คำสาปเเช่ง"
กำเนิดของมัน
คนเขียนเสีนวปี๋
หวัดดีจ้าพ่อเเม่ทุกคน
คนเขียนเสีนวปี๋
วันเราจะเขียนนิยายเป็นเรื่องเเรก
คนเขียนเสีนวปี๋
ไม่รู้จะดีรู้นะ
คนเขียนเสีนวปี๋
รอติตามชมเลย
คนเขียนเสีนวปี๋
ตอนเเรกจะเปีดต้นกำเนิดของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเล่มนั้น…ไม่เคยถูกตั้งชื่อ
ไม่มีสำนักพิมพ์ ไม่มีเลขมาตรฐาน ISBN ไม่มีใครเคยโฆษณามัน ไม่มีใครขายมันที่ร้านหนังสือใดในโลก
แต่ “มัน” มีตัวตน
และเคยถูก “เขียน” ขึ้นมา…โดยมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
ชายคนหนึ่งซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครบันทึกชื่อไว้
แต่ผู้ที่เหลือรอดจากยุคนั้น เรียกเขาว่า “อาจารย์วิเชียร”
---
อาจารย์วิเชียร เคยเป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือของไทย ช่วงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เขาเป็นชายที่รักในตัวหนังสือ ชอบการเขียน กลัวพระเจ้า และเกลียดความอยุติธรรม
แต่ไม่มีใครรู้…ว่าใต้แววตาเรียบเฉยนั้น เขากำลังรวบรวม “ข้อมูลจากความตาย” อย่างลับๆ
เพราะเขาเชื่อว่า
> “มนุษย์ไม่ได้กลัวปีศาจ…แต่กลัวกันเองต่างหาก”
ในยุคที่เขาอยู่ สังคมไทยเต็มไปด้วยความอยุติธรรมในระบบโรงเรียน
นักเรียนหญิงที่ถูกล่วงละเมิดโดยครูใหญ่ ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ
ครูสาวที่พยายามเปิดโปง กลับกลายเป็นผู้ต้องหา
นักเรียนชายคนหนึ่งกระโดดตึกตาย...แต่ถูกบอกว่าเป็น “อุบัติเหตุ”
อาจารย์วิเชียรไม่พูดอะไรเลยตลอดสิบกว่าปีที่สอนอยู่ที่นั่น
แต่ในเงามืด เขาเริ่ม “เขียน”
---
หนังสือเล่มนั้น ไม่ใช่ตำรา ไม่ใช่นิยาย มันคือ “สมุดบันทึก” เล่มหนึ่ง ที่อัดแน่นด้วยข้อมูลจริง:
รายชื่อคนตาย
สาเหตุการตาย
เหตุการณ์ที่ถูกปิดบัง
คำพูดสุดท้ายของเหยื่อ
และ… คำสาปแช่ง
อาจารย์วิเชียรเก็บบันทึกทุกคำสาปที่เขาได้ยิน จากปากของนักเรียนที่กำลังจะตาย
บางคนตะโกนใส่ฟ้า
บางคนกระซิบเบาๆ กับพื้นห้องเรียนที่เปื้อนเลือด
บางคนเขียนไว้ในสมุดก่อนจะหายตัวไป
ทุกถ้อยคำเหล่านั้น…ถูกถอดเป็นข้อความในหน้าหนังสือ
เรียงด้วยลายมือสวยงามที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว ยิ่งเขียนมาก ลายมือของเขายิ่งไม่เหมือนคน
---
ปีสุดท้ายของชีวิตอาจารย์วิเชียร
เขา “หายตัวไป”
พร้อมกับหนังสือเล่มนั้น
---
แต่หนังสือกลับมาอีกครั้ง
เมื่อสิบกว่าปีต่อมา มีนักเรียนหญิงในโรงเรียนเดียวกัน เจอหนังสือปริศนาวางอยู่กลางห้องเรียนที่ปิดตาย
ไม่มีใครรู้ว่าเธออ่านมันหรือไม่
รู้แค่ว่าในคืนนั้น…เธอตกตึกตาย โดยไม่มีใครเห็นเหตุการณ์
หนังสือเล่มนั้นก็หายไปอีกครั้ง
---
ทุกครั้งที่มัน “ปรากฏ” จะมีคนตายเสมอ
มันเหมือนมีชีวิต
เหมือนมัน “เลือก” ใครจะเจอ ใครจะอ่าน
และที่น่ากลัวที่สุดคือ... ไม่มีใครสามารถเผามันได้
ทั้งที่ไม่มีคำสาปในเนื้อหา
มีเพียง “เรื่องจริงที่ไม่ควรถูกอ่าน”
แต่ทุกครั้งที่มีคนอ่าน มันเหมือนคนคนนั้น…ดึงอะไรบางอย่างออกมาจากอดีต
สิ่งที่ไม่ควรถูกเรียกกลับมา
---
หมายเหตุสุดท้าย ที่ถูกเขียนด้วยลายมือของอาจารย์วิเชียร บนหน้าสุดท้ายของหนังสือ คือ:
> “จงอย่าอ่านมันด้วยความอยากรู้
จงอย่าเชื่อว่าความจริงจะปลดปล่อยคุณ
เพราะบางครั้ง...
ความจริงก็คือคำสาปที่ร้ายแรงที่สุด”
คนเขียนเสีนวปี๋
คนที่ดูอยู่ต่อไปจะเป็นตัวเปีดเรื่องเด้อออออ
เมื่อ 33 ปีที่เเลัว พ.ศ2534
ทิม
มึงกูลืมหนังสื่อวิชาภาษาไทยอะในห้องสมุดพาไปเอาหน่อย
มี้น
มึงฝนจะไม่ตกหนักอีกหรอ
ทิม
กูยังทำการบ้านไม่เสร็จเลยๆ
ทิม
เชื่อกูทันไม่เปื่อยเเน่นอน
ทั้งสองรีบวิ่งไปที่ห้องสมุด
ทิม
ก็หาเหตุผลไปดิ/หาหนังสือ
นั้นเวลานั้นได้มีเสียงสมุดเล่มใหญ่ตกลงพื้นเสียงดัง
ทิม
ไม่มึงไป..ดูปะละ/สงสัย
/ไปดูหลังสุดของห้องสมุดที่จะมีหนังสือหรือสมุดใหญ่อยู่
ทิม
มึงดูดิ/เอาขึ้นมาจากพื้น
มี้น
มึงเก็บที่เดิมเลย/เริ่มระเเวง
มี้น
/มองไปเห็นหนังสือของทิม
มี้น
/มองทิมที่เปีดอ่านสมุดเล่มนั้น
ทิม
ไม่เห็นมีอะไรเลยอะมึงไปกลับกัน ได้หนังสือละ
เสียงกระซิบ ตาย....ตาย.....มึงต้องตาย...ตาย... วงไปเรื่อยๆ
ทั้งสองเอากระเป๋าเเลัวเดินออกไปหน้าโรงเรียน
ทิม
มึงกูได้ยินเสียงอะไรไม่รู้/ตกใจ
ทิม
นั้นไงเสีย...ง/ตกใจกริ้ด
มี้น
มึงเป็นอะไร!!!/ตบหน้า
รถคันหนึ่ง ขับมาอย่างเร็วได้ชมเข้ากับร่างของทิม
ร่างของทิมถูกชมจนสมองเเตกออกมาเต็มถนน
ขาหักคอหักเเขนหัก ร่างกายผิดรูปไปหมด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!