เสียงล้อเกวียนดังเอี๊ยดอ๊าดบนทางดินแดงท่ามกลางป่ารกชัฏข้างทาง พระอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า เงาต้นไม้ทอดยาวจนคล้ายมือปีศาจที่เอื้อมมาแตะรถขบวนซึ่งบรรทุกข้าวของมากมายอยู่ด้านหลัง
“ถึงแล้วเจ้าค่ะเรือนจันทร์...” เสียงแม่ครัวพวงเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงฟังไม่แน่ใจนัก ขณะที่ยืนมองเรือนไทยหลังใหญ่ตั้งตระหง่านกลางแมกไม้ พลางยกมือไหว้เบา ๆ “เจ้าที่เจ้าทางโปรดเมตตาด้วยเถิด...”
เดือนวาดก้าวลงจากรถเกวียนอย่างระมัดระวัง พลางมองเรือนไทยตรงหน้า...แม้จะงดงามด้วยสถาปัตยกรรมโบราณ แต่กลับมีบรรยากาศแปลกประหลาด ราวกับมีดวงตานับร้อยจ้องมองจากในเงามืด
“แม่...” เธอหันไปจับมือแม่หญิงอัปสรที่ก้าวตามลงมา ใบหน้าของแม่ดูเคร่งขรึม ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง...แต่มากกว่านั้นคือแววตาหวาดระแวงบางอย่างที่ลูกสาวไม่เข้าใจ
“เรือนนี้...มันเคยมีเรื่องราวมาก่อนใช่หรือไม่เจ้าคะ?” เดือนวาดเอ่ยถามอย่างลังเล
แม่หญิงอัปสรชะงักไปเล็กน้อย แต่กลับเพียงยิ้มบาง “เรือนนี้...เป็นเรือนพักของบรรพบุรุษของพ่อเจ้า นานมาแล้ว...ไม่มีใครได้กลับมาอยู่”
“แต่วันนี้ เรากลับมาแล้ว” เสียงคุณพระวินิจดังขึ้น พลางตบบ่าภรรยาและลูกสาวเบา ๆ “ถึงจะเก่า...แต่นี่คือของเราจริง ๆ ไม่มีผู้ใดแย่งไปได้”
ระหว่างที่คนในครอบครัวกำลังเดินขึ้นเรือน แม่ครัวพวงก็เดินตามพร้อมกับผินและแสงเดือน สายตากวาดมองรอบ ๆ อย่างไม่สบายใจ
“ข้าเคยได้ยินว่าเรือนนี้...มีคนเคยตายใต้ต้นโพธิ์” แสงเดือนกระซิบเบา ๆ
“เบา ๆ เถิดเดือน! อย่าพูดมั่ว” แม่ครัวพวงปรามเสียงแข็ง “เรื่องเก่าเรื่องแก่น่ะ มันก็แค่เล่าเล่นให้เด็กกลัว”
“แต่...ศพนั้น เขาว่าแขวนคอตัวเองเพราะเสียใจ” ผินเสริมเสียงเรียบ ขณะยกตะกร้าของขึ้นเรือน
“หรืออาจถูกบังคับก็ได้นะ” แสงเดือนว่า
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันอยู่นั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังมาจากเงาต้นโพธิ์ด้านหลังเรือน...
"หึ...ไม่มีใครตายเองหรอก..."
เสียงนั้นเบา และเย็นเยียบจนแม่ครัวพวงถึงกับทำของหล่น รีบหันซ้ายแลขวาแต่ไม่พบใคร
“กลับเข้าเรือนกันเถอะเจ้าแม่ ข้าน้อยว่า...คืนนี้อย่าออกไปไหนเลย”
“เฮือก!”
เดือนวาดสะดุ้งตื่นพร้อมเสียงหอบถี่ แก้มชื้นเหงื่อแม้ลมยามค่ำจะเย็นเฉียบ แสงจันทร์ลอดหน้าต่างไม้ระแนงส่องลงบนเรือน เหลือบเห็นม่านบางสีขาวปลิวไหว...ราวกับมีมือใดผลักจากด้านนอก
เธอกุมอกตัวเองแน่น ใจเต้นแรงราวจะหลุดออกมา
ฝันนั้น...มันไม่ใช่แค่ภาพลางเลือน แต่มันชัดเจน ชัดจนเธอจำรายละเอียดทุกอย่างได้ครบ
หญิงสาวผมยาว ใส่สไบครีม-ทองเหมือนชุดของแม่หญิงในวัง ดวงตาขุ่นมัว แขวนตัวเองอยู่บนกิ่งโพธิ์ที่แผ่เงาทับหลังเรือน ร่างห้อยต่องแต่งช้า ๆ เสียงลมพัดผ่านใบไม้ กลับกลายเป็นเสียงสะอื้น
และหญิงนั้น...
"เขาฆ่าข้า...ไม่ใช่ข้าฆ่าตัวตาย"
เธอพูดกับเดือนวาด ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่เสียงของคนเป็น
...
เช้าวันใหม่ แสงเดือนคนรับใช้ประจำตัวเอาชุดผ้าซิ่นมาแขวนไว้ให้
“เมื่อคืนคุณหญิงนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ เห็นลุกลี้ลุกลน?” แสงเดือนถามเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฝัน...ฝันแปลก ๆ น่ะจ้ะ” เดือนวาดตอบเรียบ ๆ พลางหันมาจับมือแสงเดือนแน่น “เดือน...เจ้ารู้เรื่องหญิงที่ตายในเรือนนี้หรือไม่”
แสงเดือนชะงัก สีหน้าซีดเผือดก่อนจะรีบส่ายหน้า “ไม่รู้เจ้าค่ะ ไม่เคยได้ยินเลย…”
เดือนวาดรู้...แสงเดือนไม่ได้พูดความจริง
...
กลางวัน ณ หลังครัวเรือนจันทร์
แม่ครัวพวงกำลังตำน้ำพริกด้วยท่าทีร้อนรน “แม่ผิน! ไปเอาพริกขี้หนูจากสวนมาให้หน่อย! ข้านี่ลืมไว้ตรงนั้นได้ไง”
ผินหันไปมองสวนข้างต้นโพธิ์แล้วเม้มปาก “ให้แสงเดือนไปได้ไหมเจ้าคะ”
“แหม! ลืมได้ก็ต้องไปเอาเองสิ ข้ากำลังตำน้ำพริกอยู่นี่ จะให้คุณหญิงเธอรอหรือ!”
ในที่สุดผินก็ต้องจำใจเดินเลี่ยงไปทางสวนที่ต้นโพธิ์ตั้งอยู่ เธอพยายามไม่มองขึ้นไปบนกิ่งไม้บนนั้น...
แต่เมื่อเธอหันกลับมา...เห็นเงาดำคล้ายคนแวบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่
...
“คุณภาณุมาถึงแล้วขอรับ!” เสียงบ่าวเรือนหน้าเอ่ยเรียกขึ้น
เดือนวาดเงยหน้ามอง เห็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดไทยสีน้ำตาลทอง ก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แววตาคมกริบ แต่เมื่อสายตาของเขาสบกับเธอ...
ราวกับ...รู้จักกันมานานแสนนาน
“ข้าชื่อภาณุ ขออยู่ที่นี่สักพักตามคำขอของคุณพระ” ชายหนุ่มกล่าว
“เชิญเจ้าค่ะ...” เดือนวาดยิ้มจาง ๆ แต่ในใจยังคงคลาคล่ำด้วยภาพในฝัน
เธอไม่รู้ว่าเขาคือใคร...แต่เธอแน่ใจว่า ในฝันนั้น...เขาก็ยืนอยู่ตรงใต้ต้นโพธิ์
...
คืนนั้น — ลมพัดแรง
ม่านหน้าต่างห้องเดือนวาดปลิวฟาดจนเกิดเสียงดัง เธอลุกขึ้นปิด แต่กลับสะดุ้งเมื่อเงาคนสะท้อนผ่านกระจกบานเงา
หญิงสาวสไบครีม-ทอง ดวงตาขุ่น...กำลังยืนอยู่หลังเธอ
“เจ้าจะช่วยข้า...หรือจะกลายเป็นเหมือนข้า?”
เดือนวาดกรีดร้องสุดเสียง — แสงเดือนวิ่งพรวดเข้ามาพร้อมตะเกียง
“คุณหญิง! เป็นอะไรเจ้าคะ!”
แต่เมื่อหันไปมองหน้าต่างอีกครั้ง — ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
...
ตัดภาพไปอีกมุมในเรือน
แม่หญิงทับทิม ยืนแอบฟังหลังฉากกั้น เธอยิ้มเย็น ก่อนจะหันไปพูดกับผิน
“ผีงั้นหรือ...ถ้าผีมันจะเอาเดือนวาดไป ข้าก็ยินดีให้มันช่วย”
เสียงไก่ขันแว่วมาแต่ไกล ขับไล่ความเงียบงันของยามรุ่งสาง หากแต่บรรยากาศในเรือนจันทร์กลับมิได้ตื่นพร้อมแสงแรกของวัน ทว่าเต็มไปด้วยความอึดอัดและเย็นเยียบ ราวกับสายลมแห่งหายนะได้พัดผ่านมาแล้วตั้งแต่ค่ำคืนก่อน
นางพวง แม่ครัวคนเก่าคนแก่ของเรือน กำลังเร่งมือทำแกงอ่อมปลาดุกตามที่คุณหญิงศรีมาลาเคยรับสั่งไว้ กลิ่นสมุนไพรหอมฟุ้งทั่วห้องครัว แต่แววตาของนางกลับไม่อาจปิดซ่อนความหวาดหวั่นได้
"เมื่อคืน...เหมือนจะได้ยินเสียงใครร้องไห้ใต้ต้นโพนะพี่พวง" เสียงของมะลิ คนรับใช้ประจำตัวของแม่หญิงจันทร์จ้าวดังขึ้นเบา ๆ ขณะปอกมะเขือเปราะอยู่ข้าง ๆ
นางพวงพยักหน้าเบา ๆ มือที่คนหม้อแกงยังไม่หยุดเคลื่อนไหว "ข้าได้ยินเหมือนกัน เอ็งว่า...จะใช่นังสายทองหรือเปล่า"
ชื่อของหญิงรับใช้ที่ผูกคอตายใต้ต้นโพถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ทำให้บรรยากาศในครัวยิ่งมืดมน มะลิรีบหยิบสายสิญจน์ที่ห้อยคอขึ้นมาจูบเบา ๆ
"อย่าเอ่ยชื่อ...เดี๋ยวมันจะได้ยิน"
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินไม้หน้าครัว ปรากฏร่างของแม่หญิงจันทร์จ้าวในชุดผ้าซิ่นสีหม่น ผ้าสไบทับสีกรมท่าทอดผ่านไหล่
"เช้านี้ข้าจะออกไปกราบหลวงพ่อที่วัด พี่พวงเตรียมข้าวห่อให้ข้าด้วย" นางว่าเสียงเรียบ ดวงตาใต้ขนตางอนยาวยังมีร่องรอยของความเศร้าจาง ๆ จากเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ในน้ำเสียงกลับแฝงความแน่วแน่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าผู้เป็นแม่
"เจ้าค่ะ...จะให้มะลิตามไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ" มะลิถาม
"ไม่ต้อง ข้าอยากไปคนเดียว"
มะลิเหลือบตามองพี่พวงอย่างกังวล ขณะที่แม่หญิงจันทร์จ้าวหันหลังจากไปอย่างสงบ เสียงฝีเท้าของนางคล้ายคลึงกับเสียงฝีเท้าในยามค่ำคืน...ที่มักดังก้องใต้ต้นโพธิ์
---
อีกด้านหนึ่งของเรือน...
คุณชายภาสกร ยืนอยู่ริมชานบ้าน แววตาของเขาจับจ้องไปยังต้นโพธิ์ใหญ่ซึ่งมีกลีบดอกไม้ร่วงหล่นโปรยปรายลงสู่พื้นดินชื้นแฉะ เมื่อคืนเขาเองก็ฝันเห็นหญิงสาวในชุดสไบครีมเดินร่ำไห้ หยดเลือดเปรอะเปื้อนปลายเท้าขาวผ่อง
"เจ้าคิดอะไรอยู่หรือขอรับคุณชาย" เสียงของอิน คนรับใช้ประจำตัวถามขึ้นอย่างสุภาพ มือของเขายกถาดน้ำชาวางลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้า
"อิน...เจ้าเคยรู้เรื่องคำสาปของเรือนนี้บ้างไหม" ภาสกรถามเสียงนิ่ง
อินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเบา "ข้ารู้แต่ว่า...ต้นโพธิ์ต้นนั้นมีหญิงสาวตายอยู่ใต้ต้นมาแล้วถึงสามคน ตั้งแต่สมัยเจ้าคุณทวด..."
"แต่ไม่มีใครทำอะไรเลย ไม่มีใครคิดจะตัดมันทิ้ง" น้ำเสียงของภาสกรเริ่มมีอารมณ์
"เขาว่า...ใครที่คิดจะตัดโพธิ์ต้นนั้น จะเจอเคราะห์ร้าย...หนักหนา" อินตอบเบา ๆ พลางเบือนหน้าออกด้านข้างด้วยความกลัว
ภาสกรนิ่งไป คำพูดของอินทำให้เขาหวนคิดถึงคืนที่แล้วอีกครั้ง เมื่อร่างของแม่หญิงจันทร์จ้าวสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นขณะเห็นศพของสาวใช้ห้อยอยู่เหนือหัว
แต่...แววตาคู่นั้น...ไม่ได้เศร้าเพียงอย่างเดียว มันมีบางอย่างซ่อนอยู่
---
ค่ำวันเดียวกัน
ภายในห้องนอนของแม่หญิงจันทร์จ้าว บานหน้าต่างเปิดทิ้งไว้ให้ลมเย็นโชยผ่านม่านบางที่ไหวพริ้ว เสียงสวดมนต์แผ่วเบาดังมาจากมุมห้อง ที่ซึ่งนางนั่งพับเพียบ สวดบทแผ่เมตตาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
ขณะดับเทียนเล่มสุดท้าย แสงจากจันทร์ข้างแรมลอดผ่านช่องไม้ แผ่เงาต้นโพธิ์ลงบนพื้นเรือน
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นนอกหน้าต่าง...
แอ๊ด...
หน้าต่างที่ควรจะปิดสนิทกลับแง้มออกช้า ๆ ลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาในห้อง...กลิ่นคาวเลือดโชยมาตามสายลม
แม่หญิงจันทร์จ้าวหันขวับไปทางเสียงนั้น ดวงตาเบิกกว้าง
ตรงริมหน้าต่างนั้น...ร่างของสายทอง...หญิงสาวที่เพิ่งตายไป กำลังยืนมองนางอยู่ ดวงตาขุ่นมัวเต็มไปด้วยความแค้น...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!