เสียงฟ้าร้องอันกึกก้องทำเอาเสียวสันหลังวาบ สาวใช้เพียงคนเดียวของเจียงหลีทำได้เพียงโอบกอดร่างอันบอบช้ำของผู้เป็นนายเอาไว้แน่น ก่อนเสียงฝีเท้านับสิบจะมาหยุดลงหน้าประตู เผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยคำพูดเย้ยหยันที่บาดลึกเสียดแทงหัวใจทำเอาหญิงสาวน้ำตาไหลริน แรงฉุดกระชากอันมหาศาลทำให้ร่างน้อยๆลอยระลิ่วเหล้าพิษที่กรอกเข้าปากอย่างไร้เยื่อใยส่งผลให้ลมหายใจอันแผ่วเบากับร่างกายที่อ่อนแอชักกระตุกก่อนจะดับสิ้นลง แต่เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่จบเริ่มต้นเท่านั้น
*****
"ใส่ชุดนี้เสีย" เสียงเยือกเย็นราวกับหิมะทำเอาร่างน้อยสดุ้งเฮือกชุดสีแดงสดถูกโยนลงพื้นหญิงสาวทำได้เพียงเก็บขึ้นมาด้วยความจำใจพลางเอ่ยถามขึ้นน้ำเสียงสั่นเครือ
"เมื่อไหร่ท่านจะหยุดทำให้ข้าอับอายเสียที" พูดไม่ทันจบน้ำตาก็ไหลลงมาอาบสองแก้มนวลเธอทำได้เพียงเช็ดใบหน้าของตนเองก่อนจะถูกกระชากขึ้นเตียงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนทำได้เพียงนอนนิ่งเสียงร่ำไห้ทำให้สาวใช้หน้าจวนซุบซิบกันราวกับว่าเธอเป็นคนทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น
"เจียงหลีนางชั้นต่ำนั่นทำให้สตรีอย่างพวกเราเสื่อมเสียยิ่งนัก สามีตายได้ไม่กี่เดือนก็ถูกแม่ผัวส่งมาปรนนิบัตินายท่านของพวกเราเสียแล้ว" สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนจะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจอย่างเห็นได้ชัด เสียงเปิดประตูทำเอาสองสาวใช้หันขวับไปมองร่างอันบอบบางที่เดินโซซัดโซเซออกมาใบหน้าเขียวช้ำกับเลือดที่กลบปากทำให้ทั้งสองรับรู้ว่านางโดนทำร้ายอย่างหนักแต่แทนที่จะสงสารพวกนางกลับพูดจาถากถางซ้ำเติมราวกับเจียงหลีไม่ใช่คน
"นางหญิงต่ำช้าลูกข้าตายได้ไม่กี่วันก็มานอนกับชายอื่นเสียแล้วพวกเจ้าทั้งสองจงพานางไปโยนไว้ในคอกหมูเสีย"หญิงชราได้ออกคำสั่งกับบ่าวข้างกายของตนก่อนจะหันหลังเดินออกไปอย่างไม่สนใจเสียงเรียกร้องของลูกสะใภ้ตัวเองแม้แต่นิดเดิมทีแล้วนางก็ไม่ค่อยถูกคอกับเจียงหลีสักเท่าไหร่นักพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นนางจึงสามารถกลั่นแกล้งหญิงสาวได้อย่างสบายใจ
"คุณหนูของข้ากินข้าวสักนิดเถอะจะได้มีเรี่ยวแรง"เสียงพูดที่ดังขึ้นในความมืดทำให้เจียงหลีเพ่งมองก่อนจะปรากฎให้เห็นร่างน้อยที่ตนคุ้นเคย
"เขอเข่อเจ้ามาที่นี่ได้ยังไงรีบไปเสียหากท่านแม่มาเห็นเข้าเจ้าจะซวยไปด้วย"คำพูดของเจียงหลีทำเอาสาวใช้น้ำตาคลอเบ้า
