NovelToon NovelToon

ระหว่างเรา... จะรักกันอีกได้มั้ย

บทที่1 เจอกันอีกครั้งในรอบ10ปี

มิวยืนนิ่งอยู่หน้าเสื้อผ้าของเธอในห้องเดินออกจากบ้าน สายฝนที่ตกลงมาในกรุงเทพฯ ทำให้เธอไม่อยากออกไปไหน แต่ก็มีงานเลี้ยงรุ่นที่ต้องไปในคืนนี้ เพื่อนๆ ส่งข้อความมาไม่หยุดจนเธอไม่มีทางเลือก

ในช่วงสุดสัปดาห์แล้วก็ได้รู้ว่า งานเลี้ยงรุ่นที่มัธยมปลายจะจัดขึ้นในไม่ช้า เป็นการรวมตัวของทุกคนที่เคยเรียนด้วยกัน ที่เดียวที่มีความทรงจำมากมาย ทั้งดีและไม่ดี... และในนั้นก็มี เซน เขาด้วย

เซน... อดีตแฟนเก่าของมิวในช่วงมัธยม เขาเป็นผู้ชายที่เธอเคยรัก แต่ความรักนั้นไม่เคยไปถึงไหน เพราะหลังจากเซนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ การติดต่อของทั้งสองก็เริ่มห่างเหินไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็เลิกกัน โดยที่ไม่มีใครรู้สึกว่ามันต้องเสียใจหรือกลับมาอีกครั้ง

เมื่อมิวเดินเข้าไปในงานเลี้ยงรุ่น ท่ามกลางเพื่อนๆ ที่คุ้นเคย บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดคุยที่ไม่เคยขาดหายไปในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มิวเห็นเซนอยู่มุมหนึ่งของห้อง เขายืนอยู่กับเพื่อนๆ แต่เขากลับไม่มองไปที่เธอเหมือนในอดีต

“มิว! เธอมาช้าจังเลย!” เพื่อนคนหนึ่งทักทายมิว ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มพูดคุยกันเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาระหว่างเรียนมัธยม

ในขณะที่เธอเดินเข้าไป นั่งลงที่โต๊ะกับเพื่อนๆ เซนยังคงพูดคุยกับคนอื่นๆ อย่างเป็นปกติ เหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่เธอกลับมาที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มในวันนี้

เพื่อนๆ บางคนเริ่มพูดถึงความรักในช่วงนั้น “แล้วพวกเธอล่ะ เคยเป็นคู่รักกันแบบจริงจังไหม? หรือแค่ช่วงวัยรุ่นที่ไม่มีความหมาย?” เพื่อนคนหนึ่งพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ

มิวและเซนมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่จะต่างฝ่ายต่างหลีกเลี่ยงการพูดถึงความสัมพันธ์ในอดีต “ก็... เราเคยเป็นแฟนกันนะ” มิวตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

เซนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่เราไม่สามารถหวนกลับไปได้”

การสนทนาของพวกเขาทั้งสองจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกที่พิเศษใดๆ เหมือนในอดีต ทั้งคู่รู้ดีว่าแม้ว่าจะกลับมาเจอกันในวันนี้ ความสัมพันธ์นั้นก็คืออดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว

มิวมองไปยังเซนอีกครั้ง เขาก็ยังคงเป็นคนเดิม มีเสน่ห์เหมือนในอดีต แต่ในวันนี้พวกเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมเรียนที่ไม่เคยคิดถึงกันอีกต่อไป

ทั้งสองต่างรู้ดีว่า... บางครั้งการที่ไม่กลับไปคิดถึงกัน ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสียงเพลงเบาๆ ดังอยู่ทั่วห้องเลี้ยงรุ่น ท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ และเสียงหัวเราะของเพื่อนเก่า มิวกลับรู้สึกเหมือนห้องนี้แคบลงเรื่อยๆ… สายตาของเซนที่มองผ่านเธอราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน ทำให้หัวใจของเธอแน่นอย่างบอกไม่ถูก

ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในงาน เซนไม่พูดกับมิวเลยสักคำ บางครั้งเธอเห็นเขาลอบมอง แต่ทุกครั้งที่สายตาประสานกัน เซนกลับเบือนหน้าหนีเหมือนเธอเป็นคนแปลกหน้า

มิวรู้สึกไม่สบายใจ ความอึดอัดเริ่มก่อตัวอย่างไม่มีเหตุผล แม้เธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว แต่ท่าทีเฉยชานั้นก็เหมือนเป็นการตัดสินว่าการปรากฏตัวของเธอในวันนี้… ไม่ควรเกิดขึ้น

