NovelToon NovelToon

ระบบสุดเทพ

ส่วนประกอบของระบบสกิล

ระบบสกิลมีส่วนประกอบหลักมี4อย่าง

1) ค่าสถานะ เช่น ความอึด ความคงทน พลังชีวิต ความเร็ว

2) สกิล เช่น สกิล:ผู้อยู่ในเงามืด

...-ความสามารถทำให้เก่งขึ้นเมื่อ อยู่ในที่มืด...

3) ไอเท็มสมมุติ เช่น ดาบแห่งความยุติธรรม(จากกิ่งไม้) ปืนสไนเปอร์(จากกรประตู)

4) โชคชะตาและพลังเวทย์ เข่น ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์

...สกิลที่1ถึง3เป็นของปกติสามารถเลียนแบบได้ แต่สกิลที่4ผมใส่มาไว้เฉยๆเพราะยังไงคงไม่ได้ใช้หรอกแต่มีไว้ก็ดีกว่าไม่มี...

...เรื่องเวทย์มนต์ที่ถูกมองว่าเหนือธรรมชาติและเพ้อฝันแต่ผมคิดว่าสามารถเอามาปรับในระบบสกิลได้แต่ยังไม่ใช่เร็วๆนี้แน่...

ส่วนประกอบต่อไปของระบบจะเป็นส่วนย่อยๆที่ไม่จำเป็นแต่สามารถเอามาเสริมได้ตามความสะดวก

-เพื่อนในจินตนาการ

(เพื่อนหรือศัตรูที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการเพื่อช่วยในการใช้ระบบ)

-แนวคิดอื่นๆที่นำมาเสริม

(เนื่องจากแนวคิดของระบบยังอ่อนแออยู่เลยคิดว่าถ้าเอาแนวคิดอื่นมาเสริมอาจจะดีแหละมั้ง)

-การจดบันทึก

(จดบันทึกการใช้ระบบลงในอะไรสักอย่างแต่สำหรับคนที่เก่งมากๆจะใช้วิธีจำก็ได้)

-สูตรโกงระบบ

(ไม่แนะนำสำหรับคนที่ยังเป็นมือใหม่แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็โกงได้แต่ความเสี่ยงสูง)

-พรสวรรค์

(ถ้าโชคดีก็จะมีและใช้มันได้เพื่อจะเข้าใจได้ดีกว่า)

-โชค

(เช่นเดียวกับพรสวรรค์ไม่ใช่ทุกคนจะมีแต่ถ้ามีก็ใช้ๆไปเถอะ)

เท่าที่นึกออกก็มีแค่นี้แต่จะยังมีอีกแน่ๆ

*ระดับความยากของระบบ

มีตั้งแต่1ถึง100

ระดับที่1 เด็ก 7ขวบ พอทำได้

ระดับ10 คนธรรมดา พอทำได้

ระดับ20 คนธรรมดา+เวลาค่อนข้างเยอะ พอจะทำได้

ระดับ30 คนธรรมดาที่เคยเห็นอะไรที่คล้ายๆกันและเป็คนแน่วแน่ พอจะทำได้

ระดับ40 เป็นผู้มีพรสวรรค์หรือได้รับการศึกษามาระดับหนึ่ง พอจะทำได้

ระกับ50 เป็นผู้ที่มีการศึกษาและความเข้าใจ+แรงบันดาลและเคยเห็นสิ่งที่คล้ายๆกัน ถึงพอจะทำได้

**ต่อจากระดับ50ต้องเป็นคนที่อยู่ในสายนั้นจริงๆและต้องตั้งใจจริงๆถึงจะทำได้

ระดับ60 เป็นผู้เข้าใจถึงหลักวิชานั้นๆไปอย่าง ถ่องแท้ ถึงจะพอทำได้

ระดับ70 เป็นผู้เข้าใจและประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ถึงจะพอทำได้