"ข้าไม่ไปข้าจะอยู่กับท่านได้โปรดอย่าไล่ข้าเลยนะ"เสียงอ้อนวอนนั้นทำเอาใจของเจียงหลีปวดร้าวหัวใจอยู่ลึกๆทั้งคู่สวมกอดกันยิ่งตกดึกเท่าไหร่ความหนาวเหน็บก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้นสาวใช้ผู้ภักดีทำได้เพียงถอดเสื้อคลุมของตนมาสวมให้ผู้เป็นเจ้านายหวังแค่เพียงว่าสิ่งที่ตนทำนั้นจะช่วยให้หญิงสาวตรงหน้าคลายหนาวได้สักเล็กน้อยก็ยังดี แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมายังลานคอกหมูทำให้เจียงหลีเห็นสภาพพื้นที่โดยรอบฉับพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างไร้วิญญาณของสาวใช้ที่ตนรักนอนแข็งตายเพราะความหนาวเหน็บหัวใจที่แตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอนั้นไร้ความรู้สึกสองมือน้อยๆถอดเสื้อคลุมก่อนจะเอื้อมไปลูบใบหน้าอันเย็นเฉียบเธอนำผ้าผืนบางไปห่อหุ้มร่างนั้นก่อนจะคว้าเหล้าพิษมาดื่มร่างกายที่อ่อนแอเริ่มชักกระตุกก่อนลมหายใจอันแผ่วเบาจะดับสิ้นลงเธอได้ตั้งจิตอธิฐานว่าถ้าชาติหน้ามีจริงจะต้องแก้แค้นคนพวกนี้ให้ได้
ตายแล้ว!! คุณหนูรองต...ตายแล้ว" หมัวมัวที่ตะโกนร้องลั่นบริเวณคอกหมูทำให้สาวใช้คนอื่นๆต่างพากันวิ่งกรูเข้ามาหาสีหน้าท่าทางของนางดูซีดเซียวราวกับไก่ที่ถูกต้มอยู่ในหม้อ
**********
"คุณหมอเฟยคะการทดลองของพวกเราประสบผลสำเร็จแล้วค่ะ ยินดีด้วยนะคะ" เพื่อนร่วมงานของหมอเฟยศัลยแพทย์สาวสุดสวยเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจแต่ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชิ้นงานที่ไม่เสถียรจึงก่อให้เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงส่งผลให้คนที่อยู่ภายในห้องทดลองทั้งหมดเสียชีวิตคาที่
**********
"เป็นอย่างไรบ้างหมอจางนางตายแล้วใช่ไหม" เสียงของเฟยเอ๋อกล่าวถามชายชราที่กำลังนั่งตรวจชีพจรของหญิงสาวตรงหน้า
"ข้าว่าเอานางไปฝังเลยดีกว่ายังไงนางก็ต้องตายอยู่แล้ว"
"ท่านหมัวมัวเมื่อกี้ท่านจะเอาใครไปฝังนะ"
"ว๊าย!!ศพขยับได้หนีเร็ว"สาวใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่พูดขึ้นทำเอาคนที่กำลังยืนมุงอยู่ต่างกระเจิงไปคนละทิศละทาง
"ค...คุณหนูข้าผิดไปแล้วโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย"หมัวมัวบอกพร้อมทิ้งตัวลงคุกเข่าพลางเอามือทั้งสองตบปากตนอย่างสำนึกผิด
"หมอจางเขอเข่อนางเป็นอย่างไรบ้าง"
"ทูลคูณหนูนางยังไม่ตายหรอกเพียงแค่สลบไปจากอากาศหนาวเท่านั้น" หมอจางตอบก่อนจะเดินออกไปทำธุระของตนต่อส่วนเจียงหลีก็ได้กลับไปพักยังจวนของตน
(บ้าเอ่ยที่นี่มันอะไรกันนี่ฉันย้อนเวลามายังอดีตเหรอเนี่ย)เจียงหลีบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปมองสาวใช้ข้างกายที่ตอนนี้เริ่มมีสติบ้างแล้ว
"คุณหนูพวกเรายังไม่ตายหรอกหรือ"นางเอ่ยถามด้วยความงนงงพลางหันมองไปรอบตัวน้ำตาเริ่มไหลริน
