NovelToon NovelToon

เกิดใหม่ทั้งทีทำไมต้องเกิดมาจนด้วย!!!

ร่าง

ชื่อเรื่อง: "เกิดใหม่ทั้งที ทำไมต้องเกิดมาจน"

เปิดเรื่อง:

ชีวิตเก่าของผม...แม้ไม่ได้หรูหรา แต่ก็มีบ้าน มีข้าวกินครบสามมื้อ และที่สำคัญ—มีศักดิ์ศรี

แต่ตอนนี้เหรอ?

ผมตื่นมาในกระท่อมไม้เก่า ๆ ที่หลังคารั่ว น้ำฝนหยดใส่หน้า ผ้าห่มขาด ๆ กลิ่นอับโชยพุ่งเข้าจมูก

เสื้อผ้าบนตัวบางจนแทบมองทะลุได้ มือผอมบาง ผิวขาวนวลราวกลีบกุหลาบ ดวงตากลมโตขนตางอนสะบัด...

"นี่ฉันตายแล้วมาเกิดใหม่...เป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยแต่จนฉิบหายอย่างงั้นเหรอ!"

บ้านไม่มีเงินติดตัวสักเหรียญ แถมชาวบ้านในหมู่บ้านก็ทำเหมือนผมเป็นตัวประหลาด เห็นหน้าสวย ๆ แบบนี้แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้...

จนกระทั่งเขาปรากฏตัว

ชายหนุ่มร่างสูง ผิวเข้มแน่น เส้นผมสีดำเข้มเซอร์ ๆ ดวงตาคมกริบ รอยยิ้มบาง ๆ แต่ดูอันตรายเกินจะไว้ใจ...

"เฮ้ เด็กน้อย...หิวไหม ตามพี่มา เดี๋ยวพี่เลี้ยง"

พระเจ้าครับ...คนแบบนี้ไว้ใจได้เหรอ?

แต่ท้องมันหิว...ผมหยิบตะกร้าผักเน่าในมือแน่น ๆ ก่อนพึมพำกับตัวเอง...

"เกิดใหม่ทั้งที...ขอแค่ไม่ตายซ้ำก็พอ...

เสียงสายฝนตกกระทบหลังคาสังกะสีเก่า ๆ ดังเปาะแปะไปทั่วกระท่อมไม้ผุ ๆ ที่แทบต้านแรงลมไม่ไหว

ผมนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตาไฟที่มีแค่ถ่านแดง ๆ คุกรุ่นอยู่ไม่กี่ก้อน

เงินเหรอ? ไม่มี

ข้าวสาร? หมดตั้งแต่เมื่อวาน

ร่างกายของเด็กหนุ่มเจ้าของร่างเดิมอ่อนแรงจากการอดอาหารหลายวัน ผม...คนที่มาแทนที่เขา ก็เลยหิวแทบขาดใจตามไปด้วย

มือผอมบางสั่นระริก กำลังจะหยิบตะกร้าผักเน่า ๆ ที่ชาวบ้านโยนทิ้งข้างถนนมากลั่นกรองดูว่า...มีอะไรพอกินได้บ้างไหม

แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู

"อย่าไปกินของพวกนั้นเลย เดี๋ยวตายซ้ำจริง ๆ หรอก"

ผมสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ

แล้วก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนพิงเสาไม้เก่า ๆ ไม่ห่าง

เขาสูงกว่าเยอะ กล้ามแขนแข็งแรงจนเห็นได้ชัดแม้เสื้อจะเก่าและขาดรุ่งริ่ง ผมสีดำเซอร์ ๆ ดวงตาคมกริบมองตรงมาแบบไม่แสดงอารมณ์

ริมฝีปากบาง ๆ ยกยิ้มจาง ๆ ราวกับกำลังล้อเลียน

"หิวล่ะสิ" เขาว่า

ผมเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่ท้องเจ้ากรรมกลับร้องเสียงดัง จนผมอยากแทรกแผ่นดินหนี

ชายคนนั้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา

"ไปกับฉันไหม เดี๋ยวหาอะไรให้กิน"

แน่นอน...ในโลกเก่าของผม แม่เคยสอนว่าห้ามไปกับคนแปลกหน้า

แต่ตอนนี้โลกใหม่ไม่มีแม่แล้ว มีแค่ผมกับท้องที่ร้องประท้วงไม่หยุด

สุดท้ายผมก็ค่อย ๆ ยื่นมือไปวางลงบนฝ่ามือหนานั้น

และเขาก็พาผมเดินฝ่าฝน ไปยังเพิงไม้เล็ก ๆ ริมแม่น้ำ ที่มีหม้อข้าวหม้อแกงวางอยู่ใต้เพิงมุงหญ้า

กลิ่นข้าวต้มกะทิหอมหวานตีขึ้นทันที

ผมน้ำตาแทบร่วง ทั้งจากความหิว ทั้งจากความดีใจ

"กินซะ" เขาบอก พลางตักข้าวต้มร้อน ๆ ใส่ถ้วยไม้เล็ก ๆ แล้วยื่นมาให้

วันนั้นเป็นข้าวต้มถ้วยแรกในชีวิตใหม่ของผมเลย

มื้อแรกที่ได้มากจากคนแปลกหน้าที่ไม่แม้แต่รู้จักชื่อ...

แต่แปลกดีนะ...ทั้งที่ไม่รู้จักกัน

ผมกลับรู้สึกว่า มือของเขา อุ่นกว่าผ้าห่มผืนไหน ๆ ในโลกใบนี้

2

ทที่ 2: คนแปลกหน้า...และบ้านหลังใหม่

หลังจากตักข้าวต้มกะทิถ้วยที่สองเข้าปากอย่างเงียบ ๆ ผมก็ค่อย ๆ เหลือบมองคนตรงหน้า

เขานั่งอยู่ตรงข้าม ท่ามกลางสายฝนที่ยังโปรยปรายลงมาไม่หยุด

แขนยาว ๆ พาดกับเข่า ใบหน้าคมคายซึ่งดูเฉยชาเหมือนรูปสลัก แต่สายตากลับไม่เย็นชาอย่างที่คิด

"ชื่ออะไร" เขาถามเสียงขรึม ขณะเติมฟืนเข้าเตาไฟ

ผมลังเลนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยออกไปเสียงเบา

"...ข้าว"

เขาเงยหน้าขึ้นนิด ๆ เลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายจะขำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

"ฉันเหนือ" เขาบอกง่าย ๆ แค่นั้น

เหนือ...ชื่อเขาเหรอ? ฟังดูแข็งแรง สมกับตัวตนดีนะ

ผมก้มหน้ากินข้าวต้มในถ้วยต่อ ไม่อยากทำตัวน่ารำคาญ

แต่แล้วเสียงห้าว ๆ ก็เอ่ยขึ้นอีก

"ถ้าไม่มีที่ไป...อยู่ด้วยกันที่นี่ไหม"

ผมหยุดมือชะงักไปนิดหนึ่ง

อยู่ด้วยกัน? กับคนแปลกหน้าแบบนี้น่ะเหรอ?

แต่ถ้าไม่อยู่...ผมก็ไม่รู้จะไปไหนจริง ๆ บ้านเก่าที่ตื่นมาเจอก็ผุพังเกินจะอยู่อาศัยแล้ว

ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง

เหนือไม่ได้เร่ง เขาแค่นั่งนิ่ง ๆ เหมือนรู้ว่าผมต้องตัดสินใจเอง

สุดท้าย ผมก็พยักหน้าเบา ๆ

เหนือยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มบางเฉียบที่ดูอันตราย แต่ในสายตาผมตอนนี้...มันกลับอบอุ่นเหลือเกิน

"งั้นพรุ่งนี้ช่วยกันหาฟืน หาปลา แลกข้าวกิน" เขาว่า

ผมพยักหน้าอีกครั้ง แข็งแรงกว่าครั้งแรกนิดหน่อย

คืนนี้...แม้จะยังหนาวอยู่บ้าง แต่การมีไฟอุ่น ๆ กับกลิ่นข้าวต้มอ่อน ๆ

มันก็ทำให้ผมหลับตาลงได้ โดยไม่รู้สึกโดดเดียว

เยี่ยม! เรามาเดินเรื่องต่อเลย — วันนี้เป็น "วันแรก" ที่ข้าวกับเหนือใช้ชีวิตด้วยกันจริง ๆ

รสชาติจะละมุน ๆ แต่มีความขมซ่อนนิด ๆ เหมือนช็อกโกแลตที่ยังไม่หวานดี

พร้อมแล้ว ไปกันเลย!

เช้าวันรุ่งขึ้น หมอกหนาเกาะไปทั่วทุ่งหญ้า

อากาศเย็นจนผิวขาว ๆ ของผมขึ้นรอยจ้ำแดง ๆ

ผมสะพายตะกร้าไม้สานเก่า ๆ เดินตามหลังเหนือที่แบกเบ็ดไม้ไผ่กับมีดอันหนึ่ง

เราเดินไปที่ลำธารเล็ก ๆ ที่อยู่นอกหมู่บ้าน ห่างจากเพิงพักพอสมควร

"เหยียบหินดี ๆ อย่าลื่นล่ะ"

เสียงห้าวต่ำพูดขึ้นลอย ๆ โดยไม่หันกลับมา แต่ผมรู้ว่าเขาหมายถึงผม

ผมพยักหน้าเงียบ ๆ แล้วตั้งใจเหยียบหินแต่ละก้อนอย่างระมัดระวัง

แต่โชคชะตาก็เหมือนจงใจกลั่นแกล้ง...หินก้อนหนึ่งลื่นเหมือนถูกน้ำเคลือบไว้

"ว้าย!"

ร่างเล็ก ๆ ของผมเสียหลัก พุ่งจะล้มลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ

แต่ก่อนที่ร่างจะกระแทกผิวน้ำ มือใหญ่แข็งแรงก็คว้าข้อมือผมไว้ได้ทัน

ตึง!

แรงกระชากทำให้ผมเซเข้าไปชนแผ่นอกของเขาเต็ม ๆ

เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าเหนืออยู่ใกล้แค่คืบ

ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาเป่ารดแก้มขาว ๆ ของผม

ตึกตัก ตึกตัก...

หัวใจในอกสั่นระรัว จนต้องรีบถอยออกมาอย่างลนลาน

เหนือถอนหายใจเบา ๆ เหมือนเอือม แต่ก็เอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น

นิ้วมือเขาใหญ่และหยาบ...แต่ก็อุ่นจนผมเผลอใจสั่น

"จับมือไว้" เขาพูดสั้น ๆ

ผม...ลังเลไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยอมให้เขาจับมือจูงข้ามลำธารไปด้วยกัน

---

วันนั้น เราไม่ได้หาปลาได้เยอะแค่ไหนหรอก

ได้มาแค่ปลาตัวเล็ก ๆ กับกุ้งตัวนิด ๆ ที่ต้องก่อไฟย่างแบบกินกันเปล่า ๆ

แต่...สำหรับผมแล้ว มันอร่อยที่สุดในชีวิต

เพราะมันมีกลิ่นหอมของไม้ฟืน ก๊าก ๆ ของไฟ และกลิ่นอุ่น ๆ ของคนข้างตัวที่ไม่ยอมปล่อยมือกัน

---

(ปลายบท)

ตอนค่ำ ข้าวกับเหนือกลับมาในสภาพตัวเปียกและหัวเราะคิกคักเพราะเปื้อนโคลนกันทั้งตัว

พวกเขานั่งผิงไฟด้วยกัน เหนือใช้เสื้อเก่า ๆ ของตัวเองห่มให้ข้าว

"นายไม่หนาวเหรอ" ข้าวถามเสียงเบา

เหนือไม่ตอบ แต่แค่ยกมือขึ้นขยี้หัวฟู ๆ ของข้าวอย่างอ่อนโยน

เหมือนจะบอกว่า...ขอแค่นายไม่หนาว ฉันก็พอใจแล้ว

คืนนี้...ข้าวนอนหลับไปพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยมีมานาน

จบตอน

3

💐ฝ่าดินฝุ่น...มือของเขายังคงจับฉันไว้

สองวันหลังจากมาอยู่กับเหนือ ผมเริ่มทำตัวกลมกลืนกับหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้บ้าง

วันนี้เหนือไปหาฟืนที่ป่าแต่เช้า ผมเลยออกมาเดินหาผักริมทางคนเดียว

อยากช่วยเขาแบกกับข้าวบ้าง ถึงจะยังทำได้ไม่ดีนักก็ตาม

แต่...โลกนี้ไม่ได้ใจดีเหมือนที่คิด

ขณะผมก้ม ๆ เงย ๆ เด็ดผักริมคันนา เสียงหัวเราะดัง ๆ ก็ดังขึ้นด้านหลัง

"เฮ้ย ไอ้หน้าสวย เอาผักขี้เหร่แบบนี้ไปเลี้ยงหมาหรือไงวะ ฮ่า ๆ ๆ!"

ผมหันไปเห็นกลุ่มเด็กหนุ่มตัวโตสามสี่คนยืนหัวเราะกัน

หนึ่งในนั้นถือไม้ไผ่ยาว ๆ แหย่มาทางตะกร้าผักผมจนของหล่นกระจายเต็มพื้น

ผมกัดฟันแน่น ก้มลงเก็บโดยไม่ปริปากพูดอะไร

ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้เหนือต้องมาเดือดร้อน

แต่พวกนั้นไม่หยุด

"ทำเป็นหยิ่งเหรอวะ มาจากไหนไม่รู้ อยู่ ๆ ก็มาเกาะกินคนเร่ร่อน ฮ่า ๆ ๆ!"

เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องในหัว

หน้าอกผมร้อนวูบขึ้นมา มือเล็ก ๆ กำแน่น

อยากจะพูด อยากจะเถียง แต่เสียงในหัวก็ดังก้องว่า...อย่าเลย อย่าเอาปากไปเปื้อนโคลน

หมับ!

ทันใดนั้นเอง มือหยาบใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งก็คว้าข้อมือผมดึงออกไปด้านหลังอย่างแรง

ตัวผมเซเข้าไปในอกอุ่น ๆ ที่คุ้นเคยอย่างกะทันหัน

เหนือ...

เขายืนขวางอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ใบหน้าเงียบขรึม แต่สายตาคมกริบเฉียบเย็นอย่างน่ากลัว

เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นชะงักกันหมด บางคนเผลอก้าวถอยหลังเองโดยไม่รู้ตัว

เหนือไม่พูดอะไรสักคำ

เขาแค่ก้มลงเก็บผักทุกใบที่กระจัดกระจายอยู่อย่างใจเย็น

มือหยาบ ๆ ลูบฝุ่นออกจากใบผักเบา ๆ แล้ววางมันกลับลงในตะกร้า

จากนั้น...เขาหันไปมองพวกนั้นด้วยแววตานิ่งเฉียบ

"อย่าแตะต้องของฉัน" เสียงเขาต่ำจนเย็นยะเยือก

ไม่มีคำขู่ ไม่มีเสียงตะโกน แต่พวกนั้นกลับหน้าซีดถอยหนีกันกระเจิงอย่างกับเห็นผี

เหนือหันกลับมาหาผม

ย่อตัวลงนิดหน่อยในระดับสายตา แล้วเอื้อมมือมาปัดเศษฝุ่นตรงแก้มผมเบา ๆ

"ขอโทษที่มาช้า" เขาว่าเสียงแผ่ว

หัวใจผมสั่นระริก

ผมก้มหน้าหลบสายตา รีบยื่นตะกร้าไปให้เขาเงอะงะ

เหนือรับมันมาแบกขึ้นบ่าอย่างสบาย ๆ แล้วส่งมือให้อีกข้างหนึ่ง

"จับไว้" เขาสั่งเบา ๆ เหมือนคราวที่ลำธาร

...และครั้งนี้ ผมไม่ลังเลอีกแล้ว

มือเล็ก ๆ ของผมวางลงบนมือใหญ่ ๆ ของเขาอย่างเต็มใจ

เราก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน ทิ้งทุกเสียงหัวเราะเยาะไว้เบื้องหลัง

ในหัวใจผม...มีแต่เสียงเต้นตึกตักของตัวเองเท่านั้น

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!