เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องประชุมเงียบจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินติ๊ก...ติ๊ก...
“ลิน” นั่งตัวตรง มือวางบนหน้าตัก แม้ภายนอกจะพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในหัวกลับเต็มไปด้วยคำถาม
เธอแค่พนักงานฝ่ายบุคคลธรรมดา อยู่ในบริษัท L Group ได้ปีกว่า ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย ไม่เคยคุยกับผู้บริหารระดับสูงด้วยซ้ำ แล้วทำไมวันนี้...ถึงถูกเรียกมาพบโดยตรง?
“คุณลินใช่ไหมคะ”
หญิงวัยกลางคนในชุดสูทเรียบหรูเปิดประตูเข้ามาพร้อมชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานแต่เคร่งขรึมอีกคน
“ค่ะ...” ลินลุกขึ้นยืนไหว้ตามมารยาท
“ฉันคุณภารดา...เป็นคุณแม่ของปริญ ประธานบริษัท L Group”
ลินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพนมมือไหว้อีกครั้ง “ยินดีที่ได้พบค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนนะจ๊ะ” น้ำเสียงของคุณภารดานุ่มนวล แต่แววตากลับแน่วแน่เกินกว่าที่ลินจะไม่รู้สึกประหม่า
“เราเรียกคุณมาวันนี้ มีเรื่องสำคัญอยากคุย...แต่ขอให้คุณเปิดใจฟังก่อนนะ ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง พวกเราจะไม่บังคับ”
ลินพยักหน้า แม้ใจจะเริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดคือเรื่องงาน...หรืออะไรที่เธอไม่เคยคาดคิด
“คุณปริญ ลูกชายของเรา เป็นคนที่เก่งมาก แต่เขาก็หัวแข็งและไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับใครจริงจังเลย”
ลินมองเลยไปยังชายหนุ่มที่ยืนพิงกำแพงหน้าต่าง...ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าคมเข้มเย็นชา ใส่นาฬิกาหรูแบบที่เธอแค่เห็นราคาก็ใจหาย
เขาไม่พูดอะไร...แค่สบตาเธอผ่านแว่นสายตาเล็กน้อยก่อนหันหน้าหนี
“ตอนนี้อากงอาม่าของเขาป่วย และอยากเห็นหลานแต่งงานมีครอบครัวก่อนจะสายเกินไป”
คุณภารดาหยุดเล็กน้อย แล้วพูดต่ออย่างจริงจัง
“เราต้องการคนที่เชื่อถือได้ เรียบง่าย ไม่มีประวัติเสีย...มารับบทเป็น ‘ภรรยาในสัญญา’ ของปริญแค่หนึ่งปี”
ลินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่เชื่อหู
“ขอโทษนะคะ…คุณพูดเล่นหรือเปล่า?”
“เราให้ค่าตอบแทนคุณอย่างเหมาะสม และช่วยเคลียร์หนี้สินทั้งหมดของครอบครัวคุณ รวมถึงค่าใช้จ่ายของน้องชายคุณที่กำลังต้องการการรักษา...”
เธอชะงักทันที
เขารู้ได้ยังไง...?
“คุณ...สืบประวัติฉันเหรอคะ?” น้ำเสียงเริ่มสั่นเล็กน้อย
คุณภารดายิ้มบาง “เราต้องมั่นใจก่อนตัดสินใจอะไรแบบนี้ ลิน เราไม่ได้ดูถูกคุณ แต่เราเลือกคุณ...เพราะคุณเป็นคนดี”
บรรยากาศในห้องเงียบสนิท
มีเพียงเสียงลมหายใจของปริญ ที่เริ่มหงุดหงิดกับสถานการณ์
“ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้” เขาเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงเย็นเฉียบ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเห็นด้วย” ลินตอบกลับเร็วทันควัน ดวงตาฉายแววปะทะโดยไม่รู้ตัว
สายตาทั้งสองคู่ประสานกันแบบไม่ยอมกัน
ราวกับทั้งคู่ต่างไม่เต็มใจจะ “แต่งงานหลอก ๆ” นี่ด้วยกันทั้งคู่
แต่ใครบางคนในห้องนี้รู้ดีว่า…
บางครั้ง ความรักที่จริงที่สุด อาจเริ่มต้นจากความไม่ตั้งใจที่สุดก็ได้
และมันก็อาจจะเป็น...
