“แม่มึง…น่ะแรด…ร่าน…มาอ่อยพ่อกูให้หลงหัวปักหัวปำคิดอยากจะจับพ่อกูคงเห็นว่าพ่อกูรวยอยากสบายทางลัดโดยการใช้ร่างกายแลกโสเภณี”
“พลั๊ก…!...”
“มึงกล้าทำร้ายกู….ไอ้พัฒน์ มึงตายแน่…อีลูกกะหรี่”
“ผั๊ว…!...”
ภูริปล่อยหมัดเข้าใบหน้าขาวใสของพิพัฒน์เข้าเต็มแรงทั้ง สอง ผลัดกันลุกผลัดกันรับจนร่างกายสะบักสะบอมมุมปากแดงฉานเพราะเลือดไหลจากการปะทะกันจนปากแตกเบ้าตาเขียวช้ำ ร่างกายที่ใหญ่กว่าของภูริดันร่างเล็กกว่าของพิพัฒน์เข้าชิดผนังอย่างเต็มแรง จนแผ่นหลังของพิพัฒน์ชนกับกำแพงห้องอย่างจัง จนเขารู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วแผ่นหลัง หัวใจของพิพัฒน์เต้นแรงด้วยความตื่น กลัว สายตาที่เกรี้ยวกราดของภูรินั้นทำให้พิพัฒน์รู้สึกอึดอัด ไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ ที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นหลังนี้เลยแม้แต่วินาทีเดียวแต่เพราะว่าเขาเป็นห่วง พิพิมพ์ผู้เป็นแม่ของเขา ซึ่ง พิพิมพ์พึ่งจะได้แต่งงานกับกฤษณะ พ่อของภูริได้เพียงไม่ถึง 1 วัน พิพัฒน์และแม่พึ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยด้วยกันกับพ่อของภูริ ที่แอบรักแม่ของพิพัฒน์มานานและคอยให้ความช่วยเหลือแม่ขอพิพัฒน์มาตลอด พิพิมพ์แม่ของพิพัฒน์ต้องการจะตอบแทนบุญคุณของ กฤษณะ เธอจึงตัดสินใจตกลงยอมแต่งงานกับกฤษณะหลังจากได้ทราบว่า กฤษณะ เป็นโรคหัวใจขั้นร้ายแรงและอาจจะจากไปได้ทุกเมื่อ แต่ภูริ กลับเข้าใจผิดว่าพี่พิมพ์นั้นต้องการจะมาฮุบสมบัติของพ่อเขา จึงทำให้ภูริเกลียดพิพิมพ์มาก และส่งผลมาถึงพิพัฒน์ด้วยเช่นกัน ภูริไม่เคยได้สนใจ และใส่ใจกฤษณะผู้เป็นพ่อเลย เขาจึงไม่รู้ว่าขณะนี้กฤษณะผู้เป็นพ่อนั้นเป็นโรคร้ายแรง กำแพงเหนือที่ภูริสร้างขึ้นภายในใจ กำแพงหนาที่ภูริสร้างขึ้นภายในใจระหว่างเขาและพ่อ มันทับถมจนหนาขึ้นเรื่อย ๆ และยากที่จะพังทลายมันลงได้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ภายในบ้านเลวร้ายลง กฤษณะ พยายามที่จะบอกกับลูกชายเรื่องโรคภัยที่เขากำลังเผชิญอยู่แต่ภูริไม่เคยได้รับฟัง ผู้เป็นบิดาเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่เข้าบ้านเขาก็คอยแต่จะตั้งแง่หาเรื่องต่อว่าบิดาด้วยความน้อยใจ และเรียกร้องความสนใจโดยการกระทำเรื่องที่เลวร้ายใส่ กฤษณะ ผู้เป็นพ่อของเขาเอง ภูริทำตัวเกเรไม่ค่อยเข้าเรียนกลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง สาเหตุที่ทำให้ภูริเป็นเช่นนี้นั้นก็คือ เมื่อครั้งที่เขายังเด็ก ผู้เป็นพ่อเอาเวลาส่วนใหญ่ทำแต่งานไม่มีเวลาให้เขาเลย ภูริ เข้าใจว่าพ่อไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะปมในใจที่แม่ของเขาได้แอบมีความสัมพันธ์ลับกับชายอื่น และทิ้งเขากับพ่อไป ภายในบ้านไม่มีแม้แต่รูปถ่ายสักใบของแม่ทำให้ภูริจำไม่ได้ว่าแม่ของเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ภูริมีอายุมากกว่าพิพัฒน์ 1 ปี เท่ากับว่าสถานะของเขาในตอนนี้เป็นพี่ชายของพิพัฒน์ กฤษณะจดทะเบียนสมรสกับพิพิมพ์ และได้เปลี่ยนนามสกุลของพิพัฒน์ ให้ใช้นามสกุลเดียวกัน กับกฤษณะและภูรินั่นก็คือ จิระไพศาล
ภูริจ้องหน้าพิพัฒน์เขม็งใบหน้าของทั้งสองยับพอๆกันภูเลยเอามือที่ใหญ่กว่าของเขาร่วมมือเล็กของพิพัฒน์ไว้ข้างหลังแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาติดจนจมูกแทบจะชนกับใบหน้าของพิพัฒน์
“มึงจำไว้ ถ้ามึงกับแม่ของมึงไม่รีบออกไปจากบ้านหลังนี้ ที่นี่จะเป็นนรกสำหรับมึง”
“ปัง…! ….”
ภูริออกจากห้องพิพัฒน์ พร้อมทั้งผลักประตูปิดลงอย่างแรงจนเสียงดังสนั่น พิพัฒน์ไม่อยากให้กฤษณะต่อว่าและมีปัญหากับภูริอีก เขาจึงพยายามหลบหน้าแม่และกฤษณะผู้เป็นพ่อเลี้ยงของเขาไม่ให้เห็นรอยบาดแผล
“พัฒน์ ลงมากินข้าวสิลูก”
“ไม่หิวครับ ผมกินมาแล้วจากโรงเรียนแม่ไม่ต้องไปห่วงพอดีช่วงนี้ต้องรีบอ่านหนังสือสอบพัฒน์ ขอตัวนะครับ”
หลายวันผ่านไปที่โรงเรียนมัธยม
“ไอ้ภู นั่นน้องชายมึงไม่ใช่หรอวะ? ทำไมไม่มาพร้อมกันอยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ เป็นไงบ้างได้เจอหน้ากันทุกวัน ปกติก็ไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว แต่ต้องมาเจอกันทุกวันมึงทนได้เหรอ”
“มันสิต้องทนกูไม่ใช่กูต้องทนมัน คอยดูกูจะเล่นแม่งให้หนักเลย”
“มึงจะทำอะไรมันได้ พ่อมึงรักมันอย่างกับลูกในไส้”
“กล้ามาเสนอหน้าได้ทุกวี่ทุกวัน บังอาจคิดจะมาหลอกพ่อกู หวังสบายทั้งแม่ทั้งลูกเสวยสุขบนกองเงินกองทองของพ่อกู ไม่มีทางหรอก แล้วจะได้รู้ว่านรกของจริงมันเป็นอย่างไร”
ที่บ้านจิระไพศาล
“ภู ทำไมไม่กลับบ้านให้มันเร็วกว่านี้รู้ไหมว่าทุกคนรอแกอยู่มันถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว พ่อเคยบอกแล้วว่ากฎบ้านนี้คือต้องกลับมากินข้าวพร้อมกันทุกเย็น ชั้นให้คนขับรถไปรับทำไมไม่กลับมาพร้อมกันกับพิพัฒน์”
“พ่อจะมาสนใจกูทำไม ในเมื่อมีเมียใหม่มีลูกใหม่แล้วกูก็เป็นแค่ส่วนเกินของบ้านหลังนี้ หลงกันเข้าไป ระวังจะถูกสูบเลือดสูบเนื้อจนหมดตัว”
“ไม่ใช่นะคุณภู คุณภู ไม่ใช่ส่วนเกินของที่บ้านหลังนี้ ที่น้าเข้ามาอยู่เพื่อต้องการดูแล และตอบแทนบุญคุณของคุณกฤษณะเท่านั้นไม่ได้หวังอย่างอื่นเลย”
“อย่ามาตอแหล…!”
