ท่ามกลางการการใช้ชีวิตปกติของคนบนโลก ที่ทุกคนมองว่ามันปกติดีนั้นใครจะรู้บ้าง ว่าในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที หรือแม้แต่วินาทีมันเกิดอะไรขึ้น อะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
ในขณะที่เรากำลังทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในนาทีเดียวกันนั้นก็จะมีคนที่กำลังทานซูชิคำละหมื่นอยู่ หรือในนาทีเดียวกันนั้นก็อาจจะมีเรื่องเดือดร้อนอยู่เช่นกันและนี่คือเหตุการณ์ที่จะกล่าวถึง ท่ามกลางการใช้ชีวิตปกติของคนทั่วไป ในขณะเดียวกันก็ได้เกิดเรื่องใหญ่กับตระกูลฉีหลินหรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนามตระกูลปกเทวา หัวเรือใหญ่ในตลาดอาวุธถูกกฎหมาย ยา โรงพยาบาล และโรงแรมหกดาว ตระกูลใหญ่หนึ่งในสามของประเทศที ตอนนี้เหล่าคนในตระกูลหลัก ตระกูลรอง ต่างวุ่นวายกับการกระจายกำลังกันตามหาร่องรอยของคนที่ลักพาตัวคุณชายใหญ่ ลูกชายคนแรกที่ลืมตาดูโลกได้หนึ่งสัปดาห์ของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน
"มีคนติดต่อมาบ้างหรือยัง" เสียงทุ้มต่ำที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายมีทั้งความโกรธ ความโมโห ความเครียดและกดดันเอ่ยถามผู้ช่วยคนสนิทที่เดินเข้าในห้องพักผู้ป่วยระดับวีวีไอพีที่ภรรยาเขาเคยรักษาตัวอยู่ และยังเป็นที่เกิดเหตุ ในการหายตัวไปของลูกชายที่เขาเฝ้ารอมาเกือบสิบเดือน เด็กตัวน้อยที่เขาคอยพูดคุยด้วยความรักอยู่ทุกวัน
"ไม่มีใครติดต่อมาเลยครับท่าน "
"คนของเราล่ะมีความคืบหน้าบ้างไหม"
"ทั้งคนของเรา ทั้งคนของตระกูลรองที่ส่งออกไปหาข่าว ไม่มีใครพบเบาะแสเลยครับท่าน"
ผู้ช่วยคนสนิทเอ่ยด้วยความรู้สึกเสียใจ ตัวเขาพยายามประสานงานเต็มที่แล้วแต่ไม่มีวี่แววเลยจริงๆ ถ้าจะเรียกค่าไถ่ก็ควรติดต่อกลับมาได้แล้วเพราะคุณชายใหญ่ของเขาหายตัวไปเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว
"ให้คนของเราขยายพื้นที่การค้นหา ถ้าให้เมืองหลวงไม่เจอก็ขยายไปตามเมืองอื่นอีก ถ้ายังไม่เจอก็ขยายพื้นที่ค้นหาไปประเทศใกล้เคียง เวลาแค่นี้คงเดินทางออกไปได้ไม่ไกลไปกว่านี้ แต่อย่าประมาทประสานงานสนามบินทุกแห่งขอความร่วมมือไปใครที่ช่วยหาลูกชายฉันเจอ ถือว่าฉันติดค้างเขาหนึ่งครั้ง "
"ท่านครับ แบบนี้มันจะส่งผลกระทบตามมาทีหลังได้นะครับ ถ้าศัตรูเราฉวยโอกาสนี้ ขอให้ท่านทำอะไร..."
"ประกาศลงไปเถอะ ไม่ว่าใครต้องการอะไร ฉันคนนี้ยินดีจะมองให้ทั้งหมด ขอแค่ได้ลูกชายของฉันคืนมา ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ยอม"
"ครับนายท่าน เอ่อ ท่านครับ เป็นไปได้ไหมที่คุณผู้หญิงจะ.."