แค่บังเอิญรัก
ลินยืนหน้าแข็งทื่ออยู่หน้าประตูบ้านทรงจีนโมเดิร์นหลังใหญ่ โคมแดงตรงเสาหินหน้าบ้านไหวเบา ๆ กับสายลมเย็นของบ่ายวันนั้น
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชีวิตจะพาเธอมาถึงจุดที่ต้อง “แกล้งแต่งงาน” กับคนที่ไม่รู้จักกันดี เพื่อมาหลอกญาติผู้ใหญ่ที่ป่วยหนัก
...มันทั้งแปลก ทั้งบ้า และทั้งอึดอัด
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น เดี๋ยวก็โป๊ะแตกหรอก”
เสียงเรียบเย็นของปริญทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง
“ฉันแสดงไม่เก่งเหมือนคุณหรอกค่ะ”
“หึ…” เขายิ้มบาง ๆ อย่างเยาะ แต่ไม่ได้ต่อว่าอะไร
เมื่อประตูบ้านเปิดออก เสียงภาษาจีนคละเคล้ากับภาษาไทยต้อนรับอย่างอบอุ่น
“อาเฮีย! มากับเมียจริง ๆ ด้วย!”
“โหย...สวยกว่าในรูปอีกนะยะ หลานสะใภ้เรา!”
ลินยิ้มเจื่อน ๆ พยายามไหว้ทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ ขณะที่ในใจสั่นระรัว เธอไม่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เลยมาก่อน—อบอุ่น วุ่นวาย แล้วก็...เต็มไปด้วยความคาดหวัง
และในที่สุด...ก็ถึงเวลาที่เธอรอไม่ไหว แต่ก็กลัวจะเผชิญหน้าที่สุด
“อาม่า”
หญิงชราผิวซีดขาวนั่งอยู่ที่โซฟาไม้สัก แววตาอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความเฉียบคมในแบบคนจีนแท้ ๆ
พอเห็นหน้าลิน อาม่าก็ยิ้มกว้างทันที ก่อนเอ่ยเสียงแหบแผ่วแต่นุ่มนวล
“อาหลินเหรอ...สวยมากเลยลูก เข้ามาสิ มานั่งข้าง ๆ อาม่า”
ลินชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปนั่งอย่างประหม่า
มือเหี่ยวบาง ๆ ของอาม่ายื่นมาจับมือเธอเอาไว้เบา ๆ อบอุ่นอย่างน่าประหลาด
“ดูตามื้อนี้สิ ปริญ...อาม่าดูออกเลยนะ ว่าผู้หญิงคนนี้จริงใจ”
เธอกำลังจะพูดบางอย่าง แต่อาม่ากลับเอ่ยต่อเสียก่อน
“ไม่ต้องกลัวนะลูก อาม่ารู้ว่าชีวิตของหลานคงไม่ง่ายนัก แต่เราจะเป็นครอบครัวกันแล้ว ต้องช่วยกันผ่านไป”
ลินเม้มปากแน่น
เธอไม่ได้อยากหลอกใคร...
แต่อยู่ ๆ หัวใจก็รู้สึกผิดอย่างประหลาด เมื่อได้สบตาอาม่าที่มองเธอเหมือนหลานแท้ ๆ คนหนึ่ง
ปริญยืนเงียบอยู่ไม่ไกล แวบหนึ่งเขาเห็นเงาของแม่ตัวเองในดวงตาของอาม่า...ผู้หญิงคนนี้เคยเลี้ยงเขามาด้วยความรักแท้ ๆ ไม่มีเงื่อนไข
และนั่นคือเหตุผลเดียวที่เขายอม “เล่นละคร” นี้
ไม่ใช่เพราะกลัวจะอดมรดก
แต่เพราะเขาไม่อยากให้อาม่าจากไป...โดยไม่มีความสุข
“ลิน” เงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ
“อาม่าคะ…หนูอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุด แต่หนูจะไม่ทำให้อาม่าผิดหวังแน่นอนค่ะ”
อาม่ายิ้มกว้าง แล้วหันไปหาปริญ
“อย่าให้หลานสะใภ้เราเสียใจนะ ถ้าทำเขาร้องไห้ อาม่าจะตามหลอกถึงในฝันเลย!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบา ๆ ทั่วทั้งห้อง
แต่หัวใจของใครบางคนในนี้ กลับเริ่มสั่นไหว...อย่างไม่รู้ตัว
“ได้ข่าวว่าแต่งงานแล้วเหรอ?”
คำถามที่ดูเหมือนจะธรรมดาของเจนนี่ แต่ปริญรู้ดีว่าทุกคำพูดของเธอ ไม่ได้พูดมาเล่น ๆ
“ใช่”
“แต่งงานจริง ๆ?”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบาย” เขาพูดเสียงเย็น
เจนนี่ยิ้มบาง ๆ แล้วลุกขึ้น เดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะ
“ถ้าเธอแต่งไปเพราะอากงอาม่า ฉันเข้าใจนะ...แต่ครอบครัวเธอก็รู้ดีว่าฉันเคยเป็นคนแบบไหน”
เขาเงียบ ไม่ปฏิเสธ—เพราะมันคือความจริง
“ฉันรู้จักอาม่า รู้จักคุณแม่ของเธอดี เราเคยกินข้าวกันทุกวันอาทิตย์ ตอนนั้นทุกคนยังบอกเลยว่า...ฉันเป็นว่าที่สะใภ้คนเดียวที่เหมาะสมกับปริญ ลืมแล้วเหรอ?”
ปริญยังคงนิ่ง สีหน้าไร้อารมณ์
**
คืนนั้นที่บ้านใหญ่…
ลินเดินตามปริญเข้ามาในบ้านหลังจากถูกชวนมากินข้าวเย็นกับครอบครัว
เธอพยายามจะยิ้มและแสดงความสุภาพแบบที่ควรทำ—แต่ภาพตรงหน้าทำให้เธอชะงัก
เจนนี่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาข้างอาม่า
ถือถ้วยชา หัวเราะอย่างสนิทสนมเหมือนไม่ใช่แขก
คุณภารดานั่งอยู่ด้วย ท่าทางเหมือนกำลังมีความสุขกับบทสนทนา
“อ้าว ลิน มาแล้วเหรอลูก” คุณภารดาทักด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ได้อบอุ่นเหมือนเคย
“เจนนี่แวะมาพอดี เราเลยชวนอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเลย”
เจนนี่ลุกขึ้นยืน เดินมายิ้มให้
“หวัดดีจ้ะลิน ได้ยินเรื่องเธอมานิดหน่อยแล้ว...ยินดีด้วยนะที่ได้แต่งกับปริญ” น้ำเสียงเธอสุภาพแต่แฝงความเยาะนิด ๆ
ลินไหว้ตอบเบา ๆ แล้วหันไปสบตาปริญที่เพิ่งถอดสูทพาดกับพนักเก้าอี้ ก่อนเดินเข้าครัวไปไม่พูดอะไร
อาม่าหันไปพูดกับเจนนี่
“หลานยังชงชารสเดิมให้อาม่าได้เลยนะ เก่งจริง ๆ”
ลินได้แต่นั่งเงียบ อยู่คนละฝั่งโต๊ะกับเจนนี่ ไม่กล้าพูดอะไร แม้อาม่าจะยังมองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงก็ไม่เหมือนวันก่อน
ในขณะที่ทุกคนดูคุยกับเจนนี่อย่างสนิทสนม ราวกับเธอเป็น “คนที่ควรอยู่ตรงนี้”
ลินเริ่มรู้สึกว่า
บทบาท ‘ภรรยาในสัญญา’ ของเธอมันบางเบาเกินไป…
และอาจถูกใครบางคนแย่งไปได้ง่าย ๆ
**
หลังอาหาร ลินเดินออกมารดน้ำต้นไม้มุมสนามหญ้า หัวใจเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
แต่แล้ว…
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลัง
“ไม่ต้องสนใจมาก พวกเขาแค่เคยสนิทกัน”
เสียงปริญที่เธอไม่คิดว่าจะพูดอะไรแบบนี้
“แต่เขาก็ยังดูเหมาะกับครอบครัวคุณมากกว่าฉันอยู่ดี”
ลินตอบโดยไม่หันกลับไป น้ำเสียงปนเศร้าแต่พยายามไม่แสดงออก
ปริญนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดเบา ๆ
“ฉันไม่แคร์ว่าใครจะเหมาะ...ฉันแค่ไม่อยากให้อาม่าผิดหวัง”
และนั่นคือประโยคที่ลินจำได้ทั้งคืน—แม้มันจะไม่ใช่คำหวานอะไรเลย
แต่มันกลับ...สะเทือนใจเธอที่สุด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!