"นี่ๆอย่าร้องนะฉันน่ะไม่สิข้าน่ะปลอบใครไม่เป็นหรอกนะ"หญิงสาวกล่าวด้วยท่าทีกระวนกระวาย
"คุณหนูท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้วข้านึกว่าจะไม่ได้เจอท่านแล้วเสียอีก"
"ข้าก็อยู่นี่แล้วไง ไม่ต้องร้องแล้วนะ"หมอเฟยในร่างของเจียงหลีพูดก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดร่างน้อยๆพลางลูบหลังเบาๆ
เพล้ง!! เสียงถ้วยชาที่ถูกโยนลงพื้นจนแตกทำเอาสาวใช้สดุ้งเฮือก
"น่าโมโหจริงๆทำไมนางหญิงชั่วนั่นยังไม่ตาย"หญิงชรากล่าวด้วยความโมโหพลางผลักกาน้ำชาที่ร้อนจัดลงพื้น
"ไทเฮาอย่าได้กริ้วไปเลยเพคะ ยังไงนางก็ไม่รอดจากเงื้อมมือของฮ่องเต้แน่นอนเพคะ" หมัวมัวพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
ปั้ง!! เสียงเปิดประตูอย่างแรงทำให้เจียงหลีและเขอเข่อหันขวับไปมองร่างของชายตัวสูงหน้าตาคมคายที่เดินเข้ามาพร้อมกับทหารอีกสองนาย
"นางหญิงต่ำช้าเจ้าทำให้มั่วจู๋เจ็บปางตายแล้วยังมีหน้ามานั่งสบายใจแบบนี้อยู่อีก" ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะสั่งให้ทหารสองนายเดินเข้ามาจับตัวของเธอออกไปนอกจวน
"ฝ่าบาทได้โปรดปล่อยคุณหนูของข้าไปเถิด"เขอเข่อได้แต่ร่ำไห้โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
(ชายผู้นี้คือมั่วจู๋หรือ) เธอคิดในใจพลางมองไปยังร่างของชายตรงหน้าที่สภาพล่อแล่
"หมอจางอาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง"
"ทูลฝ่าบาท อาการของเขาไม่ดีขึ้นเลยเนื่องจากศรของลูกธนูที่ฝังอยู่ใกล้หัวใจจึงทำให้ยากจะรักษาพยะค่ะ"
"ให้ข้าดูอาการเขาหน่อย"เจียงหลีกล่าวแต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ฝ่ามืออันหยาบกระด้างก็ได้คว้าแขนของเธอเอาไว้
"เจ้าจะทำอะไรอีกแค่นี้เขายังทรมานเพราะเจ้าไม่พอหรือ"ฝ่าบาทกล่าวพลางบีบแขนของเธอไว้แน่น
"ปล่อยข้านะถ้าพวกท่านอยากให้เขาตายจริงๆก็ขวางข้าเลย"นางพูดพลางสบัดแขนออกจากฝ่ามืออันแข็งกระด้าง
"หากเจ้ามีทางช่วยจริงๆต่อให้แลกด้วยอะไรข้าก็ยอม"ชายหนุ่มกล่าวพลางจ้องหน้าเจียงหลี
"ไม่มีทางฝ่าบาทนางเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็กคนนึงจะช่วยอะไรได้อีกอย่างข้าที่เป็นถึงหมอหลวงก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยถ้านางทำได้จริงข้าจะยอมคุกเข่าให้เลยคอยดู"
"เจ้าทำไม่ได้ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะทำไม่ได้แบบเจ้าสักหน่อย" นางพูดก่อนจะลงมือถลกเสื้อชายที่นอนอยู่ออก
"เจ้าจงไปเตรียมน้ำและผ้าสะอาดมาอืมนี่แล้วก็ขอมีดคมๆมาให้ข้าด้วยสักเล่ม"
(บาดแผลนี่ลึกมากข้าต้องเอาศรธนูออกมาให้ได้)
"นี่เจ้าจะทำอะไร คนเจ็บปางตายเจ้ายังจะเฉือนเนื้อเขาอีกหรือ"หมอจางพูดเขาชี้นิ้วไปยังร่างน้อยของเจียงหลีอย่างตื่นตะหนก