“ไอ้ภู ขอโทษคุณพิมพ์เดี๋ยวนี้ ตอนนี้คุณพิมพ์มีสถานะเป็นแม่ของแกนะ”
“ไม่มีทาง ภู ขอบอกพ่อไว้ตรงนี้เลยนะว่า ภู ไม่มีวันยอมรับแม่ลูก 18 มงกุฎ สอง คนนี้แน่นอน”
หลังจากที่ภูริอาละวาดเสียงดังเสร็จแล้วก็วิ่งขึ้นห้องไป ไม่ฟังที่กฤษณะต่อว่าตักเตือนเลยสักคำ ยิ่งเห็นผู้เป็นพ่อคอยปกป้องอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้ภูริแค้นใจ และพยายามหาวิธีขับไล่ พิพิมพ์ และพิพัฒน์ ออกจากบ้านหลังนี้ไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ แผนการร้ายได้เริ่มต้นขึ้นตามที่เขาเคยลั่นวาจากับพิพัฒน์ไว้ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมขบวนการก็คือณัฐนนท์ เพื่อนรักที่จริงใจกับเขาเพียงคนเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้
“ไอ้นัท มึงว่างเปล่าวะมานอนบ้านกูหน่อย”
“มีอะไรพิเศษหรือเปล่าถึงอยากให้กูไปนอนเป็นเพื่อน หรือว่ากลัวน้องชายมึงจะย่องเข้าหาวะ?”
“ ไอ้นัท ไอ้ชิบหาย อย่าพูดให้กูต้องอ้วกแตก สัส รีบๆมาเถอะอย่าพล่ามให้มากความ “
“เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ณัฐนนท์รีบวางสายแล้วบึ่งมาหาเพื่อนรักโดยทันที ในห้องของพิพัฒน์ซึ่งอยู่ด้านล่าง หน้าต่างที่เขาชอบเปิดอ้าทิ้งไว้เพื่อรับลมเย็นๆที่พัดเข้ามา ภายในห้อง พิพัฒน์ไม่ชอบเปิดแอร์ถ้าอากาศไม่ร้อนจนเกินไป ภายในห้องโล่งๆมีเพียงตู้เสื้อผ้าเล็กๆ กับโต๊ะอ่านหนังสือและทำการบ้านของเขา โคมไฟขนาดกะทัดรัด ที่กำลังเปิดอยู่ พิพัฒน์กำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบในวันรุ่งขึ้นของพรุ่งนี้ บ้านหลังใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทั้งเล็กใหญ่ และเป็นพุ่ม ทั่วบ้านหนาครึ้มไปหมด เสียงลมกรรโชกแรงอยู่ข้างนอกทำให้ต้นไม้ในยามค่ำคืน ดูน่ากลัวไปหมด แต่พิพัฒน์ไม่ใช่คน ที่จะกลัวอะไรง่ายๆโดยไม่มีเหตุผล พิพัฒน์เดินไปปิดหน้าต่าง เพราะเหมือนว่าฝนกำลังจะตกลงมา และทำท่าจะตกหนักเสียด้วย เสียงลมและฟ้าร้อง ขณะที่เขาเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างอยู่นั้น ก็มีมือปริศนาเอื้อมมาจับแขนของเขา มันเย็นยะเยือกจนพิพัฒน์ตกใจสุดขีด ใครคนหนึ่งโผล่หน้ามาที่หน้าต่างที่พิพัฒน์กำลังจะปิดลง ใบหน้าที่เละตาถลนมีเลือดและหนองไหลเยิ้ม
“กรี๊ดดด…! พลั๊กก”
“โอ๊ย…”
พิพัฒน์ตกใจจึงหลับหูหลับตาปล่อยหมัดออกไปเขารู้สึกและสัมผัสได้ว่าโดนเบ้าตาของผีตนนั้นอย่างจัง พิพัฒน์นึกเอะใจขึ้นมาได้ ถ้าหากเป็นผีจริงๆคงไม่มีเสียงร้องด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดเช่นนี้
“นั่นใคร?”
“ออกไปจากบ้านหลังนี้ถ้าไม่อยากเจอดีอีก”
เสียงตอบโต้กลับมาหลังจากที่พิพัฒน์ถามดังกล้องอยู่ภายนอก พิพัฒน์มองหาต้นทางของเสียงแต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้นเลย ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากปลายหมัดของเขานั้น คือคนชัดๆ ถึงแม้ว่าขณะนั้นเขาจะหลับตาปี๋เพราะความกลัวอยู่ก็ตาม เมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว พี่พัดเชื่อว่าต้องมีใครสักคนที่จงใจทำเรื่องแบบนี้เพราะอยากให้เขาออกไปจากบ้านหลังนี้และมีเพียงคนเดียวที่ไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่นั่นก็คือ ภูริ
“เชี่ย…แม่งหมัดหนักชิบหาย เพราะมึงเลยชวนกูมาเจ็บตัวเนี่ย แต่ว่าโคตรขำเลยมันกลัวจนกรี๊ดแตก โอ้ย น้องชายมึงเป็นแต๋วแน่นอน ผู้ชายที่ไหนเขากรี๊ดกันเสียงดังสนั่นจนแสบแก้วหู จ่ายค่าเจ็บตัวให้กูด้วย”
“เออเดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงข้าวที่สยามก็แล้วกันอยากกินอะไรถ้ามันยังไม่ออกไปกูจะจัดให้หนักกว่านี้”
“ค่อยคุ้มกับค่า เจ็บตัวหน่อย”
ในเวลาเช้าของวันรุ่งขึ้นทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าณัฐนนท์นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างๆกันกับภูริ
“นัท ตาไปโดนอะไรมาน่ะ ต่อยกับเพื่อนมาเหรอ?”
“เปล่าครับพ่อ ไอ้ภูมันนอนดิ้น มือมันฟาดมาที่เบ้าตาของผมนะครับเจ็บยังไม่หายเลย”
“อ๋ออย่างนั้นน่ะเอง”
พิพัฒน์รู้อยู่แล้วว่าเมื่อคืนทั้งสองเพื่อนซี้ ปลอมตัวเป็นผีเพื่อมาเล่นงานเขาให้กลัวจนต้องอยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้ แต่พิพัฒน์ก็ไม่ได้พูดอะไร จนเสร็จจากการกินอาหารเช้าและถึงเวลาที่ต้องไปโรงเรียน
“ทำไมมึงต้องมานั่งรถคันเดียวกับกูด้วยวะ ลงไปเหม็นสาบกระหรี่”
“ไม่ได้นะครับคุณภู นี่คือคำสั่งของคุณผู้ชาย คุณพัชต้องไปกับพวกเราด้วยครับและอีกอย่างหนึ่งนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนสายแน่ ๆ แล้วก็อันตรายด้วย”
“ อันนั้นก็เป็นปัญหาของมันไม่ใช่ปัญหาของผม เมื่อก่อนก็เห็นมันโหนรถเมล์ไปโรงเรียนประจำ หรือว่าพอได้มาเป็นลูกคนรวยกระแดะนั่งรถเมล์ไม่เป็น ชิ หมั่นไส้”
“ลุงครับ จอดที่ป้ายรถเมล์ข้างหน้าให้ผมลงก็ได้น่ารำคาญพวกเด็กขาดความรักความอบอุ่นเด็กมีปัญหา”
“นี่มึงกล้าว่ากูอย่างนั้นหรือ ชิ งอนหาเรื่องปากแตกปล่อยเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
“เอาล่ะครับ คุณภู หยุดเถอะผมจะจอดให้คุณพัฒน์ลงข้างหน้านี้ก็ได้คุณพัฒน์ไปเองได้นะครับ?”