"ถ้าสืบจนแน่ชัดแล้วว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องฉันจะจัดการเธอให้รู้ว่าการตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง ภาวนาให้เธอไม่รู้เรื่องจริงๆ เถอะ"เพราะถ้าผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องจริงๆ เขาจะทำให้เธอร้องขอความตายเลยล่ะ
"........" หวังว่าคุณผู้หญิงและคนของตระกูลคุณผู้หญิงจะไม่ทำอะไรที่เป็นการรนหาที่ก็แล้วกัน
"ไปสั่งงานตามที่ฉันบอกได้แล้ว "
"ครับ"
หลังจากลูกน้องก็สนิทออกไปแล้วฉีหลินเฟยหลงก็ได้แต่นั่งนิ่งคิดกับตัวเอง เขาผิดเองที่ไม่สามารถดูแลลูกชายคนเดียวให้พ้นมือคนคนคิดชั่ว
"เจ้าอย่าได้โทษตัวเองเลย" เสียงที่ดังขึ้นมากระทันหันทำให้ฉีหลินเฟยหลงขยับตัวพร้อมโจมตีอีกฝ่ายทันที
"ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ ฟังข้า" ตรงหน้าของเฟยหลงปรากฎร่างชายวัยกลางคนรูปงามสวมใส่ชุดจีนโบราณสีดำมีลวดลายกิเลนสีทองพาดผ่านสวยงามสมจริงราวกับมันขยับไปมาบนชุดของชายคนนั้น
"คุณเป็นใคร เข้ามาห้องนี้โดยที่ผมไม่รู้ตัวได้ยังไง" ถ้าจะเข้ามาลูกน้องที่เฝ้าอยู่หน้าห้องต้องมาแจ้งเขาก่อนอยู่แล้ว แล้วคนๆ นี้เข้ามาได้ยังไง
"นามของข้าคือฉีหลินเว่ยหลาง " ฉีหลินเว่ยหลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา
"คุณมาหาผมทำไม"เพราะไม่ต้องการให้เสียเวลาเฟยหลงจึงถามเข้าประเด็นทันที"
"ที่ต้องมาเพราะเด็กคนนี้ เขาเป็นลูกชายของเจ้าถูกไหม " ขณะที่พูด ก็ปรากฏร่างของทารกตัวน้อยที่เฟยหลงกำลังตามหาลอยอยู่กลางอากาศ
"คุณทำอะไรลูกผม เอาลูกข่มขืนมา " เฟยหลงตะคอกเสียงหนัก
" เป็นข้าที่ช่วยลูกชายของเจ้าต่างหาก ขณะที่ข้ามาเที่ยวเล่นในโลกใบนี้ พบว่าเด็กคนนี้กำลังจะถูกส่งไปขาย แต่เพราะมีความสัมพันธ์กันบางอย่าง ทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเขาจึงช่วยได้ทัน "
" เป็นคนที่ช่วยลูกผมหรือครับ ขอบคุณมากจริงๆ คุณต้องการอะไรตอบแทนบอกมาได้เลย ผมยินดีจะทำให้ทุกอย่าง " หลังจากที่ทราบว่าชายตรงหน้าคือคนที่ช่วยลูกชาย เขาก็พร้อมที่จะตอบแทน
" สิ่งที่ข้าต้องการคือเขา เด็กคนนี้ ข้าจะพากลับไปดูแล เขามีร่างกายพิเศษ ทรัพยากรของโลกนี้ไม่เพียงพอที่จะให้เขาเติบโตได้อย่างเต็มที่ "
" มันจะเอาลูกผมไปไม่ได้ ให้ตอบแทนอะไรก็ได้ แต่ผมให้ลูกผมไม่ได้ "
"ฟังข้านะ ตอนนี้บ้านของเจ้าไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กคนนี้ อีกทั้งเพราะเขามีร่างกายที่พิเศษมาก ถ้าไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง อาจจะทำให้เขามีชีวิตอยู่ไม่เกิน 10 ปี จริงอยู่ที่ในโลกของเจ้ายังมีกลุ่มคนเบื้องหลังที่พอจะมีพลังฝึกตนแต่เจ้าจะมีกำลังพอที่จะเข้าไปขอของวิเศษจากพวกนั้นหรือ ถึงการฝึกตนของพวกเขาจะไม่สูง แต่ถ้าเทียบกับมนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเจ้าแล้ว แค่นิ้วเดียวเขาก็ทำพวกเจ้าตายได้ พวกเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ "
" ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริง " เฟยลงขมวดคิ้วในหัวก็คิดอย่างหนัก เขาเคยได้ยินเรื่องโลกเบื้องหลัง แต่ก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเพราะรู้ว่าอันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีเส้นสายของคนพวกนั้น หรือถึงมีก็ ใช่ว่าจะ ขอของวิเศษง่ายๆ ถ้าเป็นอย่างที่ใช้ตรงหน้าพูดเขายอมให้ลูกชายไปดีกว่าต้องทนเห็นลูกชายอายุสั้น
"เจ้ารู้ว่าข้าพูดเรื่องจริง เจ้ารู้ชัดอยู่ในใจแล้วฉีหลินเฟยหลง " ใช่ เขารู้ชัดแล้วว่าคือเรื่องจริง
"ผะ ผม ไม่สิ แล้วเขาจะปลอดภัยใช่ไหม จะเติบโตอย่างแข็งแรงใช่หรือเปล่า สุดท้าวแล้วผมจะมีโอกาสได้เจอลูกของผมอีกไหมครับ" แค่รู้ว่าถ้าอยากให้ลูกมีชีวิตอยู้ก็ต้องพรากจากใจของเขาก็สลายไม่มีชิ้นดี
" เจออยู่แล้ว ข้าจะพาเขามาหาเจ้าทุกปีของโลกนี้ "
" จริงเหรอครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับท่านเว่ยหลาง " เฟยหลงเอ่ยขอบคุณเว่ยหลางด้วยความดีใจ
"เอายาสองเม็ดนี่ไป แหวนมิตินี่ด้วย เจ้าหยดเลือดลงไปแล้วจะสามารถใช้งานได้ข้างในมีทรัพยากรเพียงพอให้เจ้าฝึกฝนได้หลายปีเลยล่ะ กลับบ้านแล้วไปกินยาที่ข้าให้เสีย เจ้าต้องกลายเป็นผู้ฝึกตนเพื่อที่จะได้อยู่กับลูกชายเจ้าไปอีกนานๆ "
"ครับ"ถ้าเขากินยาแล้วเป็นผู้ฝึกตนสามารถอยู่ได้นานแบบนั้นลูกชายเขา..
"ไม่เหมือนกัน ลูกชายเจ้าจะใช้การชี้วัดแบบเดียวกันกับคนทั่วไปไม่ได้ ให้เขาไปกับข้านั้นดีที่สุด เพราะข้ามีทรัพยากรอนันต์ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่สามารถหามาให้เขาได้ "
" ครับ ผมเข้าใจแล้ว "
"นี่เคล็ดวิชาฝึกตนที่เหมาะกับเจ้าเอาไปฝึกเถอะ "
" ขอผมกอดลูกอีกสักครั้งได้ไหมครับ " ฉีหลินเว่ยหลางไม่ได้ตอบรับแต่ใช้พลังวิญญาณของตนประคองเจ้าตัวน้อยไปให้พ่อของเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบรับเอาลูกน้อยไปกอดด้วยความรัก เฮ้อ ถ้าไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากแยกเจ้าพ่อลูกเลย แต่ในโลกใบนี้ข้าไม่สามารถเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยได้เต็มที่ จึงต้องแยกพวกเจ้าจากกันชั่วคราว ถ้าไม่เพราะข้าสัมผัสได้ทางจิตวิญญาณว่าพวกเจ้าเป็นลูกหลานข้า ข้าคงไม่หาเรื่องให้ตัวเองวุ่นวาย
" เวลาที่ข้ากับเขาต้องไปแล้ว "