“ขอโทษนะ พวกแก... เราว่าจะกลับก่อน” มิวพูดขึ้นหลังจากนั่งเงียบมานาน น้ำเสียงเธอนุ่มแต่ฟังออกว่าฝืนยิ้มอยู่

“หืม? ยังไม่ทันจะได้ถ่ายรูปรวมเลย!” เพื่อนคนหนึ่งร้อง

“ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าละกันนะ” มิวฝืนยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องไปช้าๆ

ทันทีที่เธอเดินออกไป เสียงซุบซิบของเพื่อนๆ ก็เริ่มดังขึ้น

“เอาจริงนะ… พวกนั้นเคยคบกันปะวะ?”

“คบน่ะรู้ แต่เคย... มีอะไรกันมั้ยวะ? ดูเงียบๆ กันทั้งคู่เลย”

“ไม่รู้สิ แต่ตอนคบกันนี่ใกล้กันจะตาย ขนาดนั้นอะนะ จะไม่มีอะไรกันเลยเหรอ?”

เซนที่ยืนอยู่ใกล้โต๊ะขนมได้ยินทุกคำพูด แววตาเย็นชาที่เขาเคยแสดงไว้มาตลอดทั้งคืน สั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาแข็งกร้าว

“เลิกพูดเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของพวกแกได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงต่ำ น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงด้วยความไม่พอใจชัดเจน

เพื่อนๆ หันมามองกันเงียบๆ บางคนยิ้มกลบเกลื่อน “เฮ้ย ล้อเล่นน่า ก็ถามกันขำๆ”

“ขำ?” เซนปรายตามองกลับเย็นเฉียบ “ถ้าคิดจะล้อ ก็หัดคิดก่อนพูดบ้าง คนบางคนเดินออกไปเพราะบรรยากาศโง่ๆ แบบนี้นั่นแหละ”

น้ำเสียงเขายังคงคุมอารมณ์ แต่ในใจกลับมีบางอย่างร้อนรุ่มขึ้นมา ทั้งที่เขาไม่ได้คิดถึงเธอเลย… ไม่ควรจะรู้สึกอะไรด้วยซ้ำ

แต่ทำไมตอนที่เธอเดินจากไป พร้อมกับแววตาเสียใจแบบนั้น มันถึงยังทำให้ใจเขาเงียบลงไม่สนิทเสียที...

หลังจากยืนเหม่อมองสายฝนอยู่นาน มิวก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง ทุกก้าวที่เดิน มันเหมือนเดินผ่านความทรงจำที่ถูกพับเก็บไว้ในกล่องเก่าๆ ซึ่งเธอไม่คิดจะเปิดมันอีกแล้ว

แต่ใครจะคิด... แค่การเจอเขาอีกครั้งในคืนนั้น กล่องใบนั้นกลับเปิดออกอย่างง่ายดาย

เช้าวันถัดมา มิวกลับมาทำงานตามปกติ แต่ไม่ทันไร เธอก็ต้องชะงักเมื่อชื่อของเขาถูกพูดถึงในห้องประชุม

“อาทิตย์หน้าเราจะมีการพรีเซนต์งานให้กับบริษัทพาร์ทเนอร์ใหม่ ชื่อ ZN Group นะ” หัวหน้าทีมพูดขึ้น

หัวใจมิวแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินชื่อนั้น

ZN — บริษัทที่เซนเป็นผู้บริหาร

“ใครจะเป็นคนพรีเซนต์?” เธอถามเสียงเบา หวังในใจว่าอาจจะไม่ใช่เธอ

“มิวไง เราเห็นว่าเธอเข้าใจงานนี้ที่สุดแล้ว ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

เธอยิ้มจางๆ ฝืนตอบ “ค่ะ... ได้ค่ะ”

ในหัวกลับมีเสียงถามซ้ำไปมา

“ต้องเจอกันอีกแล้วเหรอ?”

วันนัดประชุมมาถึงเร็วกว่าที่มิวคาดไว้ เธอนั่งรออยู่ในห้องประชุม พร้อมพรีเซนต์ทุกอย่างที่เตรียมไว้เรียบร้อย จนกระทั่งประตูเปิดออก

และเขาก็เดินเข้ามา

เซนในชุดสูทเรียบหรู สีหน้าเรียบนิ่ง เขาเหลือบตามองเธอเพียงครู่เดียว... แล้วก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะโดยไม่พูดอะไร

ตลอดเวลาของการนำเสนอ เขาไม่แสดงสีหน้าใดๆ ไม่พูดแทรก ไม่แม้แต่จะสบตา

เมื่อการพรีเซนต์จบลง เซนพยักหน้าเพียงเบาๆ “ดีครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล”

ไม่มีคำชม ไม่มีคำติ

ไม่มีคำว่า “นานแล้วนะ” หรือ “สบายดีไหม”

มิวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงหนาๆ

และไม่ว่าเธอจะพยายามมองผ่านมันแค่ไหน เธอก็ไม่เห็นอะไรเลยจากอีกฝั่ง

ขณะที่เธอกำลังเก็บของกลับ เซนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินผ่านเธอโดยไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงไม่กี่ก้าว ก่อนจะถึงประตู เขาก็หยุดลง

“…ทำไมต้องหนีออกจากงานเลี้ยงวันนั้น”

เสียงของเขาเบาและนิ่ง แต่ชัดเจน

มิวชะงักไป

เขายังจำได้งั้นเหรอ?

เธอไม่หันไปมองเขา ตอบเพียงเบาๆ “เพราะมันอึดอัด”

“อึดอัด... เพราะฉันเหรอ?”

ไม่มีคำตอบ

เพราะเธอไม่รู้จะพูดออกมายังไงให้เขาเข้าใจ

แล้วเสียงฝีเท้าของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเงียบไป

เขาเดินจากไปแล้ว

แต่คำถามของเขา

กลับยังอยู่ตรงนั้น...

ในใจเธอหลังจากเซนถามว่า "อึดอัด... เพราะฉันเหรอ?"

มิวไม่ตอบ เธอยังคงก้มหน้าเก็บของเงียบๆ เหมือนไม่อยากเปิดบทสนทนาให้ลึกไปกว่านี้

แต่เสียงของเขากลับดังขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้... หนักแน่น และเย็นชากว่าครั้งไหนๆ

“แปลกดีนะ คนที่เดินหนีไปก่อน กลับเป็นคนที่ดูเจ็บกว่า”

เซนพูดพลางเดินกลับเข้ามาใกล้

มิวชะงักมือ หยุดหายใจชั่วครู่

“หรือเธอแค่เสียดาย?”

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง ไม่มีแววประชด แต่กลับเจ็บยิ่งกว่าถูกตะโกนใส่

มิวเงยหน้าขึ้นมองเขา ในนัยน์ตามีทั้งความตกใจและสับสน

“นาย...พูดแบบนี้ทำไม?”

เซนหัวเราะในลำคอเบาๆ “ก็เธออยากหนี ฉันก็แค่ช่วยผลักไง”

“ไม่จำเป็นต้องพูดประชดขนาดนี้ก็ได้”

“ประชด?” เขายิ้มเย็น “ฉันแค่พูดความจริง ไม่ใช่เหรอ เธอเองก็ไม่ได้อยากเจอหน้าฉันอยู่แล้ว”

มิวเม้มปากแน่น ความรู้สึกบางอย่างพุ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่อก

เซนยังพูดต่อ “ที่เงียบไปตอนนั้น... ก็เพราะฉันรู้ ว่าเธอเองก็เบื่อเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ฉันที่หายไป”

เขาจ้องเธอเขม็ง เหมือนต้องการให้เธอยอมรับสิ่งที่เขาพูด

“อย่าทำเหมือนฉันคนเดียวที่เปลี่ยนไปสิ เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหละ”

มิวได้แต่ยืนนิ่ง

คำพูดของเขาไม่ใช่แค่บาดใจ แต่เหมือนกรีดซ้ำลงบนแผลเดิมที่ยังไม่เคยหายดี

เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมสติสุดท้าย

“ถ้านายคิดแบบนั้นมาตลอด ก็ดี... อย่างน้อยฉันจะได้ไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป”

เซนไม่ตอบอะไร เขามองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

และแล้ว เขาก็พูดออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้อง

“บางที... ฉันควรจะลืมเธอให้เร็วกว่านี้”

เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบา

แต่ในใจของมิว

มันดังกึกก้องเหมือนเสียงระเบิด

เสียงประตูเพิ่งจะปิดลง มิวยังคงยืนนิ่งอยู่กลางห้อง

น้ำเสียงเย็นชา สีหน้าเรียบเฉย และคำพูดของเขาเมื่อครู่... มันเหมือนมีดที่กรีดซ้ำลงกลางใจ

เธอก้มหน้าลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่ก่อนที่ความเงียบจะกินเธอทั้งตัว

เธอก็เผลอพูดออกมาเสียงเบา... เบาจนเหมือนพูดกับตัวเอง

แต่เสียงนั้น

ดังพอ... ที่เขาจะได้ยิน

“แต่ฉัน... ยังไม่ลืม”

เสียงฝีเท้าที่กำลังจะเดินจากไป ชะงักกะทันหัน

มือของเซนที่จับลูกบิดประตูไว้แน่น เผลอกำไปจนขึ้นข้อขาว

เขาไม่ได้หันกลับมาในทันที แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

เหมือนกำลังทบทวนว่า... เขาได้ยินถูกจริงๆ หรือเปล่า

“อะไรนะ?” เขาถามกลับโดยไม่หันมา

น้ำเสียงของเขา ไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อน แต่แฝงด้วยความลังเล

มิวยังคงยืนนิ่ง เธอรู้ตัวว่าหลุดพูดออกไปแล้ว

แต่เมื่อเขาถาม เธอก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

“ฉันบอกว่า... ยังไม่ลืม”

เสียงของเธอสั่นน้อยๆ แต่ชัดเจนทุกคำ

เซนหันกลับมาช้าๆ สีหน้าของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แววตานิ่งสงบของเขากลับไหววูบ คล้ายกับถูกอะไรบางอย่างกระทบเข้าอย่างจัง

“เธอหมายความว่าไง?”

มิวสบตาเขาตรงๆ “ฉันไม่ได้หมายถึงแค่ความรู้สึก... ฉันหมายถึงทุกอย่าง

ฉันยังจำได้หมด ทั้งเรื่องดีและเรื่องแย่

ยังจำได้ว่าเคยรักกันแค่ไหน... และเคยเจ็บกันมากแค่ไหน”

เธอกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

“บางครั้งฉันก็อยากจะลืมเหมือนที่นายทำได้ แต่มันไม่ง่าย... โดยเฉพาะเมื่อฉันไม่ได้เลือกจะเดินจากไปแบบนั้น”

เซนไม่พูดอะไร เขามองเธอเนิ่นนาน ราวกับเพิ่งเห็นเธอเป็นครั้งแรกอีกครั้ง

หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย... และไม่ใช่เพราะโกรธ

เขาแค่ไม่คิดว่า... เธอจะพูดมันออกมาตรงๆ แบบนี้

ไม่คิดว่าเธอจะ “ยังรู้สึก”

ทั้งที่เขาเอง... ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองลืมไปได้จริงหรือเปล่า

บทที่2 เธอคนเปลี่ยนไป

หลังจากคืนนั้น มิวใช้เวลานั่งนิ่งอยู่หน้าจอมือถือ เธอลังเลอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจกดเข้าไปที่แชทของเซน

เธอลบคำหลายรอบ กว่าจะพิมพ์ข้อความสุดท้ายออกมาได้

> เซน เราต้องทำงานด้วยกันอีก… ขอโทษเรื่องเมื่อวานนะ

ถ้าว่าง เดี๋ยวชวนไปกินข้าวเที่ยงเป็นการขอโทษก็ได้ จะได้จบกันแบบดีๆ

ไม่นานนัก เซนตอบกลับมาสั้นๆ

> โอเค

มิวอ่านแค่คำนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ เธอไม่คาดหวังอะไรไปมากกว่านี้แล้ว

---

มื้อเที่ยงวันถัดมา ทั้งคู่ไปนั่งที่ร้านอาหารข้างทาง ไม่ไกลจากออฟฟิศ เป็นร้านเรียบง่ายที่มิวชอบมานั่งบ่อยๆ เวลาอยากหนีความวุ่นวาย

เธอสั่งอาหารง่ายๆ สองจาน แล้วนั่งรอเงียบๆ ข้างๆ เขา

เซนยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ

“เลี้ยงข้าวฉัน… ที่ร้านข้างทาง?”

มิวชะงักไปนิด ก่อนจะยิ้มบางๆ

“ก็...ร้านนี้อร่อยนะ ราคาก็ไม่แพง”

เซนไม่ได้ตอบอะไรต่อ แต่เพียงแค่คำพูดนั้น ก็เหมือนแทงลงในใจเธออีกครั้ง

ในอดีต เขาไม่เคยพูดแบบนี้ ไม่เคยดูถูกความธรรมดาแบบที่เธอเป็น

เขาเคยกินบะหมี่รถเข็นกับเธอ เคยนั่งปิ้งลูกชิ้นข้างโรงเรียนด้วยกัน เคยหัวเราะกับรสชาติที่ไม่ได้เรื่อง… แต่ตอนนี้ เขากลับมองทุกอย่างว่า “ต่ำไป” สำหรับเขา

มิวไม่ได้เถียง ไม่ได้อธิบายอะไร

แค่ยิ้มให้ และตอบเบาๆ

“ขอโทษนะ ถ้าร้านมันไม่ดีพอสำหรับนาย”

เธอก้มหน้าลง ใช้ช้อนคนข้าวไปมา

“แค่อยากให้มันจบแบบที่...ไม่ต้องอึดอัดอีก”

เซนไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เขามองเธอเงียบๆ

แววตาแข็งกระด้างค่อยๆ คลายลงเล็กน้อย

อาหารมาเสิร์ฟ ทั้งคู่เริ่มลงมือกิน แต่ไม่มีรสชาติอะไรในปากของมิวเลย

บางที... ความเจ็บปวดที่สุด อาจไม่ใช่การเลิกรัก

แต่คือการที่ต้องฝืนยิ้มให้คนที่เคยรักเรา... เหมือนไม่เคยรักกันมาก่อน

เซนนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น ในร้านข้างทางที่เขาเคยไม่คิดจะนั่ง

ข้าวในจานเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่เขากลับไม่รู้สึกหิว

หลังจากมิวขอตัวกลับไปก่อน โดยบอกเพียงสั้นๆ ว่า "มีงานต้องทำ"

เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม มองถนนที่รถวิ่งผ่านด้วยสายตาว่างเปล่า

คำพูดที่เขาเคยคิดว่าแค่พูดไปตามความรู้สึกเย็นชา

กลับย้อนกลับมาจี้ตรงกลางอกแบบไม่ทันตั้งตัว

“เลี้ยงข้าวฉันที่ร้านข้างทาง?”

ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้น

ทั้งที่เมื่อก่อน... เขาเคยหัวเราะกับเธอในร้านบะหมี่แบบนี้

เคยนั่งข้างๆ กันในร้านแบบนี้ แล้วพูดว่า

“อยู่ที่ไหนก็อร่อย ถ้ามีเธอกินด้วย”

เซนกัดฟันแน่นเล็กน้อย พลันได้ยินเสียงใสๆ ดังมาจากด้านหลัง

“พี่เซน!”

เขาหันไปมองตามเสียง เห็นหญิงสาวร่างบาง หน้าตาน่ารักสดใสในชุดนักศึกษาเดินตรงเข้ามา

“มีน่า?”

เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย

มีน่าเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่เขา และมักจะเรียกเขาว่า “พี่ชาย” ด้วยความเคารพและสนิทสนมแบบครอบครัว

“บังเอิญจังเลยค่ะ นี่... พี่นั่งอยู่ตรงนี้เหรอ?”

เธอมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปมองเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ยังว่างอยู่

เห็นจานอาหารที่เพิ่งถูกวางไว้ และร่องรอยคนเพิ่งลุกไป

มีน่าเลิกคิ้ว

“แล้ว… เมื่อกี้ พี่นั่งกับใครเหรอคะ?”

เซนเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“คนรู้จักเก่า”

“เหรอ…” มีน่าพยักหน้าเบาๆ แต่สีหน้าดูสงสัย

เธอไม่เคยเห็นเซนอยู่ในที่แบบนี้

ยิ่งไม่เคยเห็นเขานั่งกินข้าวข้างทางกับใคร

แต่เธอก็ไม่ได้ถามต่อ

เพียงแค่ยิ้มให้ แล้วพูดเบาๆ

“งั้นไว้คุยกันใหม่นะคะ หนูมีเรียนต่อ”

เธอโบกมือนิดๆ แล้วเดินจากไป พร้อมความสงสัยในใจ

เซนมองตามแผ่นหลังเล็กๆ ของมีน่าที่ค่อยๆ ลับตาไป

ในหัวเขายังคงวนเวียนกับภาพของมิว… และคำพูดของเธอ

“ขอโทษนะ ถ้าร้านมันไม่ดีพอสำหรับนาย”

เสียงนั้นเบา… แต่ชัดเจน

และตอนนี้ มันกลับดังก้องในใจของเขา

ดังเกินกว่าที่เขาจะเมินเฉยได้อีกต่อไป

เสียงแจ้งเตือนจากมือถือดังขึ้นในช่วงหัวค่ำ ขณะที่มิวกำลังเก็บของที่โต๊ะทำงาน

> "ตอนค่ำเลี้ยงเหล้าฉันด้วย จะถือว่าเป็นการขอโทษคนเย็นชาใจร้ายแบบฉันก็แล้วกัน"

ข้อความสั้นๆ จากเซน ทำให้เธอหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง

เขา...พูดแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม?

ไม่รู้ว่าควรรู้สึกขำหรือหงุดหงิด แต่มิวก็ยอมตอบตกลงไป

บางที...มันอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงแบบไม่ฝังใจ

---

ร้านเหล้ามีระดับใจกลางเมือง บรรยากาศหรูหรา ไฟสลัวอบอุ่น เสียงเพลงเบาๆ คลอไปกับบทสนทนาเงียบๆ ของผู้คนในร้าน

มิวเดินตามเซนเข้ามา ก่อนจะโดนเขาหันมาถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ร้านเหล้าหรูขนาดนี้…มีเงินเลี้ยงฉันแน่เหรอ?”

มิวไม่ตอบ เธอเพียงแค่ยิ้มจางๆ แล้วเดินนำไปนั่งที่โต๊ะมุมเงียบๆ

เหล้าถูกสั่งมา เซนไม่แตะมันเลย

เขานั่งกอดอกพิงเก้าอี้ สายตานิ่งเย็น มองเธออย่างนิ่งเฉย

มิวจิบไปแค่คำเดียว รสชาติแรงจนเธอแทบสำลัก

เหล้าราคาแพงในแก้วกลับไม่มีรสอะไรเลย...นอกจากความฝืน

บรรยากาศเงียบจนเหมือนจะกลืนทุกเสียงรอบตัว

ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงหวานๆ ที่ดังขึ้น

“พี่เซน!”

ทั้งคู่หันไปพร้อมกัน

มีน่าในชุดเดรสรัดรูป เดินเซๆ เข้ามาในร้าน ใบหน้าแดงเล็กน้อยจากแอลกอฮอล์

“บังเอิญจังเลย เจอกันที่นี่อีกแล้ว”

เธอยิ้ม ก่อนจะหันไปมองมิว

“แล้วนี่…ใครเหรอคะ?”

มิวหันไปสบตาเธอเล็กน้อย แล้วยิ้มสุภาพ

มีน่าไม่ได้รอฟังคำตอบ เธอเดินเข้ามาแนบตัวซบลงที่ไหล่ของเซนหน้าตาเฉย

“วันนี้หนูเมาเลย...คืนนี้ไปส่งหนูที่บ้านหน่อยได้ไหมคะ?”

มิวเบือนหน้าหนีทันที

ไม่ใช่เพราะหึง...แต่เพราะไม่เข้าใจว่ากำลังนั่งอยู่ในสถานการณ์แบบไหน

เซนปรายตามองมิว

และพูดขึ้นเสียงเรียบจนน่าหงุดหงิด

“ได้ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

มิวเม้มปากแน่น

หัวใจเธอเงียบงันไปหมด เธอลุกขึ้นจากโต๊ะทันที ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

---

ค่ำคืนนั้น มิวกลับมาถึงห้องด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง

เธอถอดรองเท้าอย่างเหนื่อยล้า ปล่อยตัวลงบนเตียง แล้วหลับตาแน่น

“นี่มันคืออะไร… เรากำลังเล่นอะไรกันอยู่?”

เธอพูดเบาๆ กับตัวเอง ในห้องเงียบๆ ที่ไร้เสียงของใคร

ความรู้สึกที่ควรถูกลืมไปนานแล้ว

กลับตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ในรูปแบบที่เจ็บยิ่งกว่าเดิม...

เซนพามีน่าไปที่บ้านของเธอ แต่เมื่อถึงที่นั่น มีน่ากลับพูดขึ้นมา

“พี่เซนค่ะ… บ้านหนูไกลมากจริงๆ ถ้าจะให้พี่ไปส่งถึงบ้านคงลำบาก เราไปโรงแรมกันดีกว่าค่ะ”

เซนหันมองไปที่มีน่า สับสนเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“อืม” เขาตอบสั้นๆ

---

ในห้องของโรงแรม

มีน่าพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูมีเสน่ห์ แต่ก็ชัดเจนในความหมาย

“พี่เซน... หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากให้พี่อยู่ข้างๆ ในคืนนี้ เรามาทำกันเถอะนะคะ”

เซนตกใจและรีบตอบกลับไปทันที

“นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่นะ? อย่าทำแบบนี้เลย”

เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เพราะสิ่งที่มีน่ากำลังทำมันไม่เหมาะสมและเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้

เซนยืนขึ้นและเดินไปที่ประตูพร้อมกับพูดออกมา

“ขอโทษครับ ฉันไม่สามารถทำแบบนี้ได้”

มีน่ารีบวิ่งไปที่ประตูและปิดมันทันที ป้องกันไม่ให้เขาออกไป

“พี่เซน… ฉันแค่... แค่ต้องการให้พี่อยู่ข้างๆ เท่านั้นเอง”

นางถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดโชว์เรือนร่างที่น่าพิศวาสอันเย้ายวนออกมา

แต่เซนรีบผลักประตูออกไป พร้อมพูดเสียงเครียด

“ไม่ใช่แบบนี้! นี่มันไม่ถูกต้อง”

มีน่ากำลังก้มตัวไปถอดกางเกงของพี่เซน...

---

ขณะที่มิวอยู่ในห้องพักของเธอ

มิวนั่งเหม่อลอยบนเตียง คิดถึงเซนและสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนก่อนๆ รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไรดี

เธอหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาจากโต๊ะข้างเตียงและดื่มเข้าไป

“ป่านนี้... เซนคงอยู่กับเธอแล้ว เเละทำกับเธอ…” มิวพึมพำกับตัวเอง

ความรู้สึกแปลกๆ ที่ยังคงตีกันในใจของเธอทำให้มิวยิ่งรู้สึกห่างไกลจากทุกสิ่งรอบตัว

บทที่3 เธอทำให้ใจฉันสับสน เซน

เซนเดินออกจากโรงแรมหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ความรู้สึกในใจของเขาผสมปนเปกันไปหมด แม้เขาจะตัดสินใจอย่างมั่นคง แต่ก็ยังมีบางสิ่งในใจที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยและไม่สบายใจ

เขารู้ว่ามิวอยู่ที่คอนโดนั้น... ซึ่งเป็นที่ที่เขาซื้อไว้ตั้งแต่ช่วงที่เรียนอยู่ต่างประเทศ เมื่อเขามาถึงหน้าห้องของมิว เขาหยุดยืนอยู่ตรงนั้นซักพักก่อนจะเคาะประตู

ประตูเปิดออก และมิวยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าของเธอเป็นแบบสบายๆ ท่ามกลางแสงไฟอ่อนๆ ภายในห้อง เซนที่ยืนอยู่ตรงประตูรู้สึกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอในตอนนี้ ความรู้สึกเก่าๆ ที่เขาพยายามเก็บซ่อนไว้เริ่มตีกันในหัวใจ

มิวมองเซนที่ยืนอยู่หน้าประตู ขณะที่เหงื่อยังคงเปียกบนเสื้อของเขาจนเห็นกล้ามเนื้อแผ่วเบา แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจมากกว่าคือแววตาของเซนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

มิวรู้สึกเหมือนจะต้องหายใจลึกๆ เพื่อทำใจ

“มิว...” เสียงเซนเบา แต่ฟังดูหนักแน่นในทุกคำพูดที่ออกจากปาก

มิวหันหลังให้ทันที โดยไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าเธอในตอนนี้ เธอรู้สึกเกินจะอธิบาย

เซนไม่พูดอะไรมาก เขาก้าวเข้ามาใกล้และกอดเธอจากด้านหลังอย่างนุ่มนวล การสัมผัสนี้ทำให้มิวรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง ทุกๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับมารวมกันในจังหวะเดียว

มิวรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเซนอยู่ใกล้ๆ ท่ามกลางความเงียบที่คลุมตัวพวกเขา เขายังคงกอดเธอเบาๆ และในขณะที่มิวยืนข้างหน้า มือของเซนก็ค่อยๆ กระชับมากขึ้น ราวกับจะปลอบใจและทำให้เธอรู้สึกว่าเขายังคงอยู่ที่นี่

แต่สำหรับมิว... ความรู้สึกทั้งหมดกลับไม่ได้ชัดเจนทันที เธอยังไม่แน่ใจว่าเธอพร้อมที่จะเปิดใจให้เขาอีกครั้งหรือไม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถละทิ้งความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาได้เลย

มิวหลับตาลงช้า ๆ ความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดของเซนแทรกซึมเข้าสู่หัวใจ เธอพยายามไม่สั่นไหว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการที่เขาอยู่ใกล้ขนาดนี้... มันยังคงส่งผลกับเธอเหมือนวันเก่า

"นายมาที่นี่ได้ไง..." เสียงของเธอเบาและสั่น แม้พยายามจะพูดให้หนักแน่น แต่ก็ยังแฝงด้วยความสับสน

เซนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่เหมือนทุกครั้ง

"ฉันไม่รู้... แต่ฉันแค่อยากมาเห็นหน้าเธออีก"

คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่ทำให้หัวใจมิวสะเทือน

เธอค่อย ๆ ผละตัวออกจากอ้อมกอด หันหน้ามามองเขาอย่างตรง ๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ

"นายทำให้ฉันสับสน เซน... นายโผล่มาในชีวิตฉันอีกครั้ง แล้วก็ทำเหมือนไม่แคร์ แต่ตอนนี้นายกลับมาทำแบบนี้อีก... มันคืออะไร?"

เซนสบตาเธอ ริมฝีปากเม้มแน่น เขาเหมือนพยายามจะหาคำพูดที่เหมาะสม แต่ไม่มีคำใดชัดเจนพอจะอธิบายความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่ในใจเขา

"ฉันก็สับสนเหมือนกัน..." เขาพูดในที่สุด

"แต่เมื่อกี้... ตอนที่เธอกอดอกเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร ฉันรู้สึกว่า... ฉันไม่อยากให้เธอหายไปจากชีวิตฉันอีก"

มิวเบือนหน้าหลบ ดวงตาเธอเริ่มคลอด้วยหยดน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่

"แต่นายก็ปล่อยให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่มีค่า" เธอพูดเสียงเบา

เซนขยับเข้าใกล้ ค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบผมเธอเบา ๆ ด้วยท่าทางที่ต่างจากความเย็นชาที่เคยเห็น

"ขอโทษ... ที่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น"

เงียบงันแผ่ปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มิวจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เช็ดน้ำตาตัวเอง

"เข้ามานั่งก่อนเถอะ ฝนยังไม่หยุดตก"

เซนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามเธอเข้าไปในห้อง ท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงตกพรำ เหมือนบรรยากาศที่ยังไม่ชัดเจนของความรู้สึกที่กำลังค่อย ๆ เปิดเผยออกมา

บรรยากาศในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งสองที่แผ่วเบา

เซนนั่งอยู่ปลายเตียง มองไปยังมิวที่กำลังจัดแก้วน้ำอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เขานึกถึงคำพูดของเพื่อนในงานเลี้ยงรุ่นที่ถามอย่างสนุกปากว่า "เคยมีอะไรกันรึยัง?"

แต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยคำตอบที่ไม่มีใครเคยได้ยิน

“ไม่… เราไม่เคยมีอะไรแบบนั้นเลย”

สายตาของเขาไล่ไปตามแผ่นหลังบางของมิวอย่างเงียบๆ

ไม่ใช่เพราะไม่อยาก

ไม่ใช่เพราะไม่มีโอกาส

แต่เพราะในตอนนั้น... ความรักของพวกเขาบริสุทธิ์เกินกว่าจะคิดถึงสิ่งอื่น

ความรักในวัยเรียน มันช่างตรงไปตรงมา อ่อนโยน และไม่ต้องการการยืนยันจากสิ่งใดนอกจากรอยยิ้มและคำว่าคิดถึง

มิวหันกลับมา เจอสายตาของเซนจ้องอยู่

“มองอะไร?” เธอถามเบาๆ พลางยิ้มจาง

เซนหลุบตาลง หัวใจรู้สึกอ่อนโยนอย่างประหลาด

“แค่นึกถึงตอนนั้น...” เขาพูดเสียงเบา “ตอนที่เรารักกันแบบ...ไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย”

มิวชะงักเล็กน้อย สายตาเธอฉายแววอ่อนลงทันที

“ฉันก็คิดถึงตอนนั้นเหมือนกัน” เธอเอ่ยตอบ กลบความสั่นในใจด้วยรอยยิ้มบางๆ

ค่ำคืนนั้นไม่มีคำพูดมากมาย ไม่มีการแตะต้องที่เกินขอบเขต

มีเพียงความเงียบที่อบอุ่น และความรู้สึกที่ยังคงอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!