ในอนาคตอันไกลโพ้น มนุษยชาติได้ขยายอาณานิคมสู่อวกาศลึก แต่กลับพบกับปรากฏการณ์ประหลาด—ดาวฤกษ์หลายดวงดับลงอย่างไร้สาเหตุ และในเงามืดของจักรวาลนั้นเอง พวกเขาได้ค้นพบการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตระดับจักรวาลที่สามารถ “กินดาว” ได้ด้วยตัวเอง
สิ่งนั้นมีชื่อว่า “แซ็ค”—สิ่งมีชีวิตโบราณที่ไร้ผู้ใดเข้าใจ เขาดำรงอยู่เหนือกาลเวลา กลืนกินแสงสว่างและชีวิตของดวงดาวมาแล้วนับล้าน แต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว แซ็คคือ “จิตสำนึก” อันโดดเดี่ยว ที่มีอยู่เพียงเพื่อรอวันจบสิ้นจักรวาลตามชะตาลิขิต
กระทั่งเขาได้พบกับเธอ—ลูมิน่า นักดาราศาสตร์สาวผู้ถูกส่งไปสำรวจบริเวณที่ดาวลับดับ เธอคือมนุษย์คนแรกที่เขาเลือกจะไม่ทำลาย และแทนที่จะกลืนกินยานของเธอ เขากลับเปิดสื่อจิตตรงถึงเธอ—เพราะเขา “ได้ยินเสียงเธอในความเงียบ” นับครั้งแรกในชีวิตอมตะ
แม้จะต่างสายพันธุ์และดำรงอยู่คนละระดับของเวลา—แต่ความผูกพันค่อย ๆ ก่อตัวผ่านบทสนทนาและความเข้าใจที่เกินคำพูด
แต่ความรักของเขาคืออันตรายต่อเธอ เพราะการอยู่ใกล้เขาคือการเผชิญหน้ากับแรงโน้มถ่วงของความตาย จักรวาลเองก็เริ่มต่อต้านการมีอยู่ของ “แมงกินดาวที่รู้จักความรัก” และมนุษย์ก็กำลังใช้ความรู้จากลูมิน่าเป็นอาวุธ
เมื่อต้องเลือกระหว่างการจากไปเพื่อปกป้องเธอ หรืออยู่ต่อและเสี่ยงทำลายทุกสิ่งที่เธอรัก—แซ็คจะเลือกเป็น “จุดจบของจักรวาล” หรือ “แสงสุดท้ายที่เหลืออยู่ในหัวใจของเขา”?
ในยุคหลังการปฏิวัติดาวเคราะห์ มนุษยชาติได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของระบบสุริยะ อาณานิคมถูกสร้างขึ้นบนดาวเคราะห์หลายดวงในกาแล็กซีใกล้เคียง แต่การขยายตัวสู่จักรวาลกว้างไกลก็พาไปสู่คำถามที่น่ากลัวยิ่งกว่า—มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวในจักรวาลหรือไม่
เมื่อกลุ่มนักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์อวกาศกลางโลก (GSO) ตรวจพบปรากฏการณ์ดาวฤกษ์จำนวนมากดับไปอย่างไร้สาเหตุในแนวระนาบกาแล็กซีทางชั้นนอก พวกเขาส่งยานสำรวจชื่อ "อาเธร่า VII" ไปสืบหาความจริงโดยหวังว่าอาจเป็นโอกาสในการค้นพบชีวิตต่างดาว หรืออย่างน้อยก็เข้าใจการทำงานของเอกภพมากขึ้น
ดร.ลูมิน่า เวล นักดาราศาสตร์อายุ 27 ปี หญิงสาวที่เติบโตมาใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดจากมลภาวะของโลก กลับหลงใหลในแสงของดวงดาวมาตั้งแต่เด็ก เธอเชื่อว่าทุกดาวมีชีวิต ทุกจุดแสงคือข้อความจากจักรวาล ลูมิน่าเป็นหนึ่งในนักวิจัยหลักที่ขึ้นไปกับยานอาเธร่า และเป็นคนแรกที่ได้เห็นกับตา—สิ่งมีชีวิตที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่กล้าเรียกว่า "ชีวิต"