"ครับ" เฟยหลงปล่อยมือจากลูกชาย เจ้าตัวน้อยก็ลอยไปอยู่ข้างเว่ยหลางตามการชักนำของพลังวิญญาณ
" อ้อ ต้องบอกเจ้าไว้ก่อน โลกของข้ากับเจ้ามันมีความผันผวนทางเวลาต่างกันโลกของเจ้าหนึ่งปี แต่โลกของข้าเวลาจะผ่านไปถึงหนึ่งหมื่นปี ปีหน้าของโลกเจ้าที่ข้าจะพาเจ้าหนูนี่มาหา ลูกเจ้าจะโตแล้ว ข้าบอกไว้ก่อนกลัวเจ้าตกใจ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าทำหน้าอะไรกัน ตัวข้าเองก็มีอายุขัยกว่าสองล้านปีแล้ว "
"ครับ?" สองล้านปี ต่างกันหมื่นปี เท่ากับถ้าอยู่โลกของเขาคนตรงหน้าก็อายุสองร้อยปีแล้ว แต่หน้าตายังหนุ่มขนาดนี้เลย
" ผู้ฝึกตนเมื่อถึงขั้นหยวนอิงร่างกายจะไม่ร่วงโรยไปตามวัย จะกี่ปีก็ยังอ่อนเยาว์อยู่อย่างนั้น ข้าจะไปแล้ว ว่าแต่ลูกของเจ้าเขาชื่ออะไร"
" เฟยเฟย ฉีหลินเฟยครับ"
********************************
กลางค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ สายลมเย็นยะเยือกพัดพาไอปราณแห่งความเปลี่ยนแปลงลอยเอื่อยไปทั่วผืนปฐพี ฉีหลินเว่ยหลางยืนอยู่เบื้องหน้าผาสูงสุดขอบโลกา ทารกน้อยในอ้อมแขนยังคงหลับใหลอย่างสงบ ไร้เดียงสา ไม่รับรู้ชะตากรรมอันพลิกผันของตนเอง
เบื้องหน้าเขา เส้นทางเชื่อมโลกาซึ่งถูกปิดผนึกมานับพันปี เริ่มสั่นไหว เส้นแสงสีทองเจือฟ้าสลับม่วงปรากฏเป็นรอยแยกกลางอากาศ ดุจบานประตูแห่งห้วงจักรวาลที่ค่อยๆ คลี่ออก เสียงหวีดหวิวดังแผ่วเบา ราวกับเสียงสะท้อนจากหมื่นพันมิติ
"เจ้าตัวน้อย" ฉีหลินเว่ยหลางกระซิบ พลางก้มลงมองดวงหน้ากลมเล็กที่มีไอพลังอันน่าตกตะลึงแฝงเร้นอยู่
"แม้เจ้าจะถือกำเนิดในโลกมนุษย์นี้ แต่โชคชะตาของเจ้ากลับอยู่เหนือสามภพหกแดน "
ทันใดนั้น กระแสพลังมหาศาลพวยพุ่งออกจากรอยแยก เสียงฟ้าร้องครืนครั่นปานจะฉีกท้องฟ้าเป็นเสี่ยง ลำแสงสีขาวนวลฉายทาบร่างทั้งสอง ราวกับเทพยดากำลังเฝ้ามองพิธีกรรมแห่งโชคชะตานี้
ฉีหลินเว่ยหลางยกมือข้างหนึ่งขึ้น ร่ายอาคมเก่าแก่ที่แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นสูงก็ยังมิอาจเข้าใจ ตัวอักษรเรืองแสงผุดขึ้นรอบกายเขา หมุนวนอย่างเชื่องช้า ก่อนหลอมรวมกลายเป็นสะพานแห่งแสงที่ทอดยาวเข้าสู่รอยแยกเบื้องหน้า
"เราจะไปยังที่ซึ่งเจ้าจะได้เติบโต อาจารย์จะเลี้ยงดูเจ้าอย่างดีที่สุดเจ้าจะเป็นคนที่อยู่เหนือใคร" เขาก้าวเท้าขึ้นสู่สะพานแสงแต่ละก้าวอย่างมั่นคง ไร้ความลังเล ทุกย่างก้าวของเขา โลกเบื้องหลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย ราวกับกำลังบอกลาบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
