แสงแดดยามสายส่องกระทบกับหลังคากระเบื้องสีแดงของร้านรวงในตลาด กลิ่นหอมของขนมปังอบใหม่ลอยมาตามสายลม เสียงผู้คนคุยกันอย่างครึกครื้น แม่ค้าโบกมือเรียกให้ลูกค้ามาดูสินค้าของตน
“มากาเร็ต ระวังหน่อย” เสียงของ เจ้าชายเอ็ดมันด์ พี่ชายคนรองของเธอดังขึ้นเมื่อเห็นเธอวิ่งไปทางร้านขนมด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องห่วงหรอกเพคะพี่ ข้าแค่อยากลองชิมขนมอันนั้น” มากาเร็ตกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปหาคนขายขนม พี่ชายของเธอส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินตามไป
เธอเป็น เจ้าหญิงคนเล็ก ของอาณาจักร เป็นที่รักของทุกคนเนื่องจากนิสัยอ่อนโยนและร่าเริง แต่สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากพี่น้องก็คือความ ขี้สงสัยและชอบไขปริศนา มากาเร็ตมักตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวและชอบค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง
ขณะที่เธอกำลังจะยื่นมือรับขนมจากพ่อค้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็น พ่อค้าชราร่างผอมคนหนึ่งที่กำลังถูกชายร่างใหญ่ต่อว่า
“ข้าบอกให้เจ้าจ่ายมาให้ครบ! ถ้าไม่มีเงิน ก็ขายข้าวของซะสิ!” ชายร่างใหญ่ตะคอกใส่
มากาเร็ตขมวดคิ้ว เธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ชายร่างใหญ่หันมามองเธออย่างไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นขุนนางที่ดูแลเธออยู่ เขาก็กลืนน้ำลายก่อนจะตอบ “ไม่เกี่ยวกับท่านหรอกพระองค์”
แต่มากาเร็ตไม่ยอมถอย เธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง...
มากาเร็ตยืนมองชายร่างใหญ่และพ่อค้าชราที่ดูเครียดอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง
"ข้าไม่อยากให้ใครต้องลำบากเลยค่ะ ช่วยบอกข้าเถอะว่ามีอะไรเกิดขึ้น" มากาเร็ตยิ้มอ่อนโยน แม้ชายร่างใหญ่จะดูไม่พอใจ แต่ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความจริงใจ ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย
ชายร่างใหญ่กลืนน้ำลาย พลางมองไปรอบๆ เห็นทหารของราชวังยืนอยู่ไม่ไกล เขาจึงยอมเปิดปากบอก
"ข้าผิดหวังกับพ่อค้าผู้นี้... เขาขายสินค้าหมดอายุให้กับคนในตลาดหลายครั้งแล้ว ข้าจึงต้องการให้เขาชดใช้ให้เหมาะสม" เขาบอกด้วยน้ำเสียงกร้าว
"สินค้าหมดอายุ?" มากาเร็ตถามกลับ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "แต่ทำไมท่านถึงเลือกที่จะทำร้ายคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้?"
คำพูดของมากาเร็ตทำให้ชายร่างใหญ่ตกตะลึงไปชั่วครู่ เขามองหน้าเจ้าหญิงแล้วพยักหน้าเบาๆ
"จริงอยู่ที่ข้าอาจจะใช้วิธีที่ผิด... แต่เจ้าคงเข้าใจถึงความจำเป็นของข้าดี" เขาพูดเสียงต่ำก่อนจะหันหลังเดินจากไป
มากาเร็ตหันไปมองพ่อค้าชรา ที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าใจ
"ท่านคงไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใครใช่ไหมคะ?" มากาเร็ตถามอย่างอ่อนโยน
พ่อค้าชราลอบถอนหายใจ
"ไม่... ข้ารู้ว่ามันผิด แต่มันเป็นเพียงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากความไม่รู้ ข้าขอโทษจริงๆ พระองค์"
มากาเร็ตพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปมองทหารที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วบอกให้พวกเขาดูแลพ่อค้าและช่วยเหลือเขาตามสมควร
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปไม่นาน เจ้าหญิงมากาเร็ตก็เดินออกจากตลาดพร้อมพี่ๆ และขุนนางคนอื่นๆ แม้จะยังคงคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เธอไม่ได้รู้สึกว่าวันนี้จะเป็นวันที่ธรรมดา
หลายวันหลังจากนั้น ขณะที่มากาเร็ตกำลังเดินเล่นในสวนของพระราชวัง สายลมเย็นๆ พัดผ่านใบไม้ ราวกับบอกให้เธอรู้ว่า... มีบางสิ่งกำลังรอคอยเธออยู่
และมันจะไม่ใช่แค่การผจญภัยในพระราชวัง แต่เป็นการเดินทางที่อาจพาเธอเข้าไปใน ป่าลึกลับที่ไม่มีใครกล้าเข้าไป
"มากาเร็ต เจ้าจะไม่ไปไหนอีกแล้วใช่ไหม?" เสียงของ เจ้าชายเอ็ดมันด์ ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ
มากาเร็ตหันไปยิ้มให้พี่ชาย "ข้าคงไม่ไปไหนหรอกค่ะ ข้าแค่คิดถึงบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น"
แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกเหมือนมีเสียงเรียกบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ...
