"เราอยู่ในเซฟโซนแล้วนะ" เสียงประกาศดังก้องในลิฟต์แก้วที่กำลังพาผมขึ้นสู่ชั้น 47 ของตึกสูงใจกลางกรุงเทพฯ ผมมองลงไปเห็นแสงไฟระยิบระยับของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล แต่ไม่สามารถมองเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังแสงไฟเหล่านั้น
ผมชื่อ วิน อายุ 32 ปี ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลให้กับบริษัท "ไทยเซฟ" บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้านระบบความปลอดภัยและการเฝ้าระวัง ทุกคนในสังคมชั้นสูงของประเทศนี้ใช้บริการของเรา เพื่อสร้าง "เซฟโซน" ของตัวเอง
"เซฟโซน" คือคำที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในปี 2030 หลังจากเหตุการณ์วิกฤตหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศ ทั้งการก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ และวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้คนต่างหวาดกลัวและต้องการความปลอดภัย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจ "ไทยเซฟ"
---
"วินเดินเร็วๆ หน่อย ประชุมจะเริ่มแล้ว" เสียงของ เมย์ เลขาส่วนตัวของผมดังขึ้นผ่านหูฟังไร้สาย
"เดี๋ยวก็ถึงแล้ว" ผมตอบกลับขณะที่ก้าวออกจากลิฟต์ มุ่งหน้าไปยังห้องประชุมใหญ่
ห้องประชุมของไทยเซฟตกแต่งด้วยกระจกและโลหะสีเงิน ดูทันสมัยและสะอาดตา แต่เย็นชาและไร้ชีวิตชีวา คล้ายกับนโยบายของบริษัทนี้
"วิน เธอมาพอดีเลย" ธีระ ซีอีโอของบริษัทกล่าวทักทาย ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม แต่ดวงตากลับเย็นชา "วันนี้เรามีโปรเจกต์ใหม่ที่น่าสนใจมาก และฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการมัน"
หน้าจอขนาดใหญ่ในห้องประชุมแสดงภาพของโครงการที่ชื่อว่า "เซฟซิตี้" เมืองจำลองที่มีระบบความปลอดภัยสูงสุด เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีฐานะในสังคม ห่างไกลจากความวุ่นวายและอันตรายของโลกภายนอก
"โครงการนี้จะเปลี่ยนประเทศไทย" ธีระกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ "และเราต้องการข้อมูลเชิงลึกจากประชาชนทุกชนชั้น เพื่อสร้างระบบป้องกันที่สมบูรณ์แบบ"
ผมพยักหน้ารับคำสั่ง แม้ในใจจะเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ การเก็บข้อมูลในระดับนี้หมายถึงการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้คนอย่างมาก แต่นี่คือสิ่งที่ "ไทยเซฟ" ทำมาตลอด และทุกคนก็ยอมรับมันเพื่อแลกกับความรู้สึกปลอดภัย
---
หลังเลิกงาน ผมไม่ได้กลับคอนโดหรูในเมืองทันที แต่เลือกที่จะเดินทางไปยังชุมชนเก่าแก่ริมคลองที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกระฟ้า ที่นี่คือสถานที่ที่ผมเติบโตมา ก่อนที่จะได้ทุนเรียนต่อและก้าวเข้าสู่สังคมชั้นสูง
"วิน นานๆ มาที" พ่อของผมทักทายด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าบ้านของเขาจะเล็กและเก่า แต่กลับอบอุ่นกว่าคอนโดหรูของผมหลายเท่า
"งานยุ่งน่ะครับพ่อ" ผมตอบ พลางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ ที่คุ้นเคย
"เห็นว่าบริษัทลูกกำลังจะสร้างเมืองใหม่เหรอ?" พ่อถาม สายตาของเขาฉายแววกังวล "คนแถวนี้กำลังกลัวว่าจะโดนไล่ที่นะ"
ผมชะงัก นี่เป็นข้อมูลลับที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเช้า แต่ทำไมชาวบ้านถึงรู้แล้ว?
"พ่อรู้ได้ยังไงครับ?" ผมถามอย่างระมัดระวัง
"ข่าวแพร่ไปทั่วแล้วล่ะ" พ่อตอบ "มีคนของรัฐมาสำรวจพื้นที่ตั้งแต่เดือนที่แล้ว พวกเขาบอกว่าเป็นโครงการพัฒนาเมือง แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันคือการไล่ที่"
ผมรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ข้อมูลที่ได้รับในที่ประชุมไม่ได้บอกว่าโครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อชุมชนดั้งเดิม
"ลูกทำงานที่นั่น ลูกน่าจะช่วยได้นะ" แม่ของผมที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องพูดขึ้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง
ผมไม่รู้จะตอบอย่างไร ในฐานะพนักงานระดับสูงของไทยเซฟ ผมถูกคาดหวังให้จงรักภักดีต่อบริษัท แต่ในฐานะลูกของชุมชนนี้ ผมรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
---
วันรุ่งขึ้น ผมตัดสินใจสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเซฟซิตี้ โดยใช้สิทธิ์การเข้าถึงฐานข้อมูลในระดับที่สูงของผม สิ่งที่ค้นพบทำให้ผมตกใจ
โครงการนี้ไม่ได้แค่สร้างเมืองปลอดภัย แต่ยังรวมถึงการติดตั้งระบบเฝ้าระวังทั่วประเทศ มีการจัดอันดับประชาชนตามระดับความเสี่ยง และผู้ที่ถูกระบุว่า "มีความเสี่ยงสูง" จะถูกจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ
ที่แย่ไปกว่านั้น พื้นที่ที่ถูกเลือกให้เป็นที่ตั้งของเซฟซิตี้ คือชุมชนริมคลองบ้านเกิดของผมและชุมชนใกล้เคียงอีกหลายแห่ง
"นี่มันไม่ใช่การสร้างความปลอดภัย แต่เป็นการแบ่งแยกชนชั้น" ผมพึมพำกับตัวเอง
ความขัดแย้งในใจเริ่มก่อตัวขึ้น ผมควรทำตามหน้าที่ของพนักงานบริษัทไทยเซฟ หรือควรยืนหยัดเพื่อความถูกต้องและชุมชนที่ผมเติบโตมา?
---
"วิน เธอดูไม่ค่อยสบายใจนะ" เมย์ทักขึ้นระหว่างที่เราอยู่ในห้องทำงาน
"ฉันแค่กำลังคิดเรื่องโครงการใหม่" ผมตอบอย่างระมัดระวัง ไม่แน่ใจว่าควรไว้ใจใคร
"ฉันเห็นว่าเธอค้นข้อมูลเรื่องผลกระทบต่อชุมชนริมคลอง" เมย์พูดเสียงเบา "ฉันรู้นะว่าเธอมาจากที่นั่น"
ผมตกใจ ไม่คิดว่าการค้นหาข้อมูลของผมจะถูกติดตาม แต่นั่นคือความจริงของการทำงานที่ไทยเซฟ ทุกอย่างถูกเฝ้าดู แม้แต่พนักงานเอง
"เธอไม่ได้เป็นคนเดียวที่กังวลเรื่องนี้" เมย์กระซิบ "มีกลุ่มคนภายในบริษัทที่ไม่เห็นด้วยกับทิศทางนี้ เราเรียกตัวเองว่า 'ดาต้า รีเบล' พวกเราเชื่อว่าเทคโนโลยีควรถูกใช้เพื่อช่วยเหลือทุกคน ไม่ใช่แค่คนรวย"
ผมลังเล การเข้าร่วมกลุ่มต่อต้านอาจทำให้ผมเสียอนาคตและความปลอดภัย แต่การนิ่งเฉยก็หมายถึงการยอมให้ความอยุติธรรมเกิดขึ้น
"ฉันต้องการรู้มากกว่านี้" ผมตัดสินใจ
---
คืนนั้น เมย์พาผมไปยังสถานที่ลับแห่งหนึ่งในตึกเก่าย่านเจริญกรุง ที่นั่น ผมได้พบกับสมาชิกคนอื่นๆ ของดาต้า รีเบล พวกเขาคือวิศวกร นักวิเคราะห์ และโปรแกรมเมอร์จากหลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ
"ยินดีต้อนรับสู่โลกความจริง" ชายวัยกลางคนที่แนะนำตัวว่าชื่อ อาทิตย์ ทักทายผม "ที่นี่ไม่มีเซฟโซน มีแต่ความจริงที่เราต้องเผชิญ"
อาทิตย์อธิบายว่าดาต้า รีเบลก่อตั้งขึ้นเมื่อสองปีก่อน หลังจากที่พวกเขาเริ่มเห็นการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด พวกเขาเชื่อว่าข้อมูลควรเป็นของประชาชน ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับควบคุมของรัฐและกลุ่มทุน
"โครงการเซฟซิตี้ไม่ใช่แค่เรื่องของไทยเซฟ" อาทิตย์เปิดเผย "มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ที่เรียกว่า 'ไทยแลนด์ เซฟ เนชั่น' เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและกลุ่มทุนใหญ่"
ภาพและเอกสารถูกฉายขึ้นบนผนัง แสดงให้เห็นแผนการณ์อันน่าตกใจ ประเทศไทยจะถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ ตามระดับความมั่งคั่งและความเสี่ยง คนรวยจะอยู่ในเซฟโซนที่มีทรัพยากรและบริการครบครัน ขณะที่คนจนจะถูกผลักไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
"พวกเขากำลังสร้างคุกที่มองไม่เห็นกำแพง" หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น "และไม่มีใครรู้ตัวด้วยซ้ำ"
ผมรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว ความจริงที่ได้รับรู้นั้นน่ากลัวกว่าที่คิด
"แล้วพวกคุณจะทำอะไร?" ผมถาม
"เราต้องการเปิดโปงความจริงและหยุดโครงการนี้" อาทิตย์ตอบ "และเราต้องการความช่วยเหลือจากคนวงใน อย่างเธอ"
---
วันต่อมา ผมกลับไปทำงานด้วยความรู้สึกสับสน ในระหว่างที่กำลังวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับโครงการเซฟซิตี้ ผมเริ่มสังเกตเห็นรูปแบบที่น่าสงสัย ข้อมูลที่แสดงผลกระทบต่อชุมชนถูกบิดเบือน ตัวเลขถูกปรับแต่งให้ดูเหมือนว่าโครงการนี้จะสร้างประโยชน์แก่ทุกคน
"เข้าประชุมด่วนที่ห้อง A หน่อย" ข้อความจากธีระปรากฏบนหน้าจอของผม
เมื่อไปถึงห้องประชุม ผมพบว่าธีระอยู่กับชายสูงวัยที่ผมไม่รู้จัก แต่ดูมีอำนาจ
"วิน นี่คือรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงดิจิทัล" ธีระแนะนำ "ท่านสนใจในความก้าวหน้าของงานวิเคราะห์ข้อมูลของเธอ"
"ผมได้ยินว่าคุณเป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ที่ดีที่สุด" รัฐมนตรีกล่าว รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้า "ผมหวังว่าคุณจะช่วยให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วง มันสำคัญมากต่ออนาคตของประเทศ"
ผมพยักหน้าอย่างสุภาพ แต่ในใจเริ่มรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น การที่รัฐมนตรีมาพบผมโดยตรงแสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ใหญ่กว่าที่คิด
"เราอยากให้คุณเร่งการวิเคราะห์ให้เร็วขึ้น" รัฐมนตรีกล่าวต่อ "เราต้องการประกาศโครงการนี้ภายในสองสัปดาห์"
สองสัปดาห์? นั่นเร็วเกินไป ไม่มีทางที่การศึกษาผลกระทบจะเสร็จสมบูรณ์ได้ในเวลาสั้นๆ แบบนั้น เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาไม่สนใจผลกระทบจริงๆ
---
คืนนั้น ผมกลับไปหาพ่อแม่ที่ชุมชนริมคลองอีกครั้ง คราวนี้พบว่ามีการประชุมของชาวบ้านเกี่ยวกับข่าวการไล่รื้อชุมชน
"เขาบอกว่าเราจะได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม แต่ไม่มีใครบอกว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเคือง
"ชุมชนของเราอยู่มากว่าร้อยปี มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของเรา จะให้เราทิ้งทุกอย่างไปเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาทได้ยังไง?" หญิงชราอีกคนกล่าวด้วยน้ำตา
ผมยืนฟังอยู่ด้านหลัง รู้สึกละอายใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่กำลังทำลายชุมชนที่ผมเติบโตมา
"ลูกมาฟังด้วยเหรอ?" พ่อเดินมาถามผม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
"ครับ ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" ผมตอบ
"เราขอให้ลูกช่วยเหมือนกันนะ" พ่อพูดเบาๆ "แต่พ่อก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยาก ลูกมีอนาคตที่ดี พ่อไม่อยากให้ลูกเสียอะไร"
คำพูดของพ่อทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด ทำไมผมต้องเลือกระหว่างอนาคตของตัวเองกับการช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนด้วย?
---
"เราต้องเปิดโปงเรื่องนี้" ผมบอกกับเมย์และกลุ่มดาต้า รีเบลในวันถัดมา "ผมมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการศึกษาผลกระทบถูกบิดเบือน และรัฐบาลกำลังเร่งรีบโครงการโดยไม่สนใจผลกระทบที่แท้จริง"
"การเปิดเผยข้อมูลลับของบริษัทเป็นเรื่องผิดกฎหมาย" อาทิตย์เตือน "เธอเสี่ยงที่จะติดคุก"
"แต่การนิ่งเฉยก็หมายถึงการยอมให้ผู้คนนับพันถูกเอาเปรียบ" ผมตอบกลับ "ผมยอมรับความเสี่ยง"
เราวางแผนที่จะเปิดเผยข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ที่ปลอดภัย โดยใช้เครือข่ายของดาต้า รีเบลที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
"เราต้องทำให้คนทั้งประเทศเห็นว่า 'เซฟโซน' ที่พวกเขาฝันถึงนั้น ไม่ได้มีอยู่จริง" ผมบอกกับกลุ่ม "ทุกอย่างไม่ใช่เซฟโซนอย่างที่พวกเขาคิด"
---
แต่แผนของเราถูกสกัดก่อนที่จะเริ่มต้น เมื่อระบบความปลอดภัยของไทยเซฟตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลที่ผิดปกติ เมย์ถูกจับในข้อหาพยายามขโมยข้อมูล และผมก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย
"วิน ฉันผิดหวังในตัวเธอมาก" ธีระกล่าวขณะที่ผมถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวนพิเศษของบริษัท "เธอมีอนาคตที่สดใส แต่กลับเลือกที่จะทำลายมันด้วยตัวเอง"
"ผมแค่ต้องการความจริงและความยุติธรรม" ผมตอบ
"ความจริงเหรอ?" ธีระหัวเราะเยาะ "ความจริงคือโลกนี้ไม่ยุติธรรม และจะไม่มีวันยุติธรรม สิ่งที่เราทำคือสร้างระบบที่คนเก่งอย่างเธอจะได้อยู่รอด"
"แล้วคนที่ไม่มีโอกาสล่ะ? พวกเขาจะอยู่ยังไง?"
"นั่นไม่ใช่ปัญหาของเรา" ธีระตอบเย็นชา "ในโลกที่วุ่นวายนี้ เราทำได้แค่ดูแลตัวเองและคนของเรา"
ผมรู้สึกสิ้นหวัง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ "คุณคิดว่าการแบ่งแยกสังคมจะทำให้เกิดความปลอดภัยจริงๆ เหรอ? มันจะยิ่งสร้างความแตกแยกและความรุนแรง"
"มันไม่ใช่การแบ่งแยก แต่เป็นการจัดระเบียบ" ธีระกล่าว "และเธอควรเลือกว่าจะอยู่ฝั่งไหน ฝั่งที่อยู่รอด หรือฝั่งที่จะล่มสลาย"
---
ในขณะที่ผมถูกกักตัวอยู่ในห้องสอบสวน ข่าวการจับกุมสมาชิกของกลุ่มดาต้า รีเบลแพร่กระจายไปทั่ว อาทิตย์และคนอื่นๆ หลายคนถูกจับ แต่บางคนยังหลบหนีไปได้
สิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดคือ การจับกุมกลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคม ชาวบ้านในชุมชนริมคลองและชุมชนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเซฟซิตี้รวมตัวกันประท้วงนี้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!