อลิเทีย เด็กสาวสามัญชนที่อาศัยอยู่กับย่าของเธอเพียง 2 คนในบ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่แถบชนบท ในราชอาณาจักรกลาติส อลิเทียสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ จากสงครามแย่งชิงเขตแดนกันระหว่างอาณาจักร หมู่บ้านที่อลิเทียอาศัยอยู่ ห่างไกลจากเมืองหลวงของกลาติส ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ต่างทำอาชีพเป็นชาวไร่ชาวสวน เพราะมีลักษณะภูมิภาคที่เหมาะแก่การเพาะปลูกเป็นอย่างมาก หมู่บ้านอยู่ติดกับภูเขา และมีแหล่งน้ำลำธารที่ใสสะอาด อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหาร ถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี่จะมีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มาก แต่ทุกคนก็อาศัยอยู่กันแบบครอบครัว แบ่งปันสิ่งของ อาหารและช่วยเหลือกันในยามทุกข์ยาก
"คุณย่าคะอีก 7 วัน จะถึงงานเก็บเกี่ยวใหญ่แล้ว พวกเราก็เข้าไปล่าสัตว์ในป่ามาทำอาหาร แล้วเอาไปแบ่งกับคุณลุงคุณป้ากันเถอะคะ" เด็กน้อยวัย 7 ขวบ ที่มีนามว่าอลิเทีย กำลังจูงมือย่าของตนให้มุ่งหน้าเข้าไปในป่าที่มีหมูป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก เพื่อที่จะไปล่าสัตว์ มาทำเป็นอาหารในงานเทศกาลเก็บเกี่ยวครั้งยิ่งใหญ่ในรอบปี ที่หมู่บ้านจัดขึ้น ซึ่งงานเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในตอนกลางคืน หลังจากที่ผู้คนในหมู่บ้าน ได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทั้งหมดแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จะมีพ่อค้ามารับซื้อไปในราคาที่สูง
"ย่าไปไม่ไหวหรอก เทียไปเถอะ เทียเคยไปคนเดียวแล้วนิ ยังไม่ชินเส้นทางอีกหรือ" คุณย่าของอลิเทีย อายุราวๆ 60 กว่าปี เดินตามอลิเทียมาด้วยแรงลากอันน้อยนิดของอลิเทีย จนมาถึงทางเข้าป่า แต่ย่าของเธอก็ไม่คิดที่จะเข้าไปในป่ากับเธอตามที่เธอขอ
"โธ่คุณย่า เทียก็แค่อยากให้คุณย่าเห็น ในตอนที่เทียล้มเจ้าหมูป่ายักษ์นั้น เทียอยากให้คุณย่าเห็นว่าเทียแข็งแกร่ง มากๆเลยนะคะ" อลิเทียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียเชิงโอ้อวด พร้อมกับยกแขนข้างขวาขึ้นแบ่งกล้ามอันน้อยนิดให้ย่าของตนดู
"ฮ่า... ย่ารู้สิ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ว่าเทียนะ แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ย่าต้องออมแรงเอาไว้เก็บเกี่ยวแปลงผักของเราน่ะ" ย่าของอลิเทียพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะครั้งนี้เป็นงานใหญ่ และได้กำไรมากพอที่จะนำเงินที่ได้ไปซื้อเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกในฤดูถัดไป รวมถึงเสื้อผ้าของเจ้าหลานตัวน้อยที่นับวัน ก็จะโตขึ้นตามวันเวลาที่กำลังใกล้เข้ามา
