NovelToon NovelToon

ดอกท้อสีชาด

บทที่ 1 : จางเจียงเหลียง

"จางอี้ จางอี้ โว้ย! ท่านประมุขเรียกหา" ไร้เสียงขานตอบรับจากอีกฝั่งของประตูไม้สักลวดลายประแจจีน

"คุณชายรองตระกูลจางขอรับ ตื่นเถอะขอรับท่านประมุขเรียกท่านนานสองนานแล้วนะขอรับ" ชายหนุ่มคนเดิมร้องเรียกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงประชด

ด้วยความรำคาญชายหนุ่มในห้องลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรู้สึกรำคาญใจ เมื่อลุกเดินได้สักพักชายหนุ่มก็หยุดส่องกระจกเพื่อจัดทรงเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อย ภาพเงาสะท้อนบนกระจกสะท้อนชายหนุ่มรูปงาม ผิวพรรณดีขาวสะอาด ผมยาวสีดำมัดครึ่งหัว ตาสีเขียวมรกตโดดเด็น รูปร่างสูงโปร่ง เสื้อผ้าเป็นเสื้อชุดจีนสีเขียวอ่อน ที่เอวห้อยตราประจำตระกูลจาง เมื่อตรวจความเรียบร้อยต่างๆเสร็จจึงหยิบกระบี่เจียวซิ่น(ชื่อกระบี่)ติดตัวออกไปด้วย

"เล่อฉินข้ามาแล้ว"ชายหนุ่มที่พึ่งออกนอกห้องมากล่าวกับชายหนุ่มวัยเดียวกันที่ยืนรออยู่

"ช้าเหลือเกินนะขอรับ"เค้าตอบกลับชายหนุ่มอย่างสนิทสนมพอสมควร ก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มไปยังห้องทำงานของประมุขชีห่าว

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ท่านพ่อเรียกข้ามาพบมีอันใดรึ?" ก่อนจะโค้งคำนับอีกฝ่าย อีกฝ่ายเป็นชายไวกลางคนท่าทางสง่าผ่าเผย เสื้อผ้าสีขาวสะอาดตา ผมยาวดำมัดรวบม้วนไว้เป็นระเบียบ ข้างกายมีกระบี่สีขาววางไว้ใกล้ตัว

"นั่งก่อนเสียสิอาเหลียง" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้น หญิงสาวงามอีกคนนั่งท่าเทพธิดาอยู่ฝั่งซ้ายมือ ผมยาวสีดำถักเปียเดียว นัยตาสีน้ำตาลอ่อน เสื้อผ้าอาภรณ์สีชมพู แดง ดูสดใส ที่เอวเองก็ห่อยตราประจำตระกูลจางเหมือนกับเจียเหลียงและประมุขซีห่าว

"ขอรับท่านพี่หญิง" พูดจบก็นั่งลงบนผ้ารองนั่งที่ว่างอยู่ข้างๆหญิงสาว

"ข้าเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ อาอี้ลูกอยากลองไปศึกษาที่ตระกูลหยางแห่งหงเล่อรึไม่ อายุเจ้าก็สิบหกปีแล้วยังมิเคยไปศึกษาที่สำนักอื่นเลย" ประมุขจางชีห้าวเอ่ยถามจางเจียงเหลียงตรงๆ

"ลูกก็อยากลองไปศึกษาที่นั้นดูเหมือนกันขอรับท่านพ่อ ท่านพี่เหม่ยกับท่านพี่อู๋เองก็เคยไปศึกษาที่นั้นมาเหมือนกัน และลูกก็เห็นว่ามีประกาศถึงตระกูลเซียนหลายแห่งไม่นึกว่าจะมีประกาศมาถึงตระกูลจางของเรา" จางเจียงเหลียงตอบทันที

"งั้นก็ดีที่เจ้าหูตาไว้เช่นนี้ งั้นก็จงไปเตรียมข้าวของเครื่องใช้เสีย พรุ่งนี้ยามเหม่าจะได้เดินทาง" ประมุขจางชีห้าวเอ่ยต่อ

"ต้องเร่งเดินทางเช่นนี้เลยหรือขอรับ" จางเจียงเหลียงเอ่ยถาม

"ต้องเร่งสิจะได้ไปถึงเร็วๆรีบไปรีบพักไงอาอี้" ประมุขจางชีห้าวเอ่ยตอบ

"ถ้าเช่นนั้นลูกก็ขอพาจูเล่อฉินไปด้วยได้หรือไม่" จางเจียงเหลียงเอ่ยถามอีกคร่า

"ทำตามใจเจ้าเถอะ จูเล่อฉินเองก็เป็นศิษย์ในตระกูลที่เจ้าสนิทสนมและไว้ใจ แต่เพียงอย่าไปชวนกันก่อเรื่องก็พอ" จางชีห้าวตอบทันที

"ขอบคุณท่านพ่อ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" จางเจียงเหลียงลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าจับชายแขนเสื้อของเค้าไว้ เค้าจึงหันไปมอง

"อาเหลียงเจ้าพอจะมีเวลาว่างไปเก็บดอกบัวกับข้าที่สระบัวหรือไม่" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"แน่นอนท่านพี่เหม่ยข้ามีเวลาว่าง ไปกันเลยหรือไม่?" จางเจียงเหลียงตอบกลับด้วยหน้าตาที่สดใส

"ดีใจจังน้องชายข้านี่น่ารักที่สุด" หญิงสาวลุกขึ้น

"อาอี้ดูแลพี่เจ้าด้วย อาเหม่ยเจ้าเองก็ดูแลตัวเองด้วยอย่าไปกระโดดลงสระอีกแล้วกัน" ประมุขจางชีห้างเอ่ยบอกลูกทั้งสอง

หน้าของเหมยอิงแดงเล็กน้อย ตามด้วยเสียงหัวเราะเล็กๆในลำคอของจางเจียงเหลียง

"เจ้า! หยุดหัวเราะเยาะข้านะ ข้าชวนเจ้าไปเก็บดอกบัวก็เพราะวันรุ่งขึ้นยามเหม่าเจ้าก็จะไปแล้วนี่" จางเหมยอิงพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจและแสดงสีหน้าน้อยใจออกมาเล็กน้อย เมื่อเจียงเหลียงได้ยินดังนั้นจึงจับมือและลากพี่สาวของตนออกจากห้องเดินออกไปยังสระบัวหลังจวนหลักทันที

"เจ้าจะลากข้าไปตลอดเลยรึปล่อยเถอะอาเหลียง" สิ้นเสียงของจางเหมยอิง จางเจียงเหลียงจึงปล่อยมือนาง

"ท่านพี่นี้นะเป็นสตรีที่น่าหงุดหงิดเสียจริง~" จางเจียงเหลียงพูดเย้าแหย่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าทะเล้น

"นี่เจ้าจะหาเรื่องข้ารึอาเหลียง!" สิ้นเสียงของหญิงสาว ก็มีเสียงหัวเราะของทั้งสองพี่น้องตามมา

"เจ้าสองคนมาเก็บดอกบัวกันอีกแล้วรึ" เสียงสุขุมเอ่ยถามมาจากที่ไม่ไกลนัก

ทั้งสองพี่น้องหันควับตามเสียง เห็นชายหนุ่มรูปงาม ผิวขาว ตัวสูง เส้นผมสีดำยาวมัดรวบ นัยตาสีน้ำตาลอบอุ่น อาภรณ์ที่สวมอยู่เป็นสีฟ้าอ่อน ที่เอวห้อยตราประจำตระกูลจาง

"ท่านพี่จินเฉิง ท่านกลับมาจากการออกสำรวจแล้วรึเป็นอย่างไรพบสิ่งที่ชาวบ้านล่ำลือกันหรือไม่" จางเจียงเหลียงเอ่ยถามอีกฝ่าย

"ไม่พบแม้แต่รองรอยของภูติผีตามคำกล่าวอ้างของชาวบ้านแต่ข้าคาดการไว้ว่าจะเป็นฝีมือของสิ่งอื่น แล้วเจ้าเล่าเป็นเช่นไรได้ยินว่าจะไปศึกษาที่สำนักหยางกับศิษย์น้อยจูเล่อ" จางจินเฉิงเอ่ย

"ก็อย่างที่ท่านพี่เฉิงได้ยินมานั้นแหล่ะขอรับ~ เช่นนั้นข้าขอตัวลงเรือไปเก็บดอกบัวกับท่านพี่เหม่ยของข้าก่อนนะขอรับ~" จางเจียงเหลียงตอบก่อนจะโดดลงเรือและจับมือพี่สาวลงเรือมาด้วย ตามด้วยเสียงโวยวายของหญิงสาวและเสียงหัวเราะของสองพี่น้องบนเรือ

"ร่าเริงขึ้นรึป่าวนะ" จางจินเฉิงพูดพึมพัมไปพร้อมๆกับปากที่ยกขึ้นอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

 

เวลาผ่านไป

ตอนนี้คือยามซื่อ(11:00) 

"คือเจ้าจะบอกว่าเจ้าจะพาข้าไปด้วยงั้นรึจางอี้!" จูเล่อฉินพูดด้วยเสียงที่ดังก้องทั่วห้อง

"แล้วเจ้าจะให้ข้าไปคนเดียวงั้นรึเจ้าช่างแล้งน้ำใจยิ่งนัก" จางเจียงเหลียงพูดพรางเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็น

"เห้อ~ เออๆเจ้าจะพาข้าไปไหนข้าก็จะไปกับเจ้า~" จูเล่อฉินพูดอย่างประชดประชัน

"ฮาฮา เล่อฉินเพราะเจ้าเป็นสหายข้าหรอกข้าจึงพาไปด้วย" จางเจียงเหลียงพูดพรางเก็บข้าวของอีกเช่นเคย

"ข้าขอตัวไปเก็บสัมภาระที่ห้องก่อน ไว้เจอกันตอนรุ่งเช้าวันพรุ่ง" เล่อฉินพูดพร้อมกับลุกขึ้น เปิดประตูออกไป พร้อมปิดประตูเสียงดัง ปั่ง!

จางเจียงเหลียงมองตามจูเล่อฉิน ก่อนที่จะเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงพร่างถอนหายใจเบาๆ ดัง "เห้อ~"

"ตระกูลหยางแห่งหงเล่องั้นรึ ข้าว่าถ้าข้าไปถึงคงสิ้นใจตายแน่ๆ คนที่ตั้งกฎตระกูลหยางออกมาได้คงเสียสติไปแล้วเป็นแน่ เห้อ~ ข้าไม่อยากทำให้ท่านพ่อผิดหวังเลยจริงๆ....." สิ้นเสียงพึมพัม จางเจียงเหลียงก็หลับไปทั้งอย่างนั้น

บทที่ 2 : ฝัน

"ที่นี้คือที่ใดกันท่านพี่เหมยท่านพี่เฉิงท่านพ่อพวกท่านอยู่ที่ใด!!! เหตุใดจึงมืดมิดไปหมดเช่นนี้!!!"

จางเจียงเหลียงพยายามวิ่งไปเรื่อย และตะโกนเรียกคนรู้จักไปตลอดทางที่มืดมิดไร้ที่สิ้นสุด แต่แล้วก็เกิดดวงไฟเปล่งแสงประหลาดสีแดงชาด ล่องลอยคอยนำทางจางเจียงเหลียงไปเรื่อยๆ จนจางเจียงเหลียงหลุดออกมาจากความมืดมิดไปยังที่ที่สว่างไสว จนได้พบกับหญิงสาววัยกลางคน ผมของนางมีสีขาวสว่างแต่กลับสั่นมาก เสื้อผ้าสีดำสนิท หญิงปริศณาคนนั้นกำลังยื่นหันหลังคล้ายรอคอยสิ่งใดอยู่ ก่อนที่นางจะหันมาทางจางเจียงเหลียง จางเจียงเหลียงเมื่อเห็นใบหน้างดงามนั้นของนางถึงกับทรุดลงทันที

"ท่านแม่....จริงๆชะ..ใช่มั้ยขอรับ~" จางเจียงเหลียงพูดอย่างอึกอัก พร่างมองอีกฝ่ายตลอดเวลา

"จางเจียงเหลียงลูกมีอดีตที่แสนเจ็บปวดและทรมานและความเจ็บปวดทรมานเหล่านั้นจะตามมาหลอกตามมาหลอนเจ้าในภพนี้แน่ เจ้ามิควรฝึกวิชาพิศดารวิชามารวิชาสายดำก็มิควรทั้งนั้น สิ่งเหล่านั้นจะนำมาซึ่งการรับรู้ถึงอดีตอันน่าเวทนาของเจ้า หากวันใดเจ้ามิสามารถฝืนโชคชะตาแล้วเกิดไปฝึกวิชาเหล่าและได้รับรู้ถึงอดีตนั้นก็จงหนีไปเสียหนีไปให้ไกล เจ้าก็รู้ดีเต็มอกลูกแม่เจ้านั้นมีแม่เป็นพวกพรรคมารน่าขยะแขยงเหลือทน หากลูกพบตาแก่ในฝันจงอย่าเข้าใกล้อย่ารับอะไรจากมันและรีบตื่นทันที เพราะการเจ้าที่บำเพ็ญจิตฝึกลมปราณจนสร้างแกนทองหรือจินตันได้ตั้งแต่อายุสิบสี่นั้นแถมจินตันเจ้ายังทรงพลังตาแก่นั้นต้องหมายตัวเป็นธรรมดา" พูดจบก็ชี้นิ้วไปที่จางเจียงเหลียง

"จงระวังเพราะการที่เจ้ามีจินตันที่แข็งแกร่งพวกมันย่อยสนใจในตัวเจ้า ถ้าเจ้าหลงกลมันเจ้าจะถูกตีตราว่าเป็นไอชั่วช้า อย่ามามีจุดจบอย่างเช่นแม่เจ้าตรงนี้เลยนะจางอี้ ลูกรักของแม่" พูดจบนางก็ยิ้มอ่อนๆให้จางเจียงเหลียง

"อดีต..." จางเจียงเหลียงเอ่ยถาม ด้วยน้ำเสียงสั่น

"ใช่อดีต.....ดูสิเจ้าโตเป็นหนุ่มหล่อเสียแล้ว แม่รักเจ้านะจางเจียงเหลียง"เมื่อนางพูดจบก็เดินไปโอบกอดลูกชายของตน ก่อนที่ร่างกายของนางค่อยๆเปร่งแสงวูบวาบและหายไป แสงสว่างเริ่มลดลงเหลือเพียงความมืดมิดที่เงียบเหงาอีกครา พร้อมกับจางเจียงเหลียงที่น้ำตาไหลออกมาโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว ภาพตรงหน้าที่มืดลงเรื่อยๆทำเอาจางเจียงเหลียงรู้สึกเหงาในใจลึกๆและพร่ำคิดถึงคำพูดที่พึ่งได้ยินมา จนสติเลื่อนหายไป เค้าหมดสติ

 

ยามอิ๋น (ตี5)

เสียงไก่ขันตามๆกันเรื่อยๆเป็นสัญญาณของวันใหม่ จางเจียงเหลียงสะดุ้งตื่นขึ้นพบว่าที่ตาของตนบวมเล็กน้อยและมีคราบน้ำตา 

'นี่ข้าฝันถึงท่านแม่รึ' เค้านึกในใจพร่างลุกขึ้น เดินไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ

"จางอี้! ข้าเอง! ตื่นหรือยัง!" เสียงดังโหวกเหวกของจูเล่อฉินดังมาจากนอกประตูจวน

"ข้าอาบน้ำอยู่เจ้าจะเข้ามานั่งรอข้างในก็ได้ถ้ามีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ" จางเจียงเหลียงตอบด้วยวิชาสื่อจิตเพราะตอนนี้ตนก็แก้ผ้าลงอ่างแล้วจะให้ตะโกนก็ยังไงอยู่แถมอีกฝ่ายยังอยู่ไกลอีก

"งั้นข้าขอเข้าไปนะ" สิ้นเสียงของจูเล่อฉินก็มีเสียงประตูไม้ถูกเปิดออกและปิดดังเอียดอ้าด

เวลาผ่านไปไม่นาน จางเจียงเหลียงก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าสีขาวสะอาดที่เอวก็ยังคงห้อยตราประจำตระกูลไม่ห่างกาย จางเจียงเหลียงเมื่อหันไปมองจูเล่อฉินที่นั่งอยู่บนโต็ะ สายตาก็สังเกตุไปที่ตราประจำตระกูลจางที่ห่อยอยู่ที่เอวจูเล่อฉินและพูดด้วยความแปลกใจ

"เจ้าห้อยตราประจำตระกูลข้าเป็นแล้วรึเล่อฉิน หิไม่เคยเห็นจะห่อยสักวัน"

"จะให้ข้าทำเช่นไรปกติข้าไม่ห่อยเพราะกลัวว่าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วจะโดนชาวบ้านมารุมตามรุมถามถึงตระกูลเจ้าถามว่าข้าคือเจ้าหรือพี่ชายของเจ้าใช่หรือไม่หรือเป็นศิษย์ใน พวกชาวบ้านทำข้าหมดสนุกมาหลายครั้งหลายคราแล้ว" จูเล่อฉินพูดจบ  จางเจียงเหลียงก็หลุดขำออกมา

"เหตุผลเจ้านี่ช่าง ฮาฮา" จางเจียงเหลียงพูดพร่างหัวเราะ

"เหมือนเหตุผลในการก่อเรื่องของเจ้าดีมากมั้งคุณชายรอง~"

"เออ จางอี้ท่านประมุขฝากข้ามาบอกเจ้าว่าพวกเราควรเร่งเดินทางไปตอนนี้เลย ข้าว่าพวกเราคงต้องไปก่อนเวลาที่กำหนดเมื่อวานเสียแล้วหล่ะ" จูเล่อฉินกล่าว

"งั้นก็ไปกันสิ แต่ข้าขอวานเจ้าไปเอาอาหารแห้งในครัวหน่อยแล้วกันจูเล่อ" พูดพรางหยิบกระบี่เจียวซิ่นและสัมภาระ

"เออๆข้าไปเอาให้เจ้าเองส่วนเจ้าก็ไปรอข้าด้านหน้าแล้วกัน" จูเล่อฉินพูดจบก็เดินออกไปทันที

"เห้อ~" จางเจียงเหลียงที่กำลังคิดเรื่องฝันเมื่อคืนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ และพร่างมองเพดานสงบจิตสงบใจ เมื่อได้สติจึงเดินออกจากจวนไปและเดินตรงไปหน้าทางเข้าสำนักระหว่างทางนั้นเอง

"อาเหลียง~"

'เสียงที่แสนคุ้นเคยใช่แล้วท่านพี่เหม่ย' จางเจียงเหลียงหันไปมองตามเสียง เห็นจางเหมยอิงรีบวิ่งออกมาเท้าเปล่าเข้ามา และโพล่เข้ากอดผู้เป็นน้องชายสุดที่รักในทันที

"ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆนะอย่าไปก่อเรื่องที่หงเล่ออย่าก่อเรื่องที่ตระกูลหยางด้วยเข้าใจรึไม่หากอยากก่อเรื่องก็กลับมาก่อที่นี้ที่บ้านเราเสียเข้าใจพี่ใช่รึไม่" จางเหมยอิงพูดเป็นน้ำป่าไหลหลากด้วยความเป็นห่วงน้องชายจากใจ มันทำให้เจียงเหลียงอดเอ็นดูพี่สาวไม่ได้จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

"ฮาฮาฮาฮาฮา"

"นี้!!!ข้าเป็นห่วงอยู่นะหยุดเลยนะจางเจียงเหลียง!!" จางเหมยอิงพูดแบบหงุดหงิดพรางทุบตีน้องชายเบาๆสองสามที

"อาอี้เจ้าแกล้งท่านพี่เหม่ยเหม่ยที่แสนดีของเจ้าอีกแล้วรึ~"

"ท่านพี่อู๋ดูเจ้าเจียงเหลียงสิข้าเหนื่อยจะดุเค้าแล้วนะเนี้ย" จางเหมยอิงพูดพร่ำพลอดพร้อมวิ่งไปกอดแขนพี่ชายของตน

"ฮาฮา เหม่ยเหม่ยเจ้าวิ่งออกมาเท้าเปล่าๆเช่นนี้ได้อย่างไรเดี๋ยวก็หกล้มกลับเข้าจวนของเจ้าไปก่อนเถอะ" จางจินเฉิงพูดบอกแบบอ้อมๆกับน้องสาว เมื่อนางได้ฟังก็ก้มหน้ามองดูที่เท้าตนก่อนจะทำท่าตกใจมากและรีบวิ่งกลับเข้าจวนไป

"อาอี้เหตุใดจึงไม่เตือนพี่สาวว่านางไม่ได้ใส่รองเท้า นั้นไม่ต่างจากการเปลือยกายสำหรับหญิงสาว ถ้าไม่รู้มาก่อนก็จงจำซะนะ" จางจินเฉิงดุจางเจียงเหลียงนิดหน่อยก่อนจะเดินออกนอกบ้านไป 

"จางอี้!!" เสียงตะโกนของจูเล่อฉินดังมาแต่ไกลทำให้จางเจียงเหลียงที่กำลังสับสนหันควับตามต้นเสียง

"ไปกันเถอะจูเล่อ" จางเจียงเหลียงเอ่ยพร้อมกับหันหน้าเดินออกจากสำนักตระกูลจาง โดยมีจูเล่อฉินเดินตามไป

 

เวลาผ่านไปสี่ชั่วยาม(8ชม.)ได้ ในที่สุดทั้งสองก็เดินทางมาถึง

ณ เมืองหงเล่อ

"จูเล่อข้าว่าเราหาโรงเตี้ยมพักกันก่อนดีหรือไม่ตอนนี้ก็ยามเชินแล้วบ้านตระกูลหยางนั้นอยู่ค่อนข้างไกลถ้าเดินทางต่อคงต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม(2ชม.)" จางเจียงเหลียงพูดบอก อีกฝ่ายพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งสองจึงเดินเข้าโรงเตี้ยมใกล้ๆทันที

"เฒ่าแก่มีห้องว่างหรือไม่" จูเล่อฉินรีบถามทันที

"มีขอรับ เหลือสองห้องพอดีเลยนะขอรับ ห้องละหนึ่งตำลึงทองขอรับ" เฒ่าแก่เอ่ย

"ห้องคงจะดีมากสินะที่หงเล่อ ที่เมืองข้าแค่ไม่กี่ตำลึงเงินเอง" จูเล่อฉินพูด

"ขอรับ ฮาฮา" เฒ่าแก่ตอบกลับ

จางเจียนเหลียงวางเงินจำนวนสี่ตำลึงทองไว้ตรงหน้าชายชรา "ไม่ต้องทอนถือว่ารวมค่าอาหารกับสุระนะเฒ่าแก่"

"โอ้ พวกท่านคงจะกินเยอะกันสินะขอรับ ห้องอยู่ชั้นสองติดกันเลยนะขอรับ" ชายชรายื่นกุณแจห้องให้ทั้งสองด้วยท่าทางเป็นมิตร

"เฒ่าแก่ท่านช่วยเตรียมสำหรับอาหารพร้อมสุราขึ้นไปที่ห้องของข้าทีนะ" จูเล่อฉินพูดบอกชายชรา

"รับสุรากี่ไหดีขอรับ"

"หนึ่งไหก็เพียงพอแล้ว ขอบใจท่าน" จางเจียงเหลียงรีบพูดกันไม่ให้จูเล่อฉินพูดเพราะเค้ารู้ว่าจูเล่อฉินจะพูดเช่นไรและรีบลากสหายตัวดีขึ้นชั้นสองไปทั้งคู่นอนแยกห้องกัน จูเล่อฉินที่กำลังดื่มสุราและรับประทานอาหารค่ำอย่างมีความสุข แต่ฝั่งจางเจียงเหลียงนั้นกำลังนั่งเหม่าลอยพรางดื่มสุราไปด้วยถึงสองไห ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามทั้งคู่ก็หลับไป

 

บทที่ 3 : สำนักหยาง แห่งหงเล่อ

ความฝันของจางเจียงเหลียงเริ่มขึ้นอีกครั้งแต่ครานี้ในฝันเขาไม่พบท่านแม่แต่เค้าพบชายชราคนนึงที่อาจจะเป็นคนที่ท่านแม่เคยบอกว่าอย่าไปเข้าใกล้ให้ออกห่าง

"ช่างวิเศษยิ่งนักหากท่านจอมมารรับรู้ได้แล้วต้องเป็นปลื้มแน่ ช่างหาตัวได้ยากเย็นเสียจริง จินตันเองก็มีพลังมากมาย งดงามเหลือเกิน เจ้าซ่อนลูกชายจากข้าเสียมิดชิดเชียวน้า~ลูกสาวพ่อ" ชายชราพูดพึมพัมเบาๆ แต่จางเจียงเหลียงหูดีมากเค้าจึงได้ยินมันทั้งหมด

'ชายชราคนนี้ท่าทางแปลกเสียจริง ลูกสาวหมายถึงท่านแม่ของข้าแน่ๆ' เจียงเหลียงพูดในใจ

"เจ้า~อ่า~ข้าพอรู้แล้วเจ้าคือหลานชายของข้านี้เองแม่เจ้าซ้อนเจ้าไว้เสียดิบดีเชียวมาหาตาสิหลานเอ๋ย~" หลังชายชราผู้จบรอบกายของชายชรานั้นเริ่มมีหมอกควันสีดำปกคลุ่มที่ละนิด แทนที่จางเจียงเหลียงจะดีใจที่ได้พบท่านตาที่ไม่เคยเห็นหน้า เขากลับนึกถึงคำพูดของแม่ที่ว่าให้เขารีบตื่นทันที เขาจึงหันหลังและเริ่มออกวิ่งหนีไปให้ไกลจากชายชราท่าทางวิปริตคนนั้นทันที

ในขณะที่ออกวิ่งไปอย่างไรจุดหมาย ความรู้สึกเสียวสันหลังของเขาได้บอกตัวเขาเองว่าตาเฒ่าที่อ้างตนเป็นตาของเขานั้นกำลังไล่ตามมา ทางที่เคยเป็นทุ่งหญ้าและมีต้นท้อดอกสีสันงดงามเรียงรายนั้นแปลเปลี่ยนไป ทั่วทั้งทุ่งหญ้ากลายเป็นหนองน้ำสีแดงชาด ดอกท้อบนต้นท้อที่เคยมีสีสันสดใสบัดนี้มีแต่สีแดงก่ำคล้ายสีของโลหิตสดใหม่ ท้องฟ้าสีครามบัดนี้แปลเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแต่ยังมีแสงสว่างอย่างน่าแปลก เจียงเหลียงหมดความอดทนกับการวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย จึงหันหลังไปมองชายชราและตะโกนออกไปสุดเสียงด้วยความรำคาญที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดเสียที 

"ข้าไม่มีวันเป็นหรือให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการออกไปซะ!!!!!" เมื่อเขาตะโกนจบภาพทุกอย่างตัดไป

 

"เฮือก!!!"

จางเจียงเหลียงสะดุ้งตื่นขึ้น ทั่วทั้งตัวมีหยาดเหงื่อไหล่ออกมา ตัวร้อนผ่าวราวกับมีใครมาจุดไฟในนอก

ยามนี้คือยามอิ๋น(ตี5) เสียงไก่ขันมานานแล้วแต่จางเจียงเหลียงพึ่งรู้สึกตัวว่ามีเสียงไก่ขันอยู่ภายนอก

ปัก!! เสียงตบดังขึ้น เพราะจางเจียงเหลียงตบหน้าตนเองเพื่อเรียกสติ ที่แก้มขวาจึงแดงเล็กน้อย ก่อนที่เค้าจะลุกไปอาบน้ำในห้องน้ำ

ก้อก ก้อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้น "จางอี้ ข้าเองจูเล่อฉินเจ้าทำอะไรอยู่ ตื่นหรือยัง!!!"

".....ข้าอาบน้ำเจ้าลงไปรอข้าข้างล่างเถอะจูเล่อ" จางเจียงเหลียงตอบไปเสียงดังเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายที่อยู่นอกประตูพอได้ยิน

"ข้ามักมาตอนเจ้าอาบน้ำตลอดเลยนะจางอี้ ฮาฮา ข้าจะรอข้างล่างรีบลงมาแล้วกัน" เล่อฉินตอบแบบติดตลก

"......." จางเจียงเหลียงก้มมองเงาสะท้อนของตนจากน้ำในอ่างและหลับตาลงทำสมาธิอยู่พักนึงก่อนจะลุกจากอ่างมาสวมเสื้อผ้าและเก็บสัมภาระในมือกำกระบี่เจียวซิ่นแน่น และเดินออกจากห้องลงไปหาจูเล่อฉินที่ชั้นล่างของโรงเตี้ยม

"จูเล่อไปกันเถอะ" จางเจียงเหลียงพูดกับเล่อฉิน

"โอกาศหน้ามาใหม่นะขอรับ" เฒ่าแก่เอ่ย

ทั้งสองเดินออกมาหน้าโรงเตี้ยม "จูเล่อ" จางเจียงเหลียงพูดเรียกจูเล่อฉิน

"ว่าอย่างไรจางอี้" จูเล่อฉินตอบ

"เจ้านำกระบี่ของเจ้ามาใช่หรือไม่?" จางเจียงเหลียงถาม

"ใช่?" จูเล่อฉินตอบกลับแบบงุนงง

"ขี่กระบี่ไปบ้านตระกูลหยางกันเถอะจะได้ถึงเร็วๆ" จางเจียงเหลียงพูดจบก็ชักกระบี่สีเขึยวมรกตของตนออกมาและขึ้นขี่กระบี่ลอยขึ้น เล่อฉินเห็นดังนั้นจึงรีบทำตามชักกระบี่สีเขียวเข้มของตนออกและขึ้นขี่ลอยตามเจียงเหลียงไป ทั้งสองใช่เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็ถึงหน้าสำนักตระกูลหยางเสียที

"ท่านทั้งสองคือ..." เด็กหนุ่มมองทั้งสองหัวจรดเท้า แต่สะดุดตาที่ตราประจำตระกูลจางจึงเข้าใจในทันที "ศิษย์จากตระกูลจางนี่เองท่านคือบุตรชายรองตระกูลจาง จางเจียงเหลียงนี่เองเชิญขอรับ" เด็กหนุ่มหลีกทางให้เค้าทั้งสองเจ้าไป ภายในตระกูลหยางมีเหล่าลูกศิษย์อยู่มากมายมีทั้งศิษย์ในตระกูลและต่างตระกูลแต่ทุกคนสวมเส้อผ้าสีเดียวกันคือสีขาวคล้ายกำลังไว้ทุขอย่างไรอย่างนั้น

"พรุ่งนี้คือวันเริ่มเรียนจริงๆแล้วสินะ" จูเล่อฉินพูด

"เหนื่อยแน่นอน" เจียงเหลียงตอบ

"ทุกคนดูเหมือนพูดคุยกันมาสักพักแล้วสินะจึงคุยกันเสียงดังโวกเวกเช่นนี้" เจียงเหลียงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย

"คุณชายรองตระกูลจางใช่หรือไม่ขอรับ"

เจียงเหลียงหันไปมองต้นเสียงคือเด็กหนุ่มคนเมื่อกี้ "ใช่" เจียงเหลียงตอบ

"ถ้าเช่นนั้นข้าขอนำทางท่านไปยังห้องพักนะขอรับ" เด็กหนุ่มพูดจบก็เริ่มเดินนำเจียงเหลียงกับเล่อฉินก็เดินตามเด็กหนุ่มไปจนถึงห้องว่าง "ขออภัยที่ไม่มีห้องว่างที่ติดกันสองห้องนะขอรับคุณชายทั้งสอง" เด็กหนุ่มพูด

"ไม่เป็นไรข้าจะอยู่ห้องนี้เอง เจ้านำทางให้คุณชายจูข้างๆข้าเถอะ" จางเจียงเหลียงกล่าวก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปและปิดประตูลงกลอนทันที

"เจ้าเด็กน้อยไม่ต้องสนใจคุณชายจางสหายข้าหรอเขาเป็นพวกขี้รำคาญและกลับลืมว่าตนน่ารำคาญยิ่งกว่า ฮาฮา" จูเล่อฉินพูด

"ขอรับคุณชาย แต่ว่าการนินทาลับหลับไม่ดีนะขอรับถ้าเป็นไปได้อย่าได้พูดจาเช่นนี้ที่นี้ให้ผู้ใหญ่ได้ยินนะขอรับท่านอาจโดนลงโทษได้" เด็กหนุ่มพูดพรางเดินนำทางจูเล่อฉินไปยังห้องพัก

 

ยามซวี่(20:00)

ณ สวนต้นท้อตระกูลหยาง

เจียงเหลียงนั่งบนกิ่งต้นท้อ ดอกท้อต้นนี้มีสีขาวเหมาะกับตระกูลหยางยิ่งนัก จางเจียงเหลียงยังคงนั่งมองพระจันทร์เต็มดวงด้วยท่าทางเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดบางๆและมีชุดคลุมสีเขียวอ่อน ผมยาวตอนนี้ถูกถักเปียไว้และผูกด้วยริบบิ้นสีมรกต

"เจ้าเป็นใคร" น้ำเสียงสุขุมที่ไม่คุ้นเคยของชายหนุ่มคนนึงพูดขึ้นไม่ไกลมาก จางเจียงเหลียงจึงกระโดดลงมาจากกิ่งต้นท้อและหันมองหาต้นเสียงจนพบเข้ากับ ชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงกว่าเจียงเหลียงเล็กน้อย ผิวขาวสะอาด สวมเสื้อผ้าสีขาวเป็นระเบียบเรียบร้อย

"ข้าบุตรชายคนรองตระกูลจาง จางเจียงเหลียง ข้ามาศึกษาที่นี้และพึ่งมาถึงได้เมื่อยามเฉิน(8:00)" เมื่อพูดจบก็โค้งคำนับทักทายตามมารยาท อีกฝ่ายก็โค้งคำนับกลับเช่นกัน

"ข้าบุตรคนรองตระกูลหยาง หยางหลีเหว่ย ยินดีตอนรับสู่ตระกูลหยาง ว่าแต่เหตุใดเจ้าจึงออกมาข้างนอกห้องพักในยามซวี่เช่นนี้" หยางหลีเหว่ยพูด

"ข้าออกมารับลมทำจิตใจให้สงบพอดีข้ามีเรื่องให้ต้องเป็นกังวลเล็กน้อยแต่ตอนนี้ข้าจัดการความคิดได้แล้วกำลังจะกลับห้องพอดีแต่เจ้ามาเสียก่อน" เจียงเหลียงพูดตอบกลับอีกฝ่าย

"เช่นนั้นก็รีบกลับไปเสีย" หยางหลีเหว่ยพูดอย่างเย็นชาและหันหลังเดินจากไป ทำเอาจางเจียงเหลียงไปไม่เป็นจนหลุดขำออกมาเล็กน้อย

"ฮาฮา ที่ที่น่าเบื่อเช่นตระกูลหยางเริ่มมีของสนุกๆกับเขาแล้วบ้างนี้นา จะหาวิธีใดแกล้งเขาดี" พูดจบก็เดินกลับห้องไป

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!