สายลมอ่อนโยนและเสียงนกที่บินผ่าน
สายลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้าง ทำให้ผ้าม่านสีขาวปลิวไหวไปตามแรงลม ใบไม้ที่ผลิออกอ่อนสะท้อนแสงแดดยามเที่ยงวัน อากาศในช่วงนี้อบอุ่น ทว่าบางจังหวะก็แฝงไว้ด้วยความเย็นจากลมที่พัดผ่านมา เสียงนกร้องแว่วขึ้น ก่อนจะบินจากไป ทิ้งไว้เพียงเงาของพวกมันที่ทอดผ่านกระจกหน้าต่าง
ชายหนุ่มนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองดูเหล่านกสามตัวที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
"ดีจังเลยนะ... ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบจริงๆ อยู่พร้อมหน้ากัน ทั้งพ่อ ทั้งแม่ และลูก..."
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพลิกตัวฟุบลงบนโต๊ะ
"เฮ้อ... พึ่งจะพักกลางวันเอง ฉันอยากกลับบ้านจริงๆ เมื่อไหร่จะเลิกเรียนกันนะ ชีวิตเด็กม.ปลายน่าเบื่อชะมัด..."
> 'ผมชื่อ คุโรอิ คาโอรินะ เป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสอง ไม่มีเพื่อนมากนัก นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผมชอบอยู่คนเดียวและไม่ชอบออกจากบ้าน เพราะสำหรับผม โรงเรียนก็เหมือนกรงขังที่ทำให้ต้องเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ การมีเพื่อนก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นนัก'
ในขณะที่คุโรอิฟุบอยู่บนโต๊ะ เสียงประตูห้องเรียนก็ถูกเลื่อนเปิดออกอย่างช้าๆ บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบลงทีละนิด สายตาของเพื่อนร่วมชั้นหันไปจับจ้องที่ประตู ราวกับมีใครบางคนที่ไม่ควรปรากฏตัวก้าวเข้ามา
เสียงฝีเท้าของเธอค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าของคุโรอิ
"นี่... พักกลางวันแท้ๆ ไม่ไปหาอะไรกินหน่อยเหรอ? คุโรอิ นอนแบบนี้ไม่เบื่อบ้างเหรอ?"
เสียงหวานเอ่ยขึ้นเบาๆ คุโรอิเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าของเขาสะท้อนเงาของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขาขมวดคิ้ว ใครกัน?
แต่เพียงชั่วครู่ เขาก็ฟุบหน้าลงไปอีกครั้ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย
"การมาโรงเรียนมันน่าเบื่อกว่าการนอนอีกนะ เพราะฉะนั้น การนอนมีประโยชน์กว่าการเรียนตอนนี้ซะอีก แล้วก็นะ... ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ผมจะไปกินข้าวหรือไม่กินมันก็เรื่องของผม..."
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไร นอกจากยิ้มให้บางๆ ก่อนจะพูดทิ้งท้าย
"นายนี่ยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะ โอเค ฉันไม่กวนแล้ว นอนให้สบายนะ"
เธอเดินออกจากห้องเรียนไป ทิ้งไว้เพียงความสงสัยในใจของคุโรอิ
"เธอเป็นใครกันแน่?"
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นจากเพื่อนร่วมชั้น บางคนพูดคุยกันถึงหญิงสาวคนนั้น บางคนหันมาถามคุโรอิด้วยความสงสัย
"นี่ๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็น—"
"ฉันยังไม่อยากพูดตอนนี้ เพราะฉะนั้น อย่ามายุ่งกับฉัน"
สิ้นคำ เพื่อนๆ ต่างพากันแยกย้าย บ้างหันไปคุยเรื่องอื่น บ้างก็ยังเอาเรื่องหญิงสาวมาเม้าท์กันต่อ และบางคนเลือกที่จะนินทาคุโรอิใกล้ๆ ราวกับต้องการให้เขาได้ยิน
'อยากให้ฉันได้ยินสินะ... ช่างเถอะ ฉันไม่ใส่ใจหรอก'
คาบบ่ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อเสียงของอาจารย์ดังขึ้นหน้าห้อง
"เอาล่ะ นักเรียน นั่งที่ คาบนี้เราจะมาเรียนคณิตกันนะ"
คุโรอิที่ยังคงฟุบอยู่กับโต๊ะ ครุ่นคิดถึงหญิงสาวปริศนา แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง หน้าของเธอกลับเบลอไปหมด จนสุดท้าย... เขาก็หลับไป
"วันนี้มันซวยขนาดนี้ได้ยังไง?"
เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น คุโรอิลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเก็บของและเดินออกจากห้องเรียนไปที่ล็อกเกอร์ เขาสวมรองเท้าพร้อมกลับบ้าน
ขณะที่เดินไปตามทางเท้า สายตาของเขาเหลือบเห็นแอ่งน้ำขังบนพื้นถนน
ฟึ่บ!
เสียงล้อรถแล่นผ่านอย่างรวดเร็ว ทำให้หยดน้ำกระเซ็นกระจายเปียกไปทั่วตัวของเขา
"ให้ตายสิ... ทำไมวันนี้มันซวยขนาดนี้นะ?!"
เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง ลมหอบใหญ่พัดผ่าน ทำให้เขาหนาวสั่นไปทั้งตัว
"เห้อ... รีบกลับบ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นหวัดเข้าอีก"
ระหว่างทาง เขาเผลอเหลือบไปเห็นครอบครัวหนึ่งเดินเล่นด้วยกัน ภาพนั้นทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนกระทั่งมาถึงบ้าน
"กลับมาแล้วครับ..."
แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ก่อนจะถอนหายใจออกมาแผ่วเบา
"อีกแล้วสินะ... บ้านทั้งหลังมีแค่เราอยู่คนเดียว แล้วเราจะพูดทำไมกันนะ?"
เขาปิดประตู เดินเข้าไปวางกระเป๋า ก่อนจะตรงไปอาบน้ำ
หลังอาบน้ำเสร็จ คุโรอิเดินขึ้นไปบนห้องนอน เปิดประตูเข้าไป ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามา
'เรา... ลืมปิดประตูกระจกงั้นเหรอ?'
เขาคิดอย่างแปลกใจ ขณะที่เดินไปใกล้ระเบียง ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามแรงลม แสงจันทร์ตกกระทบเข้ากับพื้นห้อง แต่ที่กลางแสงนั้น—
มีเงาของใครบางคนนอนอยู่
คุโรอิหยุดนิ่ง หัวใจเต้นกระหน่ำ หญิงสาวผิวขาวราวหิมะ นอนสงบอยู่ตรงระเบียงบ้านของเขา เส้นผมยาวสีขาวเงินส่องประกายใต้แสงจันทร์
ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยน ดวงตาหลับพริ้ม หูแหลมราวกับเอลฟ์
คุโรอิยืนนิ่ง รู้สึกถึงบางสิ่งที่ไหลเวียนอยู่ในอก
"เธอ... เป็นใครกันแน่?"
สายตาของคุโรอิที่จับจ้องหญิงสาวตรงหน้าฉายแววสับสน แต่ลึกลงไปกว่านั้นกลับเต็มไปด้วยความหลงใหลราวกับว่าโลกอันแสนเงียบเหงาของเขากำลังถูกเติมเต็มโดยการปรากฏตัวของเธอ สายลมเย็นพลิ้วผ่านม่านบางที่ไหวกระทบแสงจันทร์ หญิงสาวที่นอนอยู่ตรงระเบียงขยับตัวเล็กน้อย เปลือกตาของเธอสั่นไหวก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้น ดวงตาสีเขียวมิ้นเป็นประกายสะท้อนแสงราตรี เส้นผมสีเงินของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลม ใบหูแหลมเรียวยาวราวกับหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซี
คุโรอิกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
"นี่เธอเป็นใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ที่ระเบียงบ้านฉันได้? นี่มันชั้นสองนะ"
หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะจ้องมองคุโรอิด้วยแววตาไร้เดียงสา ทำให้เขาไม่อาจรู้สึกโกรธเธอได้เลย
'เธอเป็นใครกันนะ...? ใบหูแหลมเหมือนเอลฟ์ในเกม... หรือว่าเป็นหูปลอม? แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง—'
"นี่เป็นหูจริงของฉันนะ แล้วก็... ฉันไม่รู้ว่า ‘เกม’ ที่นายพูดถึงคืออะไร นายกำลังหมายถึงอะไรกันแน่?"