"หุบปากไป!!ข้าต้องการสมาธิแต่ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไปซะ"
"หยุดนะเจ้าจะทำอะไรกันแน่"
"ปล่อยข้านะฝ่าบาทข้ากำลังจะช่วยชีวิตเขาอยู่นะ"นางพูดพลางผลักหมอจางกับฝ่าบาทออกไปข้างนอกก่อนจะปิดประตูลงกลอน
"เจ้าอยู่กับข้าอยู่เป็นคู่มือคอยช่วยยื่นของให้ข้า"
"เพคะคุณหนู"
"เขอเข่อเฝ้าประตูเอาไว้อย่าให้ใครเข้ามากวนข้าได้"
"เพคะคุณหนู"
คมมีดที่กรีดลงบนแผงอกของชายหนุ่มส่งผลให้น้ำเลือดน้ำหนองพุ่งทลักออกมา ทำให้สาวใช้ข้างๆถึงกับหน้าซีดเซียวก่อนจะตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
"ก...กรี๊ด!!ถอยไป" พูดจบนางก็ผลักเขอเข่อจนเซล้มก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอกด้วยท่าทางแตกตื่นทำให้ผู้คนที่รออยู่ข้างนอกต่างกรูเข้ามาถาม
"ข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น" เฟยเอ๋อถามอย่างสงสัยพลางมองเข้าไปยังประตูที่เปิดแง้มเอาไว้
"ค...คุณหนูใหญ่นางหญิงชั่วนางกำลังฆ่าคนล...เลือดไหลจะหมดตัวแล้วเพคะ"นางตอบด้วยท่าทางลนลานก่อนจะล้มพับไป
"ฝ่าบาทเพคะน้องหญิงของข้านางไม่เชี่ยวชาญด้านหมอหากปล่อยนางให้อยู่กับมั่วจู๋ข้าเกรงว่านางคงจะทรมานเขาเป็นแน่เพคะ" หญิงสาวกล่าวก่อนจะเดินไปเคาะประตูเสียงดังโครมคราม
"นางหญิงชั่วเปิดประตูเดี๋ยวนี้"
"น้องหญิงฝ่าบาทบอกให้เจ้าเปิดประตูออกมาข้าว่าเจ้าอย่าพยายามเลยข้ารู้นะว่าเจ้าไม่รู้วิชาแพทย์แม้แต่นิดหากเจ้าทำแบบนี้ต่อไปข้าเกรงว่าท่านแม่ทัพจะทรมานเสียเปล่า" ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบประตูบานใหญ่ก็เปิดออกก่อนศรธนูที่เคยฝังอยู่ในร่างกายของมั่วจู๋จะถูกโยนลงพื้น
"มั่วจู๋เป็นอย่างไรบ้าง" ฝ่าบาทเอ่ยถามก่อนจะเดินเข้าไปในจวนด้วยความห่วงใยแม่ทัพของตน
"ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมากรอให้ฟื้นตัวอีกสักพักก็จะดีขึ้นระหว่างนี้อย่าได้รบกวนเขาเลย" เจียงหลีพูดก่อนจะหันหลังออกห้องไปแต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูเสียงซุบซิบนินทาของสาวใช้คนหนึ่งก็ดังขึ้น
"ข้าได้ยินว่านางไม่เคยได้ศึกษาเรื่องหมอมาก่อนที่นางรักษาแม่ทัพได้คงเป็นเพราะบุญหล่นทับเป็นแน่"สาวใช้พูดเหน็บแนมพลางเบ้ปากใส่อย่างไม่สบอารมณ์แทนที่หญิงสาวจะโกรธนางกลับเดินกลับจวนไปแบบหน้าตาเฉยทำเอาสาวใช้หน้าชาไปตามๆกัน
"อร๊าย!!นางเจียงหลีนี่อีกแล้ววันนี้นางทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยอย่างยิ่งหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเกรงว่าข้าคงถูกฝ่าบาทปลดออกจากตำแหน่งเป็นแน่" หญิงสาวพูดด้วยความโมโหสีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"คุณหนูเพคะอย่าได้กริ้วไปเลยเดี๋ยวจะไม่สวยนะเพคะ"สาวใช้คนสนิทกล่าวขึ้นพลางก้มหน้าอย่างเคารพ