เมื่อร่างของทั้งสองจมหายเข้าไปในรอยแยกนั้น สะพานแห่งแสงก็ค่อยๆ เลือนหาย ตัวอักษรล่องหนแตกสลายเป็นผงดาว กระจายไปทั่วท้องนภา เสียงสุดท้ายที่หลงเหลือไว้ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของทารก และจิตอธิษฐานจากชายผู้เป็นอาจารย์
"ขอให้สวรรค์เมตตาให้ชีวิตใหม่ของเจ้า จะได้รับสิ่งที่ควรได้ ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถบีบบังคับเจ้าได้ถ้าเจ้าไม่ยินยอม"
โลกผู้ฝึกตน
ดินแดนลับเร้นที่ตั้งของเรือนพักอาจารย์ฉีหลินเว่ยหลาง มิอาจพบได้ด้วยตาเปล่าหรือจิตสัมผัสธรรมดา มันถูกซ่อนอยู่ภายในหุบเขาเมฆาไร้เงา สถานที่ที่แม้แต่แผนที่ของโลกผู้ฝึกตนยังเว้นว่างไม่กล้าแตะต้อง
เมื่อก้าวพ้นม่านหมอกลวงตาซึ่งห่อหุ้มดินแดนไว้ ทุกสรรพสิ่งก็แปรเปลี่ยนจากความว่างเปล่าสู่ความงดงามเหนือจินตนาการ ผืนฟ้าเบื้องบนทอดยาวเป็นสีครามใสเจือม่วงอ่อน ราวกับถูกวาดด้วยปลายพู่กันของเซียน เมฆสีเงินลอยเอื่อยอยู่เหนือยอดเขา กลิ่นไอปราณเย็นสงบที่ช่วยให้จิตใจบริสุทธิ์เพียงได้สูดเข้า
เรือนพักตั้งอยู่ริมหน้าผา แทรกตัวอยู่ระหว่างต้นหลิวพันปีที่ใบอ่อนร่วงหล่นไม่สิ้นสุด เสียงสายลมพัดลอดใบไม้คล้ายเสียงดนตรีจากพิณฟ้า ตัวเรือนสร้างจากไม้โบราณสีดำอมม่วงที่ไม่ผุกร่อนแม้กาลเวลาจะผ่านไปเป็นหมื่นปี หน้าต่างทุกบานเปิดรับแสงจากกลีบดอกไม้สีทองที่ลอยละล่องอยู่ในอากาศโดยไม่รู้จบ
กลางลานกว้าง มีสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนภาพท้องฟ้า และแสงจันทร์ที่ไม่เคยดับลงแม้ยามกลางวัน ดอกบัววิญญาณสีฟ้า ผลิบานอยู่กลางสระ กลีบของมันเปล่งแสงเรืองรองราวกับรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ฝึกตนอันยิ่งใหญ่
ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้สระนั้น มีศาลาไม้เล็กๆ ที่อาจารย์เว่ยหลางชอบนั่งจิบชาและเหม่อมองไกลออกไปในทะเลเมฆ เสียงน้ำตกจากหน้าผาไกลๆ เคล้าเสียงนกวิญญาณร้องประสานอย่างกลมกลืน ไม่มีสิ่งใดเร่งรีบ ไม่มีความวุ่นวาย มีเพียง ‘ความสงบ’ ที่แม้แต่เวลายังหลงลืม
ในดินแดนราวฝันเช่นนี้ จะเป็นที่ให้ทารกน้อยนามฉีหลินเฟย เติบโตขึ้นท่ามกลางความสงบอันลึกล้ำ สายตาของอาจารย์เว่ยหลางมองลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวด้วยความอ่อนโยน แม้ใบหน้าจะเย็นชาไร้ความรู้สึก ทว่าความเมตตาที่แฝงอยู่ในทุกการกระทำ กลับอบอุ่นราวแสงอาทิตย์ยามเช้า
“เฟยเฟยจากนี้ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้า เจ้าดูสิบรรดาของวิเศษเหล่านี้จะทำให้เจ้าเติบโตมาอย่างดีแน่ๆ มาเถอะอาจารย์จะเอาผลน้ำนมให้เจ้าลองชิมดู ถ้าเจ้าไม่ชอบอาจารย์จะหาสิ่งอื่นมาทดแทนให้”
