NovelToon NovelToon

[Cursed Of Light And Darkness] ผู้ต้องสาปแห่งแสงและความมืด

เด็กต้องสาปแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ลูเมีย

...[ เด็กต้องสาปแห่งโรงเรียนเวทมนตร์ลูเมีย]...

ในโลกที่เวทมนตร์ปกครองเหนือดินแดนแห่งมนุษย์ ตระกูล “แฟลมเบิร์น” คือตระกูลขุนนางระดับสูงผู้สืบสายเลือดแห่งเวทมืดมาหลายชั่วอายุคน และในค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางแสงจันทร์สีเลือด เด็กชายผู้ถือกำเนิดพร้อมพลังอันตรายถูกลิขิตให้เปลี่ยนโลก

“อิกนิส แฟลมเบิร์น” เด็กหนุ่มผู้เป็นทายาทตระกูลมืด เกิดมาพร้อมพลังธาตุมืดบริสุทธิ์ แต่เมื่อเขาอายุได้ 7 ขวบ เหตุการณ์เลวร้ายก็อุบัติขึ้น หมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกเปลวเพลิงลึกลับเผาผลาญสิ้น... ไม่มีใครรอดชีวิต นอกจากตัวเขาเอง

“เพลิงนั่น... ไม่ใช่ของฉัน... ไม่ใช่...”

เสียงแผ่วเบาของเด็กชายดังก้องกลางเถ้าถ่าน แต่ไม่มีผู้ใด้ยินคำค้านของเขา สภาเวทมนตร์เริ่มเฝ้าจับตาดูเด็กคนนี้ทันที

สิบปีต่อมา—

อิกนิสวัย 17 ปี เดินเข้าสู่โรงเรียนเวทมนตร์ลูเมีย (Lumia Academy of Magic) พร้อมสายตาเย็นชา ผมยาวสีขาวบริสุทธิ์ปลิวไสว และดวงตาสีแดงฉานที่ไร้อารมณ์ เขาแตกต่างจากนักเรียนทั่วไป เพราะเขาคือผู้ใช้เวททั้ง 8 ธาตุ ไฟ น้ำ ลม ดิน สายฟ้า น้ำแข็ง แสง และมืด... ในโลกที่คนทั่วไปใช้ได้เพียงหนึ่งหรือสองธาตุ การมีครบทั้งแปดคือ “คำสาป”

“นั่นเขาเหรอ... เด็กต้องสาปจากตระกูลแฟลมเบิร์น...?”

“อย่าเข้าใกล้เขาเลย พลังของเขามันผิดธรรมชาติ...”

คำซุบซิบนินทาดังก้องในหอประชุม แต่มันไม่ได้แตะต้องใจอิกนิสเลยแม้แต่น้อย

 

...[ การเคลื่อนไหวของหอคอยทั้งแปด]...

เมื่อข่าวการมีอยู่ของอิกนิสแพร่กระจาย หอคอยเวททั้งแปดซึ่งปกครองแต่ละธาตุก็เริ่มรู้สึกถึงอันตราย สภาเวทมนตร์สูงสุดจึงประชุมลับกับจอมเวทแห่งหอคอย

“เด็กนั่น... มีครบทั้งแปดธาตุ?”

“เราจะรอให้เขาตื่นธาตุที่ 9 อย่างนั้นหรือ?”

“เราต้องกำจัดเขาก่อนที่จะสายเกินไป!”

คำสั่งถูกส่งออกไปลับ ๆ: กำจัด อิกนิส แฟลมเบิร์น ก่อนพลังจะควบคุมไม่ได้

 

...[ธาตุที่ 9 และแสงสีรุ้ง]...

ระหว่างการประลองกลางสนามเวท จู่ ๆ เวทมนตร์ของอิกนิสก็บิดเบี้ยวเหนือการควบคุม สีทองสว่างจ้าปะทุขึ้นจากมือของเขา

“นี่มัน... เวทมนตร์แสง? ไม่ใช่... มันเหนือกว่านั้น...”

พลังที่เรียกว่า “แสงสีรุ้ง ” หรือ “Rainbow Light Magic” คือธาตุที่ 9 ในตำนาน มันสามารถยกเลิกกฎของเวทมนตร์ทั่วไปได้

จอมเวทจากหอคอยทั้งแปดจู่โจมทันที!

