ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ ลมเย็นๆ พัดผ่านทุ่งนาโล่งกว้างที่เต็มไปด้วยตอข้าวแห้งๆ ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ รับรู้ถึงกลิ่นหอมของดินและความเย็นที่ปะทะผิว
“ที่นี่…ที่ไหน?” ฉันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปข้างๆ ก็เห็นแม่กับพี่สาวนั่งอยู่ไม่ไกล พวกเขาเหมือนกำลังนั่งคุยกันเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดปกติ
ฉันลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากกระโปรงนักเรียนที่ยังใส่อยู่เหมือนเดิม แล้วมองไปรอบๆ
มันเป็นทุ่งนาที่เคยเกี่ยวข้าวไปนานแล้ว เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่ากับเงาของต้นไม้ไกลๆ
ถนนลูกรังเส้นหนึ่งทอดยาวไปในความมืด มีเพียงแสงไฟลางๆ อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา
“แม่… ทำไมเราอยู่ตรงนี้อะ?” ฉันเอ่ยถาม
แม่หันมามองด้วยแววตานิ่งสงบ
“พี่แกเคยไปดูแล้ว หมู่บ้านนั่นน่ะ… ไม่มีใครอยู่หรอกลูก”
“แต่หนูเห็นมีไฟนะ เหมือนมีเสียงเพลงด้วย”
แม่ส่ายหัว พี่สาวขยับเข้ามาจับมือฉันเบาๆ
“อย่าไปยุ่งเลย…”
แต่ฉันไม่เชื่อ ความอยากรู้อยากเห็นมันเอาชนะความกลัว ฉันก้าวขาออกเดินไปตามถนนลูกรัง เสียงกรอบแกรบของเศษหญ้าแห้งใต้เท้าดังประสานไปกับเสียงลมพัด ฉันหันไปมองเห็นแม่กับพี่เดินตามมาช้าๆ
หมู่บ้านข้างหน้าค่อยๆ ปรากฏเป็นเงาบ้านไม้เก่าๆ หลายหลัง บางหลังมีแสงไฟลอดออกจากหน้าต่าง บางหลังมีเสียงเพลงเบาๆ ลอยตามลมมา
ฉันหยุดอยู่หน้าบ้านไม้หลังหนึ่ง มันเหมือนบ้านเก่าที่เคยเห็นในหนังจีนโบราณ มีพระตั้งอยู่หน้าทีวีเก่าๆ
“ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางด้วยนะคะ…” ฉันยกมือไหว้ก่อนเดินเข้าไป ทุกอย่างดูเก่าแต่สะอาดอย่างประหลาด
ฉันกดรีโมททีวีที่วางอยู่บนโต๊ะ…
แอ๊ด… เสียงทีวีเก่าดังขึ้น ภาพบนจอกลายเป็นภาพสีขาวดำพร่าๆ ก่อนจะปรากฏภาพผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มให้ด้วยใบหน้าขาวซีด
“รีบออกไป…” เสียงผู้หญิงคนนั้นพูดออกมา ก่อนที่หน้าจอจะดับวูบ
ฉันหันไปหาแม่กับพี่
“ไปเถอะ… หนูว่าไม่ดีละ”
แต่เสียงบางอย่างดังมาจากหลังบ้าน
ตึก… ตึก… ตึก…
มันกำลังเข้ามาใกล้
ฉันจับมือแม่กับพี่ แล้วตะโกน
“วิ่ง!!”
---
เสียงฝีเท้าพวกเราสามคนกระทบพื้นไม้ดังตึงๆ ฉันจับมือแม่กับพี่วิ่งหนีออกจากบ้านหลังนั้นอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะที่เสียงบางอย่างกำลังไล่ตามมาติดๆ ความมืดรอบตัวปกคลุมทุกสิ่ง ไม่มีแม้แต่แสงดาวบนท้องฟ้า มีเพียงแสงไฟจากโคมไฟในหมู่บ้านที่ยังคงลอยกระพริบอยู่เป็นระยะๆ เหมือนมันกำลังชักนำให้เราไปทางไหนสักแห่ง
เราวิ่งเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาไปตามซอยแคบๆ ของหมู่บ้าน เสียงฝีเท้าไล่ตามก็ค่อยๆ ห่างออกไป ฉันหอบเหนื่อยจนแทบจะยืนไม่ไหว พอได้จังหวะหยุดพัก ก็รีบถามออกไป
"แฮ่กๆ… หนีรอดแล้วใช่มั้ย"
แม่กับพี่ไม่ตอบอะไร สายตาพวกเขายังคงจ้องไปที่ทางที่เราวิ่งผ่านมา สีหน้าดูหวาดระแวง ฉันเองก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย จู่ๆ เสียงกระซิบเบาๆ ก็ดังขึ้นข้างหู
"อย่าเพิ่งไป..."