ฉีหลินเว่ยกลางกล่าวออกมาอย่างง่ายดาย แต่มันเป็นความง่ายดายที่ถ้าใครมาได้ยินคงแทบอยากจะบีบคอเขาให้ตาย เพราะใครโลกแห่งนี้ใครเล่าจะกล้าไม่รับผลน้ำนมที่มีค่าจนแม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นเหอถี่ยังแย่งชิงกันกว่าจะได้มาสักลูก
แต่ที่อื่นหายากแล้วอย่างไร ฉีหลินเว่ยหลางมีต้นน้ำนมเป็นของตัวเอง ต้นน้ำนมนี้เติบโตอยู่ใต้รัศมีแสงแห่งจันทราสวรรค์ ลำต้นของมันเป็นสีเงินบริสุทธิ์ เปล่งประกายแผ่วเบาราวกระจกใส สะท้อนแสงดาวที่ไม่มีใครมองเห็น ดอกของมันมีเพียงดอกเดียวในทุกพันปี และเมื่อดอกนั้นบาน มันจะให้กำเนิด ‘ผลน้ำนม’
ผลทรงกลมสีขาวนวลคล้ายหยาดน้ำค้างที่กลั่นมาจากความบริสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณ ภายในผลนั้นมีน้ำสีขาวขุ่นเนื้อเนียนละเอียด มีกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ ราวกลิ่นน้ำนมแม่ผสมกลิ่นดอกไม้แรกแย้ม ทว่าแฝงไว้ด้วยคลื่นพลังวิญญาณอันหนาแน่นจนแม้แต่สัตว์อสูรขั้นสูงยังรู้สึกเคารพเมื่อเข้าใกล้
ผลน้ำนมมิใช่เพียงของวิเศษ หากแต่เป็น ‘ของมีชีวิต’ ที่จะเลือกผู้ครอบครองด้วยตนเอง หากวิญญาณผู้ถูกเลือกไร้ความบริสุทธิ์เพียงพอ มันจะปิดตนเองและเหี่ยวแห้งภายในลมหายใจเดียว
แต่เมื่อฉีหลินเฟย ทารกที่ถือกำเนิดมาพร้อมจิตวิญญาณทั้งเก้าธาตุและร่างจิตเก้าสี ได้เข้าใกล้ผลน้ำนม แสงสีขาวนวลจากผลก็เปล่งประกายราวกับจันทราส่องฟ้าในคืนมืด น้ำภายในผลไหลเอื่อยรินลงสู่ขวดหยกที่ฉีหลินเว่ยหลางเตรียมไว้โดยเฉพาะ ความอบอุ่นจากของเหลวนั้นแผ่กระจายทั่วบริเวณ ราวกับเสียงขับกล่อมของเทพธิดา
เพียงหยดแรกที่ไหลผ่านริมฝีปากเล็กของทารกน้อย ร่างกายที่ยังไม่เจริญเติบโตก็สั่นสะท้านเบาๆ เส้นปราณที่ควรยังปิดตายกลับสว่างขึ้นเลือนลาง อวัยวะภายในทุกส่วนค่อยๆ บ่มเพาะจากภายใน พลังแห่งชีวิตสะสมโดยไม่ก่ออันตราย เหมือนต้นกล้าแรกผลิที่ได้รับหยาดฝนแรกของฤดู
ผลน้ำนมนี้กลายเป็นรากฐานแรกเริ่มของฉีหลินเฟยเสมือนจุดเริ่มต้นของผู้ฝึกตนที่แท้จริง
“ดูท่าเจ้าจะชอบ ดื่มเยอะๆเลยนะอาจารย์มีพวกมันหลายแสนลูก ถ้าไม่เพียงพออาจารย์จะสร้างค่ายกลเร่งเวลาให้ต้นน้ำนมเร่งผลิดอกออกผลให้เจ้า”
“แอ้ อืม อ่า”
ปีที่หนึ่ง
ณ ลานผานิล ท่ามกลางสายลมเย็นยะเยือกจากยอดเขาหมื่นเมฆ หนึ่งในยอดเขาของหุบเขาเมฆาไร้เงา ร่างเล็กของฉีหลินเฟยนั่งขัดสมาธิอย่างสงบ ลมหายใจสม่ำเสมอ ประหนึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ พลังปราณจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้าสู่ร่าง ราวถูกดูดกลืนโดยกระบอกไม้ไผ่ไร้ก้น
เมฆหมุนวนเหนือศีรษะช้าๆ สายฟ้าเส้นบางแลบแปลบปลาบกลางท้องฟ้าโดยไร้สุ้มเสียง สายปราณแปดทิศถูกเปิด พลังฟ้าดินหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ห้อมล้อมร่างเล็กไว้แน่นหนา