“ได้ครับไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกไปส่งเขาเถอะเด็กไม่มีใครรักก็แบบนี้แหละ”
“ไอ้…ไอ้กาฝาก ไอ้กะหรี่”
“ เฮ้อ คุณพัฒน์ไม่ได้ยินแล้วครับ เราออกรถมาจากตรงนั้นแล้ว ถ้าคุณผู้ชายรู้ผมโดนตำหนิแน่ๆ คุณพัฒน์น่ารักจะตาย เปิดใจให้เธอเถอะนะครับ”
“ไม่มีวัน ลุงก็อีกคนโดนของหรือไงถึงได้เข้าข้างมันอยู่ได้”
ลุงกล้าคนขับรถของที่บ้านจิระไพศาล ขับรถไปก็รู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย ที่จำเป็นต้องทิ้งพิพัฒน์ไว้กลางทาง ให้นั่งรถเมล์ไปเรียนตามลำพัง เพราะปกป้องไม่อยากให้ภูริททำร้ายเขา
“ลุงก็เหมือนกันกับพ่อเลย รับมันอย่างกับลูกของตัวเอง แต่ทีกับลูกของตัวเองทั้งด่าทั้งตำหนิได้ทุกวี่ทุกวัน”
“คุณภู ก็ทำให้คุณพ่อภูมิใจเหมือนคุณพัฒน์บ้างสิครับ เธอทั้งน่ารักอ่อนน้อมถ่อมตน เรียนเก่ง และหน้าตาก็ดี รองเปิดใจรักเขาดูสักหน่อย บ้านจะได้สงบ มีคนเข้ามาอยู่เพิ่มอบอุ่นดีจะตายไปเมื่อก่อนคุณผู้ชายทำงานหนักๆคุณภู เคยพูดว่าอยากให้คุณพ่อกลับบ้าน เหงา แต่ตอนนี้คุณพ่อกลับบ้านทุกวันแถมยังพาสมาชิกมาเพิ่ม ให้ความอบอุ่นกับคุณภูด้วย”
“อุ่นจนร้อนระอุเลยล่ะสิไม่ว่า ผมเกลียด สอง แม่ลูกคู่นี้ และอีกอย่างผมไม่ใช่เกย์นะลุงจะได้รักมันไอ้หน้าจืดนั่นน่ะ”
“ลุงก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ หมายถึงรับเธอเหมือนน้องชายคนหนึ่ง อย่างไรเสียตอนนี้เขาก็เป็นน้องชายของคุณอยู่บ้านเดียวกัน แถมยังใช้นามสกุลเดียวกันอีกด้วย เมื่อตอนเด็กๆคุณภูเคยบอกว่า อยากมีน้องชายอยากมีเพื่อนไม่ใช่เหรอครับ?”
“ แต่ไม่ใช่ไอ้นี่ และไม่มีวันที่จะรู้สึกชอบมัน มีแต่ความรู้สึกที่เกลียดมันมากขึ้นทุกวันทุกวัน ถึงโรงเรียนแล้วครับจอดตรงนี้แหละ ถึงโรงเรียนแล้วครับจอดตรงนี้แหละ ไอ้นัทตื่น ไอ้ห่านี่หลับตั้งแต่ที่บ้านจนถึงโรงเรียน”
ภูริแอบยืนมองผลงานของตัวเองอยู่บนตึกเรียนชั้นที่เขาเรียนอยู่ เพราะคิดว่าพิพัฒน์คงต้องมาโรงเรียนสายแน่ ๆ เพราะบ้านของเขาอยู่ไกลจากโรงเรียนมาก ภูริยิ้มเยาะในทันทีที่เห็นพิพัฒน์วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาในรั้วโรงเรียนเขาดูนาฬิกาที่ข้อมือของเขาแล้วยิ้มออกมาด้วยความสะใจ ที่พิพัฒน์ ถูกทำโทษไปตามระเบียบ ภูริรู้สึกสะใจมาก
กลางวันที่โรงอาหารของโรงเรียน
พิพัฒน์เดินตรงเข้ามาเพื่อสั่งอาหารกลางวัน กินตามปกติโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่า ภูริกำลังกินอาหารกลางวันกับณัฐนนท์อยู่อีกมุมหนึ่ง ภูริยิ้มเยาะเย้ยในขณะที่เขาเดินตรงมายังโต๊ะของพิพัฒน์ ที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก
“ ไงวะ ไอ้กาฝาก วันนี้โดนทำโทษเป็นอย่างไรบ้าง? ถ้าไม่อยากมาสายก็ตื่นให้มันเช้ากว่านี้ แล้วก็ห้ามนั่งรถคันเดียวมาโรงเรียนพร้อมกับกู เพราะกูไม่ชอบไม่อยากหายใจร่วมกับมึงในรถกูรังเกียจ ไอ้นัทกูอิ่มแล้วไปหาอะไรแดกที่อื่นเถอะเห็นหน้ามันแล้วแดกข้าวไม่ลง”
“นายเป็นอะไรมากไหม? ชั้น ไปทำอะไรให้ พ่อนายรักแม่ของชั้น มาขอแม่ของชั้น แต่งงานตั้งหลายครั้ง แต่แม่ก็ปฏิเสธตลอดมา แม่ต้องการ จะตอบแทนที่พ่อนายหางานให้ และคอยดูแลเวลาที่แม่ลำบาก นายมันเห็นแก่ตัวเอง ไม่เคยมองคนรอบข้างเอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ที่ทั้ง งี่เง่า เอาแต่ใจ สักวันถ้าพ่อของนายจากไปแล้วจะรู้สึก”
“ผลั๊กกก มึงแช่งพ่อกูเหรอ มึงกับแม่มึงคิดวางแผนอะไรกัน คงคิดวางแผนฆ่าพ่อคุณเพื่อชิงสมบัติไปจากกูสินะ”
“ผั๊วะ คิดว่าชั้นไม่มีกำปั้นหรือไง ชั้น ไม่ยอมหรอก”
ภูริและพิพัฒน์ชกต่อยกันชุลมุนวุ่นวายอยู่ตรงโรงอาหารของโรงเรียน จนข้าวของพังยับเยินอาหารที่อยู่ในถาดของเพื่อนๆหกกระจาย หน้าตาของทั้งคู่ยับเยินพอ ๆ กัน พิพัฒน์กำลังจะบอกให้ภูริรู้ว่าพ่อของเขากำลังอาการแย่ด้วยโรคหัวใจ และทุกๆวันโรคร้ายนั้นมันจะกำเริบจนเกือบจะฆ่าชีวิต ขอกฤษณะ ผู้เป็นพ่อของภูริไปแต่เพราะกำแพงทิฐิทำให้ภูริไม่สนใจคำอธิบายใดๆตั้งแง่ ตั้งป้อม คิดได้แต่ในแง่ลบตลอดเวลายิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของภูริและพิพัฒน์แย่ลงไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่ถูกลงโทษจากอาจารย์ฝ่ายปกครอง
“ให้เรียกผู้ปกครองไหม…ห๊ะ…ทั้งสองคน”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องก็ได้ครับ ผมไม่อยากให้แม่ต้องลำบากใจ”
“เรียกเลย อยากเรียกก็เรียกเลยสิครับผมไม่สน”
“ยังไม่คิดที่จะสำนึกอีกนะนายภู เป็นคนเริ่มก่อนแท้ๆ ครั้งนี้ครูจะลงทัณฑ์บนไว้ก่อน ถ้ามีอีกครั้งคงต้องเชิญผู้ปกครองทั้งคู่”
ภูริลุกออกไปจากห้องฝ่ายปกครอง สายตาที่เขาจับจ้องมาที่พิพัฒน์ทำให้พิพัฒน์ตระหนักได้ถึงภัยที่กำลังจะมาเยือน ในอีกไม่ช้า โชคดีที่วันนั้นภูริณัฐกินข้าวกับณัฐนนท์ ตามสัญญา พี่พัดจึงได้กลับบ้านไปกับคนขับรถของที่บ้านเพียงคนเดียว พิพัฒน์รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจที่ไม่มีภูริอยู่ในรถทำให้เขารู้สึก อึดอัด สุดท้ายก็ต้องทะเลาะกันเหมือนเดิม
“พิพัฒน์น่าไปโดนอะไรมา อย่าบอกนะว่าชกต่อยกับเพื่อน ปกติพัฒน์ไม่เคยใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาหนี้ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้บอกเหตุผลแม่มาหน่อยซิ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยผมแค่โดนลูกหลงมา พัฒน์ ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
“แล้วก็รีบลงมากินข้าวพร้อมกันนะลูกแม่เตรียมอาหารไว้ให้แล้วล่ะของที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย”
“แล้วมีของชอบของผมบ้างหรือเปล่านะ?”
