NovelToon NovelToon

บุษบง

{ ตอนที่ ๑ }

ณ หมู่บ้านดอนจันทร์มีแม่และลูกสาวทั้งสองคน ซึ่งย้ายมาจากหมู่บ้านดอนโคกสว่าง

ลูกสาวคนโตของศรีบาน ชื่อบุษบง เธอมีรูปร่างที่สมส่วน ผิวพรรณผ่องใส ผมยาวดกดำ ในตาสีดำมองดูอ่อนโยนและฉลาดริม ฝีปากสีแดงชัดเจน ลักษณะนิสัยของบุษบงเธอมีนิสัยดีฉลาดรอบคอบและมีความเป็นผู้นำสูง

ส่วนลูกสาวคนเล็กชื่อบัวชมพู เธอมีรูปร่างเล็กบางผิวพรรณผ่องใส ผมยาวดกดำ ลักษณะนิสัยของบัวชมพูเธอมีลักษณะนิสัยอ่อนหวานช่างเพ้อฝันและรักความสงบ

แม้นิสัยของสองพี่น้องแตกต่างกันคนละขั้ว แต่ทั้งสองก็เป็นพี่น้องที่รักกันมาก

"เราก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เกือบอาทิตย์แล้วเนาะลูก ลูกว่าที่นี่ดีไหม แม่ศรีบานเอ่ยถามลูกๆ"

"ก็ดีนะแม่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่ค่อยชอบพวกหนูเลยอะ บุษบงตอบ"

"คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกลูก พวกเขาคงเห็นว่าเรามาใหม่ พวกหนูไม่ลองไปทำความรู้จักกับพวกเขาดูล่ะลูก แม่ศรีบานเอ่ย"

"เอิ่มมม......ไม่ดีกว่าอะแม่ บุษบงตอบ"

"แต่บัวคิดว่าเราควรไปคุยกับพวกเขาก็ดีนะพี่ เผื่อว่าพวกเขามีเรื่องขับข้องใจอะไรจะได้คุยกันให้หายคาใจ"

"อืมมมมก็ได้ๆเดี๋ยวว่างๆค่อยไป"

"มาๆๆๆ....ลูกมากินข้าวกันเถอะ ศรีบานเอ่ยชวนลูกทั้งสอง"

บุษบงและบัวชมภูทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยเสียงพูดคุยเบาๆเป็นระยะๆ เมื่ออิ่มท้องแม่ศรีบานก็เก็บล้างสำรับอาหาร บุษบงช่วยแม่เก็บกว่าเศษอาหาร ส่วนบัวชมภูเดินไปหยิบขันน้ำมาล้างมือ

เมื่อทำทุกอย่างจนเสร็จสับทั้งสาม ก็แยกย้ายกันเข้านอน

รุ่งเช้า แสงอาทิตย์สีทองอ่อนโยนสาดส่งมาบนผืนโลกราวกับจะปลุกทุกชีวิตให้ตื่นขึ้น เสียงนกเจื้อยแจ้วร้องเพลงครับกล่อมท่วงทำนองแห่งความสุข สายลมพัดช่วยเอื่อยๆพาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าและน้ำค้างยามเช้ามาให้สูดดม ก้อนเมฆสีขาวปุยลอยอยู่บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ราวกับภาพวาดที่สร้างสรรค์ขึ้นมา บัวชมพูไม่รีรอรีบปลุกบุษบงผู้เป็นพี่สาวให้ตื่น

"พี่บุษๆ ตื่นได้แล้วๆ ไปวัดกัน จะได้ไปทำความรู้จักกับพวกเพื่อนไปด้วย"

"อืมมมม.......รู้แล้วๆ ตื่นเช้าจังเลยนะเราเนี่ย"

"มันก็แน่นอนอยู่แล้ววว..บัวชมพูพูดพร้อมส่งยิ้มกริ่ม ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่ตื่นสายจัง"

"เอิ่ม.....เมื่อคืนนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เลยทำให้นอนดึก เอิ่มมม....แล้วแม่ล่ะ??"

"แม่ลงไปรอข้างล่างแล้วพี่อ่ะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว"

"จ้าาาา....น้องสาวคนสวยยย"

"งั้นเดี๋ยวบัวลงไปรอด้านล่างนะ (⇀ᆽ↼ミ) "

บุษบงก้าวลงบันไดมาอย่างสง่างามราวกับนางในวรรณคดีไทย เสื้อแขนกระบอกสีขาวโคลนตัดกับผ้าถุงสีครามลายนาค ที่สวมใส่พริ้วไหวทุกย่างก้าว เส้นผมยาวสลวยถูกเป้าขึ้นอย่างเรียบร้อยประดับด้วยดอกจำปาลาวสีเหลืองอร่ามที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เธอดูสง่างามยิ่งขึ้นไปอีก ดวงตาคู่สวยฉายแววอ่อนโยนกวาดมองไปรอบๆอย่างเบิกบาน

"ป๊าดดดด!!!!........ลูกสาวแม่ขนาดมีเวลาแต่งแค่แป๊บเดียว ยังแต่งออกมาได้งามปานนี้!!"

"แล้วหนูบ่งามส่ำเอื่อยเบาะแม่ บัวชมพูพูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า"

"หืยยย...กะงามคือกันนั่นล่ะลูกสาวแม่ กะงามได้แม่นั่นล่ะเนาะ แม่ศรีบานพูดพร่างหัวเราะ คิก! คิก! เบาๆ ปะๆมันสายแล้วรีบไปกันเถอะ"

ณ วัดในหมู่บ้าน แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องสว่างไปทั่ววัด ทำให้ดูสดใสและมีชีวิตชีวา เสียงนกหวีดร้องและเสียงชาวบ้านคุยกันเบาๆสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหล

"ป่ะๆๆ..เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ แม่ศรีบานเอ่ยชวนลูกๆ"

"จ่ะแม่"

"อ้าวพี่ศรีบาน มากันนานรึยังจ๊ะ"

"ศรีบานเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงรีบหันกลับไปมอง อ้าววาด!! พี่ไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่ได้ชวน"

วาดเป็นผู้หญิงวัยกลางคน มีใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณผ่องใส ดวงตากลมโตเป็นประกาย เธอมีรอยยิ้มที่สดใสเสมอและเสียงหัวเราะที่ดังกังวาล เธอชอบแต่งตัวสีสันสดใสมักจะสวมใส่เสื้อผ้าลายดอกไม้หลากสีสัน ผมสั้นดัดลอนเล็กน้อยปัดข้าง ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน (•ᴗ•❀)

"ไม่เป็นไรจ้ะพี่ ที่จริงวันนี้ฉันก็ว่าจะไม่มาแล้วล่ะ วันนี้ฉันตื่นสายนะ วาดพูดกลางหัวเราะแหะๆแบบเจื่อนๆ ป่ะๆเราเข้าไปนั่งข้างในศาลากันเถอะ เดี๋ยวฉันจะแนะนำพวกป้าๆยายๆให้ได้รู้จักกันไว้"

เสียงพระสวดช้าๆแผ่วเบาคลอเค้าเสียงใบไม้ที่ไหวรินลมยามเช้า เสียงเหล่าพุทธศาสนิกชนนั่งเจริญภาวนาเบาๆ ก่อนถึงเวลาใส่บาตรสร้างบรรยากาศอันสงบร่มเย็นภายในศาลาไม้หลังเก่าหลังนี้ แสงอาทิตย์อ่อนๆ ส่องลอดช่องหน้าต่างกระทบผนังที่ขัดมันเงางาม ก่อให้เกิดเงาของใบไม้ที่ล้อเลียนตามลมเบาๆ

พอเสร็จจากการใส่บาตร พวกเด็กน้อยก็พากันวิ่งเล่นกันจอแจไปทั่วลานวัด ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็นั่งจับกลุ่มคุยกันเพลินๆพูด เรื่องชาวบ้าน เรื่องสวน เรื่องนา ส่วนหนุ่มๆสาวๆก็ยืนคุยกันเป็นกลุ่มๆ รวมถึงกลุ่มของวิรา เพื่อรอประชุมกันเรื่องงานบุญบั้งไฟประจำปีของหมู่บ้านที่จะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

{ ตอนที่ ๒ }

"พี่บุษๆ นั่นไงพวกวิรอะ ป่ะเราไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆกัน!!"

"อืมมม...ไปดิ แม่จ๊ะเดี๋ยวพวกหนูมานะจ๊ะ บุษบงเอ่ยบอกผู้เป็นแม่

สองพี่น้องเดินไปยังกลุ่มของวิราด้วยท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส สวนทางกลุ่มของวิราเมื่อพบว่ามีคนกำลังเดินมายังกลุ่มของพวกตนก็ได้หันขวับไปมอง พอเห็นว่าเป็นบัวชมพูและบุษบงวิราจึงชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจใส่

"เอ๊ะ!!!...ดูสิพวกมึงใครมาอะ ( -_- )? วิราพูดพร้อมทำสีหน้าเยาะเย้ย"

"สวัสดีจ้ะ! บัวชมพูล่าวทักทาย เพื่อเรื่องบทสนทนา"

"มีไรมิทราบจ๊ะ! พวกชะนี!! วีระกล่าวพร้อมเชิดหน้าใส ⍨ "

"พวกเราก็แค่อยากมาทำความรู้จักกับพวกเธอ บัวชมพูเก่าด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ"

"แล้วใครอยากรู้จักกับพวกมึงอ่ะ มึงป่ะอานนท์ มึงป่ะสุดา หรือว่ามึงอ่ะพจน์ วิราพูดด้วยท่าทีที่ประชดประชัน"

"เอ๊ะก็ไม่นิ่!! สุดาพูดพร้อมเชิดหน้าใส"

"เออแม่งก็หน้าด้านดีนี่!! อยู่ๆก็อยากจะมาตีสนิทกับคนอื่น!! วิรากล่าวแล้วหัวเราะเยาะเย้ย"

"แล้วกูอยากรู้จักพวกมึงมากมั้ง!! กูจะมาคุยด้วยดีๆพวกมึงมาขึ้นเสียงใส่ทำไม?? ถามจริงเป็นไรมากป่ะ!! ตั้งแต่วันแรกที่พวกกูเข้ามาพวกมึงก็มองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม ถามจริงพวกมันเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย?? สมองพวกมึงเนี่ยนะถ้าเอาไปปลูกต้นไม้ต้นไม้ก็คงตายหมดอะ!! บุษบงที่ยืนฟังมานานเริ่มชักจะทนไม่ไหวและระเบิดอารมณ์ออกมา"

(⊙_⊙;) คนพวกนั้นอึ้งกันไปสักพัก เพราะไม่เคยมีใครที่กล้ามาด่ากลุ่มของพวกตนขนาดนี้ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ยืนอยู่ระแวกนั้นก็หันหน้ามาจ้องมองทางกลุ่มของวิรา เป็นตาเดียว บ้างก็เอ่ยชื่นชมว่าด่าได้ดี บ้างก็พูดว่าปัญหานี้ไม่จบง่ายๆแน่ พร้อมเสียงกระซิบกระซาบกันว่าสองคนนั้นเป็นใครทำไมกล้าไปมีเรื่องกับกลุ่มของวิรา พวกวิราอึ้งจนพูดไม่ออก ก่อนที่วิลาจะเชิดหน้าแล้วเดินหนีไปพร้อมกับที่ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังเรียกให้ทุกคนไปรวมกันแคร่ใต้ต้นโพธิ์เพื่อนั่งประชุม

"เอาล่ะพี่น้องครับ มื้อนี้เฮากะสิมาประชุมกันเรื่องของงานประเพณีบุญเดือนหก หรือว่าบุญบั้งไฟ ของหมู่บ้านเฮาที่สิเกิดขึ้นเร็วหนี้เนาะ มื้อนี้เฮากะสิสิมาแบ่งหน้าที่กันว่าไปสิเฮ็ดอะหยังบ้าง ขบวนฟ้อนรำกะให้เป็นหน้าที่ของวาด เป็นผู้นำฟ้อนเด้อ ส่วนตอนกลางคืนกะสิเป็นหมอลำกลอนเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่เคยมาในทุกๆปีนั่นล่ะเนาะ ส่วนไผสิหาของมาขายกะจายได้เต็มที่เลยครับเฮาบ่เก็บค่าที่ ผีไปคัดค้านหรือมีข้อเสนอแนะหยังบ่ครับ ผู้ใหญ่บ้านคมกริชเอ่ย"

"อ้อยเมียผู้ใหญ่บ้านยกมือพร้อมพูดเสนอขึ้นว่า รำวงบ่ดีกว่าเบาะอ้าย ลำกลอนทุกปีมันจะน่าเบื่อนะไม่งั้นก็คืนแรกรำวงคืนสองลำกลอน"

"อืมมม....คนอื่นว่าจั่งใด๋ครับ??"

"ผมว่าเอาตามที่อ้อยเสนอ กะดีเดะครับ ตาทูนกล่าวเห็นด้วยกับอ้อยเมียผู้ใหญ่บ้าน"

"ดีๆๆ เอาแบบนี้ล่ะมื้อละอย่างค่อยบ่น่าเบื่อ ยายมิ้มกล่าวสามทบ"

"งั้นกะเอาตามนี้น่ะครับ ฟ้อนกะมอบหน้าที่ให้วาด บุษบง กับบัวชมพู คัดเลือกนางรำช่วยกัน เอาสัก ๒๐ คนกะพอ หัวหงอกหัวดำหากอยากมีส่วนร่วมกะเอาหมด ผู้ใหญ่คมกริชกล่าว"

"อ้าวอา แล้วหนูล่ะ คือบ่ให้หนูเป็นคนคุมนางรำ วิราถาม"

"บ่คือดอกวิรา มึงฟ้อนเป็นติจั่งเสนอ หึ๊!!! อ้อยเอ่ย"

"งั้นก็เอาตามนี้เนาะครับ ถ้าบ่มีหยังแล้วกะแยกย้ายครับ เออวาด พากันไปคัดเลือกนางรำเลยกะได้ เหลือเวลาอีกบ่หลายมื้อแล้วเดี๋ยวสิบ่ทัน ผู้ใหญ่คมกริชบอกวาด ผู้ที่ตนแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้านางรำ"

"ได้จ้าา!! ไผสนใจอยากเข้าร่วมขบวนฟ้อนรำกะอยู่ต่อก่อนเด้อจ้า วาดเรียกคนที่สนใจให้อยู่ต่อ"

"หนูพึ่งรู้เลยนะเนี่ยว่าน้ากะฟ้อนเป็น บัวชมพูเอ่ย"

"น้าเรียนมานิดหน่อย สมองก็พอคิดท่ารำใหม่ๆได้อยู่ ฮ่าๆๆ วาดพูดพลางหัวเราะ"

"น้าๆๆ พวกหนูสามคนสนใจสมัครเป็นนางรำจ่ะ อิงอร มณี แล้วก็หนู มุกดาจ้าาา"

"เอ้าา!! แก๊งค์สามสาวท้ายหมู่บ้านตั่วนิ ฮ่าๆๆ มาจ้าๆๆถ้าสนใจกะมาลงชื่อเลยย วาดเอ่ย"

เมื่อคัดเลือกนางรำเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน

"นี่ๆเธอบุษบงขบวนชมพูใช่ป่ะ เรารู้สึกชอบพวกเธอมากเลยนี่ตอนที่เธอด่าพวกวิราอะแบบด่าได้ดีมาก แบบฉันชอบมากคำว่าอะไรนะ เอิ่มม.....??"

"โอ๊ย!!ไอ้คำว่า สมองเธอเนี่ยนะ เอาไปปลูกต้นไม้ต้นไม้ก็คงตายหมด!!! มณีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด!!"

"เอ๋รู้สึกว่าเหมือนกำลังโดนด่าอยู่เลยแฮะ แต่ก็นั่นแหละนั่นแหละ บุษบงเธอด่าได้ดีม๊ากกกฉันชอบมาก มุกดากล่าวชม"

"เออนี่แต่ต่อไปพวกเธอก็ต้องระวังตัวหน่อยก็ดีนะเพราะว่าที่ผ่านมาน่ะไม่เคยมีใครกล้าด่าหรือทำอะไรพวกแก๊งของวิราเลย เพราะนังวิราอ่ะเป็นหลานสาวของผู้ใหญ่คมกริช อิงอรกล่าวเตือนสองพี่น้อง"

"ขอบคุณนะจ๊ะที่เป็นห่วง พวกเราอ่ะไม่ยอมโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวหรอก บุษบงกล่าว เอิ่ม...งั้นพวกเรากลับก่อนนะไว้เจอกันเย็นนี้จ้ะ"

"จ้าาาา.....

{ ตอนที่ ๓ }

"พี่ศรีบาน บุษ บัว ไปกินข้าวเที่ยงบ้านฉันสิจ๊ะ กินกันหลายๆคน จะได้ไม่เหงา วาดเอ่ยชวนสามแม่ลูก"

"ได้สิวาด พี่กำลังคิดอยู่เลยว่าจะกินอะไรดี!!"

"ตำบักหุ่งติ๊แม่ เมื่อวานทิศศร เอาบักหุ่งมาให้ตั้งสามหน่วยพุ่น บุษบงเสนอขึ้น"

"อืมม..ดีๆบ้านน้าก็มีปลาค่อใหญ่ อยู่สองโต งั้นตำบักหุ่งปิ้งปลาเนาะ?"

"อืมมดีๆเว้ามาแล้วกะหิวแล้วล่ะป่ะๆฟ้าวเมือๆ"

ณ บ้านของวาด แสงแดดจ้าสาดส่องลงมาบนหลังคาบ้านไม้เก่าแก่ เสียงไก่ขันดังระงมปะปนกับเสียงคนคุยกันเจื้อยแจ้วในครัวมุงจาก แสงแดดสีทองอร่ามส่องกระทบกับหม้อนึ่งข้าวที่ควันโขมง กลิ่นหอมของข้าวใหม่และปลาช่อนเผาแผ่ไปทั่วบริเวณ แม่สีบ้านกำลังตำส้มตำอย่างเมามัน เสียงครกกระทบสากดังกังวานไปทั่ว บุษบงช่วยแม่ปอกมะละกอและเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ ส่วนวาดก็กำลังปิ้งปลาช่อนตัวโตที่หอมฉุยอยู่บนเตาถ่าน และมีบัวชมพูช่วยหยิบจับส่งสิ่งของให้

เมื่ออาหารพร้อมเสิร์ฟ ทุกคนก็มานั่งล้อมวงกันกินข้าวด้วยกันที่แคร่ใต้ต้นมะขาม อาหารมีทั้งส้มตำรสแซ่บปลาช่อนเผาหอมๆและข้าวเหนียวร้อนๆ พวกเธอกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับพูดคุยเรื่องราวต่างๆในหมู่บ้าน

:เอิ่มมม..........แม่จ๊ะวันนี้พวกเราไปคุยกับพวกวิราแล้วนะจ๊ะ บัวชมพูเอ่ยเพื่อนเริ่มบทสนทนาขึ้น"

"แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะลูก ปรับความเข้าใจกันหรือยัง ศรีบานถาม"

"ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบพวกหนูอ่ะแม่ พวกหนูเข้าไปคุยด้วยดีๆกลับถูกตะคอกใส่ซ้ำยังมาทำสีหน้าท่าทางรังเกียจเหยียดหยามพวกเราอีก พูดแล้วก็โมโห บุษบงตอบพรางทำหน้าหงุดหงิด"

"พวกนั้นก็เป็นแบบนี้แหละน้าอยู่ที่นี่มานาน ก็ไม่เคยเห็นพวกนั้นจะถูกกับใคร วิราก็อาศัยที่ตัวเองเป็นหลานของพ่อผู้ใหญ่ เลยชอบทำตัวกร่างหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว วาดเอ่ยพร้อมทำสีหน้าท่าทางที่เอือมระอา"

"งั้นในเมื่อถ้าเป็นแบบนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่เป็นดีที่สุด"

"จ๊ะแม่ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรือคบค้าสมาคมกับคนแบบนั้นหรอก"

หลังจากทานอาหารเสร็จ บุษบงและบัวชมพูก็ช่วยกันล้างจานชาม ส่วนแม่ศรีบานและน้าวาดก็นั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นมะขามหน้าบ้าน ชมวิวทุ่งนาที่เขียวขจี

ณ บ้านของผู้ใหญ่บ้าน แสงแดดจ้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เข้ามาสู่ห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สักโบราณ บนโต๊ะอาหารจัดวางข้าวสวยร้อนๆพร้อมกับกับข้าวหลากหลายชนิด วิราในชุดเสื้อผ้าสบายๆนั่งอยู่หัวโต๊ะที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนสนิทอย่าง สุดา วลัย วีระ อานนท์ และพจน์ พวกเขากำลังรับประทานอาหารเที่ยงไปพร้อมๆกับการพูดคุยถึงเรื่องราวที่ทำให้ทุกคนขุ่นเคืองใจ

"ฉันละเกลียดพวกมันจริงๆ ชอบทำตัวเด่น เหมือนสวยมากมั้ง ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อของมันเป็นเพื่อนกับอากริช ฉันไม่ปล่อยพวกมันไปแน่ วิราเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองและทำสีหน้าบูดบึ้ง"

"วีระพยักหน้าเห็นด้วย ใช่!!! แล้วก็ยังทำมาเป็นใสซื่ออีกต่างหาก"

"พวกนางร้ายทั้งคู่สมควรได้รับบทลงโทษ!!!! พจน์กล่าวอย่างเด็ดขาด"

"วิราทำสีหน้าบูดบึ้งทำหมัดแน่น เราต้องทำอะไรสักอย่างให้มันขายขี้หน้าในวันงาน ใจจริงกูอยากให้พวกมันตายๆไปซะด้วยซ้ำ!!!"

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชังบุษบงและบัวชมพูกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเธอ

ณ บ้านของน้าวาด เวลา ๑๗:๐๐ น แสงอาทิตย์อ่อนโยนยามเย็นสาดส่องลงมาบนต้นมะขามใหญ่ ที่แผลร่มเงาลงมาคลุมพื้นดินบริเวณใต้ต้นพอดี พี่เป็นที่รวมตัวของเหล่าสตรีผู้มีใจรับในศิลปะการฟ้อนรำ นำโดยน้าวาด ผู้เป็นหัวเลี้ยวหัวแดงหลักในการจัดการแสดงฟ้อนรำในงานบุญบั้งไฟเดือนหก โดยมีตัวหลักอีก ๕ คนคือ บุษบง บัวชมพู อิงอร มณี มุกดา และตัวเสริมอีก ๑๔ คน เสียงหัวเราะคิกคัก ของสาวๆดังก้องไปทั่วบริเวณขณะที่พวกเธอนั่งรวมกลุ่มกันใต้ร่มเงาของต้นมะขามใหญ่ ใบหน้าของทุกคนเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและตื่นเต้นกับการเตรียมตัวสำหรับงานบุญบั้งไฟในปีนี้ พวกเธอต่างช่วยกันคิดท่ารำใหม่ๆและพูดถึงเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับการฟ้อนรำ สายลมพัดโชยเบาๆหาเอากลิ่นหอมของดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่งมาเตะจมูก เสียงนกร้องเจ้ยเจ้าดังกังวานไปทั่วทำให้บรรยากาศโดยรอบดูสดชื่นและร่มรื่นยิ่งขึ้น บรรยากาศอันไพเราะทำให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมที่จะทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อม

"วันนี้แดดร่มลมตกพอดีเลย เหมาะกับการซ้อมฟ้อนมากพวกเรามานั่งคิดท่ารำใหม่ๆใต้ต้นมะขามต้นนี้ทุกวันเลยนะรู้สึกผ่อนคลายและสนุกมาก บัวชมพูกล่าวพร้อมรอยยิ้ม"

"บุษบงตบไหล่บัวชมภูเบาๆก่อนพูดว่า ถ้าคิดท่าใหม่ทุกวันแล้ววันไหนจะได้ฝึกซ้อมจ๊ะน้องสาว!!??"

"บัวชมพูยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะพูดว่า อืมก็ใช่ฮ่าๆๆ"

"ปีนี้เราจะจัดการแสดงฟ้อนรำให้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเลยนะลูกๆดูสิทุกคนตั้งใจกันมาขนาดนี้เชื่อว่างานบุญบั้งไฟหมู่บ้านเราปีนี้ต้องม่วนกรุ๊บบ!!แน่นอน!! วาดเอ่ยด้วยความแน่วแน่"

"เราเอาทั้งท่าเก่าท่าใหม่มารวมกันน่าจะแปลกใหม่ดีนะน้ามุกดาเอ่ยแสดงความคิดเห็น"

"น้าวาดพยักหน้าเห็นด้วย"

"มีเวลาแค่ ๑๕ วันเราต้องทำให้ได้และทำให้ดีที่สุด!!! บุษบงเอ่ย"

"เราควรตั้งชื่อทีมว่าอะไรดีนะ มณีเอ่ยพร้อมทำสีหน้าครุ่นคิด"

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!