คุโรอิสะดุ้งสุดตัว ขนลุกวาบไปทั้งแขนจนต้องก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
'เดี๋ยวนะ... เธออ่านใจฉันได้งั้นเหรอ!?'
ความเงียบโรยตัวลงชั่วขณะก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นมาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น...
โครกกก—
คุโรอิชะงัก มองไปที่ต้นเสียง หญิงสาวตรงหน้ากำลังใช้สองมือกุมท้องแน่น ใบหน้าขาวซีดของเธอขึ้นสีแดงเรื่อราวกับกำลังอับอายสุดขีด
คุโรอิที่มองอยู่เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ความกังวลทั้งหมดที่มีต่อเธอพลันมลายหายไป
"เอาล่ะ เรื่องของเธอไว้ค่อยคุยทีหลัง ตอนนี้มากินข้าวกันก่อนเถอะ"
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างลังเล
"จริงเหรอ...?"
"อืม เรื่องความหิวล้อเล่นไม่ได้นะ"
เธอพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตามคุโรอิเข้ามาในห้อง ระหว่างที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป เธอหยุดชะงักเล็กน้อย เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ คุโรอิที่สังเกตเห็นเลยเอ่ยถาม
"ว่าแต่ เธอชื่ออะไรล่ะ?"
หญิงสาวทำตาโต ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"ฉันเหรอ!?"
"ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่มีแค่ฉันกับเธอ จะหันซ้ายหันขวาหาใครอยู่?"
หญิงสาวพยักหน้าแรงๆ สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะประกาศชื่อของตัวเองด้วยเสียงดังฟังชัด
"ทะ...ทาเลีย! ฉันชื่อทาเลียค้าาา!!"
คุโรอิสะดุ้งจนแทบเซ
"เฮ้! เธอตะโกนทำไมเนี่ย!? คนข้างบ้านได้ตื่นมาด่าแน่!"
ทาเลียยกมือขึ้นปิดปากทันที หน้าแดงแจ๋ด้วยความเขินอาย
"ขะ...ขอโทษค่ะ"
คุโรอิถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินนำลงไปชั้นล่าง
"เอาเถอะ งั้นต่อจากนี้ฉันจะเรียกเธอว่า ‘เทียร์’ ก็แล้วกัน ตามมาสิ เดี๋ยวฉันทำอาหารให้"
ภายในห้องครัว เสียงมีดหั่นกระทบเขียงเป็นจังหวะ เสียงน้ำมันที่เดือดพล่านในกระทะลอยคลุ้งไปพร้อมกับกลิ่นหอมที่ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอุ่นขึ้น
ทาเลียนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอจ้องมองคุโรอิที่กำลังทำอาหารด้วยดวงตาเป็นประกาย บางครั้งเธอก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ พลางแกว่งขาไปมาอย่างไร้จุดหมาย
คุโรอิที่กำลังหั่นผักอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นโดยบังเอิญ แล้วสายตาของเขาก็สบเข้ากับสายตาของทาเลียที่กำลังจ้องมองมา
ทาเลียสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีทันที คุโรอิแค่นหัวเราะเบาๆ
"เมื่อกี้เธอแอบมองฉันใช่ไหม?"
ทาเลียหน้าขึ้นสี ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
"มะ...ไม่ได้แอบมองซะหน่อย!"