...--------------------------------------------...
อะไรบางอย่างในป่าลึกลับกำลังรอเธออยู่...
หลังจากวันนั้นที่มากาเร็ตได้ช่วยเหลือพ่อค้าชราจากการถูกกดดันจากชายร่างใหญ่ ทุกสิ่งดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในพระราชวัง แต่ในใจของมากาเร็ตกลับรู้สึกมีบางสิ่งที่ค้างคา มันเหมือนมีคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวในโลกนี้...
เธอเดินเล่นในสวนหลังพระราชวังตอนเย็น รู้สึกว่าบรรยากาศสงบแต่ก็อ้างว้างเกินไป...
ทันใดนั้นเอง เสียงบางอย่างดังก้องขึ้นในป่าใกล้ๆ ฟังเหมือนเสียงฝีเท้าหลายคู่ วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เธอจะได้ตั้งตัว โจรกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด พวกมันมีท่าทางดุดันและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า
"จับตัวนางไว้!" หนึ่งในโจรตะโกน สัญญาณให้คนอื่นๆ พุ่งเข้ามา
มากาเร็ตพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่โจรทั้งหลายได้จับตัวเธออย่างรวดเร็วและปิดปากเธอ ก่อนจะลากเธอออกจากสวนไปอย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดร้องของเธอดังขึ้นในความมืด แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน
เมื่อมากาเร็ตรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องที่มืดสลัว รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกาย
เธอพยายามลุกขึ้น แต่รู้สึกมึนงงจากการที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อครู่
ห้องนั้นดูเก่าแก่ มีขอบหน้าต่างที่สูงเกินไปที่จะมองออกไปข้างนอก และกำแพงหินที่เย็นจับใจ
ในขณะที่เธอกำลังพยายามหาทางออกจากห้องนั้น เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเดินนอกห้อง
ประตูห้องเปิดออกทันที และชายร่างสูงในชุดดำก็เดินเข้ามา
"ปล่อยข้าไปเถอะค่ะ!" มากาเร็ตร้องขออย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่ยืนมองเธอด้วยสายตาเงียบขรึม จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับและเดินออกไปจากห้อง
หลายชั่วโมงผ่านไป ความมืดที่เข้าครอบงำห้องทำให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนในที่สุด เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่แค่ชายร่างสูงคนเดียว แต่มีชายอีกหลายคนตามเข้ามา
"เจ้าชาย... อสูร" เสียงหนึ่งในพวกเขากระซิบกัน
มากาเร็ตหันขวับไปในทันที ความสงสัยลึกๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เธอไม่รู้ว่าเจ้าชายอสูรคือใคร แต่รู้สึกว่า... นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามที่ยังค้างคาในใจเธอ
—
"เจ้าเป็นใคร?" เสียงทุ้มๆ ของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากมุมมืด
และเมื่อเธอหันไปตามเสียงนั้น... เธอได้พบกับชายผู้สวมชุดคลุมสีดำที่ไม่เปิดเผยใบหน้า
มากาเร็ตรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาอย่างรุนแรงจากเขา...
เจ้าชายอสูร...
--------------------------------------------
มากาเร็ตรู้สึกเหมือนกับหัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อได้ยินคำว่า "เจ้าชายอสูร" เสียงทุ้มของชายในชุดคลุมดำดังก้องในห้องมืดๆ และทำให้บรรยากาศรอบตัวเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและน่ากลัว
เธอกระชับเสื้อคลุมให้แน่นขึ้นและยืนขึ้นตรงๆ แม้จะสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่ความอยากรู้และความสงสัยทำให้เธอยังคงยืนหยัดอยู่
"จับข้ามาทำไม?" มากาเร็ตถามเสียงแข็งทั้งๆ ที่ใจเต้นแรง "เจ้าต้องการอะไรจากข้า?"
ชายคนนั้นไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยืนมองเธอด้วยสายตาที่มืดมนและลึกลับ ขาทั้งสองข้างของเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จนใกล้เธอมากขึ้น
มากาเร็ตไม่ยอมหลบหลีก เธอยืนตรงอย่างมั่นคง แม้ในใจจะหวาดกลัวแค่ไหนก็ตาม
"ทำไมเจ้าถึงจับข้ามาที่นี่? ข้าไม่เคยทำร้ายท่านเลย" เธอพูดอีกครั้ง ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความไม่เข้าใจ
ในที่สุด ชายคนนั้นก็ยกมือขึ้น และกระดุมชุดคลุมสีดำของเขาก็สะท้อนแสงที่เข้ามาจากทางหน้าต่างที่ปิดไว้
"เจ้าไม่ใช่คนแรกที่ถามคำถามนี้" เสียงทุ้มตอบกลับอย่างเยือกเย็น "แต่ข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้าทุกคำถามหรอก"
มากาเร็ตรู้สึกเหมือนจะถูกดูหมิ่น แต่นั่นยิ่งทำให้ความสงสัยในตัวเธอเพิ่มมากขึ้น
"แล้วทำไมต้องลักพาตัวข้า?" เธอถามอีกครั้งเสียงแผ่วลง แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ข้าไม่ควรถูกจับมาอยู่ที่นี่"
ชายร่างสูงในชุดดำหันมามองเธอด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของเธอ
"ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเจ้า" เขาตอบกลับ ทำให้มากาเร็ตรู้สึกสับสน
"แต่... แล้วทำไม? ทำไมต้องเอาข้าไปไว้ที่นี่?" เธอถามอีกครั้ง ความรู้สึกของเธอเต็มไปด้วยคำถามและความไม่เข้าใจ
ชายคนนั้นยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปมองทางออกของห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"บางครั้ง... เราก็ต้องทำสิ่งที่ไม่มีทางเลือก" เขาตอบอย่างมีนัยยะ
เสียงของเขากังวานในห้องจนเกิดความเงียบงัน หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างพยายามหาคำตอบจากการกระทำของเขา
"ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าต้องอยู่ที่นี่" เขาพูดต่อในที่สุด "แต่บางที... อาจจะมีบางสิ่งที่เจ้าต้องรู้ ก่อนที่จะเข้าใจว่าเหตุใดข้าถึงต้องทำแบบนี้"
การตอบกลับของเขาทำให้มากาเร็ตรู้สึกถึงความซับซ้อนในคำพูดและตัวตนของเขา ในขณะที่คำตอบยังคงไม่ชัดเจน เธอยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญ
แต่นั่นก็ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเขาและคำสาปที่เขาพูดถึง... มีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกับชีวิตของเธอที่เธอยังไม่เคยรู้มาก่อน
"ข้าไม่เข้าใจ... แต่ข้าจะถามจนกว่าจะได้คำตอบ" มากาเร็ตกล่าวเสียงแน่วแน่
เจ้าชายอสูรหันมามองเธออีกครั้ง ดวงตาของเขาส่องแสงแปลกๆ ก่อนที่จะกล่าวเสียงต่ำ
"คำถามนั้น... เจ้าจะต้องมีเวลามากพอที่จะหาคำตอบ"
หลังจากเจ้าชายอสูรเดินออกจากห้องไป มากาเร็ตยืนนิ่งอยู่กลางห้องมืดๆ ราวกับทุกสิ่งรอบตัวหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความมึนงงและสับสน ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมเธอถึงถูกจับมาที่นี่ หรือทำไมเธอต้องพบกับชายที่ดูเหมือนจะทั้งโหดร้ายและเย็นชา
แต่ความรู้สึกหนึ่งที่เธอไม่สามารถหลีกหนีได้ คือความ เหงาและหวาดกลัว ที่เข้าครอบงำเธออย่างเต็มตัว
ในค่ำคืนแรกที่ถูกขังในปราสาทเงียบๆ นั้น มากาเร็ตไม่สามารถหลับตาลงได้แม้แต่วินาทีเดียว ความคิดที่เต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยทำให้เธอไม่สามารถหลับได้ แต่ที่ทำให้เธอรู้สึกแย่ที่สุดคือความรู้สึกที่ ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย
น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ล้มตัวนอนลงบนพื้นห้องหนาวๆ และปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนไม่เหลือแรง
ทุกคืนมานี้ มันเป็นเหมือนการปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความโกรธ หรือความเศร้าใจที่ไม่อาจพูดออกไปได้
แต่หลังจากผ่านไปหลายคืน สภาพจิตใจของเธอเริ่มปรับตัว เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บางทีการร้องไห้ในความเงียบเหงานี้อาจช่วยให้เธอรับมือกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ดีขึ้น
มากาเร็ตเริ่มเข้าใจว่า ถึงแม้เธอจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่เธอยังสามารถเลือกที่จะ ปรับตัวและตั้งใจที่จะหาคำตอบ
ในคืนที่ผ่านไปมากมาย เธอจึงเริ่มยืนหยัดขึ้นอย่างเงียบๆ แม้จะยังไม่รู้ว่าทางเดินข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอจะต้อง หาทางออกจากที่นี่ ได้ในที่สุด
และในวันหนึ่ง... อาจมีคำตอบที่ซ่อนอยู่ในความมืดนั้นที่รอการค้นพบ
--------------------------------------------
หลายคืนหลังจากนั้น มากาเร็ตเริ่มปรับตัวให้ชินกับการอยู่ในปราสาทมืดๆ แห่งนี้ ทุกคืนเธอจะนอนบนเตียงขนาดใหญ่ที่ดูสบาย แต่มันกลับไม่ช่วยให้เธอหลับได้ง่ายดายอย่างที่เคยเป็นมาก่อน เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างและความเงียบที่ปกคลุมทั่วทั้งปราสาททำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่เคยอยู่คนเดียว
แล้วในหนึ่งเช้าของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นที่หน้าห้องของเธอ ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เจ้าชายอสูรในชุดคลุมดำที่มองไม่เห็นใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาเดินเข้ามา
"เจ้าพร้อมที่จะออกจากห้องแล้วหรือยัง?" เขาถามเสียงทุ้มที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังรู้สึกอะไร
มากาเร็ตชะงักไปเพียงครู่ เธอยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับการกระทำของเขา แต่ความอยากรู้และความรู้สึกอึดอัดในห้องที่มืดมิดนี้ทำให้เธอตัดสินใจตอบ
"ข้า... ข้าพร้อมที่จะออกไป" เธอพูดตอบกลับอย่างระมัดระวัง
เจ้าชายอสูรมองไปที่เธอครู่หนึ่ง ราวกับเขากำลังตรวจสอบบางสิ่งในตัวเธอ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเชิญให้เธอเดินตามเขา
"ไปกับข้าแล้วเจ้าจะได้เห็นสวนที่ข้าไม่เคยให้ใครเข้าไป" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น แต่ก็แฝงด้วยความลึกลับที่ทำให้มากาเร็ตรู้สึกถึงความท้าทาย
เธอก้าวตามเขาไปเงียบๆ หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย สถานที่ที่เธอถูกขังมานานหลายคืนในที่สุดก็มีบางสิ่งที่ทำให้เธอสามารถออกไปได้
การเดินผ่านทางเดินที่มืดและเงียบสงัดทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลุดออกจากความว่างเปล่าไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อพวกเขาไปถึงประตูใหญ่ที่เปิดออกสู่ สวนแห่งนั้น มากาเร็ตรู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกใหม่
สวนแห่งนี้แตกต่างจากที่เธอเคยเห็น ทุกต้นไม้ที่ปลูกดูสูงใหญ่และมีลักษณะพิเศษ ต้นไม้บางต้นมีสีสันแปลกตา สวนเต็มไปด้วยดอกไม้ที่เบ่งบานและกลิ่นหอมที่อบอวลในอากาศ
"นี่คือสวนของข้า" เจ้าชายอสูรพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอ่อนลงในตอนนี้ เขาหันมามองมากาเร็ตที่ยืนมองสวนแห่งนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"เจ้ามีสิทธิ์ที่จะมาอยู่ที่นี่ทุกเมื่อที่ต้องการ" เขาพูดต่อ และเมื่อเขาหันกลับไปอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม
มากาเร็ตมองไปที่สวนที่เต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับที่นี่และการกระทำของเจ้าชายอสูร แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
"สวนนี้... สวยมากค่ะ" เธอบอกด้วยความซาบซึ้ง
เจ้าชายอสูรไม่ตอบอะไร เขาหันมามองเธอสักพักก่อนจะหันกลับไปเดินไปที่สวนต่อ
มากาเร็ตยืนอยู่ในสวนแห่งนี้ รู้สึกถึงอากาศที่สดชื่น และปล่อยให้จิตใจของเธอได้สงบลงบ้างในท่ามกลางความลึกลับที่ยังคงอยู่
"บางที... อาจจะมีบางสิ่งที่ข้าต้องทำที่นี่" เธอคิดในใจ
เจ้าชายอสูรยังคงเดินไปข้างหน้า ราวกับเขาไม่ได้สนใจมากเกินไปว่ามากาเร็ตจะรู้สึกอย่างไร แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่า... นี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่
--------------------------------------------
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!