NovelToon NovelToon

เจ้าหญิงแห่งสายหมอก

แนะนำตัวละครหลัก

1.ไอริส [ Lris ]

 o  เจ้าหญิงวัย 18 ปีแห่งดินแดนเอเวนไทน์ ผู้เป็นทายาทราชวงศ์คนสุดท้าย

 o  เด็กสาวที่กล้าหาญและเฉลียวฉลาด แม้จะมีความสงสัยในตัวเองอยู่บ้าง

o   ความสามารถ: มีความชำนาญในการอ่านแผนที่และสัญลักษณ์โบราณ

- ประวัติส่วนตัวของ ไอริส (Iris)

> อายุ : 18 ปี เพศ : หญิง ภูมิลำเนา : หมู่บ้านเล็ก ๆโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ภูมิลำเนาเดิม : ดินแดน เอเวนไทน์ (Aventine) ดินแดนที่เคยรุ่งเรือง แต่ถูกทำลายจากสงครามกลางเมืองเมื่อ 15 ปีก่อน เธอถูกพาตัวออกจากดินแดนโดยผู้พิทักษ์คนสนิทของราชวงศ์

> ผมสีดำสนิทยาวตรง ดูเงางามและสะกดสายตา ตาสีฟ้าสดใส คล้ายผืนน้ำทะเลลึก สะท้อนถึงความลึกลับและความมุ่งมั่น ไอริส รู้เพียงว่าครอบครัวของเธอเสียชีวิตจาก “ หายนะใหญ่ ” แต่ไม่เคยรู้ถึงสายเลือดของตนเอง จนกระทั่งเหตุการ์ณบางอย่างนำพาเธอกลับสู่เส้นทางการค้นหาบ้านเกิด

เอดัน [ Aedan ]

o   อดีตทหารรับจ้างผู้สูญเสียครอบครัวในสงครามกลางเมือง

o   ภายนอกดูเย็นชาและปิดกั้นตัวเอง แต่แท้จริงแล้วเป็นคนซื่อสัตย์และพร้อมปกป้องพวกพ้อง

o   ความสามารถ: ชำนาญการใช้ดาบ รวมถึงการเอาตัวรอดในธรรมชาติ

-ประวัติส่วนตัว เอดัน [ Aedan ]

> อายุ : ประมาณ 25 ปี เพศ : ชาย ภูมิลำเนา : ไม่ทราบแน่ชัด แต่มีข่าวลือว่าเขาอาจมาจากดินแดนที่ล่มสลาย ภูมิลำเนาเดิม : ดินแดน เอเวนไทน์ (Aventine)

> รูปลักษณ์ที่ดูสุขุมและทรงพลัง ผมสีเทาควันบุหรี่ ดวงตาสีเขียวเข้ม ดูเฉียบคมและสงบนิ่ง ใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายแต่ทนทาน มีผ้าคลุมยาวที่ใช้ป้องกันลมหนาวและแสงแดด มักพกสมุดบันทึกเล็ก ๆ ติดตัว ซึ่งเต็มไปด้วยข้อความที่ดูเหมือนโค้ดหรือแผนที่

3. ลิเลีย [ Lilia ]

o   นักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์อิสระ ผู้หลงใหลในตำนานเกี่ยวกับดินแดนที่สาบสูญ

o   มีบุคลิกสดใสร่าเริง แต่ซ่อนความเจ็บปวดจากอดีตไว้ภายใน

o   ความสามารถ: เชี่ยวชาญการเจรจาและการถอดรหัสสัญลักษณ์โบราณ

- ประวัติส่วนตัว ลิเลีย [ Lilia ]

> อายุ : ประมาณ 12 ปี เพศ : หญิง ภูมิลำเนา : เมืองเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบด้วยป่าเขา

> ผมสีน้ำตาลยาวเป็นลอน ดวงตาสีเขียวสดใสที่สะท้อนถึงความอยากรู้อยากเห็น รูปร่างเล็กกระทัดรัด ชอบสวมชุดเดินทางที่ออกแบบเอง เน้นความสะดวกในการเคลื่อนไหวและซ่อนของเล็ก ๆ น้อย ๆ

4.คาเดน [ Kaiden ]

o   ผู้เป็นชาวบ้านธรรมดาจากดินแดนใกล้เคียง แต่ถูกลากเข้ามาในเหตุการณ์

o   สุขุม เอาใจใส่เพื่อนร่วมทีม จดจำเส้นทางได้ดี

o   ความสามารถ: ธนู ปีนป่าย รู้จักทางลับในป่า และมีความคล่องตัวสูง

- ประวัติส่วนตัว คาเดน [ Kaiden ]

> อายุ : 19 ปี เพศ : ชาย ภูมิลำเนา : เติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของดินแดนที่สาบสูญ

> ผมสีแดงเข้ม คล้ายเปลวไฟหม่นที่สะท้อนตัวตนอันซับซ้อน ตาสีเทาอมเขียว มีประกายลึกลับ ความชำนาญในจดจำเส้นทางลับในป่าเขาสามารถระบุได้ว่าทางไหนปลอดภัย และทางไหนควรหลีกเลี่ยงจากร่องรอยสัตว์ป่า สามารถพาเพื่อนร่วมทางหลบหนีจากศัตรูผ่านทางลับในป่าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

5.เซเรน่า [ Serena ]

o   หญิงสาวปริศนาอายุประมาณ 25 ปี ที่ปรากฏตัวระหว่างการเดินทางของไอริส

o   เป็นนักสู้ฝีมือดีที่มีเป้าหมายลึกลับในการค้นหาเอเวนไทน์ เธอมักเก็บความรู้สึกและไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ เธอช่วยพวกเขาจากการจู่โจมของทหารที่ เอราวิส ส่งมา แต่ยังไม่เปิกเผยเจตนาที่แท้จริงในการช่วยเหลือครั้งนี้

o   ความสามารถ: การต่อสู้ด้วยมีดคู่ และการวางแผนการรบ

- ประวัติส่วนตัวเซเรน่า [ Serena ]

> อายุ : 25 ปี เพศ : หญิง ภูมิลำเนา : ดินแดน เอเวนไทน์ (Aventine)

> ผมสีบลอนด์เข้มยาวตรง เงางามและพลิ้วไหว ดูเรียบง่ายแต่สง่างาม ตาสีเทาอ่อน สื่อถึงความฉลาดและความมุ่งมั่นรอบคอบ มีไหวพริบ และมีความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว มีความภักดีต่อเพื่อนพ้อง พร้อมปกป้องผู้ที่เธอรักชอบความสงบในยามพักผ่อน แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้ เธอจะกลายเป็นคนที่เด็ดขาดและมุ่งมั่น

บทนำ

˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹

ไอริส เติบโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ โตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยไม่รู้ถึงสายเลือดราชวงศ์ของตนเองวันหนึ่ง เธอได้เดินทางกลับมาจากเมืองหลวงเพราะเธอเป็นนักผจญภัยและความชำนาญในการอ่านแผนที่และสัญลักษณ์โบราณ

“ กลับมาแล้วสินะจ้า..ไอริส ” ผู้ช่วยดูแลที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าได้พูดทักทายขึ้นมากเพราะได้สังเกตหญิงสาวคุ้นตาเดินเข้ามาด้วย ผมสีดำสนิทยาวตรง ดูเงางามและสะกดสายตา ตาสีฟ้าสดใส คล้ายผืนน้ำทะเลลึก สะท้อนถึงความลึกลับและความมุ่งมั่น ของเธอ

“ คะ..หนูกลับมาแล้วนะคะผู้ดูแล..แล้วเด็กๆเป็นอย่างไงบ้างคะ ” เธอได้ถามด้วยความคิดถึงและความเป็นห่วงเด็กที่เพิ่มเข้ามาและคนที่อยู่มาพร้อมกับเธอ

“ ทุกคนสบายดีจ้า..สวนที่ทำกันเองก็เป็นไปได้ด้วยดีจ้า ” ผู้ดูแลได้พูดพร้อมพาเดินตรงออกไปทางด้านหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเด็กอยู่ช่วยกันทำสวนผักและดอกไม้ที่ใช้ขายในงานเทศกาล

“ พี่ไอริส..กลับมาแล้วหรอคะ…จะกลับมาอยู่นานไหมคะ...การผจญภัยและการเดินทางเป็อย่าไงบ้างคะ..พี่ช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมคะ ” เด็กสาวที่เธอช่วยเลี้ยงคนแรกๆนั้นยังไม่ได้ถูกรับเลี้ยงไปเด็กสาวค่อยช่วยดูแลเด็กที่อายุ 6 ขวบได้ช่วยงานผู้ดูแลทำงานในสวนที่พอทำได้

“ พี่กลับมาแล้วจ้า..โตขึ้นมากเลยนะ..ก็อยู่สักพักจ้ายังไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหนนะพี่เล่าให้ฟังได้เสมอนะ ” เธอได้พูดพร้อมกับการลูบบนหัวของเด็กสาว ‘ เด็กชายอีก..2..คนถูกรับเลี้ยงไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยอยู่ดีหรือเปล่านะ ’ เธอได้ลูบหัวของเด็กสาวพรานคิดอะไรจนผู้ดูแลสังเกตเห็นได้

“ ไอริส…ตามฉันมาหน่อยได้ไหม…ฉันมีอะไรบ้างอย่างจะให้เธอนะ ” ผู้ดูแลได้เรียกเธอให้ตามไป เธอได้เดินตามผู้ดูแลเข้ามาที่ห้องรับแขก เธอได้นั่งรอที่โซฟาก่อนที่ผู้ดูแลได้เดินออกไปจากห้องรับแขก

ผู้ดูแลทิ้งให้เธอนั่งรอที่ห้องรับแขกผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก่อนที่ผู้ดูแลกลับมาพร้อมกลับกล่องใบหนึ่งที่ดูเก่าใบหนึ่งที่ดูมีค่าไม่มากนักและผู้ดูแลได้นำมาว่างลงตรงหน้าของเธอ

“ ไอริส…คงไม่ได้พักที่หรอกใช้ไหมและตอนนี้เธอก็อายุ..18..แล้ว…ฉันเลยเอามาให้เธอก่อนที่เธอจะกลับออกไปจากที่นี้…ก่อนจะกลับค่อยมาเอาไปด้วยแล้วกันนะ ” ผู้ดูแลได้พูดพร้อมมองกล่องตรงหน้าแต่ผู้ดูแลได้สังเกตเห็นว่าเธอสงสัยและสับสนกันสิ่งที่เห็น ก่อนที่ผู้ดูแลจะได้อธิบายสิ่งต่างๆที่ได้พบเจอ

เวลาผ่านไปสักพักเด็กก็ได้บอกลาเพราะเธอจะต้องเดินทางไปพักที่โรงแรมที่มีในหมู่เล็กๆแห่งนี้ และเธอได้เดินเข้ามาที่ห้องพักของเธอก่อนที่จะได้เริ่มเปิดกล่องที่ได้มาจาก ผู้ดูแลในกล่องมี หนังสือเล่มหนึ่ง ปากกาขนนก แผนที่โบราณและเข็มกลัดสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งที่เป็นรูปดวงดาวสีฟ้าที่มีในกล่องและบนปกหนังสือ บนแผนที่และแน่นอนสร้อยคอที่เธอใส่ติดตัวด้วยก็เช่นกัน เธอได้เริ่มเป็นอ่านหนังสือที่มีอยู่ในกล่องนั้น ทำให้เธอเริ่มสงสัยและต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของตนเอง หลังจากที่เธอเริ่มเปิดอ่านหนังสือในกล่อง ไอริส พบว่ามันเต็มไปด้วยข้อความที่เขียนด้วยลายมือสวยงามแต่ซีดจางจากกาลเวลา หนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนที่เรียกว่า…

“ เอเวนไทน์ ” เธอได้เอยถึงดินแดนที่เคยรุ่งเรืองและปกครองโดยราชวงศ์โบราณ

ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์เป็นรูปดวงดาวสีฟ้า คล้ายกับเข็มกลัดในกล่องและลวดลายบนสร้อยคอของเธอ ในหนังสือมีบันทึกบางส่วนที่ดูเหมือนจะถูกซ่อนไว้ ไอริส ใช้ปากกาขนนกจุ่มน้ำเพื่อเขียนทับลายมือในหน้าที่ซีดจาง ซึ่งช่วยให้เผยเห็นข้อความเพิ่มเติมที่ซ่อนอยู่

เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง

“ เอเวนไทน์..จะรอคอยการกลับมาของเธอและเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง..ดินแดนนี้จะฟื้นคืนให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง..มันหมายความว่าอย่าไง..ต้องหาข้อมูลเพิ่มที่ห้องสมุดของหมู่บ้านนี้แล้วสิ ” เธอได้นั่งมองข้อความซ่อนเอาไว้มองอยู่สักพักและได้นั่งคิด

ข้อความที่ซ่อนไว้ ทำให้หัวใจของ ไอริส สั่นไหว เธอไม่เคยคิดว่าตนเองจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของราชวงศ์หรือดินแดนที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือทุกสิ่งในกล่องนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับตัวเธอเอง เธอได้วางหนังสือเล่มนั้นลงก่อนที่จะหยิบแผนที่โบราณที่ว่างอยู่ในกล่อง เธอได้กลางแผนที่โบราณออกมาโดยมารอยพับเธอดูแผนที่โบราณสักพัก ก่อนที่จะ สังเกตเห็นว่ามุมของแผนที่โบราณมีรอยพับซ้อนทับกัน เธอคลี่มันออกและพบลายเส้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นเส้นทางที่นำไปยังจุดที่ถูกระบุในแผนที่ปัจจุบันที่นำมาวางเทียบกับแผนที่โบราณว่าเป็นเส้นทางที่นำไปที่ “ สายหมอกนิรันดร์ ” พร้อมข้อความสั้น ๆ ที่เขียนกำกับไว้ในช

แผนที่โบราณว่า : ‘ ทางเดินแห่งแสง นำผู้สืบทอดกลับสู่รากเหง้า ’ จากข้อความนี้ทำให้เธอเชื่อว่าเส้นทางในแผนบนแผนที่ปัจจุบันที่อาจนำไปสู่ดินแดนที่ถูกลืม

เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสร้อยคอของตนเองและความเชื่อมโยงกับธงรูปดวงดาวบนแผนที่โบราณ เธอสัมผัสสร้อยคอและพบว่าเมื่อมันถูกยกขึ้นในมุมที่รับกับแสงไฟ สัญลักษณ์บนสร้อยคอเปล่งประกายเรืองรองเล็กน้อยก่อนที่จะจางลง ในคืนนี้ ขณะที่เธอได้นอนครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบในกล่องที่ได้มาจากผู้ดูแล เธอนอนครุ่นคิดจนหลับไปโดยไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นเช้าของอีกวันแล้ว แต่เธอก็ยังคิดไม่ตกกับเรื่องที่ได้อ่านมาเมื่อคืนและเธอก็ได้เดินลงมาเพื่อเตรียมตัว

“ สวัสดีคะ..กำลังหนังสืออะไรอยู่หรือเปล่าคะ ” พี่พนักงานของร้านหนังสือเธอกำลังเข้าไปได้กล่าวทักทาย นักผจญภัยหลายคนเข้ามาพร้อมกันจนเต็มร้านเลยที่เดียว

“ ไม่เป็นไรคะ..ฉันจะหาหนังสือเองคะ ”เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับเดินไปตรงไปยังชั้นหนังสือ เธอเดินหาหนังสือรูปดาวที่คล้ายๆกับสร้อยของเธอเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนที่สาบสูงไปจากหน้าประวัติศาสตร์

เธอได้นั่งอ่านหนังสือหลายเล่มเอาที่คล้ายกันประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแห่งนี้หาข้อมูออกมาพร้อมแต่ไม่มีความหมายอะไรมากขนาดนนั้นแต่ข้อมูลเบื้องต้นที่เอามาจากหนังสือและข้อมูลที่ได้มาเล็กหน่อยแต่ก็เป็นข้อมูลสำคัญมากพอที่จะเดินทางได้เลยแต่คงต้องเตรียมตัวก่อน เธอได้ออกจากที่ร้านหนังสือเดินตรงไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อไปบอกลาเด็กและผู้ดูแล

“ พี่ไอริส…ผู้ดูแลคะ…พี่ไอริส…มาคะ…พี่คะเป็นไงบ้างคะ…จะเดินทางแล้วหรอคะพี่ไอริส ” เด็กสาวน่ารัก ได้ถามพร้อมกับการวิ่งเข้ามากอดเธอ

“จะไปแล้วหรอจ้า…ไอริส ” ผู้ดูแลได้เดินออกมาพร้อมกับเด็กเล็กคนหนนึ่งที่กำลังตื่นอยู่ที่อุ้มอยู่ติดอกขอผู้ดูแลและเด็กที่เริ่มเดินได้ก็เดินออกมาพร้อมกับผู้ดูแล

“ กำลังจะออกเดินทางคะ…ผู้ดูแล…ไม่รู้จะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่แต่จะกลับมาแน่ๆคะ จะเอาขอที่ขายได้กลับมาให้แล้วกันนะคะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กสาวที่มากอดตั้งแต่ตอนแรกเพื่อเป็นการกอดลา

“ พี่จะได้กลับมาหานะคะ…เธอต้องดูแลเด็กๆและช่วยดูแลเพื่อนๆน้องๆแทนผู้ดูแลด้วย ” เธอได้พูดพร้อมกลับลูบหัวให้เด็กและเด็กคนอื่นๆก็เดินเข้ามาให้ลูบหัวจนครบทุกคน เธอเดินเข้ามาผู้ดูแลเพื่ออวยพรให้เด็กที่อยู่ในออมอกของผู้ดูแล

“ ขอให้เติมโตด้วยความแข็งแรง จงเติบโตด้วยจิตใจที่ดี ” เธอได้อวยพรเด็กชายที่อยู่ในออมอกขอผู้ดูแลและอวยพรให้กลับเด็กๆที่ยืนอยู่รอบข้างได้ก้มหัวลงไปเพื่อรับพรที่ได้เอยให้พร

หลังจากการอวยพรจบลงเธอก็เริ่มออกเดินทางออกจาหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เข้าป่าทางตะวันออกตามแผนที่ปัจจุบันและแผนที่โบราณมองเทียบกันไปมาสักพักก่อนที่จะเดินทางไปสักพักใหญ่ก่อนที่จะเดินไปเจอนักผจญภัยคนหนึ่งพึ่งที่กำลังช่วยเหลือเด็กหญิงแต่มีโจรตรงไปทางนักผจญภัยคนนั้นแต่เหมือนว่านักผจญภัยจะยังไม่รู้ ก่อนที่ ไอริส จะวิ่งเข้าไปช่วยนักผจญภัยคนนั้นจะได้รู้ตัวและมาช่วยต่อสู้ไปพร้อมๆกับเธอก่อนที่จะเหลือรอดไปหนึ่งคนก่อนที่จะอุทานออกมา

“ แย่แล้วรอดได้ไปคนหนึ่งนะ ” เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับสบัดดาบของเธอลงพื้นเพื่อนำของเหลวสีแดงติดอยู่ออกจากดาบก่อนที่จะหันมาถามคนที่ช่วยในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ว่า…

“ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ…บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงและกังวลว่านักผจญภัยจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับโจรที่ซุ่มโจมตีครั้งนี้

“ ไม่เป็นไร…เธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมหนูน้อย ” ชายหนุ่มกำลังถามเด็กสาวที่ได้ช่วยเอาไว้ในตอนแรกแต่กลับเมินเฉย ไอริส ที่ได้ช่วยเขาไว้

“ ไม่เป็นไรคะ…ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูเอาไว้นะคะ…ขอบคุณนะคะพี่สาว ” เด็กสาวได้กล่าวขอบคุณชายหนุ่มและ ไอริส

หลังจากเด็กสาวกล่าวขอบคุณเธอและชายหนุ่มที่ช่วย เด็กสาวก่อนที่จะจากไปเธอได้พามาที่หมู่บ้านของเธอเพื่อรับการขอบคุณจากแม่ของเด็กสาวก่อนที่จะเริ่มจัดของก่อนที่จะออกเดินทางออกจากหมู่บ้านของเด็กสาวคนนั้นเพื่อเดินทางต่อจากเดิม

“ คุณจะเดินทางไปไหนหรือเปล่าคะ ” เธอได้ถามชายหนุ่มที่กำลังจัดเตรียมของเพื่อจะออกเดินทางเหมือนกัน

“ แล้วจะบอกเธอไปทำไหมล่ะเธอเองจะไปเตรียมตัวจะไปไหนของเธอ…จะเตรียมอะไรก็เรื่องของเธอก็แล้วแต่เธอเลยและเธอไม่จำเป็นต้องมาตามฉันหรอก ” ชายหนุ่มได้กล่าวก่อนที่จะเดินห่างจากเธอไปแต่ ไอริส ได้ถามขึ้นมา…

“ คุณรู้จัก..ดินแดนเอเวนไทน์..(Aventine)..ไหมคะ..พอดีฉันออกมาตามหาที่นั้นอยู่นะคะ ” เธอได้กล่าวถามออกมาแต่ผู้ถูกถามนั้นชะงักและยืนนิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ชายหนุ่มนั้นได้หันหลังและเดินตรงมาที่เธอ

“ เธอนะ…เดินตามฉันมาไปหาที่คุยกับฉันหน่อย ” ชายหนุ่มคนนั้นได้บอกเธอก่อนที่เธอจะเดินตามชายหนุ่มคนนั้นไป มันเป็นสถานที่ที่มีโต๊ะม้านั่งอยู่

ไอริส ได้เดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามของ ชายหนุ่ม มาที่โต๊ะม้านั่งและนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเพื่อมานั่งคุยกันอย่างดี เพื่อ ไอริส จะหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยเพื่อหาแนวทางการเดินทางและหาทางเดินเข้าสู่ดินแดนแห่งนั้น...

“ เธอถามเรื่องเมื่อกี้นั้นหมายความว่าอะไร…เรื่องที่เธอตามหา…ดินแดนเอเวนไทน์..(Aventine)..ไปทำไมกัน ” ชายหนุ่มได้ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลเอาอย่างมาก

“ คือฉันอยากกลับไปที่บ้านเกิดของฉันนะคะเพราะรู้แค่ครอบครัวของฉันนั้นเสียชีวิต…ในตอนที่ฉันยังเล็กเพราะเกิดหายะครั้งใหญ่นะคะ…เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและอยากเดินทางกลับไปที่บ้านเกิดนะคะ…มีอะไรหรือเปล่า ” เธอได้เล่าสิ่งที่เธอรู้ให้ชายหนุ่มฟัง

“ เธอจะไปที่นั้นทำไมล่ะ…ที่นั้นไม่มีทางไปด้วยซ้ำ ” ชายหนุ่มคนนั้นได้กล่าวออกมาพร้อมกลับกุมขมับพร้อมมองสมุดโน๊ตเล็กๆที่ได้เปิดดู

“ แต่…ฉันมีนี้นะคะ…อันนี้อาจจะช่วยได้ก็ได้คะ ” เธอกล่าวจบนำเอากล่องไม้ที่นำเอามาด้วยขึ้นมาเปิดและนำเอาแผนที่โบราณออกมากางออกมา แต่หารูไม่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามข้างเธอกลับนิ่งไปเหมื่อเจอสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิต

“ เธอเอากล่อมไม้นี้มาจากไหน…เอามาได้อย่าไง…ใครให้เธอมา ” ชายหนุ่มคนนั้นได้ถามด้วยความตื่นตระหนกและความกังวลเป็นอย่างมาก

“ กล่องใบนี้ติดตัวของฉันมาตั้งแต่จำความได้ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกมาแบบนั้นและสร้อยคอที่ใส่มาตั้งแต่จำความได้เลยคะ ” เธอได้เล่าให้ชายหนุ่มฟังด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกใจบ่นกับความคิดถึงมากๆและอยากเจอครอบครัวอีกครั้ง

“ เป็นแบบนั้นหรอ…แล้วเธอรู้เรื่องหรือได้อ่านอะไรอีกไหม ” ชายหนุ่มคนนั้นได้ถาม ไอริส ว่าเธอนั้นรู้อะไรมากหน่อยแค่ไหนเพื่อความมั่นใจในส่วนอื่นอีก

เธอได้นำหนังสือที่มีอยู่ในกล่องไม้นั้น เธอได้เปิดหาก่อนที่จะนำปากกาขนนกจุ่มน้ำเพื่อจะทำให้ขัอความซึ่งช่วยให้เผยเห็นข้อความเพิ่มเติมที่ซ่อนอยู่

เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง

บทที่ 1 การเดินสู่ป่าหมอกดำ

˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹

“ เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง เป็นเพราะคำทำนายหรือคำปริศนาอันนี้ได้ล่ะมั้งคะ…ที่เป็นการยืนยันแต่ฉันเองก็ยังไม่รู้กับความหมายนะคะ ” เธอกล่าวก่อนที่จะหันหนังสือเล่มนั้นไปให้ชายหนุ่มคนนั้นได้เห็นและอ่านมัน

สีหน้าของชายหนุ่มกับประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้เลยแม้แต่น้อยหลังจากสีหน้านั้นชายหนุ่มก็ได้สงบลงก่อนที่จะยืนหนังสือเล่มนั้นคืนมาแล้วทำเหมือนจะยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กเหมือนกับหาอะไรสักอย่างก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวถามขึ้นมาว่า…

“ ในกล่องนั้นมีแผนที่โบราณหรืออะไรทำทำนองนั้นหรือเปล่าครับ ” ชายหนุ่มทำหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะยืนมือเพื่อขอดูแผนที่ทึ่เธอมีอยู่ในตอนนี้แต่เธอกลับทำสีหน้าไม่ไว้ใจกลับชายหนุ่ม ชายหนุ่มคนนั้นก็ชักมือกลับก่อนที่จะกล่าวแนะตำตัวด้วยความเต็มใจ…

“ ผม..เอดัน..[..Aedan..]..เป็นนักผจญภัยและทหารรับจ้างทั่วไป…ขอโทษด้วยที่ไม่ได้แนะนำตัวตั้งแต่แรก ” เอดัน ได้กล่าวแนะนำตัวและขอโทษไปด้วย สีหน้าของ ไอริส ได้ดีขึ้นมีรอยยิ้มมากขึ้นเธอนั้นได้ยืนกระดาษม่วนหนึ่งที่ดป็นแผนที่โบราณให้ชายหนุ่มได้ดู

“ แบบนี้นี้เองสินะ…แต่เป็นการเดินที่ยาวนานมากต้องเตรียมความพร้อมให้ดีเลย…ห้ามเตรียมตัวไปแบบครึ่งๆกลางๆคงจะได้กลับมาแน่ๆ ” เอดัน ได้กล่าวบอกกับ ไอริส ที่กำลังทำตัวมั่นอกมั่นใจเอาเป็นอย่างมาก

“ เริ่มเตรียมตัวเลยก็ได้นะคะ…เพราะยิ่งเดินทางไปไว้เท่าไหร่ยิ่งถึงไว้เท่านั้น ” เธอได้กล่าวให้กลับ เอดัน ที่กำลังเตรียมรายชื่อของที่จะใช้ในการเดินทางไกล ‘ เขาดูรอบคอบมากเลยนะ..แต่ดูเหมือนจะเย็นชาเอามากเลยนะ ’ เธอได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เอดัน สักพักก่อนที่จะได้ตาม เอดัน ไปเพื่อเริ่มการเตรียมความพร้อมในการเดินทางจนเริ่มเย็น จนต้องได้พักที่นี้อีกครั้ง

“ ตอนนี้พักไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางตอนเช้าอีกที…เพราะงันพักผ่อนให้เพียงพอ ” เอดัน ได้กล่าวบอกก่อนที่จะบอกเพราะการพักผ่อนให้เต็มทีเพื่อการเดินทางของพวกเขา

“ ได้คะ…ขอบคุณสำหรับการเตรียมตัวด้วยนะคะ…ฝันดีนะคะคุณเอดัน ” เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับการขอบคุณพร้อมกับเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อนให้มากพอ

เมื่อค่ำคืนมาถึงคืนในการพักผ่อนในครั้งนี้ เช้าอีกวันก็ได้เริ่มต้นขึ้น ไอริส ได้เตรียมตัวแต่เช้าเพื่อเริ่มต้นการเดินทางและเธอเองก็ได้เดินลงมาข้างลงเพื่อรอ เอดัน แต่ผิดขาดเพราะเขามารออยู่ก่อนแล้วพอเขาเห็นเธอก็เลยบอกว่าให้เริ่มทานข้าวก่อนที่จะเริ่มออกทาง

“ เราออกเดินทางไปทิศเหนือ…เพื่อเริ่มต้นการเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ทางเข้าป่าหมอกดำเพื่อไปเติมสเบียงอาหารเพิ่ม ” เอดัน ได้อธิบายในการเส้นทางก่อนที่จะได้เริ่มต้นการเดิน และหมู่บ้านที่จะเข้าไปพักหรือเติมสเบียงในหมู่บ้านเล็กๆแถวๆนั้น

“ ได้คะ…สเบียงสามารถซื้อสเบียงเพิ่มได้…เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหาคะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับตรวจสอบสเบียงอาหารที่มีเพิ่มให้เพิ่งพอต่อการเดินทางของเธอ

“ งั้นก็ออกเดินทางได้แล้ว…ถ้าออกจากที่นี้ช้าคงจะไม่ถึงที่นั้นเพื่อพักและเติมสเบียงหรอกนะ ” เอดัน ได้กล่าวถึงการออกเดินทางและได้เริ่มออกเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆนี้ไป

เวลาผ่านไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆทั้ง 2 คนได้พักที่รินน้ำเพื่อจะเริ่มต้นการเดินทางในตอนเช้าอีกครั้ง ตอนเช้ามืด เอดัน ได้เดินเข้ามาปลุกเพื่อให้เตรียมตัวออกเดินทางจากที่พักเมื่อคืนนั้น

“ เอดัน…ได้พักบ้างหรือเปล่าคะ ” เธอได้ถามพร้อมกับยืนผลไม้ป่าให้กับ เอดัน แต่ เอดัน ก็ได้รับไปทานเพื่อความสบายใจของเธอ

การเดินทางของทั้ง 2 คนก็ได้ดำเนินต่อไป ผ่านไปหลายวันก็ได้เดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้านเล็กๆก่อนเพื่อพักในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ เธอได้เดินแยกออกจาก เอดัน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับป่าหมอกดำเพราะการเดินทางในป่าหมอกดำนั้นมีแค่ทางเข้าและคนที่เข้าไปนั้นจะไม่ได้กลับออกมาหรือออกมาก็มีน้อยคนมากที่จะได้ออกมาอย่างปลอดภัยมากนัก

“ ข้อมูลที่ได้มาจากที่หมู่บ้านของฉันก็น้อยมากที่เมืองหลวงก็แทบจะไม่มีเลย ที่นี้ก็มีมากพอที่จะเป็นข้อมูลได้เลย…รู้แค่ว่า ล้มละลายลงเมื่อ 15 ปีก่อนเท่านั้น..แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นคือ สงครามกลางเมืองหลวงของ ดินแดนที่สาบสูน เท่านั้นเลย ” เธอได้เดินออกมาพร้อมกับข้อมูลที่ได้จากการหาข้อมูลมาจากหลายๆที่และหลายห้องสมุดที่มีอยู่ เธอได้เดินออกมาจากห้องหนังสือจาหมู่บ้านนี้แต่มีเด็กสาวตัวเล็กอายุน้อยกว่าเธอวิ่งตามออกมาจนได้ล้มลง

“ เจ็บๆ…เจ็บๆ…เจ็บจัง… ” เด็กหญิงอายุน้อยการนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการวิ่งล้มลงเมื่อกี้ เธอช่วยเก็บหนังสือและช่วยพยุงตัวขึ้นจากพื้นก่อนที่จะพาไปหาที่นั่งเพื่อทำแผลให้กับเด็กคนนั้น

“ เจ็บหน่อยนะ…ด้วยก็จะหายไม่เป็นลอยด้วยนะ ” เธอได้บอกผู้ที่เธอช่วยทำแผลเพื่อให้ระวังการเดินทางในส่วนอื่นๆที่ใกล้กลับบริเวณแผลของเธอ

“ ขอบคุณนะคะ..คุณ… ” เด็กสาวได้อั้มๆอึ่งอยู่สักพักเพราะเธออาจจะไม่รู้จักเธอ ‘ เด็กสาวคงไม่รู้จักฉันสินะ ต้องแนะนำตัวก่อนสินะ ’ เธอคิดจบก็ได้แนะนำตัวของตัวเธอเอง

“ หวัดดี…ฉันชื่..ไอริส..นะ ” เธอได้แนะนำตัวของเธอเองเด็กสาวดูท่าทีที่ตกใจก่อนที่และได้ลุกขึ้นมาพร้อมกับก้มหัวเพื่อเริ่มแนะนำตัว

“ ฉันมี ชื่อว่า…ลิเลีย..คะ..ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ…ฉันเป็นนักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์อิสระนะคะ..ฉันกำลังหาดินแดนที่สาบสูนนะคะ…ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตามหาด้วยนะคะ ” เด็กสาวนาม ลิเลีย ได้กล่าวทักทายและบอกเหตุผลที่เข้ามาที่หมู่บ้านเล็กๆ

“ แบบนี้เองหรอคะ…แต่ดินแดนนั้นอาจจะเป็นบ้านเกิดของฉันก็ได้นะคะ..ฉัน และเพื่อนร่วมทางอีกคนหนึ่ง…ก็ออกเดินทางตามหาดินแดนนั้นอยู่นะคะ ” เธอได้อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ว่าเป็นอะไรบ้างหรือจะทำอะไรต่อ ซึ่งต้องมาสีหน้าของ ลิเลีย ก็ได้เศร้าลงก่อนที่จะได้เอยปากถาม…

“ ฉันคงไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วยสินะคะ…เพราะหลายครั้งที่มีคนเข้าไปที่ป่าหมอกดำนั้น…ไม่มีใครได้ออกมาหรือออกมาก็น้อยคนนักนะคะ ” เธอได้อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้แต่อย่าไงเธอก็ได้รับฟังเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการเดินต่อ

“ ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว…ไอริส…กลับไปพักเถอะนะคะพรุ่งนี้…เธอคงต้องออกเดินทางอีกแน่ ” ลิเลีย ได้พูดก่อนที่จะลุกขึ้นพร้องกับแยกออกจาก ไอริส

“ ฉันยังไม่ได้ออกเดินทางตอนนี้หรอกนะคะ…แค่เรื่องการเดินทางนั้นต้องถามความเห็นของเพื่อนร่วมทางอีกคนนะคะ..ฉันจะลองไปถามให้นะคะ ” เธอได้กล่าวกับเด็กสาวก่อนที่จะได้แยกย้ายขากเธอกลับไป

เธอได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมของหมู่บ้านเล็กๆนี้ เสียงเพลงและเสียงคนที่ครื้นเครงดังออกมาพร้องกับเสียงจานและแก้วกระทบกัน เธอได้เดินเข้าไปข้างในนั้นก่อที่จะเดินตรงเข้ามาเพื่อทานข้าว เอดัน เองก็ได้นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆเธอก่อนที่ิ เอดัน จะได้เริ่มถาม…

“ ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มหรือเปล่า…แล้วข้อมูลที่เกี่ยวกับป่าหมอกดำนี้ล่ะ..ได้ข้อมูลมาหรือเปล่า ” เอดัน ได้ถามขึ้นมาเพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นมาในป่าหมอกดำนี้

“ เห็นว่าการเดินทางเข้าไปที่ป่าหมอกดำ…คนที่จะกลับออกมาจากป่าหมอกดำ น้อยมากที่จะออกมาถึงหมู่บ้านนี้…อย่างน้อยหาคนนำทางในป่าหมอกดำจะดีไหม ” เธอได้กล่าวออกมาก่อนที่จะเริ่มทานข้าวก่อนที่จะมีคำถามจาก เอดัน ออกมาอีกหลายคำถามเพื่อถามให้เกิดความชัดเจน

“ เรื่องแรก…เอดัน…คงรู้มากว่าฉันเพราะส่วนมากฉันเดินเข้าไปโดยที่ไม่มีคนนำทางหรอกนะคะ…และฉันเจอคนที่จะร่วมเดินทางด้วยดีไหมคะ ” เธอที่พูดจบก็ทานข้าวทำให้ เอดัน กลับทานข้าวก่อนที่จะได้เริ่มถามอีกครั้งจากที่ไม่ถามขึ้นมานาน

“ ฉันรู้จักคนเดินป่าอยู่เหมือนกัน…แต่ต้องเดินทางลงไปทางทิศใต้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าหมอกดำ…เพราะแถวตอนใต้ก็มาสะพานข้ามไปด้วยเช่นกัน..ส่วนเพื่อนร่วมเดินทางก็เป็นหน้าที่ของเธอ ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อกลับขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อนในการเตรียมตัวที่จะเพิ่มสเบียงอาหารที่ต้องการ

เมื่อเธอได้เข้าไปพักที่ห้องที่เธอนั้นนำของเข้ามาเก็บเอาในตอนที่มาถึง เมื่อเช้าวันถัดมาแสงแดดส่องเข้ามาผ่านเข้าทางหน้าต่าง ทำให้เธอได้ตื่นขึ้นมาเธอได้เริ่มแต่งตัวก่อนจะเดินลงไปทานข้าวเช้าของวันนี้

“ เธอเองก็ตื่นไว้ดีนิ…ฉันจะไปเตรียมสเบียงอาหารเพิ่มเพราะจะต้องเดินทางนานเอาแน่ ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้เดินออกจากโรงแรมของหมู่บ้าน ปล่อยให้เธอได้นั่งกินข้าว ‘ เป็นคนดีจังเลยนะ..ชั่งเรื่องนั้นก่อนขอกินก่อนแล้วกันนะ ’ เธอได้นั่งกินข้าวต่อไปจนเสร็จ แล้วได้เดินออกจากโรงแรมเพื่อไปที่ได้นัดกับ ลิเลีย ที่ได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ มาแล้วหรอคะ…ไอริส..เป็นอย่างไงบ้างคะ…เขาคนนั้นได้พูดอะไรหรือเปล่าคะ ” ลิเลีย ได้ถามขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดและกังวลเอาอย่างมากในเรื่องการเดินทาง

“ เขาไม่มีเป็นอะไร…ไม่มีปัญหาอะไรและไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับ..ลิเลีย..นะ…ข้อแค่ไม่สร้างปัญหาในการเดินก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะนะ ” เธอได้พูดก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ ลิเลีย และเธอได้ดื่มน้ำไปด้วย และอธิบายการร่วมการเดินทางในครั้งถัดไป

“ จริงหรอคะ…งั้นก็ต้องไปเตรียมตัวในการเดินทางช่วยหน่อยได้ไหมคะ…เพื่อจะไม่ให้ขาดอะไรกับการเดินทางนะคะ ” ลิเลีย ลุขขึ้นมาด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการร่วมเดินทางของเธอ

“ แบบนั้นก็ดีนะ…ฉันเธอก็ไม่ได้เดินเล่นที่หมู่บ้านแห่งนี้บ้าง ” เธอได้กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินนำหน้าไปหนึ่งก้าว

“ ไปกันเลยคะ ” เธอได้ยิ้มออกมาพร้อมกับช่วน ไอริส ให้พาไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวของ ลิเลีย เองด้วย

ทั้ง 2 คนได้พากันเดินซื้อข้าวของที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอดและของใช้สำคัญของจำเป็นสำหรับตัว ของเธอ กับ ลิเลีย อีกมาก ส่วนมากเป็นของที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงอีกด้วย หลังจากการเดินซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้ว ไอริส กับ ลิเลีย ก็ได้เจอกับ เอดัน ที่กำลังเตรียมสเบียงอาหารที่ให้พอกับการเดินทางของทั้ง 3 คน

“ เอดัน…ฉันตามหานายตั้งนานแล้วนะ…ก่อนอื่นฉันขอแนะนำให้รู้จัก…ลิเลีย…เธอจะมาร่วมเดินทางกับเราในครั้งนี้นะ ” เธอได้แนะนำ ลิเลีย ให้กับ เอดัน ให้ได้รู้จักกันเอาไว้

“ ยินดีที่ได้รู้จัก..ฉัน..เอดัน..ทหารรับจ้างทั่วไป ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้ก้มลงเล็กน้อยก่อนจะยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเขาขึ้นมาเพื่อดูของที่ต้องซื้อ

“ ยินดีที่ได้รู้จักคะ..คุณเอดัน..ฉัน..ลิเลีย..คะ..นักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์อิสระคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวแนะนำตัวตามมาก่อนที่จะก้มหัวลงไปและเงยหน้าขึ้นมาและก็จัดทรงผมของเธอให้เรียบร้อย

“ จะเริ่มเดินทางออกจากที่นี้วันไหนหรอคะ…แล้วมีอะไรที่ต้องการเพิ่มอีกไหม ” เธอได้ถามชายร่างกายวัย 20 ต้นๆที่กำลังดูรายการที่ต้องซื้อ

“ พรุ่งนี้ก็เดินทางออกจากที่นี้ได้แต่ถ้าจะดีจะออกเดินทางวันหลังก็ได้นะ…เพื่อเธอจะเตรียมตัวให้มากกว่านี้ก็ได้เพราะไม่รู้ว่าจะได้เติมสเบียงอาหารอีกทีเมื่อไหร่เพราะการเดินป่าหมอกดำนั้นไม่มีทางรู้ว่ามีสัตร์ป่าอันตรายมากแค่ไหน ” เอดัน ได้อธิบายให้ทั้ง 2 คนได้ฟังก่อนที่จะดูสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเขาเช่นเดิม

“ พวกเราคงต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้และเตรียนอุปกรณ์ไปด้วย ” ลิเลีย พูดขึ้นพร้อมกับท่าทีที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ‘ เธอคงเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้จริงๆใช้ไหมเนี้ย ’ ไอริส ได้คิดก่อนเพื่อสังเกตสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อเธอคงจะเข้าใจถูก

ผ่านไปหลายวันการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเข้าป่าหมอกดำนั้นก็เสร็จแล้วร่างกายก็ได้พักอย่างเพียงพอ สเบียงอาหารก็เตรียมอย่างเพียงพอแล้ว อุปกรณ์สำหรับการเดินทางนั้นก็จัดเตรียมไว้เพียงพอแล้วเช่นกัน การเดินออกจากหมู่บ้านเล็กๆลงไปทางทิศใต้ของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ด้วย

“ เราเดินมาไกลมากๆแล้วนะ…วันนี้เราพักที่นี้ก่อนนะ..เอดัน..พรุ่งนี้เช้าจะได้เดินทางต่อได้ ” เธอได้กล่าวขึ้นกับมองทั้ง 2 คนที่เป็นเพื่อนร่วมทางครั้งนี้ด้วย

“ เดินต่ออีกนิดแล้วกันตรงนี้จะโล่งไปสำหรับการพักเพราะตรงนี้อาจจะมีสัตร์ร้ายพุ่งเข้ามาได้ ” เอดัน ได้กล่าวพร้อมกับเหตุผลที่ต้องการเดินทางต่ออีกหน่อยเพราะตอนนี้ยังไม่มืดมากนัก

“ เอาแบบนั้นก็ได้คะ…ตรงนี้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะรู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันนะคะ ” ลิเลีย ก็พูดพร้อมกลับจับแขนของ ไอริส เพราะความรู้สึกที่หวาดกลัวและมือของเธอก็สั้นมากพอควรเลย

“ ถ้าทั้ง 2 คนว่าอย่างนั้น…งั้นพวกเราเดินตรงไปอีกนิดก็ได้นะ..เอดัน..ช่วยนำทางไปหน่อยได้ไหม ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับเดินตาม เอดัน ไปโดยจับมือของ ลิเลีย ไปด้วยเพื่อไม่ให้หลงไปจากกลุ่มของเธอ

เวลาผ่านไป 3-4 วันนั้นก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านทางใต้แต่พวกเขานั้นไม่ได้แวะเพราะสเบียงอาหารที่เตรียมมามากพอสำหรับการเดินทาง 3 สัปดาห์เลยที่ด้วย พวกเขาได้เดินทางตรงไปที่ชายป่ามีบ้านหลังหนึ่งที่ถูกสร้างอย่างโดดเดียวก่อนมีชายร่างใหญ่วัยกลางคน 1 คน ได้เดินตรงเข้ามาหาทางด้าน เอดัน ก่อนที่จะได้กล่าวทักทายออกมาเหมือนรู้จักกันมานาน…

“ ไม่เจอกันนานเลย..เอดัน..แล้วเดินทางกลับมาที่นี้มีอะไรหรือเปล่า…แล้วแม่หนู..2..คนนี้เป็นใครกันลูกๆนายของนายหรือเปล่า ” ชายหนุ่มวัยกลางคน ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาทาง 2 หญิง แต่สีหน้าของ เอดันนั้นถอดสีก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า…

“ นั้นไม่ใช่ลูกสาวของฉันและนี้คือคนที่จะเดินทางเข้าป่าหมอกดำนี้…มีใครจะพาไปได้ไหม ” เอดัน ได้กล่าวออมาพร้อมกับดึงตัวชายวัยกลางคนนั้นออกมาจากพวกเธอ

“ มาคนเข้าไปได้เพียงคนหนึ่งนะ..คาเดน..นะ..ลูกชายคนเดียวของฉันเองนะ..คาเดน……คาเดน…ออกมาได้แล้ว ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ได้พูดคุยก่อนที่จะตะโกนเรียกผู้เป็นลูกชายคนเดียวของตัวเอง

“ ครับพ่อ…พ่อเรียกผมหรอครับ ” ชายหนุ่มคนหนึ่งได้กระโดดลงมาจากต้นไม้ข้างหลังและได้เดินตรงเข้ามาทางพวกเขา ทั้ง 3 คน

“ คาเดน…นี้คือคนที่ช่วยพ่อและเป็นเพื่อนของพ่อเอง..เอดัน..นี้คือลูกชายคนเดียวของฉันเอง ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่่กำลังจับไหล่ลูกชายของตนเพื่อแนะนำตัวของลูกชาย

“ ปีนี้ก็..19..ปีแล้วสินะ…โตไว้กว่าที่คิดนะเนี้ย ” เอดัน ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและน่าประทับใจเป็นครั้งแรกของปีอีกด้วย

“ แล้วจะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ…หรือว่าจะเริ่มเดินทางตอนนี้เลย ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่กำลังถาม เอดัน ไปเมื่อนต้องการคำตอบที่จะได้เตรียมตัว

“ พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางก็ได้ให้..คาเดน..ได้เตรียมตัวหน่อยก็ดีเพราะไม่รู้จะได้ออกมาเมื่อไหร่…จะเตรียมตัวจัดเต็มหน่อยก็ดีนะ…นายเองก็คงรู้ว่าข้างในป่าหมอกดำมีอะไรบ้าง ” เอดัน ได้หันไปมองก่อนที่จะได้อธิบายสถานการณ์ให้ฟังอีกครั้ง

เช้าวันใหม่ได้มาถึงพระอาทิตย์ขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง การเตรียมความพร้อมในการเดินทางครั้งนี้ อุปกรณ์และสเบียงอาหารได้เพิ่มขึ้นมากเพราะภรรยาของชายหนุ่มวัยกลางคนนั้นได้เตรียมให้กลับพวกเขาด้วย

“ พวกเธอจะเข้าตามเขาไปจริงๆหรอ…คิดดีแล้วหรือไง ” คาเดน ได้เอยขึ้นมาเหมือนมีนัยสำคัญอะไรสักอย่างเพราะเธอคงเป็นผู้หญิงและไม่อยากให้ลำบาก

“ ถ้าเป็นการผจญภัย…ฉันไม่ได้อะไรหรอกนะ…อีกอย่างถึงฉันจะอายุน้อยแต่ก็ออกเดินทางมาตั้งแต่เด็กๆเลยด้วยนะ ” ลิเลีย พูดขึ้นมั่นอกมั่นใจมากเถราะเรื่องแค่นี้เธอเองคงทำได้ไม่ต่างจากผู้ชาย

“ พวกเราไม่ได้มีเวลามากหรอกนะ…ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้แล้วเข้าใจไหม ” เอดัน ได้กล่าวพร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินทางที่ได้นำมาด้วยขึ้นสะพายบนหลัง

“ พร้อมแล้วใช่ไหม…ไปกันเถอะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมหันมามองทั้ง 2 คนก่อนที่จะจัดการตัวเองและเดินตาม เอดัน ออกไป

“ รอฉันด้วย…ได้เวลาแล้ว...นายก็รีบตามมาล่ะ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นก่อนที่จะเดินตาม ไอริส ออกมาเช่นกัน

เวลาผ่านไปพวกเขาได้เดินทางเข้าสู่ป่าหมอกดำเป็นที่เรียบร้อย ในป่าหมอกดำนั้นมีแต่หมอกลงหนาแน่นมากแค่พลาดนิดด้วยก็สามารถหลงทางจากกลุ่มได้เลย พวกเขาเองเดินเป็นกลุ่มร่างกายของแต่ล่ะคนนั้นตัวติดกันเอามาก แต่สามารถเดินต่อไปได้ พระอาทิตย์เริ่มจะตกดินพวกเขาได้เดินมาเจอต้นไม้ใหญ่จึงเอาที่นี้เป็นจุดพักในคืนนี้

“ ตรงนี้พักได้ครับ…สามารถพักได้ในคืนนี้..ผมจะไปเอาน้ำส่วนที่เหลือก็เริ่มทำที่เหลือได้เลยครับ ” คาเดน ได้กล่าวพร้อมวางกระเป๋าสัมภาระลงก่อนจะเดินเข้าหมอกไป

“ ปล่อยเขาไปคนเดียวจะดีหรอคะ…มันอันตรายไม่ใช่หรอคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวก่อนที่จะนั่งลงเพื่อก่อกองไฟที่ใช้ให้แสงสว่างและทำอาหารในคืน

“ คาเดน…สามารถเดินไปทั่วป่าได้และยังเข้าออกป่าได้ชำนาญกว่าพวกเราอีกเรื่องนี้ได้ต้องห่วงอะไรหรอก..เขานั้นยังจดจำเส้นทางในป่าหมอกดำได้ดีเอามากด้วยซ้ำ ” เอดัน ได้อธิบายให้กับ ลิเลีย ได้ฟังเพื่อไม่ให้เธอนั้นเป็กังวลเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานมาหลายวันในที่สุดก็เดินทางมาถึง สะพานแห่งแสง ที่สูงมากข้างลงมีแต่หินแหลงมที่อันตรายมากที่สุดแต่ในคืนนี้พวกได้พักที่ทางเดินข้างหน้า

“ ทางดูอันตรายมากเลยนะคะ…มีทางอื่นไหมคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวพร้อมกับมองลงไปทางใต้สะพานแห่งแสง

“ พวกเธอไปพักเถอะเพราะ…พวกเราเดินทางมานานพอควร ” คาเดน ได้กล่าวก่อนที่จะหันไปทางสะพานแห่งแสงที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพานแห่งแสงเลยเดินกลับเข้าไปในป่าหมอกดำ

“ มีอะไรหรือเปล่า…คาเดน..สีหน้าไม่ค่อยดี ” เอดัน ได้กล่าวก่อนจะจับที่ไหล่ของ คาเดน เพื่อเรียกสติกลับมา

“ เหมือนจะเห็นคนยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม…อาจจะตาฝาดก็ได้นะครับ…เพื่อผมอาจจะพักผ่อนไม่พอก็ๆได้นะครับ ” คาเดน ได้กล่าวก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้กองไฟเพื่อจะพักผ่อนให้พอ

“ ฉันว่า…คาเดน…มองไม่ผิดหรอกมีคนอยู่ฝั่งตรงข้ามจริงๆมีประมาณ..4-5..คนเลย..คาเดน..พวกเราสามารถอ้อมไปทางอื่นได้ไหมหรือว่าไม่มีทางอ้อมแล้ว ” เธอ ได้ถามชายหนุ่มที่กำลังพักผ่อนอยู่ข้างๆกองไฟและกำลังหลับตาอยู่

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!