คุโรอิหัวเราะพลางตักอาหารใส่จาน
"เอาเถอะ อาหารเสร็จแล้ว มานั่งกินสิ"
ทาเลียรีบเดินมานั่งที่โต๊ะทันที พอได้ลองชิมคำแรก เธอก็เบิกตากว้าง
"อร่อยมาก!"
คุโรอิยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
"ก็ดีใจที่ชอบล่ะนะ"
ทาเลียเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
"ว่าแต่นายทำอาหารเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?"
"อืม พ่อบ้านกับเมดเป็นคนสอนให้"
ทาเลียทำหน้าสงสัย
"พ่อบ้าน? เมด? บ้านนายมีเมดด้วยเหรอ?"
คุโรอิพยักหน้า
"ตอนฉันอยู่คฤหาสน์น่ะนะ พอขึ้นม.ปลายก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียว"
ทาเลียถึงกับชะงัก
"เดี๋ยวนะ... คฤหาสน์? นายเป็นคุณชายงั้นเหรอ!?"
คุโรอิยักไหล่ ไม่ตอบอะไร ก่อนจะตักอาหารเข้าปากต่อ
ทาเลียที่กำลังจะพูดอะไรต่อ แต่เผลอพูดไปกินไปพร้อมกัน
"ขอโทษ"
คุโรอิส่ายหน้า
"เธอนี่ไม่มีมารยาทเลยจริงๆ"
ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่คุโรอิก็แอบหัวเราะออกมาเบาๆ...
'แต่ว่าตอนเธอกินก็ดูน่ารักเหมือนกันนะ...'
คุโรอิสะบัดหัวเล็กน้อย ไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
'นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เนี่ย...'
หลังจากทานอาหารเสร็จ คุโรอิเอนตัวพิงพนักโซฟา ถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"กินเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นก่อน เดี๋ยวฉันไปคุยด้วย ขอเก็บจานก่อน"
ทาเลียพยักหน้า ก่อนเดินไปยังโซฟาตัวใหญ่พลางลูบท้องตัวเองเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ ขณะที่คุโรอิหันกลับไปเก็บจาน ชายหนุ่มก็อดคิดกับตัวเองไม่ได้
'ยัยนี่กินมูมมามชะมัด… เฮ้อ เมื่อกี้ฉันเผลอคิดว่าเธอน่ารักได้ยังไงกันนะ?'
แต่ยังไม่ทันที่คุโรอิจะไตร่ตรองความคิดของตัวเองต่อ เสียงหวานใสก็ดังขึ้นมาจากโซฟา
"อาหารที่นายทำมันอร่อยมากเลยนะ ฉันไม่เคยกินอะไรอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!"
คุโรอิยิ้มบาง ๆ กำลังจะกล่าวขอบคุณ แต่แล้วเธอก็พูดต่อด้วยท่าทางไม่พอใจ
"แต่เดี๋ยวนะ… เมื่อกี้นายคิดว่าฉันกินมูมมามงั้นเหรอ?! นิสัยไม่ดีเลยนะ กล้าคิดแบบนั้นกับเด็กผู้หญิงได้ยังไงกัน!"
มือที่กำลังล้างจานของคุโรอิชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มเหลือบมองเธอผ่านบานกระจกเหนือซิงค์ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"นี่เทียร์… การชมว่าอาหารอร่อยมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เธอกินให้มีมารยาทหน่อยจะดีกว่าไหม? และอีกอย่าง—ทำไมเธอถึงรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย?"
ทาเลียที่ได้ยินแบบนั้นกลับไม่ตอบ เธอเพียงแค่พองแก้มเล็กน้อยอย่างงอน ๆ ทำให้คุโรอิถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง
"นี่เธอทำหน้าอะไรของเธอเนี่ย…"
คุโรอิพึมพำ พลางหลุดหัวเราะเบา ๆ
หญิงสาวยังคงนั่งกอดอก ก่อนเปลี่ยนเรื่องสนทนาไปอย่างแนบเนียน
"ว่าแต่นายเคยอยู่คฤหาสน์ แถมยังมีพ่อบ้านกับเมดคอยรับใช้… หมายความว่านายรวยมากเลยใช่ไหม?"