“ มีสิคะ ทำไมวันนี้คุณกฤษกลับบ้านเร็วจังเลยคะ?”
“วันนี้อาการไม่ค่อยดี เลยอยากกลับบ้านมาพักผ่อน แล้วเจ้าภูมันกลับมาหรือยัง?”
“ ยังค่ะ แต่พัฒน์กลับมาแล้ว แต่พิมพ์คิดว่าอีกสักประเดี๋ยวคุณภูก็น่าจะกลับมาทันเวลากินข้าวมื้อค่ำให้เตรียมอาหารเผื่อคุณภูเลยไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอก ให้รอมันก็หิวตายกันพอดี ช่างมันเดี๋ยวมันก็หากินเองอยู่ข้างนอกนั่นแหละปกติก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว นึกอยากกลับตอนไหนก็กลับไม่สนว่ามีใครรออยู่ที่บ้าน”
กฤษณะ เดินขึ้นห้องไปด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยและกังวลใจถ้าหากว่าถึงวันที่เขาจากไปจริงๆภูริจะใช้ชีวิตอย่างไร พิพัฒน์รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมารอที่โต๊ะอาหาร เพราะพิพิม เคยสอนเขาอยู่เสมอว่า อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอเวลาทานอาหาร พิพัฒน์ถึงแม้ว่าจะไม่มีพ่อแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นขาด เพราะเขามีแม่ที่คอยเติมเต็มความรักให้อยู่ตลอด จนเปี่ยมล้น
“อ้าว ….พัฒน์ หน้าไปโดนอะไรมาล่ะนั่น? อย่าบอกนะว่ามีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน เด็กเรียบร้อยอย่างพัฒน์ ไม่น่าจะไปทำเขาก่อน คงโดนรังแกมาใช่ไหม อย่ายอมนะลูก เราเป็นลูกผู้ชายใส่มาก็ใส่กลับคืนไม่อย่างนั้นมันจะได้ใจและพยายามหาเรื่องเราอยู่ตลอด”
“คุณกฤษคะ เหตุผลต้องมาก่อนความรุนแรงสิคะ”
“บางครั้งเหตุผลก็ไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับคนนิสัยพานและเกเร ยิ่งเราอ่อนข้อให้กับมัน มันก็จะได้ใจ และหาเรื่องแกล้งเราไปเรื่อย ๆ ต้องเอาจริงกับมันบ้างมันจะได้ไม่กล้า”
ภูริกลับมาบ้านโดยการนั่งรถแท็กซี่ภายในบ้านที่ตั้งแต่มีพิพัฒน์และพิพิมพ์เข้ามาอยู่นั้นทำให้ดูคึกคักไม่เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อน เสียงหัวเราะดูมีความสุข ของคน 3 คนที่อยู่ในบ้าน ภูริยืนมองด้วยความรู้สึกที่โดดเดี่ยวความสุขตรงนั้นไม่มีเขารวมอยู่ด้วย พ่อไม่เคยกลับมากินข้าวกับเขาเลยสักครั้ง ในเวลาที่เขาต้องการพ่อมากที่สุด มีเพียงแม่บ้านที่อยู่เป็นเพื่อนเขาและดูแลเมื่อยามป่วยไข้ตั้งแต่ภูริจำความได้ แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา ภูริต้องการเพียงแค่ความรักความอบอุ่นจากพ่อของเขาบ้างเท่านั้นเอง ทุกครั้งที่กลับมาบ้านแล้วเห็นพ่อมีความสุขอยู่กับ พิพัฒน์ และพิพิมพ์ มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับสองแม่ลูกนั้น พ่อไม่เคยแสดงความรักเช่นนี้กับเขาเหมือนที่ทำกับพิพัฒน์และพิพิมพ์เลย ภูริ แอบคิดในใจว่าที่พ่อทำแบบนี้กับเขาอาจจะเป็นเพราะว่า แอบคิดในใจว่าที่พ่อทำแบบนี้กับเขาอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นลูกของผู้หญิงที่พ่อเกลียด ภูริ ตัดสินใจก้าวเข้าไปในบ้านและทำเป็นไม่สนใจคนทั้ง 3 เขาเดินตรงไปยังบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปบนห้องของตัวเอง แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวผ่านห้องอาหาร
“ ภู กินข้าวมาหรือยัง มากินข้าวกับพ่อก่อนสิลูก กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ภู เคยบอกกับพ่อว่าอยากกินข้าวเย็นกับพ่ออยู่บ่อยๆ นี่ไงพ่อกลับมาแล้วรอลูกทุกวันเลย”
“เชิญพ่อกินกันไปเถอะ ผมไม่อยากเป็นส่วนเกินในครอบครัวของพ่อ ผมไม่อยากเป็นส่วนเกินในครอบครัวของพ่อ เมื่อก่อนไม่เห็นพ่ออยากจะกลับมากินข้าวที่บ้านเลย แต่พอมี สอง คนนี้เข้ามา ช่างเถอะ …..”
“หน้าไปโดนอะไรมา?”