“ฆ่าเขาซะ!”

เวทมนตร์ฟาดใส่อิกนิสพร้อมกัน เขาตอบโต้ด้วยพลังทั้งหมด พายุเพลิง น้ำวน ดาบแสง วงแหวนมืด... ทุกสิ่งระเบิดกลางอากาศ

“อ๊ากกกก!”

เสียงกรีดร้องของจอมเวท 7 คนดังขึ้น ก่อนพวกเขาจะสลายหายไปในแสงเพลิง

เหลือเพียงคนเดียว: “ซีเอล” เพื่อนเก่าในอดีต ผู้ซึ่งเคยเป็นพันธมิตรที่ไว้ใจได้ที่สุด

“อิกนิส... นายเปลี่ยนไปแล้ว”

“ไม่... ฉันแค่เป็นในสิ่งที่ฉันถูกสร้างมา”

...[ทางเลือกที่ไม่มีให้เลือก]...

ศึกระหว่างเพื่อนปะทุขึ้นกลาง****โรงเรียน พลังปะทะกันจนท้องฟ้าแยก เมืองลูเมียสะเทือน

“ซีเอล... ถ้านายจะฆ่าฉัน ก็จงรีบมาเถอะ”

“ฉันไม่อยากทำแบบนี้... แต่ถ้าไม่ทำ นายจะเป็นภัยต่อโลก!”

สุดท้าย อิกนิสพลาดท่า พลังทั้ง 9 ธาตุกระจายเข้าโจมตีตัวเอง แขนขวาขาด เลือดไหลทะลัก หัวใจหยุดเต้นชั่วขณะ

ร่างของเขาร่วงลงสู่รอยแยกเวทใต้ดิน ท่ามกลางสายตาของนักเรียนและอาจารย์ที่ตื่นตระหนก

“ลาก่อน... อิกนิส”

 

[ ผนึกในเหวลึก]

ในห้วงเวลาแห่งความตาย อิกนิสใช้เวทสุดท้ายสร้างผนึกเวทผลึกใต้ดินปกป้องจิตวิญญาณของตนเอง ไม้กายสิทธิ์ร่วงหล่นจากมือ ถูกซีเอลเก็บไว้เงียบ ๆ

“แม้จะต้องหายไปจากโลกนี้... แต่ฉันจะกลับมา”

 

...[ การกลับมาหลัง 300 ปี]...

สามศตวรรษผ่านไป โลกเวทมนตร์เปลี่ยนแปลง ชื่อของ “อิกนิส แฟลมเบิร์น” หายไปจากประวัติศาสตร์

ทว่าในความมืด... ผนึกแตกร้าว พลังเวทสะท้านพื้นดิน ร่างชายหนุ่มไร้แขนขวาและหัวใจที่เต้นอ่อนแรงตื่นขึ้น

“...เวลาของข้ากลับมาแล้ว”

 

...[เด็กสาวผู้มีแสงในมือ]...

เอลิซ่า ไวท์ฟลอเรนซ์ สาวน้อยจากตระกูลขุนนางเวทแสง กำลังฝึกเวทใกล้รอยแยกโบราณ เธอพบร่างของอิกนิสที่ใกล้ตาย

"เอลิซ่า"

“ใคร... ใครกัน...?”

“ไม่ต้องกลัว...” อิกนิสเอ่ยเสียงแผ่ว “ฉัน... แค่คนหลงทาง...”

เธอใช้เวทแสงรักษาบาดแผลเบื้องต้น และพาเขากลับไปพักที่คฤหาสน์ของเธอ โดยไม่รู้เลยว่าเขาคือใคร

“ฉันชื่อเอลิซ่า นายล่ะ?”

“...อิกนิส” เขาตอบโดยไม่ลังเล “ชื่อฉันคือ อิกนิส”

...[แนะนำตัว]...

หวัดีครับผมชื่อ ซี เป็นคนธรรมดาที่อยากแต่งนิยายขอฝากตัวด้วยนะครับ

แสงที่ไม่เคยรู้จัก

...[แสงที่ไม่เคยรู้จัก]...

