทองเข้มลึก ลุ่มลึกดั่งห้วงอำมหิตของจักรพรรดิผู้นิทรา หากจ้องนานเกินไป…ผู้ใดก็ไม่อาจจำได้อีกว่าตัวเองเป็นใคร

โครงหน้าคมราวรูปสลักจากหินศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์—สันจมูกตรง คางแข็งแรง กรอบหน้าราวภาพฝันที่เทพีสร้างขึ้นเพื่อบูชาความงาม

รอยยิ้มของเขา…ไม่ใช่เพียงเสน่ห์ แต่คืออาวุธ ร้ายแรงกว่าอาวุธใดของปีศาจ เพราะมันอ่อนโยนพอจะทำให้เทพีร้องไห้

และเฉียบคมพอจะเฉือนสวรรค์ออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

เขาไม่เหมือนเทพ ไม่เหมือนมนุษย์ ไม่แม้แต่เหมือนซาตาน

เขาคือรูปลักษณ์ของ “ความหลอกลวงที่งดงามที่สุด”

..."เจ้าเป็นใคร?"...

นั่นเป็นบทสนทนาแรกระหว่างพวกเขา อาจเป็นบทสนทนาที่ตึงเครียด แต่ผู้ใดจะพินิจได้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของชะตาที่พระเจ้าไม่ใช่ผู้วาดฝัน เพราะเขาจะเป็นผู้วาดฝันมันเอง

..."เจ้าหลอกข้า"...

ภายใต้ม่านฟ้าสีเลือดจาง เทพีผู้เคยสง่างามเหนือสรรพสิ่ง กลับทรุดตัวลงดั่งดอกไม้ต้องน้ำค้างกรด—งามวิบัติ

ดวงเนตรสีทองที่เคยเปล่งประกายเช่นดวงอาทิตย์แรกแย้ม บัดนี้หล่อหลอมไปด้วยเงาแห่งความอาวรณ์ เธอไม่เคยรู้เลยว่า ความรัก…จะกลายเป็นคำสาปที่ละลายปีกแห่งศักดิ์ศรีจนหล่นหาย

บทกวีของปีศาจที่เอื้อนเอ่ยขับขานแผ่วเบา กลับกลายเป็นยาพิษหอมหวาน หลอกล่อเทพีให้กลืนกินด้วยหัวใจของตนเอง"

และในหยดน้ำตาหยดสุดท้ายของเธอ โลกทั้งใบก็เยือกแข็ง

..."จงตกนรก ไม่ได้ฝุดได้เกิดเถิด ลิซานดรา"...

ดาบทองลงทัณฑ์บนคอของเธอ เพื่อเป็นการประณามและลงโทษ เทพีผู้ลุ่มหลงในความรัก แต่สุดท้ายกลับถูกล่อลวง

..."จงเกิดใหม่อีกคราเถิด ลิซานดรา บุปผาของข้า"...

...1...

ทองคำอำพัน

ใต้ม่านละอองน้ำของหุบเขาต้องห้าม

เสียงน้ำตกทิ้งตัวลงจากหน้าผาสูงเสียดฟ้า ดังก้องราวเสียงขับกล่อมจากฟากฟ้า หยดน้ำโปรยปรายเป็นละอองเรืองรอง กระทบแสงแรกของรุ่งอรุณกลายเป็นประกายสีเงินที่เต้นระยิบระยับราวความฝัน

รอบข้างคือความเขียวชอุ่มจากพฤกษานับพันใบ แสงแดดอ่อนเย็นลอดผ่านพงไพรลงมากระทบผิวน้ำใสราวกระจก ขับภาพทุกอย่างให้ชวนหลงใหลและเกินจริง

และในบรรยากาศนั้น—คือเธอ

นางยกมือพริ้วไหวขึ้นช้า ๆ เหมือนบรรเลงบทกวีด้วยท่าร่ายรำของเทพี มวลกลีบดอกไม้สีอ่อนล่องลอยออกจากปลายนิ้วราวถูกเรียกด้วยมนตร์ ก่อนจะร่วงหล่นลงแตะผิวน้ำอย่างอ่อนโยน

เส้นผมเปียกแนบแผ่นหลังขาวเนียนดังงาช้าง เป็นเส้นยาวสี Deep Sea Green ราวกับสาหร่ายทะเลที่ไหลรินจากโขดหินลึก

