กลางทุ่งดาวตก ณ พรมแดนระหว่างโลกสวรรค์และปีศาจ
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ เสียงลมอ่อนพัดผ่านใบหญ้าสีเงินที่โอนเอนไปมาในความมืด ทุ่งแห่งนี้ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างสวรรค์และโลกปีศาจ เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่าง เพราะมันแฝงไปด้วยความลึกลับและพลังอำนาจที่ยากจะอธิบาย
เอลีน่า นางฟ้าผู้เปรียบดั่งแสงแห่งรุ่งอรุณ เดินเล่นไปในทุ่งดอกไม้ เธอชื่นชอบที่นี่ เพราะมันเงียบสงบ ไร้เสียงการประชุมอันเคร่งขรึมบนสวรรค์ หรือสายตาจับจ้องของผู้ติดตามที่คอยดูแลเธอ
“คืนนี้ช่างเงียบสงบจริงๆ…” เธอพึมพำกับตัวเอง พลางหยุดก้มลงดอมดมดอกไม้สีเงินที่สะท้อนแสงดาว
แต่แล้ว ความเงียบสงบกลับถูกทำลาย เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงบางสิ่งในอากาศ มันเป็นความรู้สึกหนาวเย็น แปลกประหลาด และหนักอึ้งเหมือนเงามืดที่คืบคลานมาใกล้
เอลีน่าลุกขึ้นยืนทันที ดวงตากลมโตจ้องมองไปในความมืด เธอไม่เห็นอะไร แต่รู้ว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่น
“นั่นใครน่ะ?” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงลมที่พัดผ่านหูของเธออย่างเบาๆ แต่ในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวถอยหลัง ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำก็ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด
ดวงตาของเขาเป็นสีแดงลุกโชนเหมือนเปลวไฟในคืนหนาวเย็น ใบหน้าคมคายที่ปกคลุมไปด้วยเงาของฮู้ดชวนให้หวาดกลัว แต่กลับมีบางอย่างที่ดึงดูดให้เอลีน่าไม่อาจละสายตาได้
“ปีศาจ…” เธอพึมพำพลางก้าวถอยหลัง ความกลัวเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างเย็นเยี
“นางฟ้าอย่างเจ้าไม่สมควรอยู่ที่นี่” เสียงของเขาเย็นเยียบ แต่ไม่ใช่เสียงคำรามเหมือนที่เธอเคยได้ยินในนิทาน มันกลับนุ่มลึกจนทำให้เธอใจสั่น
เอลีน่าพยายามตั้งสติ “ข้าแค่ผ่านมา ไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้าหรืออาณาเขตของเจ้า”
ซาร์ลาร์คมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ ดวงตาสีแดงคู่นั้นเหมือนกำลังอ่านใจของเธอ “เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?”
เธอกลืนน้ำลายพลางจับมือทั้งสองไว้แน่น “ข้า… ข้าไม่รู้ว่าต้องกลัวหรือไม่ แต่ข้าไม่คิดว่าปีศาจทุกตนจะชั่วร้ายเหมือนในเรื่องเล่า”
คำพูดของเธอทำให้ซาร์ลาร์คเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางฟ้าผู้บริสุทธิ์คนนี้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยเจอ ไม่ใช่เพราะความกล้าหาญ แต่เพราะเธอมีความใสซื่อจนไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าภัยอันตราย
“เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปสำหรับโลกนี้ นางฟ้าตัวน้อย” ซาร์ลาร์คเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เอลีน่ามองตามแผ่นหลังของเขา เธอยังยืนนิ่งอยู่ในที่เดิม ความสงสัยเริ่มก่อตัวในใจของเธอว่าเหตุใดปีศาจที่ควรจะน่ากลัว กลับทิ้งเธอไว้โดยไม่ทำอะไร
และเธอไม่รู้เลยว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสายสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเป็นไปได้ระหว่างแสงสว่างและความมืด
ลมเย็นพัดผ่านใบไม้ที่ส่องแสงระยิบระยับจากแสงจันทร์ สายลมพัดเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบ เอลีน่านั่งอยู่ข้างลำธารเล็กๆ สายน้ำใสไหลเอื่อยๆ ผ่านก้อนหินเล็กใหญ่ในป่าที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิทาน ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองบนผิวน้ำ
เธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลังจากการพบเจอกับปีศาจที่น่ากลัวในคืนนั้น บางทีอาจเพราะเธออยากหาคำตอบ หรือเพราะความสงสัยที่ซ่อนอยู่ในหัวใจเธอ
แต่ในขณะที่เอลีน่ากำลังเผลอไผลกับความคิดของตัวเอง เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เจ้าไม่รู้จักเรียนรู้เลยหรือ?” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้น
เธอสะดุ้งเล็กน้อย หันไปพบกับร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำ ซาร์ลาร์ค ปีศาจที่เธอพบในคืนนั้นยืนอยู่ใต้เงาไม้ ใบหน้าของเขาถูกบดบังด้วยแสงจันทร์อันเลือนราง แต่ดวงตาสีแดงเข้มยังคงเปล่งประกายเหมือนเปลวไฟ
“ข้าแค่มาเดินเล่น…” เอลีน่าตอบเสียงแผ่ว แต่ในใจเริ่มเต้นแรง “และข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าแค่… รู้สึกสงบในที่แห่งนี้”
“เจ้ารู้ไหมว่าโลกนี้เต็มไปด้วยอันตราย?” ซาร์ลาร์คถามเสียงเรียบ ขณะก้าวเข้ามาใกล้เธอ
“ใช่ ข้ารู้” เธอกล่าว พลางเงยหน้าขึ้นมองเขา “แต่ข้าเชื่อว่าถ้าครั้งก่อนเจ้าต้องการทำร้ายข้า เจ้าคงทำไปแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้ซาร์ลาร์คหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย “เจ้าเชื่อใจข้า ทั้งที่ข้าเป็นปีศาจ?”
“บางที… ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้าต่างจากเรื่องเล่าที่ข้าเคยได้ยิน”
ซาร์ลาร์คหัวเราะเบาๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา “เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปสำหรับโลกนี้”
“ถ้าเจ้าเห็นข้าไร้เดียงสา ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ?” เอลีน่าถามกลับ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้
ซาร์ลาร์คไม่ตอบในทันที เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกถึงแรงกดดันจากตัวเขา “บางที… ข้าแค่ต้องการดูว่าเจ้าจะโง่เขลาจนถึงเมื่อไร”
เอลีน่ายิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกถึงความเย็นชาที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น แต่เธอกลับไม่รู้สึกกลัว “งั้นข้าก็คงเป็นคนที่โง่เขลาจนเจ้าสนใจอยู่ดี ใช่ไหม?”
ซาร์ลาร์คเงียบไปอีกครั้ง เขาจ้องเธออยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “กลับไปที่สวรรค์ซะ นางฟ้าตัวน้อย ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นอยู่ที่นี่ เจ้าจะต้องเสียใจในสักวัน”
“แล้วเจ้าล่ะ? ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?” เอลีน่าถามเสียงเบา
ซาร์ลาร์คไม่ตอบคำถามนั้น เขาเพียงแค่หันหลังกลับและเดินหายเข้าไปในเงามืดของป่า
ความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัว
เอลีน่ายังคงนั่งอยู่ข้างลำธาร สายตาของเธอจ้องมองไปในทิศทางที่ซาร์ลาร์คเดินหายไป แม้เขาจะเย็นชาและดูห่างเหิน แต่เธอสัมผัสได้ถึงบางอย่างในตัวเขา มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่สามารถอธิบายได้
“ข้าจะกลับไปง่ายๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้าพูดเหมือนต้องการไล่ข้าทั้งที่ยังเฝ่ามองดูอยู่…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางถอนหายใจ
แต่ในขณะที่เธอกำลังลุกขึ้น เสียงคำรามดังสนั่นมาจากส่วนลึกของป่า เสียงนั้นทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“อะ… อะไรน่ะ?”