ฉันสะดุ้งโหยง หันขวับไปด้านหลัง แต่ก็ไม่มีอะไรเลย มีเพียงความเงียบและเงาของต้นไม้ที่ลู่ตามแรงลม ตอนนั้นใจฉันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก
ทันใดนั้น แสงไฟสีแดงส้มสลัวๆ ปรากฏขึ้นตรงปลายถนน มันสว่างจางๆ คล้ายๆ มีงานเทศกาลจัดอยู่กลางลานบ้าน เสียงดนตรีจีนโบราณค่อยๆ ดังแว่วเข้ามา ฉันตัดสินใจลากมือแม่กับพี่เดินเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้ และความรู้สึกบางอย่างที่เหมือนถูกดึงดูด
มันเป็นงานเทศกาลที่ประหลาดมากๆ ผู้คนในงานแต่งตัวชุดจีนโบราณสีแดงสดและสีน้ำเงินเข้ม ทุกคนเดินวนกันไปมาในลานกว้าง บางคนถือโคมไฟ บางคนถือพัด บางคนยืนเฉยๆ แต่ที่น่าประหลาดคือ…ใบหน้าของทุกคนเรียบเฉย เหมือนไม่มีความรู้สึก บรรยากาศนั้นทั้งสวยงามและหลอนปะปนกันจนฉันรู้สึกขนลุก
"เห็นมั้ย มีคนอยู่จริงๆ ด้วย…" ฉันพูดกับแม่และพี่ แต่เมื่อหันกลับไป พวกเขากลับเดินห่างออกไปอีกทาง ฉันเลยตัดสินใจเดินตามเสียงเพลงเข้าไปเรื่อยๆ
แต่ทันใดนั้น…ทุกคนในงานหยุดนิ่ง หันหน้ามองมาที่ฉันพร้อมกัน
ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้น ฉันรีบหันหลังวิ่งกลับไปทางเดิม
แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าคือทุ่งนาโล่งๆ ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีไฟ ไม่มีเสียงเพลง ทุกอย่างกลับมาเงียบสนิท เหมือนสถานที่แห่งนั้นไม่เคยมีอยู่จริง
ฉันยืนหอบอยู่กลางทุ่งนา ความรู้สึกทั้งกลัว ทั้งสับสนเต็มไปหมด
"มันอะไรกันแน่…"
เสียงกระซิบยังคงดังอยู่แผ่วๆ ในความมืด
"กลับมา…สิ…"
ฉันยืนหอบอยู่กลางทุ่งนา มองไปรอบๆ ก็พบเพียงทุ่งหญ้าแห้งๆ ที่ลู่ไปตามแรงลม ดวงจันทร์ซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆ ท้องฟ้ามืดสนิทจนแทบไม่เห็นอะไรเลย ความเงียบเข้าปกคลุมทุกอย่าง มีเพียงเสียงลมพัดเบาๆ กับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นรัว
"แม่… พี่…" ฉันตะโกนเรียกชื่อพวกเขาออกไป แต่ว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากใครเลย
จู่ๆ เสียงกระซิบแผ่วเบาก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"กลับมา…สิ…"
เสียงนั้นดังวนเวียนอยู่ข้างหู ฉันขนลุกซู่ พยายามหันมองไปรอบๆ ว่าใครพูด แต่ก็ไม่เห็นใครทั้งสิ้น ฉันกัดฟันแน่นแล้วสูดลมหายใจลึกๆ บอกกับตัวเองว่าต้องตั้งสติ ต้องหาทางกลับบ้านให้ได้
ฉันเริ่มเดินไปตามถนนดินที่ทอดยาวไปในความมืด โดยมีเพียงแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่แบตใกล้หมดเป็นแสงนำทาง มันสว่างน้อยมากจนมองเห็นได้เพียงไม่กี่ก้าวข้างหน้า ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิทจนได้ยินเสียงฝีเท้าของตัวเอง
ระหว่างทาง ฉันรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเดินตามหลังอยู่ตลอดเวลา พอหันไปดูก็ไม่มีใคร แต่ทันทีที่หันกลับมาก็เห็นรอยเท้าเล็กๆ ที่ปรากฏบนพื้นดินตามหลังฉันมาติดๆ
"เป็นไปไม่ได้… ใครกัน…" ฉันพึมพำ
ฉันรีบเดินเร็วขึ้น พยายามไม่สนใจเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากข้างทาง ทั้งเสียงกิ่งไม้หัก เสียงหัวเราะเบาๆ และเสียงกระซิบเป็นระยะๆ จนรู้สึกว่าเรี่ยวแรงกำลังจะหมด
เมื่อเดินต่อไปได้สักพัก ฉันเห็นแสงไฟจากบ้านหลังหนึ่งอยู่ไกลๆ ใจฉันเต้นแรงด้วยความหวัง รีบวิ่งไปที่บ้านหลังนั้นทันที มันเป็นบ้านไม้เก่าๆ ที่ดูคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
"ช่วยด้วย! ช่วยฉันที!" ฉันตะโกนเรียก แต่ไม่มีใครตอบ ฉันตัดสินใจผลักประตูเข้าไป
ภายในบ้านมีแสงไฟจากตะเกียงเล็กๆ วางอยู่ตรงกลางห้อง ข้างๆ ตะเกียงมีโต๊ะไม้เก่าๆ กับพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ บรรยากาศดูสงบแต่ก็หลอนจับใจ
"ขออนุญาตนะคะ…" ฉันไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนจะเดินเข้าไปนั่งพัก
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างหลัง ฉันหันไปก็เห็นแม่กับพี่เดินเข้ามา สีหน้าพวกเขาดูอิดโรยแต่ก็ยังยิ้มได้
"แม่! พี่! หายไปไหนมา ฉันตามหาแทบแย่!"
แม่เดินเข้ามากอดฉันแน่น พี่ก็เข้ามาหอมแก้มเบาๆ ฉันรู้สึกดีใจสุดๆ ที่ได้เจอพวกเขาอีกครั้ง
"หนู… เราต้องออกจากที่นี่กันแล้วนะ" แม่พูดเสียงสั่นๆ
แต่ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง
ก๊อก… ก๊อก… ก๊อก…
ทั้งบ้านเงียบกริบ เราสามคนสบตากัน ไม่มีใครกล้าเดินไปเปิดประตู
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!