กลีบดอกไม้บางส่วนติดแน่นอยู่บนเรือนผมนั้น ราวกับมิกล้าจากไป

และเมื่อเธอค่อย ๆ หันหน้า ดวงตาสีทองของเธอก็สะท้อนแสงอรุณเฉกเช่นอำพันที่ลุกไหม้ในเปลวเพลิงเยือกเย็น

นางงามดั่งคำสาปของจักรวาล

เส้นผมยาวเป็นคลื่นสีน้ำทะเลลึก เมื่อพลิ้วไหวราวม่านหมอกแห่งรัตติกาลก็เหมือนสายธารที่พระเจ้าเองยังทอดสายตามอง

ดวงเนตรสีทองเข้มเจิดจ้าดั่งสุริยันแรกกำเนิด จ้องมองผู้ใดก็ราวจิตวิญญาณถูกฉุดลากเข้าสู่แดนต้องห้ามของสรวงสวรรค์

ผิวพรรณขาวเนียนราวแสงจันทร์บนผืนน้ำบริสุทธิ์ ไร้ตำหนิ ราวกับไม่เคยต้องโลกีย์หรือกาลเวลา

ใบหน้าของเธอไม่ใช่เพียงความงาม หากคือศิลาฤกษ์ที่ทำให้เทวะสรรค์สร้างสรรพสิ่ง พวงแก้มระเรื่อราวกลีบแรกของกุหลาบต้องน้ำค้าง

ริมฝีปากของเธอคือสีชมพูเรียบเนียนของความอ่อนโยน

นางคือบุปผาดอกแรกของเอกภพ และอาจเป็นดอกสุดท้าย—

เพราะผู้ใดที่ได้สบตานาง ล้วนไม่เหลือหัวใจให้รักสิ่งอื่นอีกต่อไป

แต่ทว่า ผู้แรกที่ได้สบกับดวงตาสีอำพันบริสุทธิ์นั้น ไม่ใช่ความอ่อนโยน คำโชคดี หรือมงคล

สิ่งนั้นคือความชั่วร้าย ภายใต้หน้ากากของความธรรมดา

เขางดงามดั่งคำโกหกของพระเจ้า—

เส้นผมสีทองอร่าม ราวกับแสงแรกแห่งอรุณเหนือขอบฟ้าโลกใหม่ ทอดตัวเป็นลอนเบา ๆ เหมือนสายลมต้องเส้นไหม

ดวงตาสีทองเข้มลึก ลุ่มลึกดั่งห้วงอำมหิตของกษัตริย์ผู้นิทรา หากจ้องนานเกินไป…ผู้ใดก็ไม่อาจจำได้อีกว่าตัวเองเป็นใคร

โครงหน้าคมราวรูปสลักจากหินศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์—สันจมูกตรง คางแข็งแรง กรอบหน้าราวภาพฝันที่เทพีสร้างขึ้นเพื่อบูชาความงาม

รอยยิ้มของเขา…ไม่ใช่เพียงเสน่ห์ แต่คืออาวุธ ร้ายแรงกว่าอาวุธใดของปีศาจ เพราะมันอ่อนโยนพอจะทำให้เทพีร้องไห้

และเฉียบคมพอจะเฉือนสวรรค์ออกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

เขาไม่เหมือนเทพ ไม่เหมือนมนุษย์ ไม่แม้แต่เหมือนซาตาน

เขาคือรูปลักษณ์ของ “ความหลอกลวงที่งดงามที่สุด”

เมื่อดวงตาสีทองทั้งสองสบกัน กลับไม่มีคำบรรยายใดๆให้กับการกระทำนี้

ดวงตาอำพันบริสุทธิ์ พบกับความเยือกเย็น

"เจ้าเป็นใคร"

นั่นคือคำพูดแรกที่ทำลายความเงียบสงบระหว่างพวกเขา และเป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่พระเจ้ามิต้องการ

..."ข้าคือทองคำ"...

...เขากล่าวอย่างไม่คิดอะไร และขบขัน...

..."งั้นข้าคงจะเป็นอำพัน"...

เธอกล่าว พยายามโต้ตอบเขาในขณะที่ลืมว่าตัวเองกำลังเปลือยกายไปชั่วขณะ

..."งั้นข้าก็คงมีค่ามากกว่าเจ้าสินะ อำพัน"...

...2...