แสงแดดอ่อนยามเช้าทอลงมาทะลุม่านผ้าสีครีมในห้องพักแขกของคฤหาสน์ไวท์ฟลอเรนซ์ กลิ่นหอมของลาเวนเดอร์อวลอบอุ่น เงียบสงบ ราวกับไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นเมื่อคืน

บนเตียงนุ่มสีงาช้าง ร่างหนึ่งขยับเล็กน้อย ดวงตาสีแดงฉานของเด็กหนุ่มลืมขึ้นช้า ๆ

“...ที่นี่...ที่ไหน”

อิกนิส แฟลมเบิร์น กระพริบตา ค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น มือซ้ายกุมต้นแขนขวาที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลแน่นหนา

“รอดมาได้ยังไงกัน...?” เขาพึมพำกับตัวเอง เบาเสียจนแทบไม่มีใครได้ยิน

เสียงประตูไม้เปิดแผ่วเบา

เอลิซ่า ไวท์ฟลอเรนซ์ สาวน้อยผมทองยาวประบ่าในชุดเดรสเรียบหรู ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้าในมือ เธอไม่ได้มาตัวเปล่า — มีคนใช้หญิงสองคนเดินตามหลัง ถืออุปกรณ์และยาสมุนไพรเพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

“อรุณสวัสดิ์” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง “ดีใจที่นายฟื้นแล้ว”

อิกนิสไม่ตอบ เขาเพียงปรายตามอง ก่อนเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาสีแดงของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์จาง ๆ จนดูราวกับอัญมณีเลือด

“นายชื่ออะไรเหรอ?”

เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเรียบแต่ชัดเจน

“อิกนิส”

“อิกนิส...?” เอลิซ่าทวนชื่อเบา ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างแล่นวูบผ่านหัวใจ

‘ชื่อคุ้นจัง... เหมือนเคยเห็นในตำราประวัติศาสตร์เวทมนตร์...’

ในหัวของเธอมีภาพหนึ่งวาบขึ้น — ภาพวาดโบราณของชายหนุ่มผมขาวยาว ผู้ถูกจารึกว่า “ผู้ต้องสาปแห่งธาตุทั้งแปด”

แต่เธอสลัดความคิดนั้นออกไป ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่แน่ใจ

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ชื่อคุ้น ๆ เฉย ๆ”

 

คฤหาสน์ไวท์ฟลอเรนซ์ไม่ใช่คฤหาสน์ธรรมดา มันคือหนึ่งในคฤหาสน์เก่าแก่ที่สร้างด้วยเวทพื้นฐานของตระกูลเวทแสงทั่วทุกอิฐ ทุกเสา และแม้กระทั่งม่านหน้าต่าง แต่ละห้องมีระบบตรวจจับพลังเวทเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากภายนอก

เอลิซ่าพาอิกนิสออกมายังสวนฝึกเวทขนาดเล็กด้านหลังคฤหาสน์ สนามหญ้าถูกล้อมด้วยคันหินเตี้ยและต้นไม้เวทที่ช่วยเก็บเสียงฝึกฝน พื้นสนามมีรอยสลักวงเวทเก่าที่ใช้มานานแล้ว

“ลองนั่งสมาธิดูนะ ปล่อยพลังออกมาแผ่ว ๆ”

อิกนิสนั่งลงบนพื้นหญ้า หลับตา เขาไม่มีไม้กายสิทธิ์ ไม่มีวงแหวนเวท เส้นผมสีขาวของเขาพลิ้วไหวด้วยแรงเวทที่เริ่มแผ่จากร่างกาย

พลังเวทเริ่มก่อตัวจากฝ่ามือซ้าย แสงสีทองจาง ๆ เปล่งประกาย ก่อนที่... เปลวเพลิง ลม และแสงผสานกันจะระเบิดพุ่งขึ้นท้องฟ้า คลื่นเวทสะเทือนจนต้นไม้รอบข้างสั่นไหว ม่านป้องกันของสนามเวทแทบรับไว้ไม่อยู่

เอลิซ่าถอยกรูด ตาเบิกกว้าง

“พลังนี่มัน...อะไรกันแน่?”

