NovelToon NovelToon

เส้นด้ายโลหิต

เด็กใจแตก

สวัสดีครับผมวินหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าไอ้เด็กใจแตก"ใช่ครับผมเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและต้องทำงานหาเงินใช้เองเพราะว่าพ่อแม่ผมแยกทางกันแล้วผมต้องย้ายมาอยู่กับคุณยายตั้งแต่เด็กๆทำให้ผมต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในชีวิตมันก็เจออุปสรรคมากมายนะครับแต่ว่าผมจะเลือกที่จะสู้มันทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดเอาละครับเราจะมาเริ่มเรื่องชีวิตผมตั้งแต่วัยเด็กเลยนะครับ"

"วินลูก" เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ตะโกนออกมาจากในห้อง "ค้าบบบบ" สิ่งเล็กๆตะโกนตอบด้วยความใสซื่อ

"เราจะต้องย้ายบ้านกันนะลูก" เสียงคุณพ่อตอบ "แม่จะไปกับเราใช่ไหมครับพี่ด้วย" อ่าาา...เสียงความเงียบไร้การตอบกลับของผู้พ่อ "พ่อตอบผมสิพ่อ" เด็กน้อยถามด้วยน้ำตา

"แม่กับพี่คงไม่ได้ไปกับเรา" เสียงผู้เป็นพ่อตอบด้วยความเสียใจ

เสียงสะอื้นของเด็กชายตัวเล็กๆ ดังก้องอยู่ในห้องที่เงียบงัน วินกำชายเสื้อของพ่อแน่น ดวงตากลมใสเอ่อไปด้วยน้ำตา เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่กับพี่ถึงไม่ได้ไปด้วยกัน ทั้งที่ทุกคนเคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา

"ทำไมล่ะครับพ่อ... ทำไมแม่กับพี่ถึงไม่ไปกับเรา"

พ่อไม่ได้ตอบในทันที เพียงแต่ลูบศีรษะของลูกชายเบาๆ คล้ายกำลังหาคำพูดที่เจ็บปวดน้อยที่สุด แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำไหนที่ทำให้มันเจ็บน้อยลงได้

"พ่อกับแม่... เราแยกทางกันแล้วนะลูก"

ประโยคนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจเล็กๆ ของวิน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมครอบครัวต้องแตกแยก ทำไมต้องมีใครสักคนที่ต้องไป และทำไมเขาถึงต้องเป็นคนที่ไปกับพ่อ

"แล้ววินจะได้เจอแม่กับพี่อีกไหมครับ" เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือ

พ่อไม่ได้ตอบ ได้แต่หลบสายตาและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ราวกับรู้ว่าคำตอบที่แท้จริงอาจโหดร้ายเกินกว่าที่ลูกชายจะรับไหว

หลังจากวันนั้น วินก็ต้องย้ายมาอยู่กับคุณยายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง บ้านไม้หลังเก่าที่อบอุ่น แต่มันไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีพี่ชาย ไม่มีครอบครัวที่เขาเคยรู้จัก

ชีวิตของวินหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความเหงาและความโดดเดี่ยว เด็กชายตัวเล็กที่เคยมีพ่อแม่คอยดูแล กลับต้องเรียนรู้การดูแลตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย คุณยายรักเขามากก็จริง แต่ยายก็แก่เกินกว่าจะมาวิ่งเล่นเป็นเพื่อน หรือช่วยทำการบ้านเหมือนที่แม่เคยทำ

ตอนกลางคืน วินมักจะนั่งกอดหมอน มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความหวังลึกๆ ว่าพ่อจะกลับมาหา หรือแม่จะมารับเขาไปอยู่ด้วย แต่วันแล้ววันเล่า ทุกอย่างก็ยังคงเดิม ไม่มีใครกลับมา

เมื่อวินโตขึ้น เขาเริ่มเข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องแยกจากกัน เข้าใจว่าชีวิตมันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เด็กๆ เคยคิดไว้ และที่สำคัญ... เข้าใจว่าไม่มีใครอยู่กับเราไปตลอด

เขาต้องเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของยาย ตอนแรกเขาก็รับจ้างทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นส่งหนังสือพิมพ์ ล้างรถ หรือแม้แต่เก็บขยะขาย อะไรก็ตามที่ทำให้เขามีเงินซื้อข้าว ซื้อของใช้เองได้

"ไอ้วิน มึงนี่สู้ชีวิตฉิบหายเลยว่ะ" เสียงเพื่อนร่วมงานในร้านอาหารเล็กๆ แซวขึ้นมา ตอนที่เห็นเขากำลังล้างจานกองโต

"ก็ต้องสู้ดิพี่ ไม่งั้นอด" วินตอบพลางยิ้มจางๆ

ใช่... เขาเลือกที่จะสู้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ไม่มีพ่อแม่มาคอยซัพพอร์ต ไม่มีใครคอยประคอง วินต้องดูแลตัวเอง ต้องเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง

แม้มันจะเหนื่อย แม้มันจะเจ็บ แต่เขาก็ต้องเดินต่อไป

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว... เขาอาจจะต้องเดินเพียงลำพังก็ตาม

----

ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องราวของผมด้วยนะครับ

การใช้ชีวิต

ชีวิตของผมอาจจะรันทดในสายตาของใครหลายคน แต่สำหรับผม มันคือเส้นทางที่ทำให้ผมได้เรียนรู้และเติบโต ผมเข้าใจความลำบากของการใช้ชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ผมเข้าใจว่าถ้าผมไม่สู้ ก็ไม่มีใครมาสู้แทน

ถึงแม้จะไม่มีพ่อแม่หรือพี่ชายอยู่ข้างๆ แต่ผมก็ยังโชคดีที่มียาย

ยายเป็นคนดุและขี้บ่น แต่ผมรู้ว่าทุกคำบ่นของแกมีความหวังดีซ่อนอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ผมกลับบ้านดึกเพราะไปทำงานพิเศษ ยายจะบ่นเสียงแข็งว่า “ไปทำอะไรดึกดื่น ระวังโดนโจรปล้น” แต่สุดท้ายก็ยังอุ่นข้าวไว้ให้ ทุกเช้าที่ผมตื่นไปโรงเรียน แกจะถามเสมอว่า “มีเงินค่าขนมไหม” ถึงแม้บางครั้งเงินมันจะไม่ได้มากมาย แต่ก็พอให้ผมกินข้าวอิ่ม

---

ชีวิตวัยเด็กของผม

ผมย้ายมาอยู่กับยายตั้งแต่ยังเด็ก หมู่บ้านที่ยายอยู่เป็นชุมชนเล็กๆ ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันหมด เด็กๆ ที่นี่ก็มีไม่มาก ตอนแรกผมคิดว่าการย้ายมาอยู่ที่นี่จะทำให้ผมเหงา แต่ผมก็ได้เจอเพื่อนที่ทำให้ชีวิตมีสีสัน

ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้ากับใคร ผมเป็นเด็กใหม่จากในเมือง มันเลยดูแปลกแยกสำหรับเด็กแถวนี้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมไปเตะบอลที่ลานวัดโดยหวังแค่ว่าจะได้เล่นคนเดียว แต่ลูกบอลเจ้ากรรมดันกลิ้งไปชนขาของไอ้เจ๋ง หัวโจกของกลุ่มเด็กในหมู่บ้าน

“เฮ้ย ใครวะ” ไอ้เจ๋งเดินเข้ามาจ้องผม

“ขอโทษครับ พอดีบอลมันกลิ้งไปเอง” ผมรีบพูดเพราะกลัวว่ามันจะหาเรื่อง

แต่แทนที่มันจะโกรธ ไอ้เจ๋งกลับยิ้ม “เตะเป็นไหม”

“ก็พอได้” ผมตอบไปตามตรง

“งั้นมาเล่นด้วยกัน”

แค่นั้นแหละ ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป

จากเด็กที่เคยเดินคนเดียว ผมเริ่มมีเพื่อนเพิ่มขึ้น ผมได้เล่นบอลกับพวกมันทุกเย็น ได้ไปจับปลาตามคลอง ได้ปีนต้นไม้เก็บมะม่วง ได้วิ่งหนีเจ้าของสวนเพราะแอบไปขโมยมะพร้าว ทุกวันกลายเป็นวันที่สนุกและมีเรื่องเล่าไม่รู้จบ

ถึงยายจะดุ แต่ยายก็เป็นคนที่รักผมมาก ทุกเช้าแกจะตื่นตั้งแต่ตีห้าไปตลาดเพื่อซื้อของมาขาย บางวันผมก็ตื่นไปช่วยแกหิ้วของ บางวันผมก็ช่วยขายของในร้านเล็กๆ ของแก ผมเริ่มเรียนรู้ว่าการหาเงินมันไม่ง่าย ต้องอดทน ต้องขยัน

มีครั้งหนึ่งผมเผลอทำไข่ตกแตกไปหลายฟองเพราะความซุ่มซ่าม

“ไอ้เจ้าวิน! ไข่มันไม่ได้หล่นลงมาจากฟ้าให้เราเก็บฟรีๆ นะโว้ย!” ยายดุเสียงดัง

ผมก้มหน้ารับผิด รู้สึกผิดมากเพราะรู้ว่ายายต้องเสียเงินซื้อไข่พวกนี้มา

แต่สุดท้าย ยายก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เออๆ ช่างมัน คราวหน้าก็ระวังหน่อย”

นั่นแหละ ยายของผม ถึงจะดุแต่ก็ใจดีเสมอ

พอเริ่มโตขึ้น ผมรู้ว่ายายเหนื่อย ผมเลยพยายามหางานทำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ ผมเริ่มจากงานง่ายๆ อย่างส่งหนังสือพิมพ์ตอนเช้า มันเหนื่อยนะ ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ ปั่นจักรยานไปทั่วหมู่บ้าน แต่พอได้เงินค่าจ้างมา ผมก็รู้สึกภูมิใจ

จากนั้น ผมก็เริ่มทำงานพิเศษในร้านอาหารล้างจาน ได้ค่าจ้างวันละไม่กี่สิบบาท แต่ก็พอให้ผมเก็บไว้ซื้อของใช้เอง ผมเรียนรู้ว่าถ้าอยากได้เงิน เราต้องทำงานหนัก ผมไม่เคยรังเกียจงานอะไร ขอแค่ได้เงิน ผมทำหมด

ความหวังเล็กๆ ของผมคือ

ถึงแม้ผมจะทำงานหนักและใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด แต่ลึกๆ ในใจ ผมก็ยังมีความหวังเสมอ

ความหวังว่าสักวันหนึ่ง ผมจะได้เจอพ่ออีกครั้ง

หวังว่าสักวันหนึ่ง ผมจะได้กอดแม่อีกครั้ง

หวังว่าสักวันหนึ่ง พี่ชายจะกลับมาเล่นกับผมเหมือนเมื่อก่อน

ผมเฝ้ารอวันนั้นมาตลอด และไม่รู้เลยว่ามันจะมาถึงหรือเปล่า

แต่ไม่เป็นไร...

ต่อให้ไม่มีใครกลับมา ผมก็จะใช้ชีวิตให้ดีที่สุดต่อไป เพราะผมเชื่อว่า... ถ้าผมยังเดินหน้าต่อ สักวันหนึ่งชีวิตของผมต้องดีขึ้นแน่นอน

แล้วมาติดตามเรื่องราวของผมกันต่อไปนะครับ 555

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!