ใต้ต้นอาเคเซีย

ในป่าลึกที่ไม่เคยมีผู้ใดเหยียบย่าง นอกจากเสียงของใบไม้ไหวเบาและเสียงลมหายใจของดอกไม้ที่บานอยู่ตลอดกาล สายลมพัดหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ปนมะลิอ่อน ๆ ประหนึ่งป่าทั้งผืนกำลังหายใจคลอเคลียไปกับความรักของพวกเขา

ใต้ต้นอาเคเชียทองที่โอบเงาร่มไว้เหนือผืนหญ้านุ่ม Cassiel นั่งเอนหลังพิงลำต้น ขณะเทพีนอนเอนศีรษะไว้บนตักของเขา เส้นผมสีเขียวทะเลของเธอพราวแสงแดดลอดใบไม้ ขณะที่ดวงตาสีทองหลับพริ้ม รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดอยู่บนริมฝีปากเธอราวกับความฝัน

Cassiel ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยกลีบซากุระที่ร่วงลงมาจากต้น—กลีบบางเบาแตะผิวของเธอราวกลัวจะทิ้งรอย

"เจ้ารู้ไหม" เขากระซิบแผ่ว ดวงตาสีทองของเขาจ้องมองเธอ "บางทีข้าอาจเกิดมาเพื่อหลงรักเจ้าผู้เดียว"

Lysandra ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ยิ้มของเธออบอุ่นราวแสงอรุณ

"แล้วข้าก็อาจเกิดมาเพื่อให้เจ้าลักพาตัวข้าออกจากสวรรค์นี้ ในยามที่ใคร ๆ หลับใหล"

หัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นในระหว่างพวกเขา เสียงนั้นกลมกลืนไปกับเสียงน้ำไหลจากลำธารเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล Cassiel ยื่นมือออกไปเด็ดแอปเปิ้ลลูกเล็ก ๆ สีแดงจากต้นหนึ่ง แล้วยื่นให้เธออย่างทะนุถนอม เธอรับไว้ด้วยปลายนิ้ว ก่อนกัดคำเล็ก ๆ

..."ขม..." เธอเบะปาก...

"แต่เรายังอยู่ด้วยกัน" เขาหัวเราะ "แม้แต่ความขมก็หวาน"

ณ ป่าส่วนตัวที่มีเพียงพวกเขาเป็นสักขีพยาน ความรักในเงาเงียบนี้ คือสิ่งที่งดงามกว่าคำสาบานใด ๆ ที่โลกเคยได้ยิน

"เจ้าดูนี่สิ"เขาเด็ดดอกไม้ที่ต้นไม้เบาๆ ดอกไม้นั้นทั้งอ่อนนุ่ม สวยงาม นุ่มนวล

"เป็นดอกไม้ที่วิเศษจริงๆ"เขาขยับดอกไม้นั้นมาที่จมูกของเขา และสูดดมมัน

"แต่ข้าวิเศษกว่าสิ่งใดในจักรวาลนี้ ใช่ไหมล่ะ?"เธอถาม ในขณะที่จ้องมองตัวอักษรบนหนังสือในขณะที่ศรีษะยังคงนอนทอดเคียงอยู่บนตักของเขา

"ในสายตาข้า ตลอดกาลเลยล่ะ"เขาตอบอย่างอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักและความลุ่มหลง เขาไม่เคยละสายตาจากดวงตาสีทองอำพันสว่างบริสุทธิ์ของเธอเลย

โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาทำกลีบดอกไม้ที่เปราะบางร่วงหล่น

กลีบดอกไม้กลีบหนึ่ง ร่วงหล่นจากมือของเขา สัมผัสกับริมฝีปากสีชมพูนุ่มนวลของเธอ

...เธอเป่าเบาๆ เพื่อปัดเป่ากลีบดอกไม้ที่น่ารำคาญนั้นออกไป...

เขาก้มลงอย่างกระทันหัน ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลเหมือนกับลมที่ผลัดผ่านเบาๆอย่างสงบนิ่ง

...ข้ากำลังตกหลุมรักลุ่มหลงในใบหน้าที่งดงามนั้น โดยที่ไม่รู้จักใบหน้านั้นด้วยซ้ำ...

ข้าไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น ข้าสนใจเพียงใบหน้าที่งดงามและชื่อของสิ่งนั้น

..."Cassiel"...

...เธอกระซิบกับริมฝีปากนั้นเบาๆ...

..."ข้าคิดว่าข้ากำลังตกหลุมรักเจ้า"...

...แม้จะผิดทัณฑ์หลวง...

...หรือต้องถูกแผดเผา...

...เราก็ยังคงจุมพิตกัน...

...3...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!