ในช่วงพริบตานั้นเอง มวลแสงเก้าสีพลันปะทุขึ้นจากกลางอกของฉีหลินเฟย พวยพุ่งขึ้นฟ้าราวเสาแสงสวรรค์
แสงทั้งเก้าผสานกลิ่นอายของ ไฟ, น้ำ, ลม, ดิน, ไม้, สายฟ้า, น้ำแข็ง, โลหะ และความมืด
รากวิญญาณเก้าสีเก้าธาตุ ได้เผยตัวออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน มังกรปราณที่ห้อมล้อมร่างเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นมังกรเก้าสี กู่คำรามดังก้องทั่วทั้งหุบเขาเมฆาไร้เงา ก่อนจะม้วนตัวเข้าสู่ร่างเขาอย่างเงียบงัน
เสียง “ตู้ม!” ดังขึ้นเบาๆ จากภายในจิตสำนึกของฉีหลินเฟย ราวกับพันธนาการที่ปิดกั้นพลังมานานนับหมื่นปีได้ถูกปลดปล่อย
ขั้นฝึกปราณ ขั้นที่หนึ่ง
ได้ถูกฝ่าขึ้นอย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้น เส้นลมปราณทั่วร่างพลันสั่นสะเทือน ขยายขึ้นกว่าเด็กทั่วไปนับสิบเท่า ดวงตากลมโตลืมขึ้นช้าๆ ภายในแฝงไว้ด้วยประกายแห่งสติปัญญาเหนือกว่าวัย
ภายในม่านตาดำ สะท้อนแสงเก้าสีแวบผ่านอย่างแผ่วเบา
ฉีหลินเว่ยหลางที่ยืนมองอยู่เงียบๆ ก็พยักหน้าเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึมแต่แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจ
“รากวิญญาณเก้าธาตุ ร่างวิญญาณเก้าสี แค่หนึ่งขวบก็ฝ่าขั้นฝึกปราณได้ แถมยังเผยธาตุครบทั้งเก้าในเวลาเดียวกัน สมกับเป็นศิษย์ของข้า” เขาเงยหน้ามองฟ้า ดวงตาฉายแววครุ่นคิด
“โชคชะตาเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่อาจซ่อนเขาไว้ได้นานแล้ว”
ปีที่สอง
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ในสายตาโลกภายนอกอาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ในโลกของการฝึกตน หนึ่งปีนั้นสามารถเปลี่ยนชะตาฟ้าดินได้
ณ ลานผานิลเดิม ภายใต้แสงจันทร์สีเงิน ร่างเล็กของฉีหลินเฟยวัยสองขวบกำลังลอยตัวเหนือพื้นเล็กน้อย ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเฉียบคม พลังปราณจากทั่วสภาพแวดล้อมถาโถมเข้ามาราวกับถูกดูดโดยพายุไร้รูปร่าง ภายในร่างกาย เดือดพล่านดั่งภูเขาไฟกำลังปะทุ
รากวิญญาณเก้าสีเก้าธาตุส่องแสงเจิดจ้า หมุนวนอย่างบ้าคลั่งรวมศูนย์เข้าสู่จุดตันเถียนกลางร่าง
เสียงฟ้าผ่าโครมคราม!
ท้องฟ้ายามค่ำกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม มังกรเก้าสีปรากฏอีกครั้ง แต่มิได้ล้อมร่างเขาอย่างอ่อนโยนเช่นก่อน หากแต่โฉบวนวนรอบร่างด้วยความเร็วสูงสุด ราวกับกำลังขัดเกลาบางสิ่ง
“ปัง!”
แรงระเบิดพลังภายในจิตสำนึกดังก้อง มวลพลังฝ่าทะลวงปราการภายในทันที
ขั้นฝึกปราณ ขั้นที่แปด บรรลุแล้ว!