"งั้นก็ได้คะ แต่คุณย่าต้องกลับไปพักผ่อน ห้ามทำอะไรหักโหมน่ะคะ เดียวเทียจะล่าหมูตัวใหญ่ๆ มาให้ งั้นเทียไปก่อนน่ะคะ" หลังจากสนทนากับย่าของตนจบ อลิเทียก็วิ่งเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว แต่บนใบหน้าของเด็กน้อยก็ยังคงความผิดหวัง ที่ไม่ได้พาคุณย่ามาเห็นถึงสิ่งที่ตนตั้งใจได้
อลิเทียเดินเข้ามาในป่าลึกมากแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะเจอหมูป่าสักตัว จนสาวน้อยเริ่มผิดหวัง "เห้อ... มันหายไปไหนหมดน่ะ เมื่อ 2 วันก่อนยังเห็นเป็นฝูงอยู่เลย หรือว่าลุงเกลจะมาล่ามันไปหมดแล้วกันนะ" เด็กน้อยกล่าวถึงลุงเกล ผู้ที่สอนวิธีล่าสัตว์ให้อลิเทีย และมักจะพาเธอเข้าป่า ไปล่าหมูป่าด้วยบ่อยๆ
"กลับดีกว่า ออกมานานเดียวคุณย่าจะเป็นห่วง" อลิเทียกำลังจะเดินกลับไปเส้นทางเดิมที่ตนเคยเดินมา แต่ต้องสะดุดเข้ากับกลิ่นหอมๆที่คล้ายกลับกลิ่นเนื้อหมูย่างของโปรดของเธอ ลอยมาจากในป่าที่ลึกเข้าไปอีก เด็กน้อยรู้สึกสงสัยว่ากลิ่นนี้อาจจะเป็นสาเหตุ ที่ตนพยายามเดินหาหมูป่าเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักทีก็ได้ "คงจะต้องไปดูเท่านั้น" ไม่ทันไรอลิเทียก็วิ่งมุ่งตรงไปตามกลิ่นที่สัมผัสได้ จนมาเจอกับต้นเหตุของกลิ่น
"อ๊าก...ผีป่า" เด็กน้อยส่งเสียงร้องลั่นป่าทันทีที่เห็นชายแก่สูงวัย สวมผ้าคลุมสีดำปกปิดตัวตน ทำท่าทางลึกลับอยู่ตรงหน้า
"ว้าก...เจ้าเด็กผี" ชายแก่ส่งเสียงร้องพร้อมๆ กับอลิเทีย เพราะตนก็ตกใจเช่นกัน กับการโผล่ออกมาอย่างกระทันหันของอลิเทีย แต่พอชายแก่เริ่มที่จะเรียกสติของตนกลับมาได้ ก็เริ่มสงสัยในตัวของอลิเทียว่า เด็กตัวแค่นี้สามารถเข้ามาใกล้ตัวเขาได้ขนาดนี้ โดยที่เขาไม่รู้ตัว
"ช่างมีพรสวรรค์" ชายแก่พูดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่เด็กน้อยกลับได้ยินมัน
"เมื่อกี้ท่านว่าอะไรน่ะ" อลิเทียได้ยินในสิ่งที่ชายแก่พูดไม่ชัดนัก จึงได้ถามย้อนกลับไป
"เปล่า ว่าแต่เจ้าเถอะ พ่อแม่ไม่ว่าหรือไง เดินเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้เพียงตัวคนเดียว" ชายแก่ถามขึ้นหลังจากมองไปรอบๆแล้วว่าไม่มีผู้อื่นอยู่ในบริเวณนี้เลย
"ท่านรู้ได้ไงว่าข้ามาคนเดียว ข้าไม่ได้บอกท่านสักหน่อยว่าข้ามาคนเดียว" อลิเทียเริ่มสงสัยในตัวชายแก่แปลกหน้า เพราะถึงแม้ทั้งคู่จะได้พูดคุยกันไปแล้ว แต่ในประโยคที่พูดคุยนั้น ไม่มีคำใดที่อลิเทียบอกว่ามาเพียงคนเดียว "เด็กนี่มันฉลาดนัก" ชายแก่นึกขึ้นในใจ
"ก็ข้าเห็นเจ้าเพียงแค่คนเดียว ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้มาคนเดียวสินะ" ชายแก่ถามขึ้นเพื่อที่ต้องการจะทดสอบสติปัญญาของอลิเทีย ว่าเด็กน้อยคนนี้จะมีไหวพริบและรู้อะไรๆมากมายแค่ไหน
"เอ๋.....ฮ่า นั่นสิข้านี่ถามอะไรโง่ๆ ฮ่า..." อลิเทียหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะเด็กน้อยรู้อยู่แก่ใจ ว่าชายผู้นี้ต้องการที่จะทดสอบเธอ
"แค่คิดไปเองสินะ หรือจงใจกันแน่ เอาเถอะยังไงก็แค่เด็ก" ชายแก่พูดขึ้นในใจ
"โคร่ก..." เสียท้องของอลิเทียร้องขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันของทั้ง 2
"ฮ่า... เจ้าคงหิวสินะ มาสิ ข้าจะแบ่งให้เจ้าสักหน่อย" ชายแก่แปลกหน้าชวนอลิเทียเข้ามานั่งร่วมวงด้วย แต่อลิเทียยังคงไม่กล้าทที่จะเข้าไป เพราะเธอนั้นยังคงไม่ไว้ใจชายผู้นี้
"ทำไมเจ้ากลัวข้าจับเจ้าไปขายหรือ" ชายแก่ถามขึ้นอย่างรู้ทัน
"คุณย่าสอนข้าว่า ไม่ให้รับของจากคนแปลกหน้า" อลิเทีย พูดไปพร้อมกับมองน่องหมูป่าชิ้นโตๆ ที่ถูกฉีกออกมาเผยให้เห็นเนื้อสีขาวอมชมพูที่ถูกย่างจนสุก ส่งกลิ่มหอมชวนน้ำลายไหล ยื่นมาอยู่ตรงหน้า
"งั้นเจ้าจะยื่นมองข้ากิน" อลิเทียได้ยินเช่นนั้น ประกอบกับทนกลิ่นอันหอมหวนของหมูย่างไม่ไหว จึงพุ่งเข้าไปหยิบเนื้อหมูย่างและแทะมันอย่างเอร็ดอร่อย
"ท่านอาศัยอยู่ในป่านี้หรอ" อลิเทียถามขึ้นทั้งๆที่ในปากยังคงเคี้ยวเนื้อหมูอยู่
"เปล่าหรอก ข้าก็แค่ผ่านมา เดียวข้าก็ไป" ชายแก่ได้มองอลิเทียอย่างเอ็ดดู และภาพตรงหน้าก็ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา
"แล้วท่านมาจากที่ไหนหรอ" อลิเทียถามขึ้นด้วยความสงสัยตามประสาเด็ก
"ข้ามาจากที่ที่แสนไกล ข้าทำของบางอย่างหายไป ข้าจึงต้องออกตามหา และชี้ทางให้แก่มัน" ชายแก่พูดขึ้นพร้อมกลับมองอลิเทียด้วยสายตาจริงจัง
"ของหาย ทำไมหายไกลจัง แล้วสิ่งของหลงทางได้ด้วยหรอ ทำไมท่านต้องชี้ทางมัน" เด็กน้อยถามขึ้นตามประสาของเด็กขี้สงสัย
"ไม่หรอก ไม่มีอะไร นี่ก็จะมืดแล้ว เจ้าไม่กลับบ้านหรือไง" ชายแก่แหงนมองท้องฟ้าพร้อมกลับพูดเชิงล้ออลิเทีย
"อ่ะ แย่ละ ข้ายังล่าหมูไม่ได้เลย วันนี้ต้องกินแต่ผักอีกแล้ว" อลิเทียหงอยขึ้นมาทันทีที่รู้ว่า ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว แต่ตนยังไม่ได้เนื้อกลับไปฝากย่าของตน ตามที่ตั้งใจเอาไว้เลย
"งั้นเจ้าก็เอาหมูไปสักตัวสิ" ชายแก่พูดขึ้นพร้อมชี้ไปทางหมูป่าที่ตนล่าได้ หมูป่าตัวโตประมาณ 3 ตัว ที่ถูกวางอยู่ฝั่งตรงข้ามของชายแก่ที่มีกองไฟคั่นกลางเอาไว้ "ข้าก็ว่าอยู่ ทำไมหมูป่าหายไปหมด" อลิเทียพูดขึ้นพร้องกับมองหมูป่าด้วยสายตาเรียบเฉย
"เจ้าดูไม่สงสัยเลยนะ" ชายแก่พูดขึ้นเพื่อตอบสนองความสงสัยของตน
"ก็ท่านแข็งแกร่งนี่" อลิเทียตอบขึ้นด้วยหน้าตาใสซื่อ และจริงใจ
"ฮ่า..... พรุ่งนี้มาหาข้าอีกสิ ข้าจะเล่าเรื่องการผจญภัยของข้าให้ฟัง แต่เห็นเจ้าบอกว่ากินผัก เจ้าเอาผักที่บ้านเจ้า มาแลกกับเนื้อหมูที่ข้าล่ามาก็ได้นะ" ชายแก่เสนอข้อเสนอที่อลิเทียไม่อาจปฏิเสธมาได้
"ตกลง งั้นข้าไปก่อนน่ะ" อลิเทียพูดลา พร้อมวิ่งกลับไปทางหมู่บ้าน แต่ก็ถูกชายแก่เรียกไว้ "เดียวสิ เเล้วเจ้าไม่เอาเนื้อหมูไปหรอ" ชายแก่พูดขึ้นพร้อมกลับชี้นิ้วไปทางหมูป่าที่นอนอยู่ฝั่งตรงข้าม
"ไม่ล่ะ เดียวพรุ่งนี้ข้าจะเอาผักมาแลก ข้าไปล่ะ" อลิเทียทิ้งท้ายเอาไว้ จนทำให้ชายแก่ รู้สึกถูกชะตากับอลิเทียมากขึ้นถึงแม้จะยังไม่รู้ชื่อกัน
"ไม่คิดว่า จะมาเจอโดยบังเอิญเช่นนี้ "
วันรุ่งขึ้น อลิเทีย ได้กลับเข้ามาในป่าอีกครั้ง พร้อมกับถือห่อผ้า ที่ข้างในมีผักนานาชนิดอยู่ เธอมุ่งตรงไปยังที่ที่ เธอเจอกับชายแปลกหน้าเป็นครั้งแรก เธอเห็นว่าชายแปลกหน้ากำลังนั่งรอเธออยู่ เธอก็รีบมุ่งตรงไปที่เขาโดยทันที
"ดีจัง ท่านยังอยู่ที่เดิม ข้านึกว่าจะกลับมาแล้วไม่เจอท่านซะอีก" อลิเทียพูดขึ้นด้วยความดีใจ เธอมุ่งตรงไปและนั่งลงบนท่อนไม้ข้างๆกับชายแก่แปลกหน้า
"นี่ไง ผักที่สัญญา ข้าแบ่งมันมาให้ท่าน เพื่อจะแลกมันกับเนื้อหมู" อลิเทียเปิดห่อผ้าออก เผยให้เห็นผักใบเขียวขจี ที่สดใหม่ ถูกล้างมาแล้วอย่างสะอาด อยู่หลายพันธุ์
"โอ้ว.... เจ้าเอามันมาจริงๆด้วย แต่เจ้าเอามาให้ข้าเยอะขนาดนี้ ย่าเจ้าไม่ว่าเอาหรอ" ชายแปลกหน้าถามขึ้น พร้อมกับหยิบผักกาดผลงามขึ้นมาเชยชม
"ไม่ว่าหรอก เพราะข้าบอกคุณย่าว่า ข้าจะนำมันมากินระหว่างทางที่จะไปล่าหมูน่ะ"
"เจ้าโกหกย่าเจ้า ทำแบบนี้ไม่ดีเอาซะเลยนะ ต่อไปเจ้าอย่าได้ทำอีก" ชายแปลกหน้าสั่งสอนอลิเทียไปยกใหญ่ พร้อมกับเด็ดผักกาดมาเขี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย
“ข้ารู้ ต่อไปข้าจะไม่ทำอีก แต่ว่าข้าไม่เคยบอกท่านน่ะ ว่าข้ามีคุณย่า ทำไมท่านถึงรู้ล่ะ” อลิเทียเริ่มเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับชายแก่แปลกหน้าคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ชายแก่แปลกหน้าลุกขึ้นและเดินตรงไปที่ๆหนึ่ง "ท่านจะไปไหนหรอ จะไม่อยู่เล่นกับข้าแล้วหรอ" อลิเทียพูดขึ้นด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าชายแก่แปลกหน้าลุกหนีตน เพราะไม่ชอบที่ตนเป็นเด็กขี้โกหก "ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเด็กเลี้ยงแกะน่ะ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าโกหก ท่านอย่าโกรธข้าเลยน่ะ ต่อไปข้าจะไม่ทำอีก" อลิเทียพูดขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน เพื่อหวังว่าจะได้ความเห็นใจจากชายแปลกหน้า และได้รับการยกโทษให้ตนสักครั้ง
"ข้าก็ไม่ได้จะหนีเจ้าไปสักหน่อย ตามข้ามาสิ ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไรดีๆ" ชายแก่เดินนำอลิเทียเข้าไปในป่าลึก พวกเขาทั้งคู่เดินด้วยกันมาสักพักแต่ก็ไม่มีวี่แวว ว่าจะถึงที่หมาย "เมื่อไหร่จะถึงกัน ข้าว่าพวกเราเดินทางมานานแล้วน่ะ" เด็กน้อยวัย 7 ขวบบ่นขึ้นด้วยความเหน่อยล้า ตัวอลิเทียนั้นไม่เคยเดินเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้มาก่อน "เถอะน่า เดียวก็ถึงแล้ว ย่าเจ้าเคยเล่าให้เจ้าฟังไหม ว่าที่หมู่บ้านของเจ้าน่ะ มีอะไรบ้างอย่าง" สิ่งที่ชายแก่พูดขึ้น ทำให้อลิเทียเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก ก็จริงที่ย่าของเธอไม่ได้เล่าอะไรให้ตนฟังเลย นอกจากว่าจะเล่าให้ฟังเพียงแค่เป็นหมู่บ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก จึงมีแต่พ่อค้ามากมายจากหลายเมือง เข้ามาซื้อผลผลิตของหมู่บ้าน
"ถึงแล้วล่ะ" ชายแก่แปลกหน้าหยุดอยู่ตรงที่ยอดผาแห่งหนึ่งบนภูเขา อลิเทียเบิกตากว้างกับในสิ่งที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพตรงหน้าที่เธอเห็นอยู่ไกลๆนั้น เป็นเมืองๆหนึ่งที่มีตึกราบ้านช่องที่ตั้งอยู่สูงตระหง่า มีผู้คนมากมายตัวเล็กๆกำลังเดินกันควักไขว่ไปมา สร้างความวุ่นวายอย่างมาก "ว้าว... นี่มันอะไรกันข้าไม่รู้มาก่อนว่าถ้าเดินขึ้นมาบนนี้จะมีของแบบนี้ให้ข้าดูด้วย" อลิเทียเด็กน้อยที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกและส่งของประหลาดแบบนี้มาก่อน นอกจากผู้คนในหมู่บ้าน แปลกผัก ดิน ลำธาร และภูเขาเขียวขจี บ้านหลังเล็กที่ทำจากไม้ เธอไม่เคยเดินออกมาจากหลังเขา แต่การพบกับชายแปลกหน้าในครั้งนี้ ทำให้อลิเทีย รู้ว่าสิ่งที่ตนรู้นั้น มันยังมีอะไรอีกมากมาย ชายแปลกหน้าเป็นคนจุดประกายความอยากรู้ให้แก่อลิเทีย
"นั่นเป็นเมืองงั้นหรอ ทำไมบ้านพวกนี้ดูแปลกๆ ทำไมมันถึงไม่ได้ทำจากไม้เหมือนหมู่บ้านของข้าล่ะ" อลิเทียได้พูดในสิ่งที่ตนเองสงสัยออกมาอย่างไม่รู้ตัว
"มันทำมาจากหินชนิดหนึ่ง ที่มีความทนทาน เมื่อนำมันมาบดให้ละเอียด ผสมกับทรายที่ได้มาจากทางตอนใต้ และหินบางชนิดที่มีความทนทาน และก่อมันขึ้นให้เป็นรูปทรงของบ้าน รอมันจนแห้ง ก็จะได้ที่อยู่อาศัยในลักษณะแบบนั้น " ชายแก่แปลกหน้าอธิบายสิ่งที่ตนรู้ให้แก่อลิเทียฟัง
"ความจริงมีอะไรที่ข้าอยากให้เจ้ารู้อีกมากมายเลยล่ะ แต่ตอนนี้ ข้ามีอะไรที่อยากให้เจ้าดู นั่งลงก่อนดีไหม" ชายแปลกหน้านั่งลงก่อน และเรียกให้อลิเทียนั่งลงข้างๆตน
"ข้ามีอะไรจะให้เจ้าดู แต่ก่อนอื่น ข้าต้องถามเจ้าก่อนว่าเจ้ารู้จักเวทมนต์ใช่ไหม "
"รู้จักสิ ท่านย่าข้าก็สอนข้าอยู่น่ะ ข้าก็พอจะรู้เวทย์ที่ทำให้ผลผลิตงอกงาม ท่านดูนี่น่ะ" อลิเทียพูดเสร็จก็หยิบเมล็ดผลไม้ชนิดหนึ่งออกมา เธอขุดดินและนำไปฝังไว้ในหลุมดินที่ตนนั้นขุดได้เมื่อ "ท่านดูนี่น่ะ” อลิเทีย นำมือทั้งสองข้างที่เละดินมาประกบเข้าด้วยกัน สักพักก็มีแสงออร่าสีเขียวคราม ออกมาจากตัวของอลิเทีย มันค่อยๆถูกส่งผ่านทางอากาศ ส่งไปยังเส้นทาง ที่เมล็ดพืชถูกฝังอยู่ สักพักหนึ่ง เม็ดที่ถูกฝังนั้นกลายเป็นต้นกล้าขึ้นมา "ว้าว น่าทึ่งจริงๆ ที่เด็กตัวเล็กๆอย่างเจ้า ทำสิ่งที่นักเวทย์สายขาว ก็ทำได้"
"นักเวทย์สายขาว มันคืออะไรหรอ" อลิเทียอย่างอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ชายแปลกหน้าพูดขึ้น ไม่ว่าเขาจะพูดสิ่งใดอลิเทียก็สนใจหมดทุกอย่าง
"ก็คือผู้ที่ใช้เวทย์ละเอียดอ่อนได้ไง เจ้ารู้ไหม ผู้คนในโลกนี้ จะถูกแบ่งแยกระดับการความคุมพลังตามธรรมชาติและการตัดสินใจได้ แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่นคนในหมู่บ้านเจ้า สามารถควบคุมเวทย์ได้อย่างละเอียดอ่อน เพราะระดับพลังเวทย์ที่น้อย จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอกน่ะ" ชายแก่พูดพลางหยิบสร้อยเส้นหนึ่งออกมา เป็นสร้อยคอจี้รูปนาฬิกาทราย ที่ทรายข้างในเป็นสีน้ำเงิน นำมาโชว์ให้อลิเทียดู
"นี่เป็นของขวัญการพบกันของเรา ต่อจากนี้ในทุกๆวัน เจ้าจงมาหาข้าที่เดิมที่เราเจอกันในครั้งแรก ข้ามีบางอย่างที่จะต้องสอนมันให้แก่เจ้า และข้าจะบอกสิ่งที่เจ้าอยากรู้ให้หมด" อลิเทียรู้สึกสับสนและตกใจกับคำพูดของชายแปลกหน้า พวกเขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของกันและกัน แถมยังพึ่งรู้จักกับเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น แต่ทำไมกันนะ อลิเทียกับรู้สึกผูกพันธ์กับชายคนนี้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ราวกับว่า พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เกินที่จะอธิบายได้
"ข้าตกลง ข้าจะมาหาท่าน แต่ว่าอาจจะมาไม่ได้ทุกวันหรอกน่ะ" อลิเทียพูดพร้อมกับรับสร้อยเส้นนั้นมาจากชายแปลกหน้า พร้อมกับใส่มันเอาไว้ที่คอของตน อลิเทียรู้สึกถึงอะไรบางอย่างกับสร้อยเส้นนี้ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
ชายแปลกหน้ายิ้มออกมาในการตัดสิ้นใจที่เด็ดเดียวของอลิเทีย "เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ ยังตัดสิ้นใจอะไรตามสัญชาตญาณของตนเองเสมอ ทำไมตอนนั้นข้าถึงไม่เชื่อเจ้าน่ะ" ชายแก่พูดพึมพรำเสียงเบากับตนเอง แต่มันกลับทำให้เด็กน้อยที่อยู่ข้างๆได้ยิน "เมื่อกี้ ที่ท่านพูด เราเคยรู้จักกันมาก่อนสินะ" ชายแก่แปลกใจที่ตนเองพูดเบาขนาดนั้นแต่อลิเทียกลับได้ยิน
"เจ้านี่ สงสัยจะฉลาดขึ้นกว่าตอนนั้น และประสาทสัมผัสการรับรู้ดีกว่าเดิมอีกน่ะ" ชายแปลกหน้าพูดอย่างไม่ปิดบัง
"มีอะไรอีกมากเลยสินะ ที่ข้ายังไม่รู้ เกี่ยวกับตัวข้า" อลิเทียเหมือนจะจับทางของชายแปลกหน้าได้ ว่าชายผู้นี้ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับตัวของเธอที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนอน่างแน่นอน
"ใช่แล้วล่ะ แต่ข้าคงต้องขอให้เจ้าอย่าพึ่งถามอะไรข้าในตอนนี้ เจ้าจะตกลงไหม" ชายแปลกหน้ายืนยันความต้องการของตนเอง ที่จะไม่ต้องการบอกอะไรอลิเทียไปมากกว่านี้
"งั้นตกลง ข้าจะไม่ถามอะไรท่าน แต่เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะต้องบอกข้า บอกทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ท่านรู้ แก่ข้า" อลิเทีย ตอบเพื่อยืนยันความต้องการของตนเองเช่นกัน
"ตกลง พรุ่งนี้ที่เดิมล่ะ เอาเป็นประมาณ ช่วงเช้ามืดกำลังดี "
"ได้เลย" อลิเทียตอบด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ตามแบบฉบับเด็กอายุ 7 ขวบ ถึงแม้ว่าเธอจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็นเวลาเช้ามืด ที่ผู้คนยังไม่ตื่นกันด้วยซ้ำ แต่เธอก็จะทำตามสัญญาว่าจะไม่ถามอะไรแก่ชายแก่จนกว่าเขาจะบอกอะไรๆแก่เธอเอง
"งั้นข้าจะเดินไปส่งเจ้าที่เดิม" ชายแปลกหน้าเดินไปส่งอลิเทียที่เดิมที่เจอกันในครั้งแรก ทั้งคู่เดินมาตามทางโดยไม่มีการพูดจาอะไรกันเลยจนถึงจุดหมาย "งั้น…ข้าไปก่อนน่ะ พรุ่งนี้เจอกัน" อลิเทียโบกมือให้แก่ชายแปลกหน้าและ วิ่งตรงมาที่หมู่บ้าน ตามเส้นทางที่เธอเดินมาในตอนแรก
"ต่อไปนี้ เจ้าคงจะต้องเหนื่อยหน่อยน่ะ" ชายแปลกหน้าพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในป่า
.
.
อลิเทียวิ่งตรงมายังบ้านของตน และเห็นย่ากำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ "คุณย่าคะ" อลิเทียตะโกนมาตั้งแต่หน้าประตู
"มีอะไรกัน เสียดังทำไม" หญิงชราวัย 70 กว่าตำหนิอลิเทียไปเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปสนใจผ้าที่ตนนั้นเย็บอยู่ต่อ
"คือว่า ข้าขอโทษน่ะคะ ที่วันนี้โกหกท่านไป" อลิเทียสารภาพในความผิดของตน ที่เคยทำเอาไว้ ให้ย่าของเธอฟัง
"โกหก เทียโกหกย่าตอนไหนลูก" หญิงชราได้หยุดเย็บผ้าและหันกลับมาสนใจหลานของตนอีกครั้ง
"ก็ตอนที่เทียเอาผักไป เทียไม่ได้เอาไปกินเองหรอกคะ แต่เทียเอาไปให้ใครบางคนน่ะคะ" อลิเทียก้มหน้าก้มตาพูด แสดงให้เห็นว่าเด็กกน้อยคนนี้รู้สึกผิดจริงๆ
"ลุกขึ้นเถอะ รู้ว่าไม่ดี มาขอโทษย่าก็ดีแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็อย่าทำอีกล่ะ" ย่าของอลิเทียพูดขึ้นพร้อมกลับหันไปสนใจผ้าของเธอต่อ
“คุณย่าไม่โกรธเทียหรอคะ เทียเป็นเด็กไม่ดีเลย" เด็กน้อยที่สำนึกผิดแล้วในตอนนี้ เอาแต่โทษตัวเอง ราวกลับว่าสิ่งที่เธอทำกับบุพการีนั้นไม่น่าให้อภัยเป็นที่สุด
"ไม่โกรธหรอก อีกอย่างเทียเอาไปให้ผู้คน ก็เป็นการแบ่งปันสิ่งของเหมือนกันน่ะ เทียเป็นเด็กมีน้ำใจ ย่าไม่โกรธหรอก" ย่าของอลิเทียพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เทียรู้สึกสบายใจขึ้นมา อลิเทียเผยใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้ผู้เป็นย่าเห็น ก่อนที่เธอจะหุบยิ้มอีกครั้งเพราะนึกอะไรขึ้นได้
"อ่าแย่ล่ะ..." อลิเทียอุทานออกมาพร้อมกับรับรู้อะไรได้บางอย่างว่าลืมทวงเนื้อหมูกับชายแปลกหน้า แถมยังลืมห่อผ้าผักไว้บนยอดผาอีก
"ก๊อกๆๆๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาแทรกระหว่างที่อลิเทียกำลังคิดวิธีที่จะกลับไปเอาสิ่งที่ตัวเองลืมไว้มา
"ไปดูสิเทียใครมากัน" อลิเทียลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่กลับไม่พบผู้ใดอยู่เลย หางตาของอลิเทียกดต่ำลงไปที่พื้นพร้อมกับเห็นถุงผักของตนเองที่ลืมเอาไว้ที่เขา
"อ่าาาา นี่มันถุงผักที่เทียลืมไว้ที่ป่าคะ คุณย่า แต่กลิ่นนี่มัน" อลิเทียได้กลิ่นคาวๆ ออกมาจากในถุง จึงรีบเปิดถุงผ้าของตนออก ปรากฎให้เห็นเนื้อหมูสีแดงสด ในถุงผ้าจำนวนหนึ่ง
"ว้าวว เนื้อหมู ใครเอามาให้กัน" หญิงชราผู้เป็นย่า ตกใจทันทีที่เห็นเนื้อหมูสีแดงสด ตนได้หันไปมองที่ประตูเพราะหวังที่จะออกไปขอบคุณ แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า อลิเทียหันมายิ้มให้กับย่าของตนพร้อมบอกว่า "คนที่เทียเอาผักไปให้เขาน่ะคะ งั้นเทียไปทำอาหารให้น่ะคะ" อลิเทียพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับรีบวิ่งไปที่ห้องครัว แต่ก็ต้องโดนย่าของตนหยุดความคิดและการกระทำนั้นเอาไว้เสียก่อน
"เดียวสิเทีย ถ้าเป็นเนื้อ เดียวย่าทำเองดีกว่า วันนี้ย่าจะทำซุบหมูให้กิน งั้นเทียช่วยไปเก็บผักมาให้ย่าหน่อยก็แล้วกันนะ" อลิเทียรับคำพยักหน้า วางเนื้อหมูเอาไว้ในห้องครัว และวิ่งออกไปเก็บผักที่แปลงหลังบ้านของตน
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังรับประทานอาหารกันอยู่ อลิเทียก็นึกถึงคำที่ชายแก่พูดว่า พรุ่งนี้ตอนเช้ามืด ให้ออกไปหาเขา เธอจึงตัดสินใจที่จะบอกย่าของตน "คือว่า คุณย่าคะ หนูมีอะไรจะบอก คือหนูไปพบกับชายแปลกหน้าเขาให้สิ่งนี่เทียมาคะ" อลิเทียโชว์สร้อยรูปนาฬิกาทรายให้ย่าของตนดู ย่าของเธอดูจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรกับของที่ชายแปลกหน้าได้ให้แก่อลิเทีย
"คุณย่าไม่ดุเทียหรอคะ ที่เทียคุย และก็รับของมาจากคนแปลกหน้า" อลิเทียถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะตอนเด็กๆ เธอมักจะถูกสอนให้ห้ามคุย และห้ามรับของจากคนแปลกหน้า
"ไม่หรอกจ้ะ มันคงจะถึงเวลาแล้ว แล้วเขาได้บอกอะไรเทียอีกไหม" ย่าของอลิเทียเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ายังไง หลานของเธอคงจะต้องได้พูดคุยและได้รู้อะไรอีกมากมายมาจากชายแปลกหน้าอย่างแน่นอน
"เขาให้เทียไปหาเขา พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดคะ คุณย่า...อนุญาตไหมคะ" อลิเทียพูดเสียงอ่อยอิงเพื่อหวังว่าจะให้ย่าของตนอนุญาต
"เทียคิดว่ายังไง เทียเชื่อใจเขาไหม" ย่าของอลิเทียถามเพื่อยืนยันการตัดสินใจของเทีย
"เทียรู้สึกอะไรบางอย่างได้กับชายคนนี้คะ แต่ว่า..." อลิเทียดูอ่ำๆอึ้งๆกับคำที่จะพูดออกมา เพราะมันเป็นเพียงความรู้สึกของตนเท่านั้น
"ไปเถอะ ย่าเชื่อว่าเทียจะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เทียเป็นเด็กฉลาด ย่ารู้ ว่าเทียจะเอาตัวรอดได้ และจะนำสิ่งที่รู้ติดตัวไปทำในสิ่งที่ดีๆแน่นอน" ย่าของอลิเทียพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เพื่อให้เทียมีความมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง
"คะ คุณย่า เทียจะตั้งใจ" อลิเทียรับปากย่าของตน และส่งรอยยิ้มที่สดใส ให้แก่หญิงชราที่ได้ชื่อว่าย่าของตน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!