เธอไม่เคยเห็นพลังเวทที่รวมหลายธาตุได้พร้อมกันขนาดนี้ แถมยังมี ‘แสงรุ่งอรุณ’ ซึ่งเป็นพลังที่ไม่มีใครในยุคปัจจุบันควบคุมได้แม้แต่เศษเสี้ยว

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังตึงตังจากด้านหน้า

“คุณหนูเอลิซ่าครับ!”

โธมัส คนรับใช้คนสนิทของบ้านวิ่งขึ้นบันได ใบหน้าเคร่งเครียดพร้อมเหงื่อไหลพราก

“ข้างหน้ามีคนจากหน่วยเฝ้าระวังเวท! พวกเขาตรวจพบพลังผิดปกติ และกำลังจะบุกเข้ามา!”

แอนนา คนใช้หญิงที่เฝ้าประตู รีบวิ่งขึ้นมาตามหลังพร้อมน้ำเสียงตื่นตระหนก

“พวกเขาไม่รอให้เปิดประตูค่ะ ใช้เวททำลายประตูเสริมเวทแล้วบุกเข้ามา!”

เสียงระเบิดดังขึ้นด้านหน้า ควันฝุ่นพวยพุ่ง

ร่างในชุดคลุมสีดำปักสัญลักษณ์สายฟ้าปรากฏ รอย หัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังเวทของภูมิภาคลูเมีย เดินนำเข้ามาพร้อมจอมเวทรองอีกสองคน

“ในนามของสภาเวทมนตร์!” รอยตะโกน “ขอให้ผู้ก่อพลังเวทผิดปกติแสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้!”

เอลิซ่ารีบวิ่งลงมา เธอขวางรอยไว้ทันที

“ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลไวท์ฟลอเรนซ์ นายไม่มีสิทธิ์บุกรุกโดยไม่มีหมาย!”

รอยไม่ฟัง เขาเพียงปรายตามองอย่างเย็นชา ก่อนก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว

“เราตรวจพบพลังระดับ สูงสุดในรอบ 300 ปี มันผิดธรรมชาติ เราต้องตรวจสอบ และ...กำจัด ถ้าจำเป็น”

ก่อนสถานการณ์จะบานปลาย เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากบันได

“ไม่ต้องหาอีกแล้ว คนที่คุณกำลังตามหาอยู่ตรงนี้”

อิกนิสปรากฏตัว เขาสวมเสื้อคลุมของคฤหาสน์ ผมขาวยาวปลิวเบา ๆ ตามแรงเวทที่ระอุอยู่รอบตัว

รอยชะงัก เมื่อเห็นดวงตาสีแดงฉานที่ไม่มีทางลืมได้

“...นั่นมัน... อิกนิส แฟลมเบิร์น...”

เอลิซ่าหันมามองเขาทันที ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

“ชื่อนั้น... ในตำราประวัติศาสตร์... เป็นไปไม่ได้...”

“ฉันยังไม่ตาย” อิกนิสกล่าวเสียงเรียบ “และฉันก็ไม่ใช่ปีศาจหรือเครื่องมือให้ใครใช้”

รอยชักไม้กายสิทธิ์ทันที “ในนามของสภาเวท—”

สายฟ้าถูกยิงออกไป แต่กลับสลายกลางอากาศ ก่อนจะถึงตัวอิกนิส

เขายกมือซ้ายขึ้น ปล่อยม่านเวทป้องกันที่ผสานธาตุน้ำ ลม และแสงพร้อมกัน

เขาก้าวช้า ๆ ไปหยิบไม้กายสิทธิ์ใหม่ที่เอลิซ่าเก็บไว้ให้ มันเป็นไม้เวทสีเงินปนขาว รูปทรงลื่นไหลราวกับหลอมจากแสง

พอจับได้... เขาก็ชะงักเล็กน้อย

“...ไม่ใช่พลังแบบเดิม” เขาพึมพำ “ของเก่าของฉัน...มันมีแรงทำลายมากกว่านี้”

แต่เขาเพียงพยักหน้า “แต่นี่ก็เพียงพอ”

อิกนิสตวัดไม้เรียกเวททั้งแปดธาตุ เพลิง น้ำวน ลมตัด แสงสว่าง วงแหวนมืด ดาบน้ำแข็ง ผืนดิน และสายฟ้าพร้อมกัน

พลังเวทปะทะกันกลางอากาศ เสียงระเบิดสะท้านคฤหาสน์ แสงสีต่าง ๆ ซัดกระหน่ำราวกับพายุบ้าคลั่ง

จอมเวทรองถูกผลักกระเด็น รอยผงะถอย ดาบสายฟ้าในมือหายไปทันที

“หยุดนะ!!” เอลิซ่าตะโกนสุดเสียง “นี่ไม่ใช่สนามรบ!”