เส้นลมปราณในร่างพุ่งขยายขึ้นอีกสิบส่วน เข็มพลังในร่างพุ่งสูงจนเขตแดนรอบๆ สั่นสะเทือน เงารูปสัตว์เทพธาตุทั้งเก้าปรากฏขึ้นซ้อนทับกันบนท้องฟ้า มังกรไฟ, เต่าน้ำ, วิหคลม, เสือดิน, กวางไม้, งูสายฟ้า, นกน้ำแข็ง, สิงห์โลหะ และจิ้งจอกเงา ทั้งหมดเปล่งเสียงคำรามประสานกัน ดังก้องราวการประกาศกำเนิดของสิ่งล้ำค่าที่สุดในใต้หล้า
ฉีหลินเว่ยหลางที่เฝ้ามองอยู่ตลอด พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แค่สองขวบ ขั้นที่แปดของฝึกปราณ ” เขาหลุบตาลง ถอนหายใจ
“หากเป็นคนทั่วไป คงเรียกว่าอัจฉริยะ แต่หากเป็นเจ้าล่ะก็ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว เฟยเอ๋อร์ของข้า”
ปีที่สาม
ยามรุ่งอรุณ ณ ลานผานิล แสงแดดแรกของวันส่องผ่านยอดไม้ กระทบใบหญ้าจนเกิดประกายสีทองสวยงาม เงาร่างเล็กของเด็กชายวัยสามขวบยืนสงบนิ่งตรงหน้าผา สายลมเย็นโชยผ่านกลุ่มผมยาวสีดำสนิทที่ถูกรวบไว้ด้วยเชือกผ้าสีขาวเรียบง่าย ฉีหลินเฟย หลับตาเงียบ ๆ รับรู้ถึงการไหลเวียนของปราณภายในร่าง เส้นลมปราณที่ถูกฝึกฝนมานับพันวันในโลกแห่งการเร่งเวลา บัดนี้เข้มแข็ง แน่นหนา และบริสุทธิ์จนถึงขีดสุด ทันใดนั้น เขาลืมตาขึ้น
“ถึงเวลาแล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาราวกระซิบ แต่กลับก่อแรงสั่นสะเทือนในมิติรอบข้าง!
พลังปราณทั้งเก้าเริ่มหมุนวนรอบตัวเขาอีกครั้ง ทว่าในครานี้หาได้กระจัดกระจายดังครั้งก่อน หากกลับไหลรวมกันเข้าสู่ตันเถียนโดยสมัครใจ. ภายในร่าง รากวิญญาณเก้าสีปะทุแสงจ้า แตกกระจายเป็นแสงเก้าสายไหลลงสู่จุดรวมกลางท้อง
"ควบแน่น... ก่อแก่นฐาน…"
เสียงคำรามเบา ๆ ดังขึ้นจากจิตวิญญาณ เขาเหยียดฝ่ามือออก แสงสีทองบางเบาปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ กลั่นตัวกลายเป็นผลึกใสทรงกลมขนาดเท่าไข่มุกหมุนวนอยู่เบา ๆ
ฟ้าสะท้อนเสียงคำรามอีกครั้ง
ร่างเงาของมังกรเก้าสีที่เคยปรากฏ บัดนี้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นมังกรสีทองอร่าม ขดตัวล้อมตันเถียนเอาไว้ ราวกับจะปกป้องพลังแก่นฐานอันไร้ผู้เทียบ
ขั้นรากฐานปราณ ขั้นที่หนึ่ง. สำเร็จแล้ว
กลิ่นอายรอบตัวเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากเด็กน้อยผู้ฝึกตน บัดนี้คือรากฐานที่มั่นคงยิ่งกว่าผู้ใหญ่หลายร้อยปีของโลกฝึกตน
ฉีหลินเว่ยหลางผู้เฝ้าดูอยู่ไม่ไกล พลันเบิกตาเล็กน้อย
"สามขวบ สร้างรากฐาน โดยไม่พึ่งโอสถแม้แต่เม็ดเดียว" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกตะลึงและสั่นคลอนในจิตใจของผู้อาวุโสผู้ผ่านโลกมานับพันปี. เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า แววตาลึกซึ้งราวสามารถมองทะลุชั้นเมฆหมื่นฟ้า
เขาผู้มีอายุกว่าสองล้านปี ผู้เคยยืนอยู่เหนือสรรพชีวิตในแดนสวรรค์ ผู้เคยฝ่าฟันมหันตภัยแห่งสวรรค์ทั้งเก้า แม้แต่เขายังไม่อาจคาดเดาเส้นทางของศิษย์ตนเองได้
“ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่า เจ้าคือเด็กที่ข้าเก็บมาหรือคือผู้ที่ฟ้าสร้างมาเพื่อสั่นคลอนสวรรค์”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!