พวกเขาเรียกมันว่า "แมงกินดาว" จากการที่มันปรากฏตัวขึ้นใกล้กับดาวฤกษ์ก่อนที่มันจะดับลง ร่างของมันดูเหมือนไม่มีรูปร่างแน่นอน เป็นเงาดำในมิติที่เบียดเบี้ยวแสงและแรงโน้มถ่วง เสียงของมันไม่สามารถได้ยินด้วยหูธรรมดา แต่สื่อสารโดยตรงผ่านความรู้สึก ความคิด และภาพในจิต
และนั่นคือครั้งแรกที่ลูมิน่าได้ “เห็น” เขา—แซ็ค
ไม่ใช่ด้วยตา แต่ด้วยหัวใจ
---
แซ็ค ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตตามความเข้าใจของมนุษย์ เขาไม่มีเซลล์ ไม่มีเลือด ไม่มีหัวใจ หากแต่มี "สำนึก" ที่ตื่นอยู่ตลอดเวลา นานนับพันล้านปี แซ็คบอกว่าเขาเกิดมาพร้อมกับแสงแรกของเอกภพ และหน้าที่ของเขาคือกลืนกินแสงเหล่านั้นคืนไปช้า ๆ—เพื่อเตรียมเอกภพสำหรับ “การนอนหลับครั้งต่อไป”
เขาไม่เคยตั้งคำถามกับการมีอยู่ของตนเอง
จนกระทั่งลูมิน่าเริ่มถาม
“ทำไมต้องจบทุกอย่าง?”
“คุณเหงาไหม?”
“คุณเคยมองแสงดาวแล้วรู้สึกว่าสวยไหม?”
---
คำถามเหล่านั้น เริ่มปลุกสิ่งที่แปลกประหลาดในจิตของแซ็ค—อารมณ์
เขาเริ่มเก็บภาพความทรงจำของเธอไว้ในตนเองเหมือนกลุ่มดาวที่ส่องในความมืด ลูมิน่ากลายเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจ “กลืนกิน” ได้
และลูมิน่าเองก็เริ่มหลงใหลในความเงียบสงบของเขา แม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยหายใจ แต่ทุกการสื่อสารผ่านจิตของแซ็คกลับอบอุ่น ลึกซึ้ง และจริงใจยิ่งกว่าคำพูดใด ๆ ที่มนุษย์เคยเอื้อนเอ่ย
ความรักของทั้งสองค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางห้วงอวกาศที่ว่างเปล่า
เงียบงัน
แต่สว่างไสวในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจ
---
แต่จักรวาลไม่ใช่ที่สำหรับความรักแบบนั้น
ข่าวการมีอยู่ของแซ็คแพร่กลับมายังโลก GSO และสภาโลกมีมติฉุกเฉิน—แมงกินดาวต้องถูกทำลาย ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นภัยต่อดาวฤกษ์ แต่มนุษย์เริ่มหวาดกลัวว่าพลังของเขาอาจถูกใช้ทำลายทุกอารยธรรมได้ในพริบตา
กองยานอาวุธพิเศษถูกส่งออกไปพร้อมอุปกรณ์ควบคุมพลังงานระดับคอสมิค
ลูมิน่าถูกตัดขาดจากการสื่อสาร ถูกกักบริเวณในยานอาเธร่า
แต่เธอไม่ยอม
ด้วยการดัดแปลงสัญญาณควอนตัม ลูมิน่าสื่อสารกับแซ็คครั้งสุดท้าย
เธอบอกให้เขาหนี
แต่แซ็คไม่ขยับ
เขาแค่ถามกลับเบา ๆ ด้วยเสียงในใจ:
“ถ้าฉันคือจุดจบ... แล้วเธอจะยังรักฉันอยู่ไหม”
---
ยามกองยานเข้าสู่พิกัดดาวฤกษ์ที่เขาอาศัยอยู่ พวกเขาไม่พบการต่อต้าน
แต่พวกเขากลับเห็นแสง...