“ ถามเพราะความเป็นห่วงหรือเพียงเพราะอยากจะด่า แต่ก็จะตอบให้ได้รู้ไว้บ้างก็แล้วกันถ้าพ่ออยากรู้ และเพิ่งคิดจะสนใจผมขึ้นมาบ้าง หมาไงพ่อ หมามันกัด หมาที่พ่อเลี้ยงไว้ มันเลี้ยงไม่เชื่องอยู่ต่อหน้าพ่อทำเป็นกระดิกหาง ดิ๊ก ๆ แต่พอลับหลังมันก็แว้งกัดผมอย่างไรล่ะ”
“นายมาต่อยชั้นก่อน ชั้นก็แค่อยาก แสดงให้เห็นว่าชั้นไม่มีทางยอมนายตลอดไปหรอก ว่าคนอื่นเขาอย่างนู้นอย่างนี้ ไม่เคยมองดูตัวเอง พัฒน์ ขอโทษนะครับคุณลุงที่อดใจไม่ไหว”
“นี่ แกไปทำร้ายเขาก่อนอย่างนั้นเหรอ? ชั้นไม่เคยสั่งสอนแกให้เป็นอันธพาลเที่ยวไปต่อยตีกับใครอย่างไม่มีเหตุผล”
“ ก็มันแช่งพ่อไงนี่คือเหตุผล มันบอกว่าอีกสักหน่อยพ่อจะไม่อยู่ ความหมายของมันก็คือ มันรู้ว่าพ่อกำลังจะตาย นั่นหมายความว่ามันกับแม่ของมันกำลังวางแผนฆ่าพ่อเครื่องฮุกสมบัติของพ่อยังไม่รู้ตัวแล้วยังจะเข้าข้างมันอยู่ได้”
“พัฒน์ ไม่ได้แช่งแค่กำลังจะบอกความจริงแต่ลูกชายคุณลุงไม่ยอมฟังอะไรเลย คึกทักไปเองแล้วก็มัวแต่โกรธจนทำร้ายผมก่อน”
“ความจริงอะไร? ความจริงที่แม่มึงเอาตัวเข้าแลกเพื่ออยากจะไต่เต้าโดยใช้เต้าไต่ จนทำให้ได้ตำแหน่งสูงๆในบริษัทของพ่อกูอย่างนั้นน่ะเหรอ และบางทีอาจจะได้หมดทุกอย่างที่เป็นของพ่อกูไปแล้วก็ได้”
“ เพี๊ยะ…!...ชั้นทนแกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แกไปเอาความคิดต่ำช้าพวกนี้มาจากไหน? คงได้มาจาก…..”
“คงได้มาจากผู้หญิงที่พ่อเกลียด และพ่อก็คงเกลียดผมเหมือนกับขี้เกียจแม่ถึงได้ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่นกับผมเลย ทีกับไอ้กาฝากเหี้ยนี่เห็นพะเนาคะนออย่างกับเป็นลูกของตัวเอง หรือว่า ที่จริงแล้วพ่ออาจจะเป็นชู้ กับนังโสเภณีนี่จนเกิดไอ้กาฝากนี่ขึ้นมา ผมหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ”
“โอ๊ะ…โอย”
กฤษณะเอามือกุมหน้าอกข้างซ้าย แล้วทรุดลงกับพื้น พิพิมพ์ รีบหยิบยาให้เขาอมไว้ใต้ลิ้นเพื่อบรรเทาอาการ ภูริไม่สนใจที่จะสังเกตเห็นอาการผิดปกติของ กฤษณะผู้เป็นพ่อเลย กำแพงที่เขาสร้างขึ้นภายในจิตใจยิ่งเพิ่มความหนาแน่นขึ้นไปอีกจนกระทั่ง ไม่สนใจและใส่ใจคำพูดคำเตือนของพ่อ ภูริ วิ่งขึ้นไปบนห้องด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ที่ตรงนี้ไม่มีที่ให้เขายืนอยู่เลย ที่ตรงนี้ไม่มีที่ให้เขายืนอยู่เลยความแค้นและความเกลียดชังทวีความรุนแรง ขึ้นเรื่อย ๆ ภูริ น้ำตาร่วงไหลอาบแก้ม ข้าวของภายในห้องของ ภูริ กระจัดกระจายไปทั่วห้องเต็มพื้นจากการระเบิดอารมณ์ความโมโหและความแค้นลงมากับข้าวของจนพังเสียหาย ไฟแค้นที่ลุกโชนขึ้นและหนักกว่าเดิม แววตาแข็งกร้าวด้วยความโกรธอย่างหนักเพิ่มเท่าทวีคูณ
“ไอ้พัฒน์ มึงได้เห็นดีแน่ ครั้งต่อไปกูจะเอามึงให้หนักกว่าเดิม”
อาการของกฤษณะเริ่มดีขึ้นแล้วหลังจากที่ได้การปฐมพยาบาลจาก พิพิมพ์ การปะทะที่รุนแรงในครั้งนี้ทำให้ พิพิมพ์ ตระหนักได้ถึงความไม่ปลอดภัยของ พิพัฒน์ เธอรู้สึกกังวลใจ จึงตัดสินใจเอ่ยกับกฤษณะผู้เป็นสามีว่า จะขอออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อหลีกหนีปัญหาที่กำลังจะตามมา
“คุณกฤษณ์คะ คุณกฤษณ์คะพิมพ์ว่า ให้เราสองแม่ลูกออกไปอยู่ข้างนอกดีกว่าค่ะ ที่คอนโดของคุณก็ได้”
“ไม่นะ คุณเป็นภรรยาของผมแล้ว และมีเพียงคุณคนเดียวที่ผมไว้ใจ ถ้าผมเป็นอะไรไปผมเป็นห่วง ภู คุณต้องเป็นคนที่ช่วยดูแลภู แทนผมสักวันเขาจะเห็นความดีของคุณเหมือนกับที่ผมเห็น”
พิพิมพ์ยอมตามใจกฤษณะด้วยแววตาวิตกกังวล ภูริ คิดเอาคืนความเจ็บปวดในครั้งนี้ เขาวางแผนทั้งคืน
“ไอ้นัทกูมีเรื่องสนุกๆอยากให้มึงช่วยกู”
“สนุกเหี้ยอะไรวะ สนุกของมึงเจ็บตัวกูทุกที”
หลังจากที่ได้ปะทะคารมกันไปเมื่อวานนี้ ภูริ ไม่ยอมนั่งรถของพ่อไปโรงเรียนเพราะไม่อยากเจอ พิพัฒน์ เขาเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ เมื่อกฤษณะถามเขาก็ตอบด้วยวาจาและสำนวนที่กระแทกแดกดันผู้เป็นพ่อของเขา
“พ่อจะมาสนใจภูทำไม เชิญพ่อไปเอาอกเอาใจลูกกับเมียของพ่อเถอะผมมันแค่ส่วนเกิน”
แล้วเขาก็รีบเดินหนีไปไม่ยอมให้กฤษณะได้โอกาสที่จะอธิบายอะไรเลย
ที่โรงเรียน
ภายในห้องน้ำในช่วงเวลาเรียนนั้นจะไม่ค่อยมีเด็กนักเรียนพลุกพล่าน วันนี้ ภูริ ต้องการเอาคืน พิพัฒน์อย่างหนักจนถึงขั้นอับอายขายหน้า ภูริ และณัฐนนท์ มาดักซุ่มรอที่ห้องน้ำชายได้สักพักใหญ่ ภูริ ไม่ยอมเข้าเรียนเพื่อกระทำการนี้โดยเฉพาะ
“ไอ้ภู เมื่อไหร่น้องชายมึงจะมาวะ?... รอนานแล้วนะเนี่ย”
“เดี๋ยวมันก็ต้องมา มันต้องปวดขี้ปวดเยี่ยวบ้างแหละ ถ้ามันมาถึงแล้วกูจะเป็นคนลากมันไปที่ห้องเก็บของแล้วมึงจัดการเลยนะในห้องน้ำไม่ได้คนเข้าออกเยอะห้องเก็บของน่าจะเหมาะ”
“นั่นๆ ไอ้พิพัฒน์มาแล้วทำไงดีวะ?”
