กล่าวถึงอดีตชาติเมื่อกาลก่อน กษัตริย์เเห่งเมืองยักษา นามว่าทศลักษณ์ครั้งยามท่านได้พบสาวงามที่เมืองมนุษย์พลันนั้นความรักตั้งเเต่คราเเรกที่ได้พบก็พลันก่อเกิดขึ้นในอกจึงได้ใช้คาถาจำเเลงกายเป็นเจ้าชายรูปงามเพื่อคว้าใจสาวงาม
"สตรีงดงามเพียงนี้เหตุใดท่านจึงมาอยู่กลางป่าผู้เดียวเช่นนี้"เลือนร่างอรชรเอายตอบ
"บ้านข้ายากจนหามีเงินทองล้ำรวยไม่ก็อยู่ในป่าเขาเช่นนี้"เธอจริงได้ไถ่ถามเขากลับไปว่า
"เหตุใดเจ้าชายมั่งมีอย่างท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า"ราชายักษาได้เอ่ยตอบว่า
"ก็เพราะเเม่นางอยู่ที่เเห่งนี้ใดเล่าข้าจึงตามมา" สาวงามเเค่นหัวเราะเบาๆ พลางส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ราชายักษาหวั่นใจมิน้อย ซวบซาบ เสียงเท้าดังเข้ามาใกล้กระท่อมสาวงามเข้าทุกที
"ท่านรีบกลับไปเถิดพ่อข้าคงกลับมาเเล้วหากพบท่านเข้าคงโกรธเป็นฝืนไฟเป็นเเน่" ยักษาคิดในใจก่อเอ่ยตอบคนงามว่า
"หากเช่นนั้นคราหน้าข้าจักมาหาเจ้าได้อีกฤไม่" สาวงามมีท่าทีลุกลน
“ท่านไปก่อนเถิด!ท่านพ่อคงใกล้ถึงกระถ่อมเเล้ว” "หากเจ้ามิตอบข้าก็จักมิไป"ยักษาขัดค้านขึ้นเเล้วเอ่ยต่อ "คราหน้าข้ามาพบเจ้าได้อีกฤไม่" หากท่านต้องการก็ย่อมหน้า โฉมงามก้มหน้าลงเพื่อปิดบังใบหน้าระเรือเพราะเขินอายในวาจาราชายักษา เมื่อราชายักษาจากไปบุหรันได้เเต่เเลมองตามหลังไป
“บุหรัน” เสียงเรียกที่เเสนคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้บุหรันพึ่งรู้ตัวว่าตนยังมองตามหลังที่ที่เจ้าชายรูปงามเดินหายลับตาไป
"เหตุใดเจ้ามายืนอยู่ตรงนี้เล่าป่านนี้ยุงป่ามิขบกัดหมดทั้งตัวเเล้วฤ เข้าบ้านเถิดกับข้าวกับปลากับปลาพ่อทำเอง"เมื่อรู้ตัวก็ได้ตอบผู้เป็นบิดาไป "มิเป็นไรดอกจ้ะข้าทำเองท่านพักเถิด"
ชายอายุ50ถอดหายใจเฮื้อกใหญ่ "เฮ้อ เเล้วเเต่เองเถิด" หลังจากนั้นบุหรันก็ยกสำหรับข้าวปลามาวางที่เเค่ไม้ตัวเก่าชายชราเอ่ยขึ้น "บุหรัน เอ็งก็เเตกเนื้อสาวเเล้วควรออกเรือนได้เเล้ว" บุหรันวางถ้วยน้ำในมือทันใดพลางอุทานออกมาอย่างดัง "ท่านจะส่งข้าเข้าเมืองฤ!"
เฮ้อ..เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น
"อยู่ที่กับข้าเองมิได้มีชีวิตดีๆหรอกหนาบุหรัน พ่อมิอยากให้เองลำบาก อยู่ในเขาเช่นนี้จักหวังอะไรมิได้หรอกหนาเเม้เเต่ข้าวปลายังเอาเเน่เอานอนมิได้ พ่ออยากให้เองมีชีวิตดีๆ"
"พ่อ!" บุหลันโพล้งขึ้นอย่างลืมตัว "หากข้าเข้าเมืองไปใครจักดูเเลพ่อเล่า"
ชายวัยเลขห้าเอายอย่างใจเย็นตอบผู้เป็นบุตรสาวว่า
"บุหรันเอ็งพึ่งจักเเตกเนื้อเต็มกาย ควรจักไปมีครอบมีครัว พ่อยังมีเเรงหาปูปลากินเองได้เอ็งมิจำเป็นต้องห่วงดอก เอาเถอะเอ็งไปคิดนอนคิดก่อนคืนนี้ยามรุ่งค่อยมาบอกข้า หากมิไปมิรู้คราใดจักมีโอกาสอีก" "โอกาส โอกาสอันใดฤๅ" บุหรับเอ่ยถาม
"พระชนกของพระราชาทรงมีรับสั่งให้ขัดเลือกนางสนมเข้าหวังเป็น รางวัลเเก่พระองค์ที่ชนะศึกได้หากเอ็งไปเป็นสนมในวังจะได้มีชีวิตสุขสบาย"
"ข้าจักคิดดู" บุหลันกล่าวเท่านั้นก่อนเก็บสำรับข้าวปลาถึงเเม้ตนจักไม่ได้กินลงท้องเเม้เเต่คำเดียว ในอกคิดถึงเพียงเเต่เรื่องที่ผู้เป็นพ่อพูด ชีวิตในป่าเขาเช่นนี้มิรู้เลยว่าวันใดจักอดวันใดจักอยาก บุหรันเอนกายลงบนเเค่ไม้ในบ้านนอนคิดไปมาจนฟ้าจะสางจึงได้หลับลง
ไก่ป่าส่งเสียงขันเจี้ยวจ้าวปลุกสาวจ้าวตื่นขึ้น
เมื่อเดินออกจากกระถ่อมไปก็เจอผู้เป็นพ่อนั้งรอที่เเค่พร้อมสำรับอาหารง่ายๆ ที่กินเป็นปกติทุกวัน
บรรยากาศอืมครึมจนกระทั้งบุหรันเอ่ยปากว่า” เเล้วพวกชาวบ้านจักเข้าวังเมื่อใดฤ”
เอ็งคงคิดมาค่อนคืนเเล้วบุหรันข้าผิดสัญญากับเเม่เอ็งมากนักผู้เป็นบิดาคิดในใจ
“อีกประเดี๋ยวพ่อจักไปส่งเองที่หมู่บ้าน”
“จ้ะ” บุหรันขานรับเท่านั้นก่อนเก็บสำรับข้าวเเล้วไปเก็บข้าวของจำเป็นติดตัวไปส่วนใหญ่นั้นเป็นเสื้อผ้าทั้งนั้นมีเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย
“บุหรันสร้อยนี่ใส่ไว้อย่าได้ถอดออกเด็ดขาดมิว่าอย่างไรก็ห้ามถอดออก”
บุหรันจ้องมองเเหวนที่นิ้วของต้นพลางคิดเเหวนนี้คุ้นตาหนักเเต่นางก็จำมิได้ว่าเคยเจอที่ใด
เมื่อถึงหมู่บ้านบุหรันก็ขึ้นรถม้าไปกับสาวชาวบ้านที่จักไปเป็นนางสนมของวังหลวง
ฝ่ายราชายักษาพลันร้อนรุ่มกายขึ้นดั่งไฟสุมดวงตาก็พลันมืดลง
ภาพที่เห็นคือ ท้ามกลางสนามรบเต็มไปด้วยการเข็ญฆ่า เขามองเห็นตนเองนอนอยู่บนตักหญิงสาวผู้หนึ่งในขณะที่ร่างของตนใกล้หมดลมหายใจ
เขาก็ได้บอกหญิงสาวคนนั้นว่าชาตินี้พีาปกป้องเจ้าต่อมิได้เเล้วหนาเเต่เเหวนวงนี้จักเป็นตัวเเทนพี่อยู่เจ้าตลอดไปจากนั้นลมหายใจของเขาก็ได้หมดลง
ราชายักษาลืมตาตื่นขึ้นจากความฝันเเปลกประหลาด พลางคิดในใจสตรีคนนั้นเป็นผู้ใดกันส่วนเเหวนวงนั้นก็ยังอยู่ที่นิ้วของเค้า
ทศลักษณ์ ได้ไปพบโหราจารย์ผู้รู้เรื่องทางการทำนายก่อนจะเอ่ยปากบอกถึงภาพประหลาดที่ตนเห็นเเก่ โหราจารย์เเละได้ขอคำทำนายจากสิ่งที่เค้าได้เห็น โหราจารย์ ได้บอกเเก่เขาว่า
" หญิงชาวมนุษย์ผู้นั้นคือคนรักของท่านส่วนเเหวนวงนั้นจะทำให้ท่านทั้งสองได้หวนกลับมาพบกันอีกเเม้ต้องเเยกจากกัน เเต่ว่า ในพบนี้นางจักจากท่านไปเพื่อให้ท่านได้ครองราชย์เป็นราชายักษาจนสิ้นชีพเเต่ว่า คำทำนายนี้ข้าก็มิมั่นใจนัก"
ทศลักษณ์มิได้เอ่ยอันใดตอบพลันเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ในอกคิดมิตกเรื่องนี้ เเต่เขาก็นึกถึงสาวชาวป่าผู้นั้น
จึงจักไปหานาง เมื่อใกล้ถึงกระถ่อมกลับเจอลายวัยเลขห้านั้งอยูาเเค่ไม้ตัวเก่า
“ท่านมา บุหรันฤ “ทศลักษณ์นิ่งตะงันไปชั่วครู่
ก่อนเอ่ยตอบ “ท่านรู้ได้เช่นไร” ชายผู้นั้นยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเอายว่า” คราก่อนข้าได้เห็นชายผู้หนึ่งมาหาลูกสาวข้าก็คงจะเป็นท่าน”
ทศลักษณ์นิ่งไป ชายผู้นั้นจึงตอบว่า
“ข้าอยากให้มันมีชีวิตดีๆ จึงได้ส่งมันเข้าวังหลวง”
หลังเอ่ยจบชายผู้นั้นก็เดินออกจากกระถ่อมไป ทิ้งให้ราชายักษางุนงงกับคำตอบ จักเป็นเช่นนั้นได้อย่างไง ข้าเฝ้าคณึงหานางทุกคืนวัน จักให้นางไปเป็นชายาผู้อื่นได้อย่างไร ทศลักษณ์คิดในใจพลางยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทศลักษณ์ได้ใช้มนต์จำเเลงกายเป็นหญิงชราไปอยู่ในหมู่บ้านที่ติดกับวังหลวง เข้าไปถาม หญิงสาวขาวบ้านที่พึ่งลงจากรถม้า “พวกเจ้ามาทำอันใดกันที่วังหลวงฤ”
“พวกข้ามาขัดสนมจ้ะ” สาวชาวบ้านนางหนึ่งเอ่ยตอบ
“อ๋อเช่นนี้ นี่เอง”หลังจากตอบเท่านั้น สายตาก็พลันมองหาสาวงามที่ตนอยากพบ เเต่สุดท้ายเขาก็ถอดใจก่อนเดินออกไป “ท่านยายจะไปที่ใดฤ”
เสียงหวานๆที่เเสนคุ้นหูเอ่ยขึ้น ยายเฒ่าจูงมือสาวเจ้าไปเเอบก่อนที่จะคลายมนต์จำเเจงกายยายเฒ่าออก “เป็นท่านเองฤๅ!”สาวจ้าวเอ่ยขึ้น “เจ้าจักไปเป็นสนมฤ” ทศลักษณ์ในร่างเจ้าชายเมืองมนุษย์เอายขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง หญิงสาวนิ่งไปก่อนเอ่ยตอบว่า “ใช่ข้ามิอยากให้ท่านพ่อกังวลใจเพราะข้า”
ราชายักษาคิดในใจชั่วครู่ก่อนเอ่ยไป เช่นนั้นเจ้าเป็นมเหสีของข้าเถิดคนงาม ข้าจักมิให้เจ้าลำบากเเม้เพียงปลายเล็บ”หลังจากเอ่ยจบทศลักษณ์จับมือเรียวของคนงามมาทาบที่อกตน ทำเอาคนงามหน้าระเรือเขินอายเสียจนต้องก้มหน้าหลบตา พลั้นนั้นสาวจ้าวกำลังจะเอ่ยตอบเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา
จนทศลักษณ์ต้องจำเเลงกายเป็นหญิงเฒ่าอีกครั้ง
เป็นพระราชาเองที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรมองอยู่นานก่อนเอ่ยว่า “สตรีที่มาขัดเลือกเป็นสนมของข้าจักไปอยู่นอนรวมกันที่เรือนใหญ่เห็นอันใดเจ้ามิไปเล่า อยู่นอกเรือยามค่ำเช่นนี้ยุงจักขบกัดเอา”สาวเจ้าเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “ขะ..ข้า มิรู้ทาง”
“หึ..” เขาเเค่นหัวเราะก่อนจะเอ่ยว่า “หากเช่นนั้นให้ข้าพาเจ้าไปหนา” ก่อนจูงมือบุหรันออกไป
ฝ่ายราชายักษาได้เเต่กัดฟันเเน่น เมื่อคนงามถูกจูงมือไปต่อหน้า
ในวันต่อมาเป็นวัดคัดเลือกสนม ราชายักษานั้นก็ยังจำเเลงกายมาเเอบมองคนงาม
เมื่อการคัดเลือกจบลงก็เป็นไปตามที่ทศลักษณ์คิดคนงามของเขาจักกลายเป็นสนมของผู้อื่นเเล้ว
เเละถูกพาตัวไปอยู่ที่เรือนชั้นใน
หลังจากที่บ่าวออกไปจากเรือนเเล้ว
ทศลักษณ์ก็เดินขึ้นเรือนไปหาคนงาม
“ทำไมเจ้าถึงมายืนอยู่นอกหอนอนใยมิเข้าไปนอนเล่า”ทศลักษณ์เอ่ยถาม
“ข้าอยากสูดอากาศยามเย็นเสียหน่อย”
“มิใช่ว่าเจ้ารอข้าหรอกรึ”ยักเจ้าเล่ห์เอ่ยขึ้น
“มิ..ใช่”คนงามตอบพลางเบี่ยงหน้าหนีด้วยความเขินอาย
ตอนนี่ยาวมากเเบบโคตะล่ะยาว ยาวเเบบอ่านจนท้อก็ยังไม่จบ เพราะเเอบไม่ให้ลงตอนสั้น
นอยมากเว่อคุนน้ายาวขนาดนี้ยังไม่ให้ลงอีกโคจะนอยมากเว่อ สิ้นหวังสุด รวมห้าตอนมาใส่ได้ในตอนเดียวเริสมาก นิยายเต็มๆน่าจะมีประมาณ20+ตอน เเอบนี้จบได้ภายใน4ตอนโครตจะเริสพิมพ์มาขนาดนี้ยังไม่ให้ลงอีกคนเขียนท้อเเล้วนะช่วยด้วยยยย
เนื้อหาสั้นเกินไปสั้นกี่โมงยาวเเล้วนะคนเขียนท้อเเล้วนะ
เขียนจนเหนื่อย ให้ลงเถอะค่ะขอร้องจะได้ไปนอนสักที
ง่วงมากเเม่ง่วงไม่ไหว หนูเหนื่อยมากค่ะ ให้หนูไปนอนเธอค่ะ หนูไม่ไหวเเล้ว เหลืออีกเกือบสามร้อยคำตายค่ะ คิดไรไม่ออกเเล้วค่ะถ้าจะให้ลงตอนยาวขนาดนี้
ตอนนี่ยาวมากเเบบโคตะล่ะยาว ยาวเเบบอ่านจนท้อก็ยังไม่จบ เพราะเเอบไม่ให้ลงตอนสั้น
นอยมากเว่อคุนน้ายาวขนาดนี้ยังไม่ให้ลงอีกโคจะนอยมากเว่อ สิ้นหวังสุด รวมห้าตอนมาใส่ได้ในตอนเดียวเริสมาก นิยายเต็มๆน่าจะมีประมาณ20+ตอน เเอบนี้จบได้ภายใน4ตอนโครตจะเริสพิมพ์มาขนาดนี้ยังไม่ให้ลงอีกคนเขียนท้อเเล้วนะช่วยด้วยยยย
เนื้อหาสั้นเกินไปสั้นกี่โมงยาวเเล้วนะคนเขียนท้อเเล้วนะ
เขียนจนเหนื่อย ให้ลงเถอะค่ะขอร้องจะได้ไปนอนสักที
ง่วงมากเเม่ง่วงไม่ไหว หนูเหนื่อยมากค่ะ ให้หนูไปนอนเธอค่ะ หนูไม่ไหวเเล้ว เหลืออีกเกือบสามร้อยคำตายค่ะ คิดไรไม่ออกเเล้วค่ะถ้าจะให้ลงตอนยาวขนาดนี้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!