**ระดับ60ถึง70จะเป็นระดับของนักเรียนที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่

**ระดับ80ขึ้นไปจะเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

ระดับ80 เป็นผู้เข้าใจและประยุกต์ใช้ได้ในระดับสูง ถึงจะพอทำได้

ระดับ90 เป็นผู้เข้าใจประยุกต์ใช้และมีพรสวรรค์กับโชคอันมากมายพร้อมด้วยผู้ที่คอยช่วยเหลืออย่างไม่ขาด ถึงพอจะทำได้

ระดับที่100 ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆยังบอกว่ายากมากและต้องใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะทำมันสำเร็จ

*ระดับพลังของระบบ

ลำดับความแข็งแกร่งไว้ตามลำดับจากน้อยไปมาก

-ไร้ค่า

-แทบไร้ค่า

-อาจใช้ได้

-พอใช้ 1

-พอใช้ 2

-ดี

-ดีมาก

-ดีที่สุด

-หายาก

-ตำนาน

-เทพ/ปีศาจ

-ราชาเทพ/ราชาปีศาจ

-เทพสูงสุด/ปีศาจสูงสุด

*ระดับความอันตราย

ลำดับความอันตรายไว้ตามลำดับจากน้อยไปมาก รวมทั้งทางร่างกายและจิตใจ

-รู้สิดแย่นิดหน่อย

-รู้สึกไม่ดี

-ไม่ชอบเลย

-บาดเจ็บเล็กน้อย

-บาดเจ็บมาก

-บาดเจ็บสาหัส

-แผลฝังลึก

-ขอไม่ยุ่งอีกไปทั้งชีวิต

ขอให้สนุกกับการอ่าน :)

ที่มาของแนวคิดระบบสกิล

ระบบสกิลนั้นเป็นแนวคิดที่ผมได้รับจากการดูอนิเมะและอ่านมังฮวาหลายเรื่อง พระเอกเทพระบบสกิลสุดโกงย้อนเวลากลับมาแก้แค้นผมดูมาแล้ว ตัวเอกที่เป็นขี้แพ้ได้รับพลังมาจากใครก็ไม่รู้แล้วก็ต้องผ่านบททดสอบต่างๆเพื่ออัพเลเวลจนเทพ

แล้วผมก็คิดขึ้นได้ทำไมกันนะอะไรกันที่ทำให้เขาเก่งขนาดนี้ พลังของระบบเหรอที่ใครก็ไม่รู้ให้มา เช่นเดียวกับพรสวรรค์ เช่นเดียวกับโชค เช่นเดียวกับการเกิดในตระกูลชั้นสูง

ผมตอนนั้นรู้สึกโกรธ,หงุดหงิด,อิจฉา เป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก

ผมคิดว่าตัวละครที่พยายามกว่าพระเอกมีเยอะ คนที่เสียสละมากกว่าพระเอกก็มีเยอะ คนที่ฝึกจริงๆจนน้ำตาเป็นสายเลือดมันมีถมเถไปแต่ไม่มีใครอยู่ระดับพระเอกได้เลย มันคือความไม่เท่าเทียมกันแน่ๆ ไม่เท่าเทียมมากๆด้วย

ผมจึงคิดว่าถ้าหากมีใครก็ไม่รู้ให้พลังแก่ผม ไม่ว่าจะเป็นพลังระบบหรือพลังคอยคุมธาตุหรือพลังวิเศษอะไรก็ได้ ผมจะฝึกมันอย่างหนักเลยเพื่อที่จะเก่งกว่าใครๆ ตอนนั้นผมมองว่าผู้ที่ได้รับพลังคือผู้ที่มีโอกาส โอกาสที่จะเก่งกว่าคนที่พยายามมากกว่าคนที่รวยกว่ารึแม้กระทั่งคนที่ทั้งรวยและพยายามมาทั้งชีวิต ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงแต่สุดท้ายก็แค่เรื่องเพ้อฝัน

หลายปีต่อมาผมโตขึ้นผมจึงรู้ว่าเรื่องใครก็ไม่รู้ให้พลังมันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ผมได้รับมันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่ผมเกิดหรืออาจจะก่อนเกิดซะด้วยซ้ำ

พระเจ้าทรงมอบพลังแห่งจินตนาการแก่มนุษย์ ไม่ว่าจะจินตนาการมากแค่ไหนก็ไม่มีจุดสิ้นสุด จินตนาการทำให้เกิดความอยากรู้และก่อให้เกิดสติปัญญา พระเจ้าได้มอบสัญชาติให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก แต่มีเพียงมนุษย์ที่พิเศษ เราได้พลังพิเศษแห่งการจินตนาการอันไร้ขอบเขต แม้แต่สิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็สามารถจินตนาการได้

ผมจึงได้เข้าใจ พลังที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นเหนือใครได้มาอยู่กับผมแล้ว พลังแห่งจินตนาการ

หลังจากที่ผมรู้ผมก็จินตนาการเรื่อยๆถึงเรื่องต่างๆ อ่านนิยายมากขึ้น ดูอนิเมะ อ่านมังฮวา แล้วจินตนาการ จนกระทั่งผมเจอระบบสกิลพระเอกเทพ ถ้าไม่มีใครให้พลังระบบแก่ฉัน ฉันก็เพียงแค่สร้างมันขึ้นมาเอง จินตนาการของมนุษย์แม้ไม่เคยเห็นมาก่อนก็สามารถสร้างมันได้ จินตนาการที่สร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้มันมีจริงได้ เป็นสุดยอดพลังระดับตำนาน

เพื่อทำให้ผู้ที่ไร้พรสวรรค์และโชคมีพลังเพิ่มขึ้น ระบบสกิลจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผมคิดได้

ผมโม้เยอะเลยอย่าไปเชื่อนะครับผมเขียนเอาขำๆ😛

ค่าสถานะ

สถานะของตัวเองสามารถตั้งเองได้เลย แต่ผมจะขอแนะนำว่าควรตั้งให้อ่านได้ง่ายและไม่ลืม

ค่าสถานะแบ่งออกเป็น 3 สาย

1)ร่างกาย เน้นสร้างร่างกายที่แข็งแรงและทักษะที่ใช้ร่างกาย

2)ปัญญา เน้นจัดระเบียบความรู้ใช้ในการเรียนหรือแก้ปัญหาต่างๆ

3)จิตใจ เน้นสร้างพลังทางจิตใจเพื่อสุขภาพจิตที่ดีและความแข็งแกร่งทางจิต

การตั้งตัวเลขบอกสถานะควรตั้งให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ผมขอแนะนำให้ตั้งทุกอย่างเป็น 10 ก่อนไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนให้ตั้งเป็น 10 ก่อนเพราะระบบสกิลไม่ได้ดูที่ความมากน้อยของตัวเลขแต่ดูที่พัฒนาการ เพื่อความง่ายจึงจะใส่เป็น 10

ตัวอย่างค่าสถานะของผม

*ร่างกาย

กล้ามเนื้อ 10

ความคล่องตัว 10

เส้นเอ็น 10

ความยืดหยุ่น 10

เทคนิคการต่อสู้ 10

ความแข็งแกร่งของกระดูก 10

*ปัญญา

คณิต 10

อังกฤษ 10

เคมี 10

ชีวะ 10

ฟิสิกส์ 10

ปัญหาเชาว์ปัญญา 10

ปัญหาเฉพาะหน้า 10

การจัดผิด 10

การสืบสวน 10

*จิต

อดทนต่อความเจ็บ 10

อดทนต่อความเบื่อ 10

อดทนต่อความร้อน 10

เพื่อนในจินตนาการ 10

ปรงต่อโลก 10

สงบใจ 10

อิจฉา 10

โกธร 10

เกลียดค้าน 10

ค่าสถานะที่ดีควรระบุให้ละเอียดและชัดเจนไม่ วกวน อย่างการจับผิดและการสืบสวนผมสามารถจับมารวมกันเป็นแค่การสืบสวนอย่างเดียวได้เลยเพราะยังไงการแยกค่าสถานะนั้นไม่จำเป็นเท่าไหร่สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้อย่างจริงจัง

เช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงจะไม่ระบุมันให้ชัดเจนว่าเป็นกล้ามเนื้อส่วนไหนแต่คนที่ต้องใช้ร่างกายหนักๆต้องระบุว่าเป็นกล้ามเนื้อส่วนไหนให้ระเอียดแบบกล้ามเนื้อนิ้วอะไรแบบเนี่ย

แต่สำหรับคนที่ไม่ใช้ก็ไม่ต้องระบุให้ชัดเจนก็ได้ อย่างผมที่เขียน อังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต แต่สำหรับคนอื่นอาจจะเขียนว่าการเรียนรู้ อย่างเดียวเลยก็ได้ รวมจากห้าเป็นหนึ่ง ทำให้คิดได้ง่ายกว่า

.

.

ข้อแนะนำ***

ค่าสถานะที่ละเอียดมากดีกว่าที่ละเอียดน้อยแต่ก็ใช้ความเก่งกาจและความสามารถที่สูงในการใช้งาน จึงควรใช้ค่าสถานะที่ไม่เกินสเปคของความสามารถจะดีกว่า

การเพิ่มค่าสถานะสามารถทำได้เลย อยู่ที่ว่าคุณอยากจะเพิ่มเท่าไหร่ถึงจะพอจะ

แต่ถ้าเพิ่มมากไปมันจะไม่ค่อยดีเพราะควบคุมยาก ถ้าเพิ่มน้อยไปก็จะรู้สึกพัฒนาช้า การเพิ่มระดับจึงอยู่ในระดับที่พอดี เทคนิคที่แนะนำคือการเอามาเปรีบเทียบกับค่าเริ่มต้น ค่าเริ่มต้นจะเท่าไหร่ก็ได้แต่ขอแนะนำให้อันที่สามารถเพิ่มเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ชัดเจนเพื่อความง่ายในการเพิ่มค่าสถานะ

ตัวอย่าง

10เพิ่มขึ้น5 กลายเป็น15 คือเก่งกว่าเดิม50%

แล้วก็เพิ่มขึ้นอีก5 คือเก่งกว่าตอนที่อยู่ระดับ10อีก50%

ก็จะรวมดันได้ 20 คือเก่งกว่าเดิมอีกเท่าตัว หลังจากนั้นก็ค่อยมามอง20เป็นค่าเริ่มต้น

20เพิ่มขึ้น20 หมายถึงเก่งขึ้นอีกเท่าตัว

หรือ

20เพิ่มขึ้น10 คือเก่งขึ้นอีก50%

การเพิ่มค่าสถานะอาจจะต้องจริงจังหน่อยและไม่เข้าข้างตัวเอง เพราะค่าสถานะเป็นรากฐานสำคัญในระบบสกิล จะใช้สกิลแทบไม่ได้หากไร้ค่าสถานะที่เพียงพอ

ความสำคัญในการเขียนค่าสถานะอันยาวเหยียดคือการรู้ว่าตัวเองพัฒนาจากเดิมเท่าไหร่แล้ว แนะนำให้จดลงโน๊ตในโทรศัพท์หรืออะไรสักอย่างที่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ เพราะมีแนวโน้มสูงที่ค่าสถานะจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอายุและประสบการณ์ที่เจอมา

ข้อควรระวัง *****

ระบบสกิลเป็นเพียงแค่การเขียนระบายจินตนาการของเด็กคนหนึ่งที่ซึ่งไร้หลักการและเหตุผลที่ดีในการอธิบาย มันจะดีมากถ้าเอาเวลามาอ่านนิยายเรื่องนี้ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์และสนุกกว่า ขอให้มีความสุขกับชีวิตนะครับ เกิดมาครั้งเดียวใช้เวลาและชีวิตให้คุ้มและสนุกไปกับมัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!