คุโรอิที่กำลังล้างจานอยู่ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว
"นี่เธอ… ฟังที่ฉันพูดบ้างได้ไหมห๊ะ!?"
หลังจากล้างจานเสร็จ คุโรอิเดินมานั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เธอ แขนยาวของเขาไขว้กันพลางเอนตัวพิงพนัก
"…ใช่ ฉันรวยมาก ฉันเกิดมาในตระกูลที่มีทั้งอำนาจและเงินทอง แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุขเลย"
ทาเลียเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยถาม
"ทำไมล่ะ? ชีวิตแบบนั้นดูจะดีออกนะ?"
คุโรอิยิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
"พ่อกับแม่ฉันถูกบังคับให้แต่งงานเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน พวกเขาก็เมาหนักและ…เผลอพลั้งพลาดไป พอฉันเกิดมาได้ไม่นาน แม่ก็ย้ายไปอยู่ที่เกาหลีใต้ ส่วนพ่อก็ไปอเมริกา ทิ้งฉันไว้ในคฤหาสน์ให้พ่อบ้านกับเมดดูแล"
ทาเลียชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวมิ้นเต็มไปด้วยความสงสาร เธอกำมือแน่น ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหลังมือของเขาเบา ๆ
"…ถ้ามันลำบากใจ นายไม่ต้องเล่าก็ได้นะ"
คุโรอิเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูเป็นห่วงเขาจริง ๆ ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"ไม่เป็นไรหรอก… หลังจากขึ้นม.ปลาย ฉันใช้เงินที่พวกเขาส่งมาให้เดือนละสิบล้านเยน ซื้อบ้านหลังนี้และย้ายมาอยู่คนเดียว—แค่นั้นแหละ"
บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ทาเลียจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"ท่านพ่อกับท่านแม่ของนายเป็นคนที่แย่ที่สุดเลย! กล้าทิ้งลูกตัวเองแบบนั้นได้ยังไงกัน นิสัยเสียชะมัด! ถ้าเจอฉันจะจับกินให้หมดเลย!"
คำพูดของทาเลียทำให้คุโรอิที่เคยเคร่งขรึมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
"ฮะฮ่า…"
ทาเลียหันขวับมามองเขา
"นี่นายขำอะไร?!"
"ก็เธอบอกว่าจะ ‘กิน’ พ่อกับแม่ฉันเนี่ยสิ… ฮะ ๆ นี่เธอเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย?"
ทาเลียสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ
"ฉัน…ข้ามมิติมานะ"
คุโรอิยังคงมองเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ ไม่ได้แสดงความแปลกใจหรือไม่เชื่อแม้แต่น้อย ทำให้ทาเลียยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้น
'หรือว่าเขาจะคิดว่าฉันบ้า…?'
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะคิดอะไรไปมากกว่านั้น คุโรอิก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"เธอไม่พูดต่อแล้วเหรอ? ฉันยังรอฟังเหตุผลที่เธอมาอยู่ที่ระเบียงบ้านชั้นสองของฉันอยู่นะ"
ทาเลียกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ก่อนจะก้มหน้าลงและกล่าวต่อ
"ท่านแม่ของฉันเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่ไร้ความปรานี วันหนึ่งฉันบังเอิญได้ยินว่าท่านจะเข้าไปแทรกแซงเส้นโลก ฉันรู้สึกได้เลยว่ามันต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ ๆ ฉันเลยขัดขวางด้วยการทำลายมิติฝั่งนั้น—แต่สุดท้ายฉันกลับข้ามมาฝั่งนี้แทน… และฉันก็ไม่รู้วิธีกลับ"
เมื่อเธอเล่าจบ ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาจริงจัง
"ฉันพูดความจริงนะ… ฉันไม่ได้โกหก…"
คุโรอิถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
"งั้นก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ"
ทาเลียเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
"ได้เลย…"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!