NovelToon NovelToon

เริ่มต้นด้วยร้าย

ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ

เริ่มต้นด้วยร้าย  ตอนที่1

“สวัสดี...เราชอบเธอนะ”

 หญิงสาววัยรุ่นเบ้าหน้าฟ้าประทานความโกรธคนหนึ่งส่งข้อความไปทัก

“พล” เพื่อนชายสุดฮอตประจำห้อง

“ใครน่ะ”

พลถามกลับ

“เธอไม่รู้จักเราหรอก”

หญิงสาวตอบกลับไป

(แน่สิ...ถ้าเค้ารู้จักเธอเค้าจะถามมั้ยว่าใครน่ะ  คิดสิคิด...ถ้าไม่รู้จะตอบอะไรก็เงียบหรือพิมพ์

... ส่งข้อความไปนะ  เจ้าสมองแกทำให้ฉันดูโง่ต่อหน้าผู้ชายอ่ะ)

“อืม...งั้นก็ไม่เป็นไรนะไม่อยากรู้แล้วอ่ะ  ทีหลังไม่ต้องทักมาอีกนะ”

พลตอบกลับแบบสุภาพ

(เหรอ...?)

เพล้งงงงงง...!!!

เสียงหน้าแตกแหกยับพร้อมกับเสียงแอร์ที่ดังหวึ่งๆ  ก้องอยู่ในหัวของหญิงสาว

ใช่...เธอรู้จักเขา  แต่เขาไม่รู้จักเธอ

เอิน...เด็กสาวที่นิสัยค่อนข้างที่จะขี้อายเนื่องจากโดนล้อเลียนเรื่องใบหน้าและการแต่งตัวมาตั้งแต่เด็ก

แม่ของเอินจะเป็นคนจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้  เพราะฉะนั้นแนวทางการแต่งตัวของเอินก็จะเป็นในแบบที่ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม  เรื่องแฟชั่นน่ะเหรอสำหรับเอินแล้วมันคืออะไรนะ...

ทางด้านพ่อของเอินนั้นก็จะดูแลเรื่องการเรียน  อุปกรณ์การเรียน  ทุกอย่างที่ใช้ที่โรงเรียน  การวางตัวต่างๆ

ดังนั้นเครื่องเขียนที่ใช้ก็จะออกแนวผู้ใหญ่ที่ดูจริงจัง  สุขุม  นุ่มลึก  พูดง่ายๆ

ก็แนวเดียวกับที่พ่อใช้ในทำงานนั่นแหละ

จะผิดแปลกไปจากเด็กนักเรียนหญิงทั่วไปที่จะใช้กล่องใส่ดินสอสีหวานแหว๋วเอาไว้สำหรับใส่ดินสอและยางลบลายการ์ตูนน่ารักๆ  ผ้าเช็ดหน้ามีชายระบายลูกไม้

เอินจึงดูเป็นเด็กแก่ๆ  หน้าขรึมๆ  แถมชอบทำตัวให้ดูถึกๆ  บึกบึนๆ  เพราะปกติต้องช่วยงานที่บ้านด้วย

เธอจึงมีฉายาในกลุ่มเพื่อนนักเรียนชายว่า

“ยักษ์ขมูขี”

เวลาเดินผ่านจึงมักจะโดนล้อให้ได้อายทุกครั้ง  ทำให้เป็นเด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง  และชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน  ใช้เวลาส่วนตัวในการฟังเพลงและออกกำลังกาย

แต่สิ่งหนึ่งที่เธอทำได้ดีก็คือการวิ่ง  เอินจึงเป็นนักกรีฑาตัวแทนของห้อง

มีอยู่ครั้งหนึ่งทางโรงเรียนจัดแข่งมาราธอนกับรุ่นพี่ในโรงเรียนเพื่อคัดเลือกตัวแทนเป็นนักกรีฑาเพื่อไปแข่งระดับเขต  ซึ่งแน่นอนว่าเอินแข่งชนะได้อันดับหนึ่งในรอบคัดตัว

แต่...เธอกลับไม่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งระดับเขตเนื่องจากรุ่นเล็กเกินไป

และเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวในรั้วโรงเรียนที่ทำให้เธอมีความสุขและภาคภูมิใจทุกครั้งที่นึกถึง  เพราะมันทำให้ลืมเรื่องที่เธอเป็นยักษ์ไปได้บ้าง

(เดี๋ยววววววว...เธอไม่ใช่ยักษ์นะเอิน

เธอเป็นคน)

เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมต้นเอินจึงตั้งใจที่จะเริ่มต้นชีวิตวัยรุ่นอันแสนสดใสใหม่

มีเพื่อนใหม่ ที่โรงเรียนแห่งใหม่ในระดับชั้นมัธยมปลาย

(แต่เสื้อผ้าหน้าผมของเธอมันก็ยังคงเป็นสไตล์เดิมเนื่องจากเธอยังมีแม่คนเดิมมันก็จะไม่ไหวเอานะเอิน  และตัวของเธอเองยังตามหลังคำว่าแฟชั่นอยู่อีกไกลมากด้วย)

ชีวิตในโรงเรียนใหม่เป็นไปด้วยความราบรื่นดี  เนื่องจากเอินไม่ค่อยที่จะสุงสิงกับใครเลยนอกจาก

“แฟ” เพื่อนผู้หญิงที่นั่งเรียนข้างๆ  เธอ

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็กำลังพยายามที่จะค่อย

ๆ ปรับตัวในการเข้าหาคนอื่นที่ละนิดๆ

-

-

-

พักเที่ยงวันหนึ่ง...

ขณะที่เอินนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนของเธอเพื่อเตรียมการเรียนวิชาถัดไปอยู่คนเดียวในห้อง

จู่ๆ  ก็มีเพื่อนชาย  2 คน  เดินคุยกันเสียงดังโวยวายเข้ามาในห้อง  และหลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มผลักอกกันไปมา

แต่เอินก็ยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจ  เพราะปกติเธอก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไรใครอยู่แล้ว

ผ่านไปซักพัก  ทั้งคู่ก็เริ่มชกต่อยกัน

เอินจึงเหลือบตาขึ้นไปดูว่าเค้าจะต่อยกันทำไม

“เอ๊ะ...หรือว่าเค้าอาจจะต่อยกันแย่งชั้นกันนะ  ลองแอบดูหน่อยก็แล้วกัน...”

เธอคิดในใจ

ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือ...

“พล”  กับ “ปรีชา”  เพื่อนในห้องของเอินกำลังชกต่อยกันอยู่

เนื้อหาใจความจับประเด็นได้ว่าเป็นเรื่องความเห็นต่างในแนวทางการแต่งรถมอเตอร์ไซด์ที่ทั้งคู่ชื่นชอบ  แต่เกิดมีความคิดเห็นไปคนละทาง  ซึ่งเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่รสนิยมและความชื่นชอบ  ไม่มีคำว่าถูกผิด

แต่ความคิดในหัวของเอินก็คิด-วิเคราะห์-แยกแยะไปว่า

เอินซ้าย : “เออ...ผู้ชายไมมันต่อยกันง่ายจังเรื่องแค่นี้เอง  ช่างเปราะบางกันเหลือเกิน”

เอินขวา : “ศักดิ์ศรีรึเปล่า  สไตล์ข้ามันต้องสาวกรี้ดกว่าแกนะเว้ยเฮ้ย  อะไรประมาณนี้”

เอินซ้าย : “แล้วถ้ามันต่อยกันจบ  คนที่ชนะนี่สาวๆ เค้ายอมรับกันใช่ป่ะว่าแบบคือใช่เลยย...เท่มากเลยงี้อ่ะ”

เอินขวา : “ไม่รู้สิ...ตัวชั้นเองยังห่างไกลกับคำว่าจะไปกรี้ดผู้ชายอยู่มากเลยนะ  ลืมรึเปล่าว่าพวกเราคือยักษ์ขมูขี  จะไปกรี้ดใครผู้ชายเค้าก็จะหนีเอาน่ะ”

หลังจากแวะไปอยากรู้อยากเห็นได้สักพัก

เอินก็นั่งเตรียมการเรียนต่อไป  ปล่อยให้พลกับปรีชาต่อยกันต่อโดยไม่คิดที่จะห้าม

หลังจากที่พลและปรีชาผลัดกันต่อยผลัดกันหลบสลับยืนโวยวายกันเป็นพักๆ  ทั้

งคู่ก็ได้ยกระดับการตู้สู้โดยเพิ่มขึ้นโดยการนัวเนียฉุดกระชากลากถูกันไปมา  กะว่าจะต้องเอาให้อีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้นก่อนให้ได้เพื่อจะได้ได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้

(เอิ่ม...พวกเธอสู้กับอะไร  จะสู้ไปทำไมอ่ะ)

ทำให้ทั้งคู่เสียหลักมาชนโต๊ะเรียนที่เอินนั่งอยู่พอดี  เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย  แต่จุดสายตามันดันไปตรงเป๊ะเข้ากับหน้าของพลพอดี

เอินซ้าย : “อั๊ยยะ...คือดีจังอ่ะ”

เอินขวา : “ชั้นสู่ขิตแล้วล่ะแก...”

นับเป็นครั้งแรกเลยที่สมองซีกซ้ายและซีกขวามีความคิดเห็นตรงกัน

หลังจากที่หน้าของคู่ต่อสู้ทั้งคู่เซมาที่โต๊ะเรียนของเอิน

จากนั้นไม่นานทั้งพลและปรีชาก็ถูกจับให้แยกย้ายกันเนื่องจากมีเพื่อนในห้องเอาน้ำสาดใส่ทั้งคู่

(เอ๊ย..ไม่ใช่ ๆ  ไม่ได้มาแยกหมากัดกันนะ)

ก็ได้มีเพื่อนในห้องเข้ามาห้ามทั้งคู่ไว้

ต่อมาทางรุ่นพี่ในโรงเรียนจึงเรียกให้ทั้งคู่มาปรับความเข้าใจกัน  ซึ่งทั้งคู่ก็จับมือและสัญญาว่าจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

(แล้วจู่ๆ  เพลงประกอบก็ดังคลอๆ ขึ้นมาว่า  เธอจะมีใจรีเปล่า...เธอจะมองมาที่ฉันรึเปล่า

ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร

ไม่ใช่สิ...!!!  อย่านอกเรื่องได้มั้ยยย...!!!”

และแล้วทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...จบ

(ยังงงงงงง...ความรักยังไม่ก่อเกิดเรื่องราวจะจบลงตรงนี้ไม่ได้นะ...!!!)

ข้อความแรก

เริ่มต้นด้วยร้าย  ตอนที่ 2

หลังจากเกิดเหตุการณ์ตาประสานกันของเอินและพล  เอินก็ไม่สามารถละสายตาจากพลได้เลย

ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหนหากพลอยู่ในรัศมีสายตาแล้วล่ะก็  เอินก็มักจะเหลือบมองพลเป็นระยะ ๆ   แต่ไม่กล้ามองโดยตรงเพราะกลัวพลจะรู้ว่าเธอแอบมองอยู่

บ่ายวันหนึ่ง

คาบวิชาเรียนภาษาอังกฤษ  ครูเรียกชื่อเอินให้ยืนขึ้นเพื่อตอบคำถาม  ระหว่างที่เอินกำลังยืนขึ้นตอบคำถามครูเป็นภาษามือเพื่อรอให้ปากขยับอยู่สักครู่ใหญ่

(คำตอบมันติดอยู่ที่ปากน่ะ  จริง ๆ  นะ)

พลก็ได้ช่วยตอบคำถามครูด้วยน้ำเสียงทุ้ม

ๆ  เสียงหนุ่มแตกแทนเอิน

เอินจึงรีบชี้มือไปที่พลและตอบครูว่า

“ใช่ค่ะ...ตอบอันนั้นแหละค่ะ”

“ทะ-ทะ-ที่คนนั้นตอบใช่เลยค่ะ”

เอินตอบครูโดยที่ไม่ได้หันไปมองพลแต่ชี้มือไปแทน

(แล้วเสียงความคิดในหัวเธอก็ดังขึ้นมาว่า  เจ้าสมอง...แกทำให้ชั้นดูโง่ต่อหน้าผู้ชายอ่ะ)

หลังจากเรียนคาบวิชาภาษาอังกฤษจบพลกับเอินไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน  พลยังคงไม่รู้จักเอินเหมือนเดิม  แต่ที่มาช่วยตอบคำถามครูเพราะใกล้จะหมดคาบเรียนแล้ว  เอินตอบคำถามชักช้ามันจะทำให้เลยเวลาพัก

แต่สำหรับเอินนั้น  เธอกลับมองว่าพลช่างเป็นคนดีที่น่าปลื้มปริ่มเสียเหลือเกิน  ทั้งช่วยเหลือเพื่อนในห้อง  ทั้งเรียนเก่ง  ทั้งดูไม่เกรงกลัวใคร

(แม้ว่าตอนมีเรื่องกับปรีชา  พลจะเซมาหน้าเกือบคว่ำอยู่ที่โต๊ะเรียนของเอินก็เถอะ)

เมื่อสะสมความชื่นชอบในตัวพลมาในระดับนึง  เธอจึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้แฟเพื่อนสนิทของเธอฟัง

แฟ : “อยากรู้จักก็เข้าไปคุยเลยสิ”

เธอยุให้เพื่อนรุกเข้าหาพลทันที

เอิน : “ดูหน้าเพื่อนด้วย  เค้าไม่คุยด้วยจะหน้าแตกเอานะ”

แฟ : “แล้วจะรอให้เค้าเดินมาหา”  แฟบ่นที่เพื่อนไม่ได้ดั่งใจ

เอิน : “กะว่าจะลองทักข้อความไปคุยก่อน  เผื่อเค้าไม่โอเคจะได้ถอยแบบไม่อาย”

เธอตอบทีเล่นทีจริง

แฟ : “เออ..ดีๆ  มีเบอร์เค้ารึเปล่า”  แฟรีบถาม

เอิน : “เอิ่ม  เราจะไปมีได้ยังไงล่ะ”

แฟ : “งั้นเดี๋ยวจัดหามาให้”

พูดจบแฟก็จบการสนทนาเดินออกไปทันที

หลังจากแฟเดินออกไป  ไม่นานนักเธอก็เดินกลับมาพร้อมกับยื่นกระดาษที่มีเบอร์มือถือและไอดีข้อความของพลให้กับเอิน    เพื่อที่เอินจะได้ส่งข้อความไปพูดคุยกับพลโดยที่ไม่ต้องเห็นหน้ากัน

หากได้ทำความรู้จักสนิทสนมกันผ่านทางข้อความ  อาจจะดีกว่าที่จะต้องมาเจอหน้ากันจริงๆ  เพราะเอินห่วงว่าพลจะไม่ยอมรับเป็นเพื่อนกับเธอหากเข้าไปคุยด้วยตรง

หลังจากได้เบอร์และไอดีของพลมาแล้ว  เอินทำใจอยู่สามวันเนื่องจากไม่กล้าทักข้อความถึงพล

เมื่อครบกำหนดสามวันเอินจึงได้เอาเบอร์โทรศัพท์และไอดีของพลเข้าฌาปณกิจ...

(ไม่ใช่...!!!)

เอินก็ได้ทักข้อความถึงพล

“สวัสดี...เราชอบเธอนะ”

เอินส่งข้อความแรกถึงพล

(ดะ-เดี๋ยวนะเอิน...แกรีบเหรอ  แกดูรุกพลมากเลยอ่ะ)

“ใครน่ะ”

พลถามกลับ

“เธอไม่รู้จักเราหรอก”

เอินตอบกลับไป

“อืม...งั้นไม่เป็นไรเราไม่อยากรู้จักแล้วล่ะ  ทีหลังไม่ต้องทักมาอีกนะ”

พลจบการสนทนาอย่าเย็นชาทันที

“ม่ายยยยยยยยยย..

.มันจบแล้ว”

เอินคิดในใจ

หลังจากนั่งสงบนิ่งไว้อาลัยให้ตัวเอง

1 นาที  เอินก็เรียกสติกลับมาอีกครั้งว่าตัวเธอเองอาจจะคุยเปิดเผยเกินไป

หากอยากที่จะเป็นเพื่อนกับใครสักคนนึงเราคงจะต้องแนะนำตัวเองและค่อยๆ  ทำความรู้จักกันก่อน

ส่วนพลจะตัดสินใจอย่างไร  จะได้เป็นเพื่อนหรือไม่ตัวเธอเองก็จะต้องไม่ให้ความรู้สึกที่มีกับพลเปลี่ยนแปลงไป  เพราะเธอก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เมื่อเว้นระยะไปได้ 1

สัปดาห์  หลังจากได้พูดคุยผ่านทางข้อความกัน

เอินก็ได้ส่งข้อความถึงพลใหม่อีกครั้ง

“ใจเย็นก่อนนะเรามาดี  ค่อยๆ อ่านข้อความเราก่อน”

เอินส่งข้อความแรกเปิดทางไปก่อน

“สวัสดี...เราคือเพื่อนในห้องของเธอนะ  ครั้งที่แล้วต้องขอโทษด้วยที่ทักมาทื่อๆ อาจจะทำให้เธอตกใจ”

นี่ก็เป็นครั้งที่  2 แล้วที่เธอส่งข้อความถึงพล

(วะ-ว่าแต่...นี่เธอยังไม่เข็ดใช่มั้ยเอิน  คงต้องได้เย็บหน้ารอบสองแน่ๆ)

“คราวที่แล้วที่เราไม่ได้บอกว่าตัวเราเองชื่ออะไร  เป็นเพื่อนคนไหนในห้องเพราะเราห่วงว่าเธอจะไม่คุยด้วยน่ะ”

“เราทักมาคุยไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย  แค่อยากเป็นเพื่อนกับเธอเฉยๆ แค่นั้น“

เอินพิมพ์ข้อความส่งบอกพลไปแบบนั้น

หลังจากเอินส่งข้อความจบพลก็กดอ่านทันที

เขาได้ตอบกลับมาว่า...

พล : “อ่าฮะ..เข้าใจ  ถ้างั้นมีอะไรก็คุยมาแล้วกัน”

เอิน : “ทำอะไรอยู่  กินข้าวหรือยัง”

เธอเปิดการสนทนาด้วยประโยคคำถามสุดคลาสสิค

พล : “อ่อ...อยู่บ้านเฉยๆ  ข้าวกินแล้วเมื่อกี้”

เอิน : “วันนี้กลับบ้านเร็วจัง  มีธุระเหรอ  ปกติเห็นชอบนั่งคุยกับเพื่อนที่โรงอาหารก่อนกลับบ้านน่ะ”

พล : “รู้ด้วยเหรอ  คอยมองเราอยู่ตลอดเลยเหรอ”

เขาถามกลับเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลไว้สืบต่อที่โรงเรียน

เอิน : “เปล่าหรอก  ก็ไม่ถึงขนาดนั้น  พอดีวันนี้ตอนกลับบ้านเดินผ่านโรงอาหารแล้วเห็นเธอนั่งคุยกับเพื่อนอยู่น่ะ”

พลเงียบไปพักนึง  และถามกลับมาว่า

พล : “นี่การ์ตูนรึเปล่า  ส่งมาอำกันใช่มั้ยเนี่ย"

เขายังคงสงสัยว่าถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งหรือเปล่า  เพราะเพื่อนในกลุ่มเห็นว่าพลยังไม่คบใครเลย  จึงอยากที่จะจับคู่ให้เพื่อน

เอิน : “ไม่ใช่”

พล : “งั้นก็เฟิร์นป่ะ”

เขายังคงสงสัยว่าต้องโดนส่งข้อความมาแกล้งแน่ๆ

เอิน : “ไม่ใช่สิ  2 คน นั้นเค้าเป็นเพื่อนเธอคุยกันทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

พล : “เผื่อเป็นการ์ตูนหรือเฟิร์นมาแกล้งไง  บอกแล้วว่าเรายังไม่อยากคบใครอย่ามาแกล้งกันนะ”

เอิน : “ไม่ใช่ 2 คน นั้นแน่นอน”

เธอคิดในใจ  ก็มันไม่ใช่จริงๆ นี่นา

พล : “โอเค  แล้วเมื่อไหร่จะบอกว่าเธอเป็นใครล่ะ”

เอิน : “คงเมื่อคุยแล้วสนิทกันแล้วสักพัก...มั้งนะ”

เธอทำท่าคิด

พล : “ได้ๆ  ถึงเวลาบอกมาก็แล้วกัน  นี่อยากรู้มากเลยนะ”

“ระหว่างนั้นเราก็จะคอยนั่งทายแล้วก็คอยสืบๆ

เพื่อนในห้องทุกคนไปด้วย”

พลขำตัวเองเบาๆ  เพราะรู้สึกชอบที่มีเรื่องตื่นเต้นมาให้ทำ

เอิน : “อย่าสิ...เรากดดันนะ  เผื่ออาจจะเผลอแสดงตัวออกมาก็ได้”

เธอชักหวั่นใจว่าอาจทำตัวมีพิรุธจนความแตกก็ได้

พล : “อ้าว...งั้นก็ดีเลยไม่ต้องเหนื่อยหา...ฮ่าๆๆ”

เขาหัวเราะชอบใจ  ใจนึงก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้แปลกจัง  แต่อีกใจนึงก็คิดว่ามันก็น่าสนุกและดูตื่นเต้นดี

“เค้าฮ่าๆๆ

กับชั้น”

“แสดงว่าเค้ายิ้มแล้วก็หัวเราะอยู่ใช่มั้ย”

เอินนึกเพ้อไปไกล  พลางคิดไปอีกว่าฉากด้านหลังของเธอมีดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ

อยู่เต็มทั่วห้องไปหมด

อีกทั้งยังมีลมอ่อนๆ

พัดผ่านหน้าอีดด้วย

(ก็ใช่น่ะสิ...แกเปิดพัดลมเบอร์

1 อยู่  ละกลิ่นหอมๆ  ที่พูดถึงก็ผ้าที่แม่ซักแล้วพับเก็บมาวางไว้ให้ไง  มัวแต่คุยข้อความกับผู้ชายอยู่  ทำไมไม่รีบไปช่วยแม่ทำงานบ้าน...!!!)

พล : “นี่ๆ  หลับเหรอ  ไม่สะดวกคุยงั้นแค่นี้ก่อนก็ได้นะเราจะไปอาบน้ำด้วย”

เขาเห็นเอินเงียบไปคิดว่าเอินคงไม่สะดวกจะคุย

เอิน : “อืม...ได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้นะ“

เธอคิดในใจว่าพลคงปิดการสนทนาเรียบร้อยทั้งๆ

ที่เธอยังอยากจะคุยด้วยต่อ

แต่อีกใจก็คิดว่าไม่เป็นไร  ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ก็ได้

พล : “ทำอย่างกับจะได้เจอกันจริงๆ  แบบนี้นี่มันขี้โกงนะ  เธอรู้จักเราแต่เราไม่รู้จักเธอ”

เขาแกล้งแซวเอินกลับไป

เอิน : “นี่เพิ่งคุยวันแรกเอง  เราว่าตื่นเต้นดีออกนะ”

พล : “อย่าให้รู้ว่าใครมาแกล้งนะ”

เขาแกล้งพูดขู่

เอิน : “ไม่หรอกน่า...”

พล : “โอเคๆ  เจอกันพรุ่งนี้”

เขาตอบกลับเหมือนไม่มีอะไร  แต่ในใจก็คิดว่ามันก็น่าสนุกตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ

เราเคยคุยกันมาก่อนหรือเปล่า

เริ่มต้นด้วยร้าย  ตอนที่ 3

การสนทนากันครั้งที่  2 ระหว่างเอินกับพลเป็นไปด้วยดี  เนื่องจากเอินมีการปรับวิธีในการทำความรู้จักกับพลใหม่

ส่วนพลเอง  หลังจากที่พูดตัดบทไปในตอนแรก

แต่ใจลึกๆ เขาก็ยังอยากรู้ว่าเป็นใครกันที่ทักมาพูดคุยด้วยจึงมีท่าทีเบาลง  ไม่ฮาร์ดคอร์เหมือนตอนแรก

เช้าวันถัดมา...หลังจากการสนทนากันระหว่างเอินกับพล

เมื่อถึงเวลาเข้าเรียน  ทั้งสองคนต่างก็เข้าเรียนกันตามปกติไม่มีการมองหน้า  หรือสบตาใดๆ  ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนร่วมห้องได้รู้เลย

แต่ระหว่างช่วงเวลาพักเรียนของแต่ละช่วงเวลาพัก

พลจะเดินมาที่ห้องเรียนเพื่อนพูดคุยกับเพื่อนนักเรียนหญิงที่อยู่ในห้อง  ซึ่งจะผิดแปลกไปจากเวลาปกติที่พลมักจะนั่งอยู่ที่โรงอาหารโต๊ะประจำของเขาเพื่อรวมกลุ่มคุยกับเพื่อนระดับชั้นต่างๆ

และแล้ว...พลก็ได้เดินตรงเข้าไปหาเพื่อนหญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังนั่งคุยกันอยู่

พล : “ทำอะไรกันอยู่เหรอ  ขอนั่งด้วยสิ”

เขาเดินเข้าไปถามเพื่อนนักเรียนหญิงที่จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่  3 คน  พร้อมทั้งขอนั่งคุยด้วย

เพื่อนทั้ง 3

ทำหน้างง  มองหน้ากันไปมา

เพื่อนคนที่ 1 : “นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่”

เพื่อนคนที่ 2 : “ดูแปลกๆ นะ  มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

เพื่อนคนที่ 3 : “ทำงานวิชาเลขยังไม่เสร็จจะขอลอกใช่มั้ย”

เพื่อนคนที่ 3

คิดว่าพลคงจะมาขอลอกการบ้านวิชาถัดไปแน่ๆ  เพราะกลุ่มที่พลเข้ามาคุยด้วยนั้นเป็นเด็กเรียนดีของห้อง

พล : “งานที่ต้องทำผมเสร็จหมดแล้วครับ  แค่จะมานั่งคุยด้วยเฉยๆ  ตั้งแต่เปิดเรียนมายังทำความรู้จักเพื่อนไม่ครบทุกคนเลยครับ”

พลตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพเรียบร้อย  เนื่องจากเข้ามานั่งท่ามกลางกลุ่มเด็กเรียนเขาเลยรู้สึกเกร็งๆ

นิดหน่อย  แต่สายตาก็คอยมองจ้องหน้าไปที่แต่ละคนเพื่อจับพิรุธ

เพื่อนคนที่ 3 : “จะนั่งด้วยก็ได้แต่อย่ามองจ้องหน้าแปลกๆ

นะ  ทุกคนในกลุ่มเค้ากลัว”

เพื่อนๆ ยังคงไม่วางใจเนื่องจากปกติพลจะไม่พูดคุยกับใคร  หรือแม้กระทั่งมองหน้าพวกเธอเลยด้วยซ้ำ

“555555555555555...”

เอินที่นั่งอยู่ในห้องด้วยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นห้องจนทุกคนหันมามอง  พอเธอได้สติก็รีบพูดแก้เก้อไปว่า ...

“ดะ-ดะ-ดูยูทูปอยู่  ระ-รายการตลกม้ากกก”

“ขอโทษที่รบกวนทุกคนนะคะ”

เอินพูดเสียงเหินคีย์สูง  พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือให้ทุกคนดูว่าเธอดูรายการตลกอยู่จริงจริ้งง...

(หล่อนมีพิรุธนะเอิน)

“คะ-คะ-คุยกันต่อเลยไม่รบกวนแล้ว  เดี๋ยวเราจะนั่งขำเงียบๆ นะ”

หลังพูดจบเอินก็รีบก้มหน้าดูมือถือต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พลมองจ้องมาที่เอินสักพักหนึ่งเพื่อสังเกตว่าเอินดูรายการตลกจริงหรือไม่  หรือว่าจริงๆ แล้วเอินกำลังแอบมองมาที่เขาอยู่

แต่เมื่อมองสักพักเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสงสัยเขาจึงหันกลับไปเพื่อพูดคุยจับพิรุธทั้งเพื่อน  3 คน  ต่อว่า 1 ใน 3 คนนี้ใช่คนส่งข้อความมาคุยกับเขาหรือไม่

ค่ำวันนั้น...

เอินรอเวลาที่คิดว่าพลจะกลับบ้าน  อาบน้ำ  ทานข้าวเรียบร้อยแล้วจึงทักข้อความถึงพล

เอิน : “ดีจ้า  เรามาแล้วว่างคุยรึเปล่า”

เธอทักข้อความไปหาพลด้วยคำพูดสบายๆ  ไม่กดดันเหมือนช่วงแรกที่คุยกัน

ทางด้านพลเมื่อเห็นข้อความที่เอินส่งมา  เขาก็รีบกดอ่านทันที

พล : “โห่ย...  ทำไมวันนี้มาช้าจังนี่กี่โมงแล้วเนี่ย”

เขาต่อว่าเอินเนื่องจากวันนี้พลกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน  รีบกินข้าว  อาบน้ำ  ทำงานของโรงเรียน  และรีบทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้มีเวลาคุยกันนานๆ

เอิน : “เอ้า...ก็ทุกทีเราทักมาคุยเร็วเลยเกรงใจน่ะ  ลืมนึกไปว่าเธอก็ต้องมีเวลาส่วนตัวของเธอด้วย”

ธอตอบแบบกลับไปแบบงงๆ  เพราะไม่รู้ว่าตัวเธอเองทำอะไรผิดให้พลโกรธไปหรือเปล่า

พล : “ไม่เป็นไรอยากทักตอนไหนทักมาเลยจะทักมาคุยที่โรงเรียนด้วยก็ได้  นี่นั่งรอตั้งแต่เย็นเลยนะ”

เขายังไม่เลิกบ่น

เอิน : “อยากคุยกับเราหรืออยากไขคดีนี้ให้จบเพื่อดูว่าเราเป็นใครกันแน่  นี่เราอยากเป็นเพื่อนกับเธอแต่เธอกลับเห็นเป็นเรื่องสนุกเรอะ”

เอินรู้สึกกังวล  เพราะยิ่งถ้าพลคาดหวังกับเธอมาก  เมื่อเจอตัวจริงก็อาจผิดหวังมากเช่นกัน

พล : “อยากคุยด้วยครับ  แต่ก็อยากรู้ว่าเป็นใครด้วยครับ”

เขาตอบกวนใส่

เอิน : “คุยกันไปเรื่อยๆ  ถึงเวลาเดี๋ยวเราจะแสดงตัวเองแหละ”

พล : “ครับ  ไม่กดดันแล้วครับ”

เอิน : “วันนี้สืบเรื่องเราไปถึงไหนแล้วล่ะ”

พล : “เธอคือ 1 ใน 5 คนที่เราคุยด้วยวันนี้ใช่มั้ย”

เขาถามออกไปตรง

ๆ เพราะว่าวันนี้เขาได้เริ่มไขคดีเรื่องนี้แล้ว

เอิน : “เดี๋ยวนะ  ต้องเป็น 1 ใน 3 ไม่ใช่เหรอ”

เธอแย้งเพราะเห็นวันนี้กลุ่มที่พลคุยด้วยมีกันแค่  3 คน  เท่านั้น

พล : “ละเธอรู้ได้ยังไงอ่ะว่ากลุ่มเพื่อนที่เรานั่งคุยมี  3 คน  ตอนนั้นเธอก็อยู่ในห้องด้วยเหรอ”

“เอ๊ะๆ หรือเป็น 1 ใน 3 คน  ที่เราคุยด้วยนะ”

พลถามกลับ  เพราะจริง ๆ แล้วเขาแกล้งพูดตัวเลขผิดเพื่อจะจับพิรุธนั่นเอง

“โอ๊ย...จบกัน  เราโดนหลอกจนได้”

เธอรู้สึกเสียท่าพลเค้าให้แล้ว

“ใช่  ตอนเธอคุยเราก็อยู่ในห้องด้วย  แต่ไม่บอกว่าใช่หรือไม่ใช่ 1 ใน 3 คน  ที่เธอคุยด้วยมั้ยนะ  เพราะถ้าบอกก็ให้เราเปิดเผยตัวเองไปเลยเหอะ”

เธอตอบแบบเซ็งๆ

“yesss…วันนี้มีผู้หญิงนั่งอยู่ในห้องตอนนั้นทั้งหมด  5 คน  ไม่รวม  3 คนที่เรานั่งคุยด้วย  นี่ตัดตัวเลือกในห้องไปได้หลายคนเลย 555”

พลชอบใจที่เอินเสียรู้เข้าจนได้

จริงๆ แล้วพลได้วางแผนไว้แล้วว่าจะเลือกเข้าไปในห้องช่วงเวลาที่มีคนอยู่ไม่มาก  ก็เพื่อที่จะได้ตัดตัวเลือกออกไปให้ได้มากที่สุด  ดีกว่าที่จะคอยไล่ตามดูทีละคนๆ  เนื่องจากนักเรียนในห้องมีเยอะเกินไปจะทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมาก

ส่วนเอิน  เมื่อเห็นพลตั้งใจที่จะรู้ว่าเธอเป็นใครขนาดนั้นเธอก็ได้แต่เงียบไม่ได้ตอบอะไร

ในใจก็นึกกลัวว่าควรจะยังคุยกับพลต่อไปดีหรือไม่  หรือให้จบลงตรงนี้เพราะพลดูจริงจังกว่าที่เธอคิด

เอินเริ่มรู้สึกกลัวเพราะหากวันนึงพลรู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร  อาจจะมองหน้ากันไม่ติดและไม่เหลือแม้กระทั่งความเป็นเพื่อนเลยก็ได้

เธอหันไปมองตัวเองในกระจก  ภาพของความจริงคือเธอผมฟูหัวหยิกหย๋อง  หน้าตาธรรมดาพอไปวัดไปวาหมาไม่เห่า  และมีสีหน้าแอบเหมือนคนป่วยอยู่ตลอดเวลา

เมื่อพลเห็นว่าเอินเงียบไปจึงพิมพ์ข้อความไปว่า...

“นี่ ๆ ไม่ว่าเธอจะเป็นใครในห้องเราก็จะยังคุยกับเธอเหมือนเดิม  ไม่ต้องห่วงนะเราไม่ใช่คนแบบนั้น”

พลรู้ว่าเอินกังวลจึงปลอบ

“อืม..เรารู้  เธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกเรากังวลของเราเองแหละ”

ถึงื้นจะตอบไปว่าเข้าใจ  แต่ข้างในก็ยังแอบกลัว

หลังจากนั้น  ทั้ง 2 ก็พูดคุยกันหลายเรื่อง...

ทำให้พลรู้ว่าเอินเป็นนักกีฬาของชั้นที่โรงเรียนเก่า  เป็นคนชอบออกกำลังกาย  ที่เป็นแบบนี้เพราะโดนเพื่อนในห้องแกล้งอยู่บ่อย

ๆ  เลยกลายเป็นคนขาดความมั่นใจและทำให้ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว

ส่วนที่อยากมีเพื่อนผู้ชายบ้างก็เพราะเธอรู้สึกว่านิสัยเข้ากับเพื่อนผู้หญิงไม่ได้  แต่กับพวกเพื่อนผู้ชายจะลุยๆ ดี

สมัยเด็กๆ  เมื่อเธอเดินในกลุ่มเพื่อนผู้หญิง  ก็มักจะโดนคนอื่นพูดเปรียบเทียบหรือพูดให้อายอยู่เสมอๆ  เธอเลยเลือกจะอยู่คนเดียวมากกว่า

แต่เมื่อมาอยู่ที่โรงเรียนใหม่หลายๆ

อย่างก็ดีขึ้น  เธอมีเพื่อนผู้หญิงและผู้ชายคุยด้วยบ้าง  ไม่มีใครพูดถึงรูปร่างหน้าตาของกันและกันในทางที่ไม่ดีเลย  อาจจะเพราะทุกคนมีวุฒิภาวะกันแล้ว  เมื่อพูดอะไรจึงค่อนข้างคิดถึงผลกระทบและความรู้สึกของอีกฝ่าย

หลังจากได้ฟังพลก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่เอินยังไม่อยากเจอหน้าเขามากขึ้น  แต่ด้วยความอยากรู้เขาจึงถามเธอไปว่า...

พล : “เรา  2

คน  เคยคุยกันหรือเปล่า”

เอิน : “ไม่เคย”

พลสงสัยเพราะเรียนมาจนจะปิดเทอม

1 แล้ว  ทำไมถึงยังมีเพื่อนคนไหนที่เค้ายังไม่เคยคุยด้วยอีกหรือ  หรืออาจจะทักแล้วแต่เจ้าตัวยังไม่รู้

พล : “ไม่เคยเลยเหรอ  แล้วเคยมองทักหรือว่าแบบยิ้มให้กันมั้ยอ่ะ”

เอิน : “มันก็ไม่เชิงนะ  แต่จะเรียกว่าแบบนั้นคือคุยด้วยมันก็ไม่น่าจะได้น่ะ”

เธอตอบไปแบบนั้น  เพราะคิดถึงตอนที่พลช่วยตอบคำถามครูให้  แต่เรียกว่าเป็นการพูดคุยผ่านครูมากกว่า

พล : “งั้นเราคงต้องปรับตัวเองบ้างแล้วล่ะ  บางทีเราอาจจะเคยสร้างปมแบบนี้กับคนอื่นตอนที่เรายังเด็กเหมือนกันก็ได้”

“ว่าแต่...แล้วทำไมถึงเป็นเราล่ะ”

พลถามเพราะสงสัยว่าทำไมเอินถึงเลือกเขา

เอิน : “มันอธิบายไม่ได้  รู้แค่ว่าใช่”

เธอพูดออกไปตรงๆ

พล : “พรุ่งนี้เปลี่ยนเป็นโทรคุยกันได้มั้ย  เราไม่เป็นเหมือนเพื่อนเก่าๆ ของเธอหรอก”

พลรู้สึกว่าอยากที่จะรู้จักกับเอินให้มากกว่านี้  อาจเพราะเธอเป็นคนคุยสบายๆ  ดูจริงใจ  แต่ก็แอบมีบางมุมดูน่าสงสาร

เอิน : “เรายังไม่พร้อม  แล้วก็ชอบพิมพ์มากกว่าด้วยมันสบายใจกว่าโทรคุยกันน่ะ”

พล : “ก็พิมพ์ด้วย  โทรคุยกันด้วยไง”

เขาเซ้าซี้เพราะอยากที่จะทำความรู้จักกับเอินจริง

เอิน : “ขอดูก่อนแล้วกันนะ”

ทั้งคู่คุยกันต่อไปอีกสักพัก  จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

หลังจากจบการสนทนากันพลก็ยิ่งอยากรู้จักกับเอินมากขึ้น

เพราะตัวพลเอง  ส่วนมากมักจะมีเพื่อนฝูงเข้าหามากมาย

อาจเพราะเขามีรูปร่างหน้าตาดี  บ้านมีฐานะ  เรียนเก่ง  แต่เพื่อนที่เจอมาแต่ละคนกลับชอบพูดถึงแต่หน้าตา  ฐานะทางบ้าน  จนบางทีเขาเองก็รู้สึกอึดอัดและเบื่อหน่ายที่จะคุยด้วย

พวกผู้หญิงส่วนใหญ่ที่พูดคุยก็ต้องการคบหากันแบบคนรัก  แต่ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายก็มักจะคอยหาผลประโยชณ์  เช่น  ให้เลี้ยงข้าว  หรือพาไปเที่ยวแล้วให้เขาออกเงินให้บ้าง

ซึ่งจริงๆ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร  แต่ขอแค่มีความจริงใจให้กันบ้าง  ส่วนมากมักจะไม่ใช่แบบนั้นเขาจึงชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า

ความรู้สึกของพลที่มีให้เอินตอนนี้เขาก็ยังตอบไม่ได้ว่าเรียกว่าชอบหรือเปล่า  เขารู้แค่ว่าอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเธอคนนี้

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!