1st P
01
ณ ในอาคารใต้ดินนอกชาญเมือง
ธอณ
‘เจ็บๆๆๆๆ เจ็บชิบหายเลย!’
แขนซ้ายของฉันเลอะไปด้วยเลือดจากแผลที่ถูกยิง
ตอนนี้ฉันอยู่ตรงทางเดินยาว รอบข้างของผนังดูเหมือนทำจากคอนกรีต ช่วงบนเต็นไปด้วยสายไฟที่ถูกยึดไว้ระโยงระยาง ฝ้าเพดานมีหลอดไฟ ไปตามทาง บ้างปกติ บ้างก็กระพริบ มีสะเก็ดไฟกระเด็นไปมา จากสายไฟที่ฉีกขาดเสียหาย
ผมส่งเสียงถามถึง ณ บริเวณนั้น
เป็นความหวังลมๆแล้งๆว่าคงจะมีใครตอบมา
มันเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลเจิ่งนอง จากการสังหารหมู่
มันเป็นความเชื่อว่าที่นี่ปรอดภัย จึงด้ายคุ้ยหากล่องพยาบาลตามศพของเพื่อนร่วมงาน
ตอนแรกก็ว่าเหมือนจะหายเจ็บ
เมื่อต้องห้ามเลือด แต่ว่าการพยายามทำด้วยตัวคนเดียวด้วยมือข้างเดียวมันลำบากเสียเหลือเกิน
มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ววนะ?
แน้หละฉันแกล้งตายแล้วปล่อยให้พวกมันผ่านไปยันชั้นถัดไปได้
สำนึกด้ายตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว
ก็ในเมื่อตอนนี้ฉันยังไม่ตาย
ความสิ้นหวังมันกัดกินจิตใจ
กล้ามเนื้อตา กระตุกและปวดหัว
ได้แต่เพียง อาลัยในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
เสียงที่ส่งออกมาจากวิทยุสือสารเครื่องสีแดง ที่ไม่รู้ว่าเป็นสีดั้งเดิม หรือเพราะว่ามันเปื้อนเลือดกัน
เสียงนั้นทำให้ฉันหายจากความคิดในหัวที่ฟุ้งซ่านของฉัน
ฉันยังยิ้มรับและหัวเรอะอยู่ได้ไงกัน
ธอณ
ในสถานการณ์แบบนี้เนี้ยนะ
บางทีของขวัญเพียงอย่างเดียวที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
คือลมหายใจที่เข้าออกอยู่นี้
คือหัวใจที่ยังคงสูบฉีดเลือด
และร่างกายที่ยังรู้สึกว่าล้าอย่างแสนสาหัส
เสียงนี้เเหละที่ฉันอยากได้ยิน
เสียงนี้แหละที่ฉันมีคำถามที่ต้องการคำตอบให้จากเข้า
ฉันหาต้นเสียงและคว้าวิทยุสื่อสารเครื่องนั้น
ฉันกลัวเหลือเกินกับการเอ่ยปากพูดคำนี้ออกไป
Dr.
เราไม่มีเวลาแล้ว เด็กทุน
Dr.
ยังจำขอตกของเราได้อยู่ใช่ไหม?
Dr.
ขณะนี้ผู้บุกรุกติดอาวุธสงครามได้ฝ่ามาถึงชั้นGแล้ว
Dr.
รวบรวมฝ่ายรักษาความปลอดภัยแล้วสะกัดมันไว้
เสียงออกคำสั่งของเขาเหมือนจะสือสารกับใครบางคนนอกเหนือจากจุดที่ฉันประจำอยู่
Dr.
ไปสมทบกับคนที่เหลือที่ชั้นO
รู้ทั้งรู้ว่าฉันบาดเจ็บ ก็ยังคงใช้งานเยี่ยงทาส
แม้ปฏิเสธไม่ได้ก็ได้แต่เพียงระบายโทสะเป็นคำพูดออกมาจากก้นบึ้งของกางและใจ
ธอณ
“ไอ้..!เ..ี้ย..!หมอ..!”