ก่อนที่เธอจะตั้งตัวได้ ร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากความมืด มันเป็นหมาป่าปีศาจที่ตัวใหญ่กว่าม้าศึก ดวงตาสีเหลืองของมันส่องประกายราวกับไฟ และเขี้ยวคมกริบของมันเผยออกมาขณะคำราม
เอลีน่าถอยหลังไปจนชิดลำธาร แต่เธอรู้ว่าไม่มีทางหนีได้ “อย่าเข้ามา!”
หมาป่าปีศาจกระโจนเข้ามาใกล้ ร่างของมันเงื้อมขึ้นเตรียมจะโจมตี แต่ก่อนที่เธอจะหลับตารับชะตากรรม เสียงฟันโลหะเฉียบขาดก็ดังขึ้น
หมาป่าปีศาจถูกผลักกระเด็นไปด้านข้าง ดาบเล่มใหญ่ที่เปล่งประกายด้วยพลังมืดถูกชักออกมา ผู้ถือดาบคือซาร์ลาร์คที่ปรากฏตัวขึ้นในวินาทีสุดท้าย
“ข้าเตือนเจ้าแล้วใช่ไหมว่าอย่าอยู่ที่นี่” เขาเอ่ยโดยไม่หันมามองเธอ
เอลีน่ายืนอึ้ง มองดูร่างสูงใหญ่ที่ยืนปกป้องเธออย่างมั่นคง
“มันจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่” ซาร์ลาร์คพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปปะทะกับหมาป่าปีศาจ
ดาบของเขาฟาดฟันไปที่ร่างของสัตว์ร้าย แต่หมาป่าปีศาจมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา มันพุ่งเข้าหาเขาด้วยพลังทั้งหมด ซาร์ลาร์คหลบได้อย่างรวดเร็ว แต่แรงปะทะของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
เอลีน่าไม่อาจละสายตาได้ เธอรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลของปีศาจผู้นี้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เห็นถึงความตั้งใจที่เขามีในการปกป้องเธอ
“เจ้าระวังด้วย!” เธอร้องออกมาเมื่อหมาป่าปีศาจเตรียมพุ่งใส่ซาร์ลาร์คอีกครั้ง
ซาร์ลาร์คไม่ตอบ เพียงแค่ยกดาบขึ้นและปลดปล่อยพลังมืดออกมา พลังนั้นแผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่ และในที่สุด หมาป่าปีศาจก็ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนจะสลายกลายเป็นเงามืด
เมื่อทุกอย่างสงบลง ซาร์ลาร์คเก็บดาบของเขาและหันกลับมาหาเธอ
“เจ้าบ้าหรือเปล่า ที่อยู่ที่นี่ทั้งที่รู้ว่ามีภัยอันตราย?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหงุดหงิด
เอลีน่ากลืนน้ำลาย “ข้า… ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้…”
ซาร์ลาร์คถอนหายใจและเดินเข้ามาใกล้เธอ “เจ้าคิดว่าโลกนี้สวยงามเหมือนสวรรค์ของเจ้าหรือ? ที่นี่ไม่มีที่สำหรับความไร้เดียงสาแบบเจ้า”
แต่แทนที่จะกลัว เอลีน่ากลับยิ้มเล็กน้อย “แต่เจ้าก็ช่วยข้าไว้… ข้าคิดว่าเจ้าก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่เจ้าพยายามทำตัวให้ดูนะ”
คำพูดนั้นทำให้เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น “กลับไปซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ”
เอลีน่ายิ้มบางๆก่อนจะก้าวตามหลังเขา “ถ้าเจ้าอยากให้ข้ากลับ เจ้าก็ต้องเดินไปส่งข้าแล้วล่ะ”
ความสัมพันธ์ที่เริ่มชัดเจนขึ้น
ฉากนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เอลีน่าเริ่มมองเห็นด้านที่อ่อนโยนของซาร์ลาร์ค ในขณะที่เขาก็เริ่มรู้สึกว่าความใกล้ชิดกับเธอทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาสั่นไหว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!