เสียงนั้น... ทำให้อิกนิสชะงัก

เขาถอนเวทช้า ๆ ปล่อยไม้กายสิทธิ์แนบลำตัว พลางหันไปมองหญิงสาวเบื้องหน้า

“ขอโทษ” เขากล่าวเสียงเบา “ฉันไม่ควรพาเรื่องวุ่นวายมาที่นี่”

เอลิซ่าเดินเข้ามา ดวงตายังคงสั่นไหว แต่เธอกล้าก้าวต่อไป

“นายควรจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้...อิกนิส แฟลมเบิร์น”

...เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น...

สายเลือดต้องสาป และตราประทับของเงา

...[สายเลือดต้องสาป และตราประทับของเงา]...

แสงแดดเริ่มลาลับจากท้องฟ้า สีทองเรื่อเริ่มถูกแทนที่ด้วยม่วงเข้มของยามโพล้เพล้ เหล่านกเวทบินกลับรัง เสียงระฆังเวรยามในคฤหาสน์ไวท์ฟลอเรนซ์ดังกังวานบอกถึงการเปลี่ยนเวรยามค่ำคืน

อิกนิสนั่งนิ่งบนระเบียงชั้นสอง ดวงตาสีแดงฉานทอดมองท้องฟ้า ไหล่ซ้ายยังคงพันผ้าแน่น แขนขวาที่ขาดหายยังไร้วี่แววจะงอกกลับ แม้พลังเวทในร่างจะฟื้นตัวเร็วผิดปกติ แต่บาดแผลจากการปะทะครั้งสุดท้ายกับซีเอลเมื่อ 300 ปีก่อนยังทิ้งร่องรอยลึกเกินเยียวยา

เบื้องหลังเขา เอลิซ่าเดินเข้ามาเงียบ ๆ พร้อมผ้าคลุมบาง เธอยื่นมันให้อย่างเงียบงัน อิกนิสรับไว้โดยไม่เอ่ยคำ

"อากาศจะเย็นลงในอีกไม่นาน" เธอพูดเบา ๆ ก่อนนั่งลงข้างเขา

"ขอบใจ" เขาพูดสั้น ๆ แต่เสียงนุ่มลงเล็กน้อย

เงียบงันครอบคลุมระหว่างทั้งสองครู่ใหญ่ ก่อนเอลิซ่าจะถามด้วยเสียงเรียบแต่จริงใจ

"นายจะไปจากที่นี่ไหม?"

อิกนิสไม่ตอบทันที เขาเพียงหลับตา สูดลมหายใจลึก กลิ่นดอกเวโรเนียลอยอ่อน ๆ จากสวนเบื้องล่าง

"ไม่ยัง... ยังมีบางอย่างที่ฉันต้องรู้"

"เกี่ยวกับพลังของนาย?" เธอถาม

"เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเห็น... ในห้วงระหว่างความเป็นกับความตาย" ดวงตาสีแดงเบิกขึ้นช้า ๆ "มันไม่ใช่แค่ผนึก... มันเป็นตราประทับ... ตราประทับของใครบางคนที่อยู่เหนือกว่าแม้แต่หอคอยทั้งแปด"

เอลิซ่าขมวดคิ้ว "ตราประทับของเงา...?"

อิกนิสหันมาสบตาเธอ "เธอรู้จักชื่อ 'โซล นอคเทิร์น' ไหม?"

ทันใดนั้น เอลิซ่าก็หน้าซีด เธอสะดุ้งเล็กน้อย "นั่น...เป็นชื่อในตำนาน... จอมเวทเงาผู้แรกและสุดท้าย ไม่มีข้อมูลแน่ชัดแม้แต่ในหอจดหมายเหตุกลางของสภาเวทมนตร์ มีเพียงบันทึกว่าผู้ใช้นั้น 'หายไป' พร้อมกับการล่มสลายของหอคอยเงาเมื่อพันปีก่อน..."

อิกนิสพยักหน้า "ในตอนที่จิตของฉันกำลังจะดับ... ฉันเห็นเขา หรือเงาของเขา เขาแตะหน้าผากฉัน และพูดว่า... 'เจ้าเลือกไม่ได้แล้ว เจ้าถูกตราไว้ด้วยเงาแห่งแสงรุ่งอรุณ'"

เอลิซ่ากลืนน้ำลาย "นั่นหมายความว่า...พลังของนายไม่ได้เกิดจากสายเลือดอย่างเดียว?"

"แต่มันถูกปลุก...โดยบางสิ่งที่เหนือกว่า... และตอนนี้ มันเริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง"

[เบื้องลึกของตราประทับ]

คืนนั้น อิกนิสหลับตาลงอีกครั้ง แต่สติกลับจมหายสู่ห้วงลึกอันไร้แสง...

ในฝัน เขาอยู่ในสถานที่หนึ่ง—วิหารเงา ล้อมรอบด้วยแสงสีเทาหม่น รูปปั้นขนาดยักษ์ของชายสวมฮู้ดตั้งตระหง่านกลางวิหาร เสียงกระซิบดังรอบตัวราวกับโลกทั้งใบกำลังกระซิบถ้อยคำต้องสาป

“...ทายาทของเปลวเพลิงมืด... ผู้ถือตราเงาและแสง... เจ้าจะต้องเลือกระหว่างการทำลาย... หรือการไถ่บาป...”

จู่ ๆ ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนเป็นเหตุการณ์เก่า—ร่างของซีเอลยื่นมือมา ทั้งน้ำตา ในขณะที่อิกนิสทรุดลงกลางเลือดตนเอง

“กลับมาเถอะ... อิกนิส”

แสงวาบขึ้น—แล้วเขาก็ตื่น

เหงื่อเย็นไหลชื้นแผ่นหลัง ดวงตาสีแดงฉานสะท้อนแสงจันทร์ที่ส่องลอดม่านหน้าต่าง

“มัน... ไม่ใช่แค่พลัง... แต่มันคือคำพิพากษา...”

...[การประชุมลับของสภา]...

ณ หอประชุมแห่งเงาใต้ภูเขาทางเหนือสุดของโลกเวท สภาเวทมนตร์ชั้นสูงกำลังประชุมลับอีกครั้งหลังได้รับรายงานพลังปริศนาที่คฤหาสน์ไวท์ฟลอเรนซ์

“...มันไม่ใช่เพียงพลังของธาตุทั้งแปดอีกต่อไปแล้ว” ผู้อาวุโสแห่งหอคอยสายฟ้ากล่าว

“พลังที่รวมเวทแสง กับเวทมืด...และยังควบคุมคลื่นพลังธาตุได้พร้อมกัน...”

“นั่นคือ Aurora Magic แบบบริบูรณ์... แต่ที่แย่กว่านั้นคือ...”

เสียงเงียบกริบลง ก่อนผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวว่า

“เขาถูกตราด้วยตราเงา”

เสียงฮือฮาดังทั่วห้อง

“ถ้าข่าวนี้แพร่ไป...โลกเวทจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“เราต้องจับตัวเขามา ไม่ว่าโดยทางไหน”

และในเงามืดของที่ประชุม ร่างในชุดคลุมม่วงเข้มซ่อนหน้าเพียงพยักหน้าช้า ๆ — สายลับของหอคอยเงาที่ถูกฟื้นฟูอย่างลับ ๆ กำลังเคลื่อนไหว

[การไล่ล่าเริ่มต้น]

รุ่งเช้า เหล่านกเวทเริ่มแตกตื่น ปีกพวกมันสั่นไหวเพราะคลื่นเวทบางอย่างแผ่จากป่าเวทด้านตะวันออกของคฤหาสน์

อิกนิสตื่นก่อนใคร เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ใหม่ขึ้น—แม้จะยังไม่เข้ามือเหมือนของเดิม แต่เขาเริ่มชินกับมันแล้ว

เสียงระเบิดเบา ๆ ดังจากชั้นล่าง เอลิซ่าวิ่งขึ้นมาในชุดต่อสู้สั้น แขนซ้ายเรืองแสงจาง ๆ ด้วยพลังแสงพร้อมร่ายเวทเตรียมสู้

“พวกมันมาแล้ว! คนของสภา...ไม่ใช่หน่วยเฝ้าระวังทั่วไป แต่เป็นนักล่าระดับ สูง!”

อิกนิสไม่พูด เขาพยักหน้าช้า ๆ พลางก้าวไปยืนริมระเบียง

ร่างในเสื้อคลุมม่วงเข้มสามคนลอยกลางอากาศเหนือคฤหาสน์ พลังเวทแต่ละคนบดบังแม้กระทั่งแสงอาทิตย์ยามเช้า

“ในนามของหอคอยเงา!”

เสียงหนึ่งตะโกน “คืนตราประทับของเรา หรือจงเผชิญกับการลบเลือน!”

เอลิซ่าเบิกตากว้าง “หอคอยเงา... พวกมันยังไม่สูญสิ้น?”

อิกนิสก้าวไปข้างหน้า เส้นผมสีขาวสะบัดช้า ๆ

“งั้นก็มาเอาไปเอง... ถ้าคิดว่าทำได้”

[บทต่อสู้เหนือฟากฟ้า และการเปิดเผยสายเลือด]

สิ้นคำ พลังเวททั้ง 8 ธาตุระเบิดจากตัวอิกนิส เวทลมยกร่างเขาลอยขึ้น ดวงตาสีแดงฉานเปล่งประกายสีทองกลางม่านหมอก

การต่อสู้ปะทุขึ้นกลางอากาศ คาถาต้องห้ามถูกใช้ ตราสัญลักษณ์โบราณถูกเรียกคืน เสียงเวทรัวใส่กันราวสายฟ้าแลบกลางท้องฟ้า

ร่างหนึ่งจากหอคอยเงาชักคมดาบเวทออก ดาบที่ทำจากโลหะเงาทมิฬสามารถดูดกลืนเวทมนตร์ใด ๆ ที่สัมผัส อิกนิสหลบการฟันแรกได้ แต่เพียงเฉียด

เลือดสาดขึ้นเล็กน้อย แขนซ้ายของเขาเริ่มชาด้วยพิษเวทจากดาบนั้น

เอลิซ่าไม่รอช้า เธอเหินขึ้นตาม ใช้เวทแสงสร้างเกราะป้องกัน และฟาดคทาใส่คู่ต่อสู้ด้านข้าง สะเก็ดเวทแผ่กระจายทั่วฟ้า

แต่ศัตรูไม่หมดเพียงเท่านั้น

ร่างสุดท้าย—หัวหน้ากลุ่ม เปิดฮู้ดเผยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แต่กลับมีดวงตาเหมือนอิกนิส...สีแดงฉาน

“...ในที่สุดก็พบเจ้า พี่ชาย”

อิกนิสชะงักทันที

“...อะไรนะ?”

“ข้าคือคนที่ถูกสร้างหลังเจ้า...ในห้องทดลองของตระกูลแฟลมเบิร์น...”

“...สายเลือดทดลองรุ่นสุดท้าย—โซล แฟลมเบิร์น”

การต่อสู้จบลงด้วยการระเบิดของเวทต้องห้าม “แสงแห่งเงา” ซึ่งทั้งสองพี่น้องใช้พร้อมกัน ทำให้ท้องฟ้าฉีกเป็นเส้นสีทองสลับดำ

โลกเวทเริ่มสั่นสะเทือน เมืองลูเมียมองเห็นแสงสว่างกลางวันยามรุ่งเช้าที่ฉีกแนวเหนือคฤหาสน์ไวท์ฟลอเรนซ์

และในเงาของป่าเวท เสียงหนึ่งดังก้องจากใต้พื้นดิน

“ข้ารอเวลานี้มานานเหลือเกิน... อิกนิส แฟลมเบิร์น”

—จอมเวทเงาตนแรก... กำลังฟื้นคืนอีกครั้ง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!