02
เมื่อต้องเดินไปตามทางเดิน ณ สถานการณ์แบบนี้
รู้สึกวินเวียนศีรษะอย่างบอกไม่ถูก
ฉันนั้นแทบจะคิดถึงยาชาที่ฉันเคยถูกฉีดโดยคุณพยาบาลสาวสุดสวยในโรงพยาบาลของรัฐ
ในตอนนั้นก็มีดบาดมือซึ่งเป็นแผลที่ลึกมาก ต้องเย็บถึง3เข็ม
ต้องเรียกได้ว่าประสบการณ์ถูกยิงครั้งแรกนี่มันไม่ดีเลย
ธอณ
หวังว่าจะไม่โดนจุดสำคัญนะ
เพราะจุดที่ถูกลูกตะกั่วบ้านั้นสร้างความเจ็บและเสียหายต่อแขนขอฉัน
ปรายประสาทของนิ้วมือจะยังคงกำมือได้แต่ก็ไม่สุดแทบไม่ต้องไห้มันยกหรือหยิบจับสิ่งของทั้งนั้นแหละ
ฉันเดินต่อไปเพื่อไปยังจุดนัดหมายมือขวาของฉันยังกำวิทยุสือสารไว้แน่
ฉันหนีบกระบองไฟฟ้าไว้ที่ใต้หว่างแขน นึกย้อนกลับไอ้ผู้บุกรุกอะไรนั้นมันมีปืนนิ
มันก็จริงที่ฉันเป็นพนักงานของที่นี่แต่ยังไม่ต่างกับเด็กฝึกงานเลยนะฉันพึ่งจะประจำสาขานี้ได้แค่3สัปดาห์เอง
การจะใช้ลิฟท์เพื่อไปต่อคงไม่เป็นความคิดที่ดีแน่มีแต่จะถูกดักยิงเสียป่าว
มันเป็นการตัดสินใจถูกต้องหรือป่าว?ฉันหาเส้นทางบรรไดเพื่อเคลื่อนที่ออกไปจากตำแหน่งเดิมจากจุดที่มีการสังหารหมู่
พวกเขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลย
ได้แต่เพียงทำตามที่เขาหรือเธอ ออกคำสังผ่านเสียง
ฉันมันก็แค่เด็กช่างที่ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร
สถานะทางการเงินของครอบครัวของฉันนั้นลำบาก
แม้จะพยายามสร้างผลงานมากแค่ไหนก็ไม่มีใครเหลียวแล
การพยายามเพื่อที่จะสอบชิงทุนต่างๆมากมายที่เข้านั้นล้มเหลว
ในยุคที่วุฒิการศึกษานั้นสำคัญในการเป็นแต้มต่อเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน
และในที่สุดตัวฉันก็มาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นผลมาจากเส้นทางที่ฉันต้องเลือก ว่าจะคว้ามันไว้หรือยอมแพ้ต่อโชคชะตา
ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
ณ วิทยาลัยฝึกวิชาชีพต่างจังหวัด
ใจผมนั้นตื่นเต้นไม่เป็นจังหวะ มือสั่นระริก แทบเก็บอาการไม่อยู่ ว่าในขณะนี้ผมนั้นได้มายื่นอยู่หน้าห้องของท่านผู้อำนวยการ
ตัวผมนั้นเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ผมมองนาฬิกาข้อมือเพื่อดูเวลา จัดแจงเอาชายใส่เข้าไปในกางเกงสีนิลให้เรียบร้อย
อีกแค่30วินาทีจะตรงเวลาที่นัดหมายไว้ เช่นนั้นผมจึงได้เคาะประตู
ธอณ
....ผมปี3/2 ชื่อธอณครับ
ความเกร็งแทบเป็นตะคริวลามไปทั้งตัว แม้ต่อลิ้นของผมนั้นทำให้สือสารได้ยากลำบาก
เขากระดกแวนตา สายตาของเขากำลังมุ่งความสนใจไปที่กระดาษA4ที่ถูกพิมพ์ด้วยตัวหนังสือสีดำ เท่าที่หองเห็นก็สังเกตได้ว่าจะมีรูปถ่ายตรงมุมของกระดาษ
ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาเรียกผมมาทำไม ในใจยังคงลุ้นอยู่ว่ามันต้องสำเร็จ
โดยที่ไม่ได้เตรียมรอรับกับสิ่งนี้
ผู้อำนวยการ
โครงการนี้เธอไม่ผ่าน
ไม่มีสิ่งใดมาบรรยายความรู้สึกนี้
เวลานี้คือ4โมงเย็น อากาศอึมครึมไร้แสงแดด เมฆฝนรวมตัวเป็นก้อนเทห่าฝนลงมาแบบไม่คำว่าปราณี
ตัวผมยังคงเดินอยู่ ณ ที่แห่ง
เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือขอให้ถึงบ้าน
ไม่สิมันคือหอพังต่างหากละ
ฝนตกลงมาจากฟ้าเฉกเช่นน้ำตาที่มันหลั่งไหล
ยังคงให้กำลังใจตัวเองว่าที่ทำลงไปนั้นดีที่สุดแล้ว
ธอณ
‘พวกเขาคงจะผิดหวังไหมนะ’
ก่อนที่จิตผมจะฟุ้งซ่านไปมากนี้ก็ได้ลากสังขารมาถึงหน้าหอ
ตาผมพร่ามัวไม่รู้ว่าเพราะเม็ดฝนหรือเป็นที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ที่หน้าประตูรั้วหอมีบุคคลปริศนาสวมเสื้อกันฝนที่บดบังใบหน้าตัวชุดยาวจนแทบติดพื้น
รูปร่างผอมสูงแบบนี้แทบทายไม่ถูกเลยว่าเป็นชายหรือหญิง
ว่าแต่เขามาทำอะไร เป็นเพื่อนหรือคนรู้จังของใครในหอนี้งั้นหรือ?
คิดอยู่ในใจอยู่เช่นนั้นแล้วขณะที่ยังมองเขาคนนั้นด้วยความสงสัย
ฟ้าก็แลบผ่านหน้าจากที่ไกลๆ
แค่เซี่ยววินาทีของแสงแฟลชที่ผ้านหน้าไป ผมตาฝาดงั้นหรือ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!