“มันมาคนเดียวเสียด้วยได้โอกาสของเราพอดี”
พิพัฒน์รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็วเพื่อทำธุระโดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครซุ่มอยู่ เขายืนทำธุระส่วนตัวจนเสร็จแต่ยังไม่ทันได้ติดตะขอกางเกงและใส่เข็มขัดให้ดีก็มีใครบางคนเข้ามาทางด้านหลังใช้มือปิดปากและจับแขนของเขาไขว้ไว้ด้านหลัง เขาจำเสียงได้ในทันทีว่าเป็น ภูริ และภูริ ก็กำลังจะลากพิพัฒน์ เข้าไปในห้องเก็บของและปิดประตูล็อคอย่างแน่นหนา
“ไง ไอ้กาฝากมึงโชคร้ายจริงๆที่มาเข้าห้องน้ำคนเดียว แล้วเสือกบังเอิญมาเจอกู ฮึ ๆ ๆ นรกของจริงกำลังจะมาเยือนแล้วทำใจไว้ให้ดีล่ะ”
“นายจะทำอะไรชั้น ? อย่านะไม่งั้นชั้นจะฟ้องคุณลุง”
“มึงกล้าก็ลองดูสิ ยิ่งมึงห้าวมากเท่าไหร่ มึงก็จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น ไอ้นัทมึงเป็นคนถ่ายคลิปที่เหลือกูจัดการเอง”
“อย่านะ อย่าทำอะไรชั้นเลยชั้นขอร้อง “
พิพัฒน์พยายามขอร้องและพูดดีๆกับภูริ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภูริใจอ่อนลงเลยกลับยิ่งทำรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เสื้อผ้าถูกดึงถอดออกจนไม่เหลือร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงเขาจะตัวเล็กกว่าภูริ แต่มวลกล้ามเนื้อก็แน่นสวยงาม ผิวขาวเนียนของพิพัฒน์นั้น ทำให้ภูริรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ภูริมองต่ำ ลงไปเรื่อย ๆ จนเห็นช่วงกลางกายที่พิพัฒน์เอา มือปิดไว้ ภูริจับมือของพิพัฒน์ออก และตรึงรั้งไว้เพื่อให้ นัทธนนท์ถ่ายคลิปไว้ได้เต็มๆตัว และเห็นทุกสัดส่วน เพื่อที่จะประจานพิพัฒน์ลงในสื่อโซเชียล ให้พิพัฒน์ได้อับอาย ตามความต้องการของเขา เมื่ออุตส่าห์พูดดีๆขอร้องดีๆแล้วแต่ภูริก็ไม่ฟังคำขอร้องของพิพัฒน์เลย พิพัฒน์โกรธมากสบถทำด่าที่รุนแรงออกมา
“ ไอ้เลว ไอ้ชั่ว กูจะฟ้องคุณลุง”
“เชิญ มึงคิดว่ากูกลัวพ่อกูเหรอ? ยิ่งมึงไปฟ้องจะยิ่งดี สะใจดีพ่อกูจะได้รู้ว่ายิ่งเขาทำดีกับมึงเท่าไหร่กูก็จะใช้วิธีที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น”
พิพัฒน์เริ่มร้องไห้ เมื่อไม่มีทางสู้ทั้งแค้นและอับอาย พิพัฒน์คิดในใจว่าถ้าภูริโพสต์คลิปที่น่าอายของเขาลงสื่อโซเชียล เขาจะไม่ยอมอภัยให้ภูริอย่างแน่นอน เมื่อได้แก้แค้นสมใจแล้วภูริและณัฐนนท์ก็ทิ้งให้พิพัฒน์อยู่คนเดียวตามลำพังภายในห้องเก็บของ สภาพร่างกายผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่และ เลอะเทอะ ด้วยคราบฝุ่นเพื่อนๆในห้องเรียนของพิพัฒน์ ต่างมองมาที่เขาเป็น จุดเดียว พิพัฒน์กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เสียงซุบซิบนินทาที่เขาไม่ได้ยิน แต่พิพัฒน์แน่ใจว่าเพื่อนๆคงเห็นคลิปที่น่าอายของเขาไปแล้วแน่ ๆ ภูริได้โพสต์คลิปประจานพิพัฒน์ไปแล้วจริงๆอย่างที่เขาบอก เพราะภูรินั่นแหละที่ส่งคลิปมาให้เขาดูพร้อมกับข้อความต่อท้ายคลิปว่า
“มึงดังแล้วนะไอ้พัฒต้องขอบใจกูที่ทำให้มีคนสนใจมึงตั้งเยอะแยะ ฮา ๆ ๆ ๆ”
เสียงซุบซิบนินทา วิพากษ์วิจารณ์สัดส่วนของเขาให้เขาได้ยินในบางครั้ง ทำให้พิพัฒน์ไม่อยากมาโรงเรียน
“ไม่น่าเชื่อว่าข้างในของมันจะสวยขนาดนี้ มันต้องโดนคนถ่ายคลิปคนนั้นทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้วก็ได้”
พิพัฒน์กลับบ้านไปด้วยอาการเศร้าหมอง จนพิพิมพ์เกิดความสงสัย
“มีเรื่องอะไรที่โรงเรียนอีกแล้วเหรอเล่าให้แม่ฟังซิ”
“แม่พัฒน์ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ย้ายโรงเรียนได้ไหม?”
“เราไม่ได้เป็นคนทำผิดทำไมเราต้องอาย แล้วทำไมเราต้องมีด้วย ใครจะมองเราอย่างไรก็ช่างไปสิ รู้อยู่ว่าความรู้สึกเช่นนี้มันยาก แต่อายแล้วได้อะไร อีกไม่นานพวกเขาก็ลืม แค่ภาพโป๊เลยจากการถูกกลั่นแกล้งคนที่มองอาจจะไม่ได้มองเพราะความรู้สึกอยากตำหนิหรือนินทา แต่ที่เขามองและซุบซิบเพื่อไม่ให้เราได้ยินเพราะเขาอาจจะสงสารก็ได้ คนที่ทำกับพัฒน์ ครั้งนี้มันแรงเกินไปแม่ไม่ยอม แม่จะให้คุณกฤษณ์จัดการกับลูกชายของเขาให้เด็ดขาด”
พิพิมพ์ รายงาน เรื่องนี้ให้กับกฤษณะรู้ในวันรุ่งขึ้นหลังจากเสร็จงานที่บริษัทและนั่งรถกลับบ้านมาพร้อมกัน
“ทำไมคุณพึ่งมาบอกผม น่าจะบอกตั้งแต่เมื่อเช้าจะได้จัดการกับเจ้านั่นตอนนั้นเลย”
“พิมพ์เกรงว่าคุณจะเครียด นี่ก็พยายามหาจังหวะตั้งนานกลัวคุณจะอาการกำเริบอีก พิมพ์ไม่ได้คิดแค้นคุณภูนะคะ แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไปพิมพ์ตัวว่าจะเกิดเรื่องที่มันใหญ่กว่านี้”
“นี่ยังไม่ใหญ่อีกเหรอ การถ่ายคลิปผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดกฎหมาย แล้วนี่มันยังถ่ายภาพโป๊อนาจารของผู้อื่นอีกด้วย ผมจะจัดการกับมันให้เด็ดขาด สอบเสร็จอาทิตย์นี้ผมจะให้มันไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที ให้มันได้ใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว จะได้รู้ถึงความยากลำบาก สบายเกินไปแล้วยิ่งปล่อยไว้แบบนี้ยิ่งจะเลวร้ายลงสักวันต้องเป็นนักเลงเป็นอันธพาลแน่ ๆ”
กฤษณะนั่งรอภูริอยู่ที่บ้านภายในห้องรับแขกหลังจากที่เขาได้กลับมาถึงบ้านอาบน้ำก่อนเพื่อระงับอารมณ์ที่โกรธจนเดือดพล่าน ภูริคิดและทำใจอยู่แล้วว่าเขาจะต้องโดนพ่อของเขาเล่นงานหนัก แน่ ๆ เขาจึงเดินเที่ยวเพื่อฆ่าเวลา จนกระทั่งภูริยอมเข้าบ้านในตอนดึก ไฟในบ้านปิดจนหมด มีเพียงแสงสลัวๆจากไฟนอกบ้าน ภายในห้องรับแขกที่มืดสนิท แม่บ้านตื่นมาเปิดประตูให้เขาด้วยอาการงัวเงีย เพราะรีบตาลีตาเหลือกลุกมาเปิดประตูให้เขา ภูริคิดว่าจะนอนกับ ณัฐนนท์ในครั้งแรกแต่ทว่าการกระทำที่มันเลวร้ายของเขา พ่อของณัฐนนท์จึงไม่ยอมให้ภูริมาข้องเกี่ยวกับณัฐนนท์อีก ภูริเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านด้วยความเงียบที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เขาพยายามเดินอย่างช้าๆและเงียบกริบ ภูริคิดว่าในตอนวันพรุ่งนี้เขาจะตื่นให้เร็ว และรีบออกไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อที่จะไม่ต้องเจอหน้าพ่อ ภูริเดินทางผ่านห้องรับแขกภายในห้องรับแขกปิดไฟจนมืดสนิท ภูริคิดว่าพ่อของเขาคงหลับไปแล้วเพราะตอนนี้มันดึกมากในขณะที่เขากำลังจะก้าวขาขึ้นบันได ไฟในห้องรับแขกก็สว่างขึ้นมา พร้อมกับเสียงทักที่แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“จำทางกลับบ้านได้แล้วเหรอ ไอ้ลูกชั่ว”
กฤษณะเดินตรงเข้ามาหาภูริอย่างเอาเรื่อง
“เพี๊ยะ…!...”
