[กลางดึก – บนท้องถนนสายหนึ่ง]
เสียงฝนโปรยปรายกระทบพื้นคอนกรีต เผยให้เห็นร่างชายหนุ่มในชุดสูทสีดำล้มลงกลางถนน แสงไฟหน้ารถสาดกระทบร่างของเขา ฝุ่นละอองลอยคลุ้งท่ามกลางสายฝน เปลือกตาของเขาปรือเปิดเล็กน้อยก่อนจะปิดลงอีกครั้ง เลือดสีแดงไหลซึมออกจากหน้าผาก ขณะที่เสียงหวอของรถพยาบาลดังแหวกอากาศยามราตรี
“คนไข้ได้รับแรงกระแทกที่ศีรษะ! มีรอยฟกช้ำที่แขนและขา แต่ชีพจรปกติ!”
เจ้าหน้าที่พยาบาลเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะรีบพาร่างของเขาขึ้นเปล ข้าง ๆ กันนั้น หญิงสาวในชุดเดรสเปียกโชกจากสายฝนยืนตัวสั่น เธอพยายามเอื้อมมือไปหาชายหนุ่ม แต่ถูกเจ้าหน้าที่กันออก
“เขาจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ!?”
พยาบาลหันมาตอบเสียงเร่งรีบ “ขอโทษนะคะ คุณเป็นอะไรกับเขา?”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพึมพำออกมา “ฉัน… ฉันคือ…”
แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ เจ้าหน้าที่ก็พาร่างของชายหนุ่มเข้าไปในรถพยาบาล หญิงสาวทำท่าจะวิ่งตามไป แต่รถก็แล่นออกไปก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร
เธอยืนอยู่ตรงนั้นท่ามกลางสายฝน มองตามแสงไฟท้ายรถพยาบาลที่ห่างออกไปทุกที…
[โรงพยาบาลธารานนท์ – ห้องฉุกเฉิน]
เสียงเครื่องมือแพทย์ทำงานดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คีรินทร์นอนอยู่บนเตียงโดยมีสายให้น้ำเกลือและอุปกรณ์วัดชีพจรติดอยู่ ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท รอยฟกช้ำที่แขนและขามีร่องรอยของการปฐมพยาบาลแล้ว
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มในชุดสูทสีกรมดังขึ้น เขาคือ วริศ เพื่อนสนิทและผู้ช่วยส่วนตัวของคีรินทร์ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่หันไปถามแพทย์ประจำตัวของคีรินทร์
ธารา แพทย์หนุ่มผู้ดูแลเคสนี้ ดึงแมสก์ลงก่อนถอนหายใจ “อาการทางร่างกายไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่มีรอยฟกช้ำหลายแห่ง และศีรษะได้รับการกระแทกอย่างแรง ต้องเฝ้าดูอาการต่อไป”
วริศขมวดคิ้ว “แล้วเรื่องความทรงจำล่ะ?”
ธารานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดช้า ๆ “จากผลสแกนสมอง พบว่ามีอาการบาดเจ็บที่สมองบางส่วน อาจทำให้เกิดอาการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวหรือถาวร ต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนถึงจะประเมินได้แน่ชัด”
วริศกำหมัดแน่น นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับเพื่อนของเขา
[เช้าวันต่อมา – ห้องพักฟื้น VIP]
ภายในห้องพักฟื้นหรูหราของโรงพยาบาล คีรินทร์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองเพดานสีขาวสะอาดตา เขากระพริบตาเล็กน้อยก่อนจะพยายามขยับตัว ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะทำให้เขาขมวดคิ้ว
ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้น หญิงวัยกลางคนในชุดหรูรีบก้าวเข้ามา เธอคือ คุณหญิงนวลปรางค์ มารดาของเขา
“คีรินทร์! ลูกแม่! แม่เป็นห่วงแทบแย่…”
เธอรีบตรงเข้ามาจับมือของเขาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่คีรินทร์กลับมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งและว่างเปล่า
“…คุณเป็นใคร?”
คำพูดของเขาทำให้มือที่จับเขาอยู่ชะงัก นวลปรางค์หน้าซีดเผือด
“คีรินทร์… นี่ลูกจำแม่ไม่ได้เหรอ!?”
ชายหนุ่มนิ่งงัน ก่อนจะพูดช้า ๆ “...ผมชื่อคีรินทร์งั้นเหรอ?”
บรรยากาศในห้องเย็นยะเยือกลงทันที!
[หน้าห้องพักฟื้น]
วริศที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องถอนหายใจหนัก เขาหันไปมองธาราที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะถามเสียงเครียด
“หมอ… ความทรงจำของเขาจะกลับมาเมื่อไหร่?”
ธาราส่ายหน้าอย่างจนใจ “ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง อาจกลับมาเร็ว หรืออาจใช้เวลานาน… หรืออาจไม่กลับมาเลย”
วริศกำหมัดแน่น เขารู้ดีว่าโลกของคีรินทร์ถูกควบคุมด้วยตรรกะและเหตุผลเสมอ แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลง
และที่สำคัญ… มีใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่กลับไม่มีใครพูดถึงเธอเลย
[ฉากสุดท้าย – หญิงสาวปริศนา]
ที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวในชุดเดรสที่เปียกโชกจากคืนวันนั้นนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เธอกำโทรศัพท์ในมือแน่น หน้าจอแสดงข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุของคีรินทร์
ดวงตาของเธอสั่นไหว เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“…ฉันขอโทษ”
(To be continued)
[โรงพยาบาลธารานนท์ – ห้องพักฟื้น VIP]
แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ คีรินทร์ นั่งนิ่งอยู่บนเตียง ดวงตาเรียบเฉยมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกตรงหน้า ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า
"นี่มัน... ใครกันแน่?"
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ ดวงตาคมกริบสะท้อนแววเย็นชา แต่ภายในสมองของเขากลับว่างเปล่า ไม่มีความทรงจำใดหลงเหลือเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออก วริศ เพื่อนสนิทและผู้ช่วยส่วนตัวเดินเข้ามาพร้อมกับคุณหญิงนวลปรางค์ ผู้เป็นมารดาของคีรินทร์
"ลูกพร้อมกลับบ้านหรือยัง?" คุณหญิงนวลปรางค์เอ่ยเสียงอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความกังวล
คีรินทร์ละสายตาจากกระจก หันมามองเธอ “บ้านงั้นเหรอ?”
วริศถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะวางชุดสูทใหม่ลงบนเตียง “นายอาจจำอะไรไม่ได้ แต่บ้านของนายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ตอนนี้หมออนุญาตให้กลับได้แล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้”
[หน้าทางออกโรงพยาบาล]
รถโรลส์รอยซ์สีดำจอดสนิทอยู่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล คนขับรถเปิดประตูรอ ขณะที่คีรินทร์ก้าวออกมาด้วยท่าทางสง่างามตามสัญชาตญาณ แม้จะความจำเสื่อม แต่ความเป็น "คุณชาย" ของเขาก็ยังไม่จางหาย
ก่อนขึ้นรถ คีรินทร์หันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เธอสวมชุดเดรสเรียบง่าย ผมยาวสลวย ใบหน้าของเธอซีดเซียว แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ แววตาของเธอที่เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
หญิงสาวคนนั้นเม้มริมฝีปากแน่น ดูเหมือนเธออยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ถอยหลังและหันหลังเดินจากไป
คีรินทร์ขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างในใจ แต่เพราะความทรงจำที่หายไป ทำให้เขาไม่สามารถนึกออกว่าเธอเป็นใคร
"มีอะไรหรือเปล่า?" วริศถามเมื่อเห็นคีรินทร์ยืนนิ่ง
"...เปล่า" คีรินทร์ตอบเรียบ ๆ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ
[คฤหาสน์ตระกูลอัครวรเกียรติ]
คฤหาสน์หลังใหญ่หรูหรา รายล้อมไปด้วยสวนกว้างและสระน้ำ พนักงานหลายคนยืนเรียงแถวรอต้อนรับคุณชายของบ้านกลับมา
"ยินดีต้อนรับกลับครับ คุณชาย"
คีรินทร์กวาดตามองสถานที่ที่ควรจะเป็น "บ้าน" ของเขา แต่กลับไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยเลยแม้แต่นิดเดียว
คุณหญิงนวลปรางค์เดินเข้ามาใกล้ “ลูกจำได้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”
คีรินทร์มองไปรอบ ๆ ก่อนตอบเรียบ ๆ "ไม่เลย"
คำตอบนั้นทำให้หัวใจของคุณหญิงนวลปรางค์บีบรัด เธอรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นคนเย็นชาและมีโลกส่วนตัวสูงมาตลอด แต่ตอนนี้มันเหมือนเขากลายเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่มีเยื่อใยใด ๆ กับสถานที่นี้เลย
[ภายในคฤหาสน์ – ห้องทำงานของคีรินทร์]
คีรินทร์เดินสำรวจห้องทำงานของตัวเอง หนังสือเรียงรายบนชั้น โต๊ะทำงานหรูหราที่ดูเป็นระเบียบ สิ่งของทุกอย่างบ่งบอกว่าเจ้าของห้องเป็นคนเจ้าระเบียบและสมบูรณ์แบบ
เขาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา เปิดดูรายละเอียดธุรกิจของตระกูล แต่ไม่มีอะไรที่เขาจำได้เลย
"ฉันเป็นใครกันแน่?"
ระหว่างที่กำลังคิด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่ วริศ จะเดินเข้ามา
"มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องบอกนาย" วริศพูดเสียงจริงจัง
คีรินทร์เงยหน้ามอง "อะไร?"
วริศสูดหายใจลึก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดรูปภาพหนึ่งแล้วส่งให้คีรินทร์ดู
"ผู้หญิงคนนี้..."
ภาพถ่ายเผยให้เห็นหญิงสาวในชุดเดรส เธอคือคนที่เขาเห็นที่โรงพยาบาลก่อนออกมา
"เธอคือใคร?" คีรินทร์ถาม ขณะที่หัวใจรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก
วริศสบตาเขาก่อนจะตอบช้า ๆ
"เธอคือคนที่อยู่กับนายตอนเกิดอุบัติเหตุ"
(To be continued)
[คฤหาสน์ตระกูลอัครวรเกียรติ – ห้องทำงานของคีรินทร์]
คีรินทร์ขมวดคิ้วพลางจ้องมองรูปถ่ายในมือ ภาพหญิงสาวในชุดเดรสสีอ่อน ผมยาวสลวยและดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย
"เธอเป็นใคร?" เขาถามเสียงเรียบ
วริศมองหน้าเขา ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ "เธอคือ ภรรยาของนาย"
คีรินทร์ชะงักไปทันที รู้สึกเหมือนคำพูดนั้นเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไป "ฉันแต่งงานแล้วงั้นเหรอ?"
"ใช่" วริศพยักหน้า "ชื่อของเธอคือ ภีมปรียา นายแต่งงานกับเธอเมื่อปีก่อน เป็นการแต่งงานที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน"
คีรินทร์ยังคงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล "ถ้าเธอเป็นภรรยาของฉัน ทำไมฉันถึงไม่มีภาพเธออยู่ในห้องนี้เลย?"
วริศเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา "เพราะนายไม่เคยรักเธอ"
คีรินทร์นิ่งไป สัมผัสถึงบางอย่างในใจที่บอกว่ามันอาจจะจริง
[คืนนั้น – บ้านหลังเล็กในสวนของคฤหาสน์]
หลังจากกลับมาที่คฤหาสน์ คีรินทร์ก็ได้รู้ว่า ภีมปรียาไม่ได้อยู่ในตัวคฤหาสน์หลัก แต่เธออาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กที่อยู่ด้านหลังสวนของคฤหาสน์
เขาตัดสินใจเดินไปหาเธอเอง
บ้านหลังเล็กดูอบอุ่น มีสวนดอกไม้เล็ก ๆ อยู่หน้าบ้าน แสงไฟสีเหลืองอ่อนส่องลอดผ่านผ้าม่าน ชายหนุ่มยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะเคาะเบา ๆ
ก๊อก ๆ ๆ
ประตูเปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมชุดนอนเรียบง่าย ใบหน้าไร้เครื่องสำอาง แต่ยังดูสวยหวาน ดวงตาของเธอสั่นไหวเมื่อเห็นเขา
"คีรินทร์..." เธอพึมพำเสียงแผ่ว ราวกับไม่แน่ใจว่าเขามาหาจริง ๆ หรือไม่
ชายหนุ่มมองเธอเงียบ ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น "เธอคือภีมปรียา ภรรยาของฉันใช่ไหม?"
ภีมปรียาชะงัก ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่น แล้วพยักหน้า "ค่ะ"
"เข้ามาก่อนไหม?" เธอถอยหลังให้เขาเดินเข้าไปในบ้าน
คีรินทร์กวาดตามองไปรอบ ๆ บ้าน มันเป็นบ้านที่อบอุ่น ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเต็มไปด้วยของใช้ที่ดูมีเอกลักษณ์ ทุกอย่างในที่นี่สะท้อนถึงตัวตนของเธอ แต่กลับไม่มีอะไรที่เป็นของเขาเลย
เขานั่งลงบนโซฟา ขณะที่ภีมปรียาชงชาแล้ววางไว้ตรงหน้าเงียบ ๆ
"ฉันอยากรู้เรื่องของเรา" คีรินทร์เอ่ยเสียงเรียบ
ภีมปรียากำมือแน่น ก่อนจะเงยหน้ามองเขา "คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?"
"ไม่มีเลย"
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาที่เธอพยายามกักเก็บไว้
"เรา...แต่งงานกันเพราะคุณต้องการ" เธอพูดช้า ๆ "แต่คุณไม่เคยรักฉันเลย"
คีรินทร์นิ่งไป มองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความเศร้า
"เธอรักฉันไหม?"
คำถามนั้นทำให้ภีมปรียาสะอึก เธอหลุบตาลง ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว "ค่ะ..."
หัวใจของคีรินทร์กระตุกวูบ ราวกับมีอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ชัดก็คือ เรื่องระหว่างเขากับเธอ…มันซับซ้อนกว่าที่คิด
(To be continued…)
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!