เพี๊ยะ!! ฝ่ามือที่บรรจงตบเข้าไปยังในหน้าขาวนวลของสาวใช้เสียงดังฟังชัด ทำเอาร่างน้อยถึงกับหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
"สาวใช้ชั้นต่ำแบบเจ้ากล้าดีอย่างไรมาสอนข้า"นางพูดพลางจ้องมองสาวใช้ด้วยสายตาโกรธแค้นก่อนจะเขวี้ยงแจกันดอกไม้ใบโปรดของตนทิ้งอย่างไร้เยื่อใยฉับพลันสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเจียงหลีอยู่ไม่ไกล
"น้องหญิงเจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือ"นางพูดพลางยิ้มแบบมีเลศนัยก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้หวาย
"ท่านพี่มีอะไรไม่ทราบ"หญิงสาวตรงหน้าได้เอ่ยถามก่อนจะรินน้ำชาให้เฟยเอ๋อผู้เป็นพี่ด้วยความไม่เต็มใจนัก
"ข้ามาเพื่อมอบกุหลาบให้แก่เจ้าข้าเห็นว่าเมื่อก่อนเจ้าชอบมันมากแล้วก็สีแดงนี่สีโปรดเจ้าเลยไม่ใช่เหรอ"นางพูดพลางเอื้อมมือไปรับกุหลาบจากสาวใช้ก่อนจะส่งให้เจียงหลี
"ขอบคุณท่านพี่ที่หวังดีแต่หลายวันมานี้ข้าไม่สบายเลยไม่สามารถอยู่ใกล้ดอกไม้ใดได้เลย เชิญท่านพี่นำกลับไปด้วยเถิด"นางพูดก่อนยื่นมือไปกุมมือของพี่สาวอย่างเฟยเอ๋อพลางค่อยๆบีบมือเรียวยาวของหญิงสาวตรงข้ามจนเลือดซึม
"นี่เจ้า" หญิงสาวสบัดมือออกอย่างไวก่อนจะลุกขึ้นแล้วมองหน้าน้องสาวอย่างเอาเรื่อง
"พี่หญิงข้าขออภัยข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะมีหนามอยู่บนก้านกุหลาบนี้จึงเผลอบีบมือสวยๆของท่านจนเป็นแผลแบบนี้"นางพูดพลางยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ
"พวกเจ้ากลับ"นาฃพูดก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปอย่างไม่พอใจ
"คุณหนูท่านทำแบบนี้ไม่กลัวว่าจะโดนคุณหนูใหญ่เล่นงานอีกหรือ"
"นางมีอะไรให้ข้าต้องกลัวงั้นหรือเขอเข่อเจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะไม่ยอมให้นางกดขี่ข้ากับเจ้าอีกแล้ว"
"เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูของเขอเข่อใจดีที่สุดเลยเพคะ"
"ปากหวานจริงๆไปกันเถอะวันนี้ข้าจะทำสุกี้ให้เจ้ากินรับลองว่าเจ้าต้องถูกใจแน่"
"สุกี้คืออะไรงั้นเหรอคุณหนูทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเลยล่ะ"นางถามพลางเกาหัวแกรกๆอย่างสงสัย
"เอาน่ามาเถอะ"
**********
"เอาน้ำซุบใส่ลงไปแบบนี้แล้วก็ใส่เนื้อหมูลงไปตามด้วยผักสดอีกสักหน่อย"เสียงพึมพำของเจียงหลีทำเอาสาวใช้ข้างกายยิ้มเจื่อนๆ
"น่ากินจังเลยแต่ว่าสาวใช้อย่างข้าร่วมโต๊ะกับท่านไม่ได้หรอก"เธอพูดพลางทำหน้าหงอยก่อนจะถอยกรูดออกไปยืนมุมห้อง
"พูดอะไรของเจ้าข้าเปรียบว่าเจ้าเป็นสหายคนหนึ่งของข้าเอาน่ามาๆไม่ต้องเกรงใจ"นางพูดก่อนจะจูงมือสาวคนสนิทมานั่งยังเก้าอี้กลิ่นหอมของน้ำซุบและเสียงน้ำเดือดเบาๆทำเอาสาวใช้กลืนน้ำลายอึกๆสีหน้าท่าทางของนางทำให้เจียงหลีหัวเราะออกมาอย่างขบขำ
"คุณหนูหัวเราะอะไรกันหน้าเขอเข่อมีอะไรติดงั้นหรือ" นางถามพลางลูบใบหน้าของตนอย่างระแวง
"ไม่มีอะไรหรอกกินๆเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยเอา"หญิงสาวกล่าวก่อนจะคีบเนื้อชิ้นพอเหมาะให้กับสาวใช้ของตน
"หืม...อร่อยจริงๆเจ้าค่ะคุณหนูเนื้อหมูที่ต้มจนสุกแล้วกับน้ำจิ้มแจ่วของท่านมันทำให้เขอเข่อหยุดกินไม่ได้เลยล่ะ"นางกล่าวพลางคีบเนื้อใส่ปากก่อนจะต้องอ้าปากหวอพ่นเอาควันออกเพื่อระบายความร้อนการกระทำนั้นทำเอาเจียงหลีขำก๊ากจนชักดิ้นชักงอ
"เจ้านี่มัน...มันน่าขำชะมัดโอ้ยๆเจ็บท้องฮ่าๆ"เธอพูดพลางตบโต๊ะสนั่น
"ดึกแล้วเรือนเย็นส่งเสียงดังอะไรไม่เกรงใจคนอื่น"ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะเร่งฝีเท้ามุ่งตรงไปยังต้นเสียงพร้อมกับทหารข้างกายอีกสองนาย
(กลิ่นหอมนี่มันอะไรกัน) ชายหนุ่มชะงักกลิ่นที่หอมหวนทำให้ท้องของเขาร้องจ๊อก
"พวกเจ้าทำอะไรกันอยู่เสียงดังไปถึงห้องอักษรของจ้า"
"ฝ่าบาทได้โปรดอภัยเพคะ"สาวใช้รีบคุกเข่ายอมรับผิดต่างจากเจียงหลีที่ยังนั่งคีบอาหารใส่ปากจนแก้มตุ่ย
"ผ่าหมาดท่างสงใจยองชิมสุกี้ของจ้าไหมเยหะ" นางพยายามพูดอย่างทุลักทุเลก่อนจะกลืนคำข้าวในปากลงคอพลางตบอกของตนเพราะชิ้นเนื้อติดคอพร้อมกับยื่นชามเนื้อที่เพิ่งตักมาให้ชายตรงหน้า
"นี่คืออะไร"เขารับชามซุบมาพิจารณาอย่างละเอียด
"ทูลฝ่าบาทสิ่งนี้เรียกว่าสุกี้เพคะคุณหนูของข้าได้ทำมันขึ้นมาเพคะ"เขอเข่อที่ก้มหน้าอยู่เอ่ยขึ้นก่อนจะลุกไปหยิบน้ำจิ้มสีแดงส้มมาให้ฝ่าบาทแต่ทว่ามันก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะชามเนื้อที่เพิ่งส่งให้ตอนนี้แทบจะไม่เหลือเศษเสี้ยวใดๆอยู่เลย
"เอามาอีก...มองอะไรรีบตักมาให้ข้ากินสิ"เขาคะยั้นคะยอสาวใช้ให้ตักซุบในหม้อให้แก่ตน
"เอ่อ...ฝ่าบาทเพคะลองเสวยกับน้ำจิ้มนี่ดูสิเพคะ"เขอเข่อเอ่ยขึ้นก่อนจะราดน้ำจิ้มลงไปยังชามเนื้อที่มีไอน้ำระเหยอยู่
"เป็นอย่างไรบ้างเพคะฝ่าบาทอร่อยใช่หรือไม่เพคะ"เจียงหลีถามพลางมองก้นหม้อที่แม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่หลงเหลือให้เห็น
"มันก็งั้นๆแหละไม่เห็นอร่อยสักนิด"เขาพูดก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เอามือทั้งสองลูบพุงของตนเบาๆก่อนจะเดินออกไป
"ปากก็บอกว่าไม่อร่อยแล้วใครกันที่กินหมด ชิ๊อิตาบ้านี่"เธอสบถก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้าและผลอยหลับไปจนถึงเช้า
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!