“พ่อตบภู ทำร้ายลูกตัวเองเพื่อปกป้องลูกคนอื่น ผมมั่นใจแล้วว่าไอ้กาฝากนั่นอาจจะเป็นลูกแท้ๆของพ่อก็ได้ ส่วนภู อาจจะเป็นลูกชู้ก็ได้ใช่ไหม? พ่อคงคิดเช่นนั้นสินะถึงได้จงเกลียดจงชังภูได้ถึงขนาดนี้?”
กฤษณะกำลังจะเงื้อมือไปที่ใบหน้าของภูริอีกครั้ง คาไว้อยู่อย่างนั้น ฝ่ามือที่ฟาดปะทะไปในครั้งแรกยังคงรู้สึกเจ็บและชาไม่หายแรงสะท้อนกลับมาจากใบหน้าของภูริจนมือของเขาสั่นสะเทือน กฤษณะ ข่มสะกดกลั้นน้ำตาที่มันเออจนแทบจะล้นออกมาด้วยความเจ็บปวดใจ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อจำเป็นต้องตีลูก ลูกเจ็บเท่าไรพ่อแม่เจ็บมากกว่าลูกเป็นร้อยเท่า กฤษณะมองดูฝ่ามือของเขาที่แดงเป็นปื้นจากแรงกระทบ เขาถอนหายใจ เฮือกใหญ่ แล้วเงยหน้าจ้องเขม็งไปที่ภูริยังเอาเรื่อง
“ถามหน่อยเถอะ แกเป็นโรคจิตหรือไง หรือว่ามีพฤติกรรมชอบแอบถ่ายผู้ชายด้วยกัน มีรสนิยม รักร่วมเพศหรืออย่างไร?”
“ก็ไม่ได้ชอบดูหรอก แต่ภู จะทำทุกอย่างให้มันอยู่ที่นี่ไม่ได้ ให้มันออกไปพ้นสายตาของภู ไอ้พัฒน์ มันต้องขอบคุณภูเสียด้วยซ้ำ ที่ภูทำให้มันดังเป็นพลุแตกเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“อืม…พ่อจะตามใจภู อีกไม่นานภู จะไม่ได้เห็นหน้าพิพัฒน์และพิพิมพ์ อีก อาทิตย์หน้า”
“จริงเหรอพ่อ?”
ภูริแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อคิดว่าสุดท้ายแล้วพ่อก็เลือกเขา กฤษณะพยักหน้าอย่างเหนื่อยๆแล้วเดินกลับขึ้นห้องไปภูริยิ้มกลิ่นด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก เขาลืมความเจ็บปวดจากแรงตบของพ่อไปเสียสนิทด้วยความดีใจ
“ สุดท้ายพ่อก็ต้องเลือกเรา พ่อรักเราและเห็นเราสำคัญกว่าไอ้กาฝากลูกของนัง18 มงกุฎนั่น เลือดย่อมข้นกว่าน้ำเสมอ ไหน ๆมันก็จะกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว เราจะไม่วุ่นวายกับไอ้กาฝากนั่นอีก”
ภูริไม่ราวีไม่วุ่นวายกับพิพัฒน์อีก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ชั่วโมงเรียนว่ายน้ำภูริต้องลงมาซ้อมว่ายน้ำทุกวัน แต่เขาก็ต้องชะงักและหยุดนิ่งยืนดู พิพัฒน์กำลังซ้อมว่ายน้ำอยู่ตามลำพังคนเดียวที่สระว่ายน้ำของโรงเรียน ความรู้สึกแปลกๆได้เกิดขึ้นกับหัวใจของเขา ในขณะที่แอบดูพิพัฒน์ว่ายน้ำ สรีระร่างกายของพิพัฒน์ที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำรัดตึงจนเห็นสัดส่วนบางอย่างที่อยู่ภายใต้ร่มผ้าของเขา กล้ามเนื้อเป็นร่องเป็นลอน ภูริเผลอมองสำรวจเรือนร่างของพิพัฒน์อย่างลืม ตัวลำอ้อยขนาดใหญ่ ที่อยู่ภายใต้กางเกงว่ายน้ำรัดรูป ทำให้หัวใจของภูริตื่นตระหนก ทุกท่วงท่าการลงเล่นว่ายน้ำของพิพัฒน์ ทำให้ภูริแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นแรง ภาพเปลือยของพิพัฒน์ในวันนั้นที่เขาถ่ายเก็บไว้ยังคงติดตาจนไม่สามารถจะลบเลือนมันออกไปได้จากความคิดของเขา ทั้ง ๆที่คิดทั้งหมดเขาได้ลบมันออกไปจนไม่เหลือเก็บไว้เลย
“ไอ้ภู ไอ้โรคจิต มึงแอบดูน้องชายมึงว่ายน้ำอยู่หรือไง?”
“ไอ้นัท สัส กูไม่ได้โรคจิตแต่กูแค่ลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือว่าจะกลับดี วันนี้ไม่ซ้อมดีกว่าปล่อยมันไปเถอะ”
“เอ๊ะ นี่กูหูเพี้ยนไปหรือเปล่า ปกติมึงเห็นน้องมึงอยู่ที่ไหนมึงก็จะปรี่เข้าไปหาเรื่องมันทุกครั้งเลยนี่หว่า หรือว่าครั้งนั้นพ่อมึงทำโทษหนักเลยหรือวะ?”
“เปล่า แต่พ่อบอกว่าอาทิตย์หน้าหลังจากที่สอบเสร็จเรียนจบ ม. 6 แล้วกูจะไม่ได้เห็นหน้า สอง แม่ลูกนั่นอีก พ่อคงซื้อบ้านให้ สอง คนนั่นอยู่ต่างหาก ก็ดีเหม็นขี้หน้ามัน จนแทบจะอ้วก”
“ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อไม่ได้ซ้อมว่ายน้ำแล้ว เราไปเดินเล่นหาอะไรกระแทกปากกันดีกว่า”
“อะไรที่สามารถกระแทกปากมึงได้ไม่ต้องไปไกลๆก็มี”
“อะไรวะ?”
“TEEN กูไง เห็นหน้ากูเป็นตู้กดเงินเคลื่อนที่หรือไงวะ?”
“แหม ๆ ๆ เลี้ยงกูหน่อยเถอะพ่อกูไม่ได้รวยเหมือนพ่อมึงนี่”
เพื่อนซี้เพื่อนรักภูริและณัฐนนท์โดดเรียนไปในที่ที่เคยไปทุกวันถึงภูริจะดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจกับการเรียนแต่เขาก็เรียนดีไม่แพ้พิพัฒน์เลย และนี่ก็เป็นสิ่งที่กฤษณะพอใจมากและหวังว่าเมื่อภูริเรียนจบ ม 6 เขาจะส่งภูริไปเรียนเมืองนอก ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนำความรู้ความสามารถกลับมาบริหารบริษัทของเขาเพื่อสืบช่วงต่อ
1 อาทิตย์ผ่านไป
การสอบในวันสุดท้ายหลังจากงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ม. 6 ในวันอำลาเพื่อนๆในวัยรุ่นชั้นมัธยม ที่ทุกคนกำลังจะเข้าข้ามความเป็นเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่และวัยทำงานหลังจากจบมหาวิทยาลัย ภูริ กลับบ้านเร็วกว่าปกติ เขารีบไปดูว่า พิพัฒน์และพิพิมพ์ เตรียมตัวออกจากบ้านแล้วหรือยัง กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ภูริก็รู้สึกกระหยิ่ม แอบยิ้มที่มุมปากเพราะเขาจะได้ไม่ต้องเจอสองแม่ลูกนั่นอีกแล้ว กฤษณะเดินเข้ามา พร้อมกับสั่งให้ทุกคนเตรียมตัว ประชุมครอบครัวที่โต๊ะอาหารในมื้อค่ำนี้
ที่โต๊ะอาหาร
“เอาล่ะเมื่อทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดแล้ว ภูริ พ่อมีเรื่องจะบอก แกเรียนจบมัธยมแล้วต่อไปกิจการทั้งหมดที่เป็นของพ่อ พ่อจะยกให้ลูกเพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น”
คำพูดของพ่อที่ภูริได้ยินทำให้เขารู้สึกดีใจ ภูริมองหน้าพิพัฒน์และพิพิมพ์ พร้อมกับแสดงสีหน้าท่าทางที่เป็นการเยาะเย้ย
“แล้วเมียของพ่อล่ะ เธอจะไม่ได้อะไรเลยเหรอ?”
“ไม่ เธอจะไม่ได้อะไรเลย จะไม่มีหุ้นส่วนในบริษัทเลยแม้แต่เปอร์เซ็นเดียว แต่ลูกจะต้องดูแลเธอแทนพ่อรับปากได้ไหม?”
“ได้สิครับ”
ภูริบตอบโดยไม่คิดอะไรเพราะเขาคิดว่า อย่างไรเสียพ่อก็ต้องรับผิดชอบส่งเสียให้เงินเดือนพิพิมพ์และพิพัฒน์ทุกเดือนอยู่แล้วเรื่องแค่นั้นเขาทำได้
“ถ้าอย่างนั้น อีก สอง วันแกต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอกพ่อติดต่อและหาที่เรียนไว้ให้แกแล้ว ที่อยู่ก็มีพร้อม”
“พ่อหลอกภู ไหนเพราะว่าจะไล่มัน สอง คนออกไปแล้วทำไมกลับเป็นภูที่ต้องเป็นคนออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วย?”
“ชั้นบอกแกตอนไหนว่าจะไล่พิพัฒน์กับแม่ของเขาออกไป ในเมื่อแกก็เรียนจบแล้ว และมันถึงเวลาที่แกจะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ได้แล้วเพื่อนำเอาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนกลับมาบริหารบริษัทของแกอย่างไร”
“พ่ออย่าทำเป็นพูดให้ดูดีเหมือนกับว่าหวังดีกับภู เสียเต็มประดา สุดท้ายแล้วพ่อก็หลงมัน 18 มงกุฎกับไอ้กาฝากนี่ ก็ดี ได้ เมื่อไหร่ที่ผมเรียนจบและกลับมา บริหารงานในบริษัทของพ่อเมื่อไหร่ ผมจะเฉดหัว สอง คนนี้ออกไปให้พ้นตา กว่าจะถึงวันนั้นก็คงทำอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว และผมก็จะเอามันให้หนักกว่าครั้งก่อนคอยดู”
แววตาสิ้นหวังของภูริพี่จ้องมองกฤษณะผู้เป็นพ่อสลับกับแววตาแข็งกร้าว ที่จ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของพิพัฒน์อย่างหาเรื่อง พิพัฒน์รู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอเขาที่โรงเรียนแล้ว แต่ว่าภูริ ยังอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา พิพัฒน์จะหลบเลี่ยงอย่างไร เขาถอนหายใจยาวพรางคิดว่า
“อดทนอีกแค่ สอง วัน เขาก็ไปแล้ว อดทนเพื่อแม่และลุงกฤษ”
ภูริโกรธมากพี่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เขาต้องการ ความเจ็บปวดและผิดหวังประดังประเดย์เข้ามาอีกครั้ง ก่อนจะไปเขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้พิพัฒน์จดจำไม่มีวันลืม แต่ภูริยังคงคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร พิพัฒน์กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย คริสต์ชนะเสนอให้พิพัฒน์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาจะเป็นคนส่งเสียให้พิพัฒน์เอง แต่พิพัฒน์ปฏิเสธ เพราะเป็นห่วงพิพิมพ์แม่ของเขา พิพัฒน์อ่านหนังสืออย่างหนักจนแทบจะไม่ได้ออกจากห้องเลย เขาออกมาเฉพาะตอนกินข้าว แล้วก็กลับเข้าไปใหม่ พิพัฒน์พยายามหลบหน้าไม่อยากเจอภูริ เพื่อป้องกันการปะทะ
“พรุ่งนี้นายนั่นก็ไปแล้ว ชั้นคงอยู่อย่างสบายใจสักที วันนี้คุณลุงกับแม่ไม่อยู่ด้วยสิ ทำไมต้องมีงานเลี้ยงวันนี้ด้วยนะ นายนั่นคงไม่คิดจะทำอะไรเราหรอกนะ”
พิพัฒน์สำรวจรอบๆห้องว่าปิดประตูหน้าต่างล็อคกลอนดีแล้วหรือยังเพื่อป้องกันไม่ให้ภูริแอบเข้ามาทำร้ายเขาได้ พิพัฒน์รู้สึกง่วงเขาจึงปิดไฟนอน และหลับไป จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเปิดไฟที่หัวเตียงและเห็นนาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้ตีสอง แล้ว พิพัฒน์เข้าใจว่าแม่คงกลับมาแล้วอาจจะมาเคาะประตู ใช้ให้เขาทำอะไรบางอย่างให้ก็ได้ เหมือนทุกครั้งที่กลับมาจากงานเลี้ยงคุณลุงมีอาการเมาแม่จะต้องมาเรียกให้เขาไปเตรียมผ้าชุบน้ำมาให้แม่เพื่อเช็ดหน้าคุณลุงเหมือนทุกครั้ง
“ก๊อก ๆ ๆ”
พิพัฒน์เปิดประตูออกไปโดยไม่ทันระแวงอะไรเลย
“นาย…! …ภูริ…..”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!