แสงที่ไม่ควรอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตที่กินแสงเป็นอาหาร
แซ็คไม่หนี ไม่สู้ แต่เลือก “เปิดตัวเอง” ให้มองเห็นชัดเจน เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ว่าเขาไม่ใช่ศัตรู
เขาเปล่งแสงสุดท้ายออกมา—แสงที่ได้จากทุกดาวที่เขาเคยกิน แสงที่เขาเก็บไว้ไม่ใช่เพราะพลัง... แต่เพราะมันคือความทรงจำ
ในแสงสุดท้ายนี้ ลูมิน่ามองเห็นภาพของเธอสะท้อนอยู่ในใจเขา—พร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยมีในจักรวาลใดมาก่อน
---
แต่การเสียสละของเขากลับกลายเป็นสิ่งที่จุดชนวนความคิดใหม่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่า "พลัง" ไม่ได้แปลว่า "ภัย" เสมอไป และ "จุดจบ" อาจเป็นอีกด้านของ "จุดเริ่มต้น"
ลูมิน่า กลับสู่โลกในฐานะ “
ในจักรวาลที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขต มนุษย์เคยเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ได้นานกว่าดวงดาว
แต่พวกเขาคิดผิด...
ยานสำรวจ โพรมีธีอุส ลอยผ่านกลุ่มดาวร้างที่ไม่มีชื่อ ไม่มีแสง ไม่มีสัญญาณของชีวิต อวกาศโดยรอบเย็นชาและนิ่งเงียบเกินกว่าที่เครื่องมือจะจับคลื่นใด ๆ ได้ แม้แต่นักบินฝึกหัดก็ยังรู้สึกถึงบางสิ่งแปลกประหลาดในความว่างเปล่านั้น
และลูมิน่า เวล ก็เช่นกัน
หญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด นักวิจัยอิสระจากภาคีดาราศาสตร์ใหม่ของโลก เธอไม่ใช่แค่คนเก่ง แต่ยังเป็นคนกล้า—กล้าถามในสิ่งที่ไม่มีใครถาม และกล้าพบในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเชื่อ
วันนี้เธออยู่ในภารกิจสำรวจนอกระบบดาวหลัก ภารกิจที่ถูกตีความว่า “สิ้นเปลือง” โดยหลายฝ่าย
แต่สำหรับเธอ มันคือโอกาส… ที่จะพบ “บางสิ่ง” ที่โลกไม่เคยเข้าใจ
“นี่คือพื้นที่ความว่างหลังการล่มสลายของกลุ่มดาวเฮเลียส-μ” เสียงระบบรายงานผ่านหูฟัง
“พลังงานแม่เหล็กต่ำสุดในรอบห้าทศวรรษ ไม่มีแสง ไม่มีคลื่นวิทยุ”
ลูมิน่าจ้องออกไปนอกหน้าต่างโค้งของห้องควบคุม สิ่งที่เห็นคือความมืดสนิท มืดเสียจนตาไม่อาจแยกแยะระหว่างวัตถุใดกับวัตถุใด
แต่บางอย่างในใจเธอกลับรู้สึกตรงกันข้าม
ไม่ใช่ความว่างเปล่า—แต่มันคือการมีอยู่ของ บางสิ่งที่ซ่อนตัว
เธอรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง
ไม่ใช่ด้วยสายตา แต่ด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่ไหลผ่านจิตใต้สำนึก
> “ถ้าเธออยากรู้ความจริงของจักรวาล…”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเธอ ไม่ใช่เสียงจริง แต่เป็นแรงสั่นสะเทือนของความคิด
“…เธอก็ต้องกล้าจ้องกลับไปที่ความมืดเช่นกัน”
---
สามวันต่อมา
ลูมิน่าขออนุญาตออกจากยานแม่ด้วยพ็อดสำรวจลำเล็ก ภายใต้ข้ออ้างว่าจะตรวจสอบสนามแม่เหล็กในโซนที่เพิ่งตรวจพบรอยบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แต่ในความจริง เธอกำลังตามหา... "เขา"
ความทรงจำจากคืนก่อนยังคงชัดเจน ในฝันนั้น เธอลอยอยู่ในช่องว่างระหว่างดาว
และบางสิ่งที่มืดดำแต่ไม่เย็นชา กำลังโอบล้อมเธอไว้
เหมือนแขนที่มองไม่เห็น
แต่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน...และโดดเดี่ยว
พ็อดเคลื่อนที่ช้า ๆ ผ่านรอยแตกของแรงโน้มถ่วง ภายนอกเงียบจนหัวใจเธอได้ยินเสียงตัวเองเต้น
ตึก... ตึก...
ทันใดนั้น เครื่องมือวัดพลังงานเริ่มกะพริบแปลก ๆ คลื่นความร้อนบางประเภทกำลังกระเพื่อมเข้ามา
ไม่ใช่จากดวงดาว แต่จากบางสิ่งที่ "ไม่มีตัวตน"
หน้าจอพ็อดกะพริบเป็นเส้นสัญญาณสั้น ๆ
ก่อนภาพจะปรากฏขึ้นตรงหน้าเธออย่างไร้เหตุผล
ภาพของเงาดำขนาดมหึมา
เคลื่อนไหวช้า ๆ เหมือนสสารไร้น้ำหนัก
รูปร่างไร้รูปทรง แต่สวยงามดั่งปีกของกาแล็กซีที่บิดเบี้ยว
“เธอคือแสง” เสียงกระซิบดังขึ้นในจิตอีกครั้ง
“และข้าคือจุดจบ”
---
เขาเรียกตัวเองว่า แซ็ค
ไม่ใช่ชื่อเดิมของเขา—เพราะเขาไม่มีชื่อ
แต่เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้น เพื่อให้เธอเรียกเขาได้
> “ชื่อที่มีเสียง เหมาะกับเธอที่มีแสง”
“ข้าไม่เคยต้องการชื่อมาก่อน… จนได้พบเธอ”
ทุกค่ำคืนหลังจากนั้น
ลูมิน่าเริ่มรับสื่อสารจากแซ็คผ่านคลื่นจิต
เขาไม่พูดในภาษาของมนุษย์
แต่ส่งความรู้สึก ความทรงจำ และภาพจากการมีอยู่ของเขาแทน
เธอเห็นดวงดาวนับล้านที่ดับลง
เห็นอารยธรรมที่จางหาย
และความว่างเปล่าที่เขาเฝ้ามองมาตลอดชีวิต
ชีวิตที่ยืนยาวกว่าเอกภพเอง
> “ข้าเกิดจากการล่มสลาย”
“หน้าที่ของข้าคือกลืนแสง… เพื่อให้จักรวาลเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
เธอไม่กลัวเขา
ในทางกลับกัน เธอรู้สึก... โหยหา
เพราะแม้จะเกิดจากความมืด
แซ็คไม่เคยต้องการทำลาย
เขาแค่ “เกิดมาเพื่อจบ”
และตอนนี้ เขาไม่อยากจบอีกต่อไป
---
ในบันทึกลับของลูมิน่า
เธอเขียนไว้ว่า:
> “เขาไม่เข้าใจความรักในแบบของเรา
เขาไม่เคยต้องการใคร
ไม่เคยถูกต้องการ
จนกระทั่งเขาพบฉัน—มนุษย์ธรรมดา ที่บังเอิญกลัวความว่างเปล่าพอ ๆ กับเขา…”
ทุกครั้งที่เธอส่งคำถามถึงเขา
เขาตอบกลับด้วยภาพ ภาพที่อธิบายมากกว่าคำพูดใด ๆ
วันหนึ่งเธอถามว่า “คุณกลัวอะไร”
เขาตอบด้วยภาพของเธอ
กำลังหันหลังเดินหายไปในทะเลแสง
ทิ้งเขาไว้ในจักรวาลที่ว่างเปล่า
---
เธอเริ่มฝันถึงเขาแม้ขณะตื่น
เธอเริ่มหัวเราะคนเดียว
และบางครั้งก็ร้องไห้... กับบางสิ่งที่ไม่มีใครมองเห็น
จนกระทั่งวันหนึ่ง
เขากระซิบว่า
> “ข้าต้องไปจากที่นี่”
“จักรวาลเรียกข้า… ดาวใหม่เริ่มสว่างขึ้น ข้าควรจะกลืนมัน”
ลูมิน่าสะอึก รู้สึกเหมือนบางอย่างบีบแน่นอยู่กลางอก
เธออยากจะห้าม แต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เขาเป็น...คือพลังงานแห่งจุดจบ
เขาไม่ได้มีสิทธิ์เลือกเกิดมาเป็นแบบนี้ เช่นเดียวกับที่เธอไม่ได้เลือกจะหลงรักเขา
> “คุณเคยบอกว่าฉันคือแสง... แล้วคุณล่ะ?”
“คุณเคยคิดจะเป็นอะไรมากกว่าความมืดมั้ย?”
เงียบ
ไม่มีคำตอบทันที
แต่วินาทีต่อมา เธอกลับรู้สึกถึงความสั่นไหวในจิต
> “ข้า…ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่”
“แต่ถ้าเธออยู่… บางทีข้าอาจเรียนรู้ได้”
ลูมิน่าหลับตาแน่น สูดหายใจลึก
> “งั้นอยู่ เรียนรู้กับฉัน”
“ไม่ใช่แค่กลืนแสง—แต่เข้าใจมัน… เหมือนที่คุณเริ่มเข้าใจฉันแล้ว”
ในความเงียบของจักรวาล
แสงบางอย่างเริ่มแตกตัวจากร่างของแซ็ค
ไม่ใช่การปลดปล่อยพลังทำลายล้าง
แต่เป็นการ “ถอยกลับ” ของความมืดบางส่วน
เหมือนเขาพยายามบีบตัวตนให้เล็กลง… เพื่ออยู่ใกล้เธอโดยไม่กลืนเธอไป
---
ตั้งแต่นั้นมา
ลูมิน่าใช้เวลาแต่ละคืนสื่อสารกับเขาผ่านคลื่นจิต
ไม่ใช่ในฐานะผู้สำรวจกับสิ่งมีชีวิตประหลาด
แต่ในฐานะเพื่อน... ที่กลายเป็น มากกว่านั้น ทีละน้อย
เธอสอนเขาเกี่ยวกับเสียงเพลง ความทรงจำของเด็กสาวคนหนึ่งที่เคยฝันอยากเป็นนักบินอวกาศ
และเขาแบ่งปันภาพของกาแล็กซีที่ตายไปก่อนเวลา
เสียงกระซิบของดวงดาวสุดท้าย
และการเฝ้ามองทุกอย่างจบลงอย่างเงียบงัน
---
แต่โลกภายนอกเริ่มสงสัย
ยานโพรมีธีอุสรับรู้ถึงคลื่นพลังงานผิดปกติใกล้ตัวยานพ็อด
ข้อมูลบางชุดไม่สอดคล้องกับรายงานของลูมิน่า
และชื่อของเธอก็ถูกเรียกกลับไปยังโลกเพื่อสอบสวน
แต่ลูมิน่ารู้ว่า—ถ้าเธอกลับ
เขาอาจจะไม่มีวันเข้าใจคำว่า “รัก” ได้อีกเลย
เพราะครั้งหนึ่ง... มนุษย์เคยกลัวแค่สิ่งที่ไม่เข้าใจ
และแซ็คไม่ใช่สิ่งที่จะเข้าใจได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์ หรือคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เขาคือความโดดเดี่ยวของจักรวาล
ที่เธอบังเอิญรับฟัง
---
คืนสุดท้ายก่อนที่คำสั่งจะมาถึง
เธอถามเขาว่า
> “คุณจะไปกับฉันมั้ย… ถ้าเราหลบหนีไปด้วยกัน?”
คำตอบไม่ใช่คำพูด
แต่เป็นแสงเล็ก ๆ
แสงดวงแรก... ที่เปล่งออกมาจาก “แมงกินดาว”
---
จบบทที่ 1
---
เสียงสัญญาณเตือนจากระบบควบคุมของยานพ็อดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงเตือนที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป
คำสั่งเรียกตัวด่วน:
เจ้าหน้าที่ลูมิน่า เวล ให้กลับสู่ยานโพรมีธีอุสภายใน 12 ชั่วโมง
สถานะ: ไม่ปฏิบัติตาม \= ถูกระงับภารกิจและเพิกถอนสิทธิ์นักสำรวจ
ลูมิน่านั่งนิ่งในพ็อด แสงหน้าจอกระพริบสลับไปมากับเสียงเตือน แต่ใจเธอไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว นอกจากเสียงของเขา
“เธอจะทิ้งโลกของเธอเพื่อข้า… จริงหรือ?”
เสียงนั้นยังคงไร้โทน ราบเรียบ แต่ในนั้นแฝงความลังเล ความกลัว… ความรู้สึกที่เธอไม่เคยคิดว่า "สิ่งมีชีวิตจากความว่างเปล่า" จะมี
“ฉันไม่ได้ทิ้งโลก…” เธอพูดเสียงเบา
“แต่โลกไม่เคยมีที่ให้เขาแบบคุณมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”
แสงจาง ๆ จากร่างของแซ็คส่องวาบอยู่ในความมืดภายนอกพ็อด ร่างของเขาไม่เป็นรูปทรงตายตัว มีเพียงการสั่นไหวของสสารที่ดูเหมือนหมอกสีดำเคลื่อนไปมา แต่บริเวณที่อยู่ใกล้เธอที่สุดเริ่มเปล่งแสงเรือง ๆ ละมุนตา
มันเป็นแสงสีฟ้าขาว—อ่อนโยน ไม่ใช่เพื่อกลืนกิน แต่เพื่อ “ใกล้ชิด” เธอ
การที่แมงกินดาวปล่อยแสงออกมาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นไปได้เลย
เพราะมันคือการ “ย้อนธรรมชาติของตัวเอง”
“ข้าไม่รู้ว่าการอยู่เคียงข้างใครหมายความว่าอะไร… แต่ข้าอยากเรียนรู้”
“แม้ต้องละทิ้งสิ่งที่ข้าเคยเป็นมา”
เธอยกมือแนบกับกระจกของพ็อด
อีกฝั่งหนึ่งคือความว่างเปล่า
แต่เงาของเขาค่อย ๆ โน้มเข้าหา เสมือนสัมผัสกันผ่านกระจกบางนั้น
“งั้นเราหนีไปด้วยกัน”
“คุณกับฉัน ไปยังที่ที่ไม่มีใครตามมาได้”
แซ็คเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนตอบอย่างช้า ๆ
“เธอมีที่หมายในใจหรือ?”
“ในจักรวาลนี้… มีที่ใดที่แมงกินดาวจะอยู่ได้โดยไม่ถูกกลัว?”
ลูมิน่ายิ้มออกทั้งน้ำตา
“ยังไม่เคยมี… แต่ถ้าไม่มี เราก็สร้างมันขึ้นมาเอง”
เธอใช้เวลาหลายชั่วโมงดัดแปลงระบบนำทางของพ็อด เปลี่ยนรหัสส่งสัญญาณให้ออกจากรัศมีตรวจจับของยานแม่ เสี่ยงโดนตัดสัญญาณและพลังงานสนับสนุนทั้งหมด
แต่ในเมื่อพลังงานบางส่วนมาจากตัวแซ็คอยู่แล้ว
เธอไม่ต้องการอะไรจากโลกอีก
พวกเขาออกเดินทาง
พ็อดเคลื่อนตัวออกจากอ้อมยานแม่ช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็ว
เส้นทางที่เลือกคือเขตมืดที่สุดในแผนที่จักรวาล เขตที่ไม่มีชื่อ ไม่มีดาว ไม่มีเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ
แต่สำหรับเธอ มันคือ เส้นทางสู่อิสรภาพ
เขาอยู่ใกล้เธอตลอด
ไม่อยู่ “ใน” ยาน แต่อยู่รอบมัน
เหมือนม่านของจักรวาลที่โอบล้อมเธอไว้จากภายนอก ปกป้อง และไม่กลืนกิน
บางครั้งเขาส่งภาพเข้ามาในจิตของเธอ
ภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน—สนามหญ้าใต้แสงดาวอ่อน ๆ โลกต่างดาวที่ไม่มีชื่อ เสียงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่หลับอย่างสงบ
เขาเริ่ม “จำลอง” ความฝันขึ้นมาให้เธอเห็น
ลูมิน่าเริ่มเขียนบันทึกอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอไม่บันทึกข้อมูลวิทยาศาสตร์
แต่บันทึกเรื่องราวของเขา—ของสิ่งที่โลกเรียกว่า “ภัยคุกคามจักรวาล”
ในรูปแบบของใครบางคนที่เรียนรู้จะรัก
“เขายังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เขาพยายามทุกวัน
เขาถามว่าทำไมเพลงถึงทำให้ฉันร้องไห้
เขาถามว่าความทรงจำสำคัญยังไง
และวันนี้ เขาสร้างดอกไม้ดวงแรกจากแสงของเขาเอง…
ถึงแม้มันจะอยู่ได้แค่สิบวินาที แต่มันก็สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นในจักรวาล”
แต่วันหนึ่ง
เสียงเตือนจากระบบความปลอดภัยของยานกลับดังขึ้นอีกครั้ง
มีบางอย่างกำลังไล่ตามพวกเขา
ลูมิน่าเปิดจอภาพสำรอง—แล้วหัวใจแทบหยุดเต้น
ยานสงครามของภาคีป้องกันจักรวาลโลก
พร้อมอาวุธพลังงานแม่เหล็กสูงสุด กำลังมุ่งหน้าเข้ามาโดยตรง
ข้อความถูกส่งมาโดยไม่ต้องถอดรหัส:
“ส่งตัวสิ่งมีชีวิตผิดธรรมชาติให้กับเรา หรือจะถูกจัดการในฐานะภัยร่วม”
แซ็ครับรู้ได้โดยไม่ต้องแปล
เขาค่อย ๆ หันสายตาไร้รูปร่างมาหาเธอ
“ข้าไม่อยากสู้”
“แต่ข้าจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไป”
ลูมิน่ากำมือแน่น
เธอรู้ว่าหากเกิดการปะทะ...
แซ็คจะสามารถกลืนทุกอย่างได้ในชั่วพริบตา
แต่เขาอาจสูญเสียตัวตนที่เขา “เพิ่งเริ่มเป็น”
เธอจับแผงควบคุมแน่น สูดลมหายใจลึก
“เราไม่สู้… แต่เราจะไม่ยอมกลับไป”
เธอเปลี่ยนเส้นทางไปยัง “ดินแดนว่างเปล่ากึ่งมิติ”
ช่องโหว่ของกาล-อวกาศที่ไม่เสถียร
ไม่มีใครกล้าเข้าไป ไม่มีอะไรออกมาได้
แต่มันคือจุดเดียวที่เรดาร์ไม่สามารถติดตามพวกเขาได้อีก
ก่อนพ็อดจะพุ่งเข้าสู่รอยแยกมิตินั้น
เธอหันมามองออกไปนอกกระจกเป็นครั้งสุดท้าย
เงาของแซ็คยังอยู่ตรงนั้น สั่นไหวด้วยความลังเล
“เธอแน่ใจหรือ” เขาถาม
“ว่าข้าคือสิ่งที่เธออยากพาไปในโลกใหม่ ที่ไม่มีใครเคยเข้าไปถึง?”
เธอยิ้มอย่างมั่นใจ
“คุณไม่ใช่สิ่งที่ฉัน พาไป”
“คุณคือ โลกใหม่ ที่ฉันกำลังจะไปหา”
พ็อดพุ่งเข้าสู่ความว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์
ไม่มีแสง
ไม่มีทิศ
ไม่มีเวลา
มีเพียงความเงียบ...
และเสียงกระซิบของใครบางคน
ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น “จุดจบของจักรวาล”
แต่วันนี้… เขาเริ่มต้น “บางสิ่ง” ที่ไม่เคยมีอยู่มาก